ตอนที่ 1163 สงครามเทพ เริ่มการทำลายล้าง
ปราณกระบี่ที่ห้าหวงหลงหยวนทำให้เย่ว์หยางมีความสุข
กระบี่หวงหลงหยวนที่แสดงออกมาครั้งแรกนั้นในเวลานั้นมันยังไม่ทรงพลังเท่ากับในปัจจุบันและไม่สามารถควบคุมได้แต่ปล่อยออกมาโดยไม่ตั้งใจ
แต่นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะใช้พลังนั่นช่วยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแผดเผาดาบเทพจักรพรรดิอวี้ที่ยากจะเปลี่ยนแปลงได้กลายเป็นดาบเทพพยัคฆราชตอนนี้หลังจากเทพธิดากระบี่ฟ้ามาให้กำลังใจเขาเย่ว์หยางจึงปล่อยปราณกระบี่หวงหลงหยวนที่แท้จริงได้แน่นอนว่าปราณกระบี่หวงหลงหยวนทำให้เขาทึ่งอีกครั้งแค่เพียงกระบี่เดียวก็กลืนกินดินแดนลับเทพสังหารได้ สร้างเกล็ดมังกรพิรุณได้
หลังจากเชี่ยวชาญกระบี่นี้เย่ว์หยางสามารถท้าทายเทพเทียมมันสามารถใช้โจมตีและฆ่าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อย่างจีอู๋ลี่ได้
เขามั่นใจมากขึ้น
รอจนเขานอนพักผ่อนอย่างดีในโลกคัมภีร์ เย่ว์หยางพบว่าเขาอยู่ในสภาพซึมเซามาได้ระยะหนึ่งมีสัญญาณของการยกระดับอย่างเลือนราง ตราบใดที่มีโอกาสอีกครั้งหรือการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เขาอาจบรรลุระดับใหม่ทั้งหมดอีกครั้ง การพัฒนาก้าวหน้าของเย่ว์หยางนั้นรวดเร็วอย่างมิต้องสงสัย โดยเฉพาะในช่วงแรก อย่างไรก็ตามด้วยการเติบโตของทักษะและขอบเขตในแต่ละระดับในชั้นสูงๆบรรลุผ่านได้ยากมากกว่าระดับชั้นล่างๆ ความเร็วในการฝึกฝนของเย่ว์หยางไม่ได้ลดลง แต่ยิ่งระดับสูงขึ้นมากเท่าไหร่ความก้าวหน้ายิ่งช้าลงเท่านั้น นี่คือการยืนยัน
ตอนนี้ปราณกระบี่ที่ห้ากระบี่หวงหลงหยวนฝึกได้สำเร็จก้าวหน้าจะไม่ทำให้เย่ว์หยางมีความสุขใจได้อย่างไร?
ครึ่งเดือนต่อมาเมื่อเย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเตรียมพร้อมทุกอย่าง
พวกเขาออกจากดินแดนลับเทพสังหารอย่างเป็นทางการ
มุ่งสู่ป้อมพายุอาณาจักรเทพบูรพาตามที่นัดหมายก่อนนี้กับจอมพลฟงเอ๋อจอมพลกริฟฟิน แม่ทัพอินทรีทองรวมทั้งพยัคฆ์บิน อินทรีป่า ฟลามิงโกและคนอื่นๆสงครามเทพแห่งขุนเขาเหนือขุนเขาไม่ว่าจะดำเนินไปถึงจุดไหนก็ตามเย่ว์หยางไม่ยอมพลาดแน่...เมืองต้งถู่
เย่ว์หยางรีบออกจากดินแดนลับเทพสังหารมุ่งหน้าสู้อาณาจักรเทพบูรพาระหว่างทางขณะผ่านไปทางชายแดนอาณาจักรเทพอีสาน เขาพบว่าเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีนักรบประเภททหารรับจ้างรวมตัวอยู่เป็นจำนวนมาก นักรบส่วนใหญ่แบกสัมภาระและอาวุธ อาณาจักรเทพอีสานเตรียมกองทัพใหญ่ที่ทรงพลังไว้ที่เมืองต้งถู่
เทพอีสานตัดสินใจเข้าร่วมกับค่ายตะวันออกหรือ?” เย่ว์หยางต้องการบิน
หลังจากคิดครู่หนึ่งเขาตัดสินใจดูต่อ
สำรวจดูสถานการณ์ปัจจุบัน
เขาปลอมตัวเป็นนักรบที่ทำงานกับอาณาจักรอีสานตอนแรกเขาเดินหากลุ่มช้าๆและเปลี่ยนไปเข้ากลุ่มทหารรับจ้างธรรมดาที่มีชุดเสื้อผ้าธรรมดาจากนั้นเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่มีคนห้าคน และถามสถานการณ์
เรื่องทักษะแสดงละครหลอกผู้คนไม่มีใครเทียบได้กับเด็กหนุ่มจากโลกอื่นทักษะระดับรางวัลตุ๊กตาทอง เขาแกล้งทำเป็นมือใหม่ที่ไม่รู้อะไร “พี่ชายทั้งหลาย รอข้าด้วย!”
ก่อนที่เขาจะเอ่ยปากอธิบายสถานการณ์คนร่างใหญ่เหมือนโคถึงหัวเราะลั่น “ดูสิ, มาอีกคนแล้ว!”
เย่ว์หยางแสร้งทำสีหน้าละอายใจ แต่ไม่ยอมรับ เขาปาดเหงื่อ“ข้าไม่ใช่ทหารหนีทัพ ข้าแค่รั้งอยู่หลังเท่านั้น!”
“รั้งอยู่หลัง? ข้ออ้างใช้ได้ ฮ่าฮ่าฮ่า นี่เป็นข้อแก้ตัวที่ดีที่สุดที่ข้าได้ยินในวันนี้” บุรุษร่างใหญ่ ผิวดำ วัยกลางคนหัวเราะขณะกล่าว
“เรื่องนี้ไม่อาจตำหนิพวกเขาได้ เทพสงครามไม่ใช่ว่าเด็กหน้าใหม่เหล่านี้จะเอาไปรับมือได้ไม่กลัวจนฉี่ราดหรือหนีไปซ่อนตัวในอ้อมอกพ่อแม่ก็นับว่าไม่เลวแล้ว” ในกลุ่มคนห้าคนปรากฏมีหัวหน้าหมู่รูปร่างใหญ่แข็งแรงเข้ามาตบไหล่ให้กำลังใจเย่ว์หยางแล้วพูดกับสหาย “แม้ว่าเจ้าหนูนี่ยังเป็นทหารอายุน้อย แต่ก็ไม่เลว อย่างน้อยปีนเขาข้ามแม่น้ำไกลถึงห้าร้อยลี้มาถึงเมืองต้งถู่นี่ได้ทหารหนีทัพธรรมดาไม่สามารถทำตรงนี้ได้!”
“แต่เขาสูญเสียสัมภาระไป...คาดว่าการโจมตีระหว่างทางนั้นคงจะน่ากลัวและสูญเสียสัมภาระไปหมด เฮ้.. เด็กน้อยเจ้าไม่ทราบหรือว่าในสนามรบ อาวุธคือชีวิตของเจ้า?” บุรุษร่างกำยำแข็งแรงถลึงตามองเย่ว์หยาง
“ในสนามรบต้องใช้อาวุธ ข้าคงเก็บได้สักชิ้นเมื่อเวลามาถึง” เย่ว์หยางกล่าวว่าไม่สำคัญ
“แล้วเจ้าจะแก้ปัญหาเรื่องกินเรื่องดื่มยังไง?” บุรุษผิวดำหันมาถาม
“อาณาจักรบูรพาน่าจะมี” เย่ว์หยางกางมือ
“อืม..เป็นความคิดที่ไม่เลว” บุรุษร่างเตี้ยแข็งแรงในกลุ่มพยักหน้า “แต่ข้าคิดว่าในสนามรบมีสัมภาระเป็นของตนเองจะดีกว่า เราเป็นเพียงกำลังเสริมธรรมดา เจ้าคงไม่คิดว่าทหารอาณาจักรเทพบูรพาคงจะเลี้ยงดูปูเสื่อเจ้าต้องรู้จักดูแลพึ่งพาตนเอง!”
“ให้ถึงเมืองต้งถู่ก่อนค่อยตั้งหลักกัน เราจะจัดการให้เขา” หัวหน้าหมู่ตัดสินใจดูแลเย่ว์หยางชั่วคราว
“ทหารเด็กหน้าอ่อนอย่างเขาอยู่ในสนามรบได้ไม่ถึงนาทีก็จะถูกฆ่าตาย...” ในกลุ่มห้าคนนี้บุรุษหนุ่มที่ดูไม่ธรรมดาแค่นเสียงเยาะเย้ย
“ฮะฮะ เจ้าอิจฉาสินะ!” บุรุษผิวดำพูดอย่างไม่เกรงใจว่าเขากำลังอิจฉาเย่ว์หยาง
อันที่จริงบุรุษหนุ่มที่ไม่ธรรมดานี้เมื่อยืนอยู่ในฝูงคนธรรมดาก็เหมือนนกกระเรียนท่ามกลางไก่ เขาโดดเด่นกว่าคนอื่นแต่เมื่อมายืนเทียบกับเย่ว์หยางที่หล่อจนสาวๆ ต้องกลั้นหายใจถือว่าเป็นชะตากรรมที่น่าโศกเศร้าจริงๆ มิอาจเทียบกันได้เลย
หลังจากสนุกสนานแล้วทุกคนเริ่มไปตามกองพลน้อย
เย่ว์หยางเข้ากลุ่มได้สำเร็จ
เขาพบข้อมูลว่า
ปรากฏว่าเทพอีสานไม่ได้ถูกโน้มน้าวชักชวนจากค่ายตะวันออกหรือค่ายตะวันตก เทพอีสานชิงหวินประกาศตัวเป็นกลางไม่เข้าร่วมกับฝ่ายค่ายใดทั้งนั้น อย่างไรก็ตามเทพอีสานชิงหวินแม้จะประกาศวางตัวเป็นกลางแต่แม่ทัพนายกองและทหารที่เป็นบริวารสามารถรบได้อย่างอิสระตามความประสงค์ของตนเองโดยเป็นทหารรับจ้างหรือนักรบอิสระเข้าร่วมกับค่ายตะวันออกหรือตะวันตกฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการรบได้
ยกเว้นแต่ทหารที่ประจำในอาณาจักรเทพอีสานจำนวนเล็กน้อยถูกผลประโยชน์และญาติมิตรสหายล่อลวงต่างไปยังค่ายตะวันตก
ทหารและขุนศึกส่วนใหญ่ของอาณาจักรอีสานชอบค่ายตะวันออก
ยกเว้นที่เหลืออยู่ด้วยความจำเป็น
ทหารประจำอาณาจักรเทพอีสานประมาณ 60%เดินทางแบกสัมภาระอาวุธยุทโธปกรณ์ของพวกเขามุ่งหน้าสู่อาณาจักรเทพบูรพาเป็นกลุ่มเตรียมใช้ชื่อทหารรับจ้างพเนจรช่วยอาณาจักรเทพบูรพาทำสงครามกับอาณาจักรเทพประจิม
เพราะมีการลอบโจมตีจากทหารค่ายตะวันตกมาตลอดทาง ทำให้ทหารหนุ่มผู้ขาดประสบการณ์ในสนามรบหรือเป็นทหารที่ตื่นกลัวต้องตายไปอย่างน่าอนาถ
มีแต่ทหารผ่านศึกที่มีประสบการณ์มากสามารถมาถึงเมืองต้งถู่เมืองชายแดนอาณาจักรเทพบูรพาได้อย่างราบรื่น
ทหารมือเปล่าอย่างเย่ว์หยางถือว่าไร้เดียงสามาก
ส่วนใหญ่เป็นทหารอิสระอย่างน้อยก็เป็นพวกที่แยกออกมาจากกองทัพ.. “เจ้ารีบติดตามมาให้ดีเราจะต้องไปถึงเมืองต้งถู่ให้เร็วการต่อสู้อย่างเป็นทางการที่แท้จริงจะอยู่ที่นั่น การสู้รบจะเริ่มต้นอย่างเป็นทางการทุกอย่าง พร้อมจิตวิญญาณนักสู้เราคือลูกหลานจากอาณาจักรเทพอีสาน จะไม่ยอมให้บรรพบุรุษของเราต้องเสียหน้าใครบังอาจมืออ่อนเท้าอ่อน ขลาดเขลากลัวตายไม่อยากถูกศัตรูฆ่าข้าจะดับชีวิตผู้นั้นด้วยมือตัวเอง อีกอย่างหนึ่งเจ้าจำเอาไว้ เราไม่ใช่กองทัพและไม่ใช่ตัวแทนของอาณาจักรเทพอีสานเราเป็นทหารรับจ้างอิสระพเนจร ไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับเทพชิงหวิน! เราไม่ได้ทำตามความต้องการของเขา เราทำตามธรรมชาติพิทักษ์ความเป็นธรรม และต้องการแสดงออกถึงความกล้าหาญเข้าใจไหม?” มีขุนศึกที่มีพลังระดับเทวทูตบินอยู่บนท้องฟ้าคอยเตือนทหารแห่งอาณาจักรเทพอีสานให้ตื่นตัว ในขณะเดียวกันก็ลาดตระเวนปกป้องทหารผ่านศึกที่มาถึงที่นี่ไม่ปล่อยให้กลุ่มนักฆ่าลับของค่ายตะวันตกลงมือประสบผล
“รับทราบ,ใต้เท้าจ้งซือ!” ทหารที่รู้ว่าเป็นแม่ทัพท่านนี้ขานรับเสียงดัง
แม้ว่าจะไม่ได้รับสมัครแต่ความจริงแล้วนี่แทบจะเป็นการส่งทหารเข้ารบอย่างเป็นทางการ
มีเพียงสิ่งเดียวที่แตกต่างคือทหารเหล่านี้จะได้รับเกียรติยศหลังสงครามโดยไม่คำนึงว่าจะพ่ายแพ้หรือชนะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับการประกาศวางตัวเป็นกลางของอาณาจักรเทพอีสาน
ขณะที่กำลังจะเข้าสู่เมืองต้งถู่มีวัตถุคล้ายอุกกาบาตหลายสิบลูกในท้องฟ้ามีหางเป็นลูกไฟยาวถล่มโจมตี... อุกกาบาตหลายลูกถูกแม่ทัพจ้งซือปัดป้องกันได้ แต่ก็มีหลายลูกฝ่าแนวป้องกันได้สำเร็จและกระแทกพื้น ทหารจากอาณาจักรเทพอีสานที่อยู่ในแนวระเบิดพบกับความตายที่น่าสยดสยอง
ข้างหน้าไม่ไกลจากเย่ว์หยางก็โดนดาวหางโจมตี
แรงระเบิดกวาดทหารปลิวโดยตรง
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางช่วยห้าคนในกลุ่มอย่างลับๆ คาดว่าอย่างน้อยสองคนจะต้องตายเพราะแรงระเบิด
แม้ว่าเด็กหนุ่มจากโลกอื่นจะไม่สามารถดูแลพวกเขาได้ แต่ในตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะให้เขานั่งเฉยโดยไม่ทำอะไรส่วนเศษอุกกาบาตที่กระเด็นอยู่ทั่วท้องฟ้าผงคลีฟุ้งกระเด็นไปทั่ว บุรุษร่างดำและบุรุษร่างใหญ่ที่ไม่ทันตอบสนองรอดชีวิตอย่างโชคดี
“ข้าศึก, ข้าศึกโจมตี!” แม่ทัพชื่อจ้งซือคำรามลั่นสั่งทหารไม่ให้ตระหนกและให้ใส่ใจสร้างแนวป้องกันข้าศึกศัตรู
“พวกเจ้าทุกคนต้องตาย!”
แต่ศัตรูจากค่ายตะวันตกมีขุนพลแม่ทัพหลายนายรุกหน้าโจมตี
ทั้งยังนำทหารค่ายตะวันตกมาดักซุ่มโจมตอยู่ที่นี่ เย่ว์หยางพบว่าแม้ทหารค่ายตะวันตกเหล่านี้ก็ยังไม่ถือว่าเป็นทหารระดับฝีมือดี แต่ไม่ใช่สวะที่ไร้กำลังรบ และในแง่ของจำนวนก็มีข้อได้เปรียบอย่างมากเหนือกว่าเมื่อเทียบกองกำลังป้องกันอาณาจักรบูรพา และกำลังเสริมจากอาณาจักรเทพอีสานทหารค่ายตะวันตกเต็มไปทั้งภูเขาและที่รอบมองดูเหมือนมด... แม่ทัพจ้งซือและคนอื่นๆทำการโต้ตอบทันที
เขายกหินขนาดเนินเขา
และขว้างใส่ศัตรูไม่หยุด ทำให้ศัตรูครั่นคร้ามหวาดกลัวเรียกเสียงปรบมือและเพิ่มกำลังใจอย่างมากมาย
ขุนพลสู้กับขุนพล ทหารเลวสู้กับทหารเลว ขณะที่กำลังเสริมจากอาณาจักรเทพอีสานยังไม่ทันมีเวลาได้เข้าเมืองต้งถู่ที่กำแพงเมืองซึ่งจะได้รับการคุ้มครองจากทหารประจำเมืองทหารจากค่ายตะวันตกรายล้อมพวกเขาไว้หนาแน่นตัดกำลังการช่วยเหลือจากเมืองต้งถู่และแบ่งกำลังโจมตีจนจบ
ในท้องฟ้าจ้งซือถูกสกัดกั้นโดยขุนพลจากค่ายตะวันตกและเปิดฉากสู้กันอย่างดุเดือด
แผนสกัดกั้นของค่ายตะวันตกเกือบสำเร็จสมบูรณ์
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางบังเอิญอยู่ในกองกำลังเสริมอิสระของอาณาจักรเทพอีสานที่จะต้องถูกกวาดล้างพร้อมกับเมืองต้งถู่ในรวดเดียว
แต่พอมีเย่ว์หยางเป็นตัวแปรสำคัญ พวกเขามักจะโจมตีสะดุดและผิดพลาดอยู่เสมอ ขุนศึกค่ายตะวันตกบางคนมีกำลังค่อนข้างสูงกว่าค่ายตะวันออก ในขณะที่เขาโจมตีเขาไม่สามารถเอาชนะจ้งซือและคนอื่นๆ ได้อย่างคาดไม่ถึงยกเว้นบางคนที่หลบหนีไปได้ หลายคนถูกสังหารหรือเล่นงานอย่างหนักแม้แต่จ้งซื้อยังรู้สึกคาดไม่ถึง
แน่นอนว่าไม่มีใครรู้เหตุผลที่แท้จริงของเหตุการณ์เหลือเชื่อทั้งหมดนี้
นั่นคือพฤติกรรมซ่อนเร้นของเย่ว์หยางที่แฝงอยู่ในกลุ่มทหารธรรมดา
โชคดีและได้ชัยชนะ
มาพร้อมกับกำลังเสริมอิสระที่ไม่น่ากลัวเหล่านี้
ห้าวันต่อมาขุนพลจ้งซือรบชนะสิบครั้งต่อเนื่อง เขาทำได้ดีในสนามรบในขณะที่พวกเทพค่ายตะวันตกกำลังจับตามอง