ตอนที่ 1159 ดินแดนลับเทพสังหาร
ขณะยังไกลจากอาณาจักรลับเทพสังหารเมื่อผ่านชายแดนอาณาจักรเทพอาคเนย์ กาดำได้ทราบข่าวที่น่าตกใจ
อาณาจักรประจิมประกาศสงครามกับอาณาจักรบูรพา
ช่วงเวลาหมื่นปีที่ผ่านมาแปดอาณาจักรเทพได้ลงนามสนธิสัญญาสันติภาพและตอนนี้อาณาจักรเทพประจิมฉีกสัญญาและแยกตัวออกไป เหตุผลที่เทพประจิมเฮยโจ้วประกาศสงครามเขาปรึกษาถึงการแต่งงานกับธิดาคนเล็กที่เทพบูรพาซื่อเสินรักและถนอมมากที่สุดแต่กลับถูกเทพบูรพาซื่อเสินปฏิเสธว่า ‘นางอยากแต่งงานกับมนุษย์มากกว่าเจ้างี่เง่าเฮยโจ้ว’ เทพประจิมไม่อาจรับความขายหน้าได้ ดังนั้นเทพประจิมเฮยโจ้วใช้อำนาจและสิทธิ์เทพด้วยความโมโหเพื่อจะรบกับเทพบูรพาซื่อเสินเทพประจิมส่งกองทัพออกไปเพื่อบีบบังคับให้มีการแต่งงานให้ได้... ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ทำให้ทุกคนขมขื่น
เฮยโจ้วอายุเท่าใดแล้ว?
แปดเทพมีอายุเป็นหมื่นปี ไม่มีการแก่ตาย
ที่จริงแล้วธิดาคนเล็กที่เฮยโจ้วต้องการแต่งงานด้วยนั้นเป็นทาริกาน้อยสามขวบ!
โคแก่ที่คิดจะกินหญ้าอ่อนแบบนี้ อย่าว่าแต่ซื่อเสินแลยเปลี่ยนเป็นบิดาคนอื่นคงไม่เห็นด้วยกับการสู่ขอที่งี่เง่าเช่นนี้... แน่นอนว่าแม้แต่คนโง่ก็คิดออกว่าเฮยโจ้วไม่ได้ต้องการแต่งงานกับเด็กหญิงที่ยังไม่หย่านมแต่หาข้ออ้างประกาศสงคราม
อย่างไรก็ตาม ถ้าเขาต้องการหาข้ออ้างประกาศสงคราม เขาควรหาเหตุผลที่สมควรกว่านี้หรือไม่?
มีหรือซื่อเสินจะไม่อารมณ์เสีย?
สำหรับเฮยโจ้วที่กล่าวอ้างว่าเทพผู้มีอำนาจไม่อาจมีมลทินและความผิดได้เป็นเรื่องน่าตลกยิ่งกว่า เมื่อซื่อเสินบอกว่าทุกคนไม่รู้ แต่เขาก็เป็นเทพผู้สูงส่งไม่ใช่มนุษย์ด้วยเช่นกัน เฮยโจ้วเทพประจิมอยู่หน้าประตูของซื่อเสินยังกล้าใช้อำนาจเทพหรือ? นี่มากเกินไปหรือเปล่า! สำหรับกองทัพทั้งหมดที่จะโจมตีอาณาจักรเทพบูรพาอย่างนี้ไม่ใช่การสู่ขอแต่งงาน แต่เป็นการรุกราน!
“อาณาจักรเทพประจิมเริ่มเร็วขนาดนั้นเชียวหรือ?” พยัคฆ์บินและอินทรีป่า เมื่อได้ทราบข่าวก็รู้สึกได้ทันที
“ดูเหมือนว่าทุกอย่างเป็นแผนการทั้งนั้นรวมทั้งปล้นยานกระทุงและการกลับมาของจีอู๋ลี่ ข้ออ้างของเฮยโจ้วส่งกองทัพเข้ารุกรานก็เป็นหนึ่งในแผนนั้น” ฟลามิงโกเข้ามาสมทบและหลังจากได้ยินข่าวเขาหยิบยกความคิดเห็นของตนเองขึ้นแสดง
“ตอนนี้เราควรจะทำอย่างไร?” กาดำมองเย่ว์หยาง
“การประกาศสงครามโดยอาณาจักรเทพประจิมก็หมายความว่าค่ายตะวันตกทั้งหมดประกาศสงครามกับค่ายตะวันออก” หลังจากคิดชั่วเวลาหนึ่งเย่ว์หยางได้ตัดสินใจ “ทุกคน! ไปยังสถานที่นัดหมายกันก่อน แม้ว่ายังไม่ถึงเวลาแต่โปรดติดต่อจอมพลกริฟฟินและจอมพลฟงเอ๋อโดยเร็วที่สุด หากเจ้าไม่สามารถติดต่อได้ให้ไปที่อาณาจักรเทพบูรพาโดยตรง ข้าคิดว่าศูนย์กลางของสงครามนี้จะต้องอยู่ในอาณาจักรเทพบูรพาอาณาจักรเทพอาคเนย์ และอาณาจักรเทพทักษิณ แม้ว่าจะมีสงคราม ก็จะไม่ใช่อาณาจักรทางค่ายตะวันตก เพราะนั่นไม่ใช่จุดสนใจของการโจมตีของเหล่าทวยเทพแห่งค่ายตะวันตก!”
“แล้วเจ้าจะไปไหน? เจ้าจะแยกจากไปหรือ?” เจ้ากระทุงรีบถาม
“ข้ามีเรื่องบางอย่างต้องไปทำ ข้าต้องไปที่อาณาจักรลับเทพสังหารเพื่อตรวจสอบ....เทพเฮยโจ้วกับเทพซื่อเสินยังคงไม่สู้กันในช่วงเวลาหนึ่งสงครามของกองทัพยังไม่เท่ากับการต่อสู้ของเหล่าเทพ หลังจากฆ่าชี่เฉียว เทพอาคเนย์และตัดกำลังพันธมิตรที่ทรงพลังทั้งสองของเทพซื่อเสินก่อน เฮยโจ้วจะไม่สู้อย่างหนักกับซื่อเสิน!” เย่ว์หยางยังไม่รีบ
“ก็ได้เราจะทำตามแผนที่วางไว้ ถ้าเราไม่สามารถทำตามแผนได้ เราจะไปที่ป้อมพายุแห่งอาณาจักรเทพบูรพา” หลังจากแลกเปลี่ยนความคิดเห็นแล้วพยัคฆ์บินและอินทรีป่าตัดสินใจทันที
“ก่อนข้าจะจากไป ข้าอยากจะเตือนทุกคน” เย่ว์หยางมองทุกคนอย่างเคร่งขรึม “เล่ห์เหลี่ยมของจีอู๋ลี่และแผนดำเนินการของเขาไม่ใช่สิ่งที่พวกเจ้าสามารถจินตนาการได้อย่างแน่นอนการต่อสู้ของเราบนยานอาจจะถูกกู้ไห่และหมื่นปีศาจและส่งข้อมูลให้เฮยโจ้วและจีอู๋ลี่ที่อยู่ใกล้กันก็ได้ ข้าไม่อาจบอกได้ว่าพวกเขาจะตอบโต้แก้แค้นแบบไหน แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือศัตรูจะเข้ามาในกลุ่มของเราให้มากที่สุดเพื่อลดความระมัดระวังของพวกเราและทำการทรยศในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด เฮยโจ้วข้าไม่รู้แต่จีอู๋ลี่เก่งในการเปลี่ยนแปลงและสามารถเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ต่างๆได้อย่างสมบูรณ์แบบ และอย่างน้อยเขามีอสูรศึกร่างมนุษย์ที่รู้วิธีลบความทรงจำ หากพวกเจ้าสูญเสียความทรงจำพวกเจ้าจะต้องตื่นตัว นอกจากนี้หลังจากที่ข้าจากไป และพวกเจ้าเห็นข้าอีกครั้งเว้นแต่ข้ามอบเงายักษ์ให้พวกเจ้า มิฉะนั้นนั่นคือตัวปลอม!”
“เข้าใจแล้ว”คำเตือนของเย่ว์หยาง ทำให้พวกพยัคฆ์บินถึงกับหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
ถ้าจีอู๋ลี่รู้วิธีเปลี่ยนรูปลักษณ์เป็นคนอื่น
ทั้งยังกำจัดความทรงจำได้ดี
นั่นเป็นปัญหาลำบากใจจริงๆ
หากเขามองไม่เห็น เขาถูกเก็บไว้ในที่มืด แม้ว่าเห็นเขาก็จะถูกลบความทรงจำ.. จีอู๋ลี่คนนี้ไร้ที่ติ! ตอนนี้เขาได้แต่หวังว่าเขาไม่ต้องคอยจ้องดูพวกกุ้งน้อยเหล่านี้มิฉะนั้นทุกคนคงไม่สามารถรับมือเขาได้
หลังจากเย่ว์หยางจากไปแล้ว พยัคฆ์บินอินทรีป่าและฟลามิงโกหลังจากพูดคุยซ้ำแล้วซ้ำเล่า รู้สึกว่ามาตรการป้องกันที่ดีที่สุดก็คือการกระทำของกลุ่ม
บุรุษผู้ติดตามข้างล่างไม่ต้องพูดถึงหัวหน้าหลายคนต้องทำหน้าที่ร่วมกัน
อย่าปล่อยให้ศัตรูมีโอกาสรุกราน
จีอู๋ลี่จะจับตามองปลาเล็กปลาน้อยเหล่านี้หรือไม่ เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้าหาค่ายตะวันออกด้วยวิธีนี้ โจรดวงดาวไม่คุ้นเคยกับทุกคนในค่ายตะวันออก แต่พวกเขาเข้าร่วมกองกำลังเพื่อต่อสู้กับศัตรู การใช้สถานะของโจรดวงดาวจะเป็นทางลัดเข้าสู่ค่ายตะวันออกหากไม่มีความเป็นไปได้เช่นนั้น เย่ว์หยางคงจะไม่บอกพยัคฆ์บินอย่างจริงจังว่าพวกเขาต้องป้องกันการรุกรานจากภายใน
อาณาจักรลับเทพสังหาร
เย่ว์หยางตรงไปยังเป้าหมายนี้ด้วยการเทเลพอร์ตเต็มกำลังเขาใช้เวลาสองวันก็มาถึงอาณาจักรลับในตำนาน
ถ้าไม่มีแผนที่จากโจรดวงดาวก่อนหน้านั้นและแผนเดินเรือยานกระทุงเย่ว์หยางคงต้องใช้เวลานานขึ้นสิบเท่าและยังไม่เข้าถึงสถานที่ห่างไกลอย่างนี้ได้เลยการบอกว่าเป็นดินแดนลับนับว่าไม่ผิดเลย
ดินแดนลับเทพสังหารไม่ใช่พื้นที่บนพื้นขุนเขาเหนือขุนเขา
แต่เหมือนกับเป็นดาวขนาดยักษ์ที่ลอยสูงอยู่ในท้องฟ้า
ยิ่งไปกว่านั้นรอบๆพื้นที่นั้นมีเมฆมืดปกคลุมท้องฟ้าและคลุมดวงอาทิตย์ตลอดกาล โลกที่รกร้างทั้งหมดนี้อยู่ห่างออกไปหนึ่งพันไมล์เป็นภูเขาที่แห้งแล้งมีสันเขาบาง และมักมีพายุหมุนแปลกๆ มองลงมาจากยอดเมฆมืดครึ้มพื้นผิวข้างล่างจะหายไปเป็นครั้งคราว เย่ว์หยางยังเห็นว่าในสถานที่นี้มีปรากฏการณ์แสงออโรร่าคล้ายกับที่ปรากฏในบริเวณขั้วโลกแสงออโรร่าบิดเบี้ยวนับไม่ถ้วนค่อยๆฉายข้ามท้องฟ้าย้อมเมฆสีดำกระจัดกระจายกลายเป็นสีที่มีเอกลักษณ์
ทะลุชั้นเมฆครึ้มหนาร้อยกว่ากิโลเมตรเข้าไป และจู่ๆก็เห็นแสงทะลุผ่านเมฆหนาหลายร้อยกิโลเมตรและสว่างไสวขึ้น
ดวงดาวกระพริบให้เห็น
เงาดำคล้ายดาวขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าและมันถูกสร้างโดยโลหะลับเทพสังหารที่ไม่มีร่องรอยมลทิน
จากการชมดูครั้งแรก เย่ว์หยางพบว่ามันเต็มไปด้วยพลังกฎสวรรค์แปลกประหลาดซึ่งไม่ห้ามการใช้วิทยายุทธ์แต่จะทำให้ความแข็งแกร่งของผู้ท้าทายลดลงเป็นพันเท่า
แม้ว่าเย่ว์หยางจะเข้าไปพบเจอขุมสมบัติ แต่เขาไม่รีบร้อนขุด
ตอนแรกเขาบินไปรอบๆ ดินแดนลับเทพสังหารและบินนำโดยไม่ลังเล
หลังจากได้รับการยืนยันว่าไม่มีมีเทพซุ่มอยู่หรือตามมาเย่ว์หยางเปลี่ยนกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและนางเซียนหงส์ฟ้าเพื่อให้พวกนางได้รู้สึกถึงดินแดนลับเทพสังหาร ด้วยทักษะหกรับรู้ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและภูมิปัญญาของนางเซียนหงส์ฟ้า เย่ว์หยางรู้สึกว่าช่วยได้มาก พวกเขาไปด้วยกัน
ความปรารถนาดี
แต่ความจริงตรงกันข้าม
แม้ว่าจะมีองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและนางเซียนหงส์ฟ้าช่วยแต่หลังจากค้นหาทั้งวันเย่ว์หยางไม่พบอะไร
“ไม่พบอะไรเลย เป็นไปได้ยังไง?”
เมื่อกลับไปที่โลกคัมภีร์ เย่ว์หยางเล่าสถานการณ์และทุกคนอุทาน
ถ้าบอกว่าด้วยความรู้สึกของเย่ว์หยางองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและนางเซียนหงส์ฟ้าก็ยังไม่ได้อะไร อย่างนั้นเป้าหมายก็คงไม่ต่างกับศูนย์
อย่างไรก็ตามนี่เป็นดินแดนของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกสองเทพผู้ยิ่งใหญ่ผู้ล่วงลับ แม้ว่าแปดเทพจะถูกกำจัดเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ทิ้งอะไรไว้เลยทุกคนรู้ว่าหลังจากถึงระดับที่แน่นอนในระดับหนึ่งเป็นเรื่องยากที่นักรบจะถูกฆ่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักรบระดับเทพ แม้ว่าจะมีพลังอย่างท่วมท้นนักรบส่วนใหญ่จะถูกผนึกไว้เท่านั้น ไม่สามารถฆ่าได้โดยตรง..เทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือก พวกเขาตายจริงหรือ? แม้ว่าพวกเขาจะถูกสังหารโดยเทพทั้งแปด ร่องรอยทั้งหมดที่เหลืออยู่ พลังเทพสำนึกเทพและประกายเทพของพวกเขาหายไปไหน?
มีกฎสวรรค์ห้ามทำลายดินแดนลับเทพสังหารแต่นั่นไม่ใช่เหตุผลในการกำจัดร่องรอยของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือก
พฤติกรรมของแปดเทพเป็นเช่นไร?
หรือว่าดินแดนลับเทพสังหารนี่ซุกซ่อนความลับที่ไม่มีใครรู้
หลังจากพูดคุยสนทนากันแล้ว เย่ว์หยางยังคงเป็นผู้นำและหลังจากยืนยันว่าดินแดนลับเทพสังหารไม่มีอันตรายอย่างแน่นอนทุกคนถูกส่งออกไปสำรวจ โดยใช้จำนวนคนที่มากครั้งนี้ไม่เพียงแต่เย่ว์หวี่และอู๋เหินออกไปร่วมสำรวจด้วยเท่านั้นกระทั่งเด็กสาวเอลฟ์เป่าเอ๋อและสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ที่วุ่นอยู่กับการทำงานบ้านก็ออกมาช่วยเช่นกัน
กลุ่มพวกเป่าเอ๋อจะยุ่งยากมากกว่าแต่อย่างน้อยพวกนางก็กระตือรือร้น
สามวันผ่านไป
น่าท้อแท้ที่ยังไม่ประสบความสำเร็จ
“สถานที่นี้แปลกเกินไป แม้ว่าจะไม่รู้สึกถึงอันตรายคุกคามแต่ต้องมีบางอย่างที่ทำให้เราหลงเข้าใจผิด” สาวน้อยมารเคราะห์ฟ้าเชื่อว่ามีเจตจำนงที่มองไม่เห็นสร้างภาพลวงตาให้กับทุกคน
“พลังกฎสวรรค์มีอยู่ตรงนั้น แต่ไม่ทำให้เกิดภาพลวงตา” เย่ว์หยางพยายามใช้ปณิธานปราณราชันย์กับสนามพลังสร้างโลกค้นหาแต่ไม่พบอะไรผิดปกติเป็นพิเศษ
“บางทีภาพลวงตาที่สร้างขึ้นโดยสิ่งนั้นอาจหลอกสนามพลังของเจ้าได้” มารเคราะห์ฟ้าไม่เต็มใจละทิ้งกรอบทฤษฎีสันนิษฐานของนาง
“พอเถอะ” นางเซียนหงส์ฟ้าชายตามองข้างหนึ่ง
“ข้าไม่ได้พูดอะไรสักหน่อย!” มารเคราะห์ฟ้าตกใจแลบลิ้น
“มีร่องรอยของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกสองเทพผู้ยิ่งใหญ่ ข้ารู้สึกสัมผัสได้แผ่วเบา แต่แปลก ข้าไม่แน่ใจและข้าไม่สามารถกำหนดตำแหน่งดินแดนลับเทพสังหารได้...”ไม่ต้องพูดถึงองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน แม้แต่เย่ว์หยาง แม้แต่อู๋เหินและเย่ว์หวี่ พวกนางก็รู้สึกสัมผัสได้เหมือนกับว่ามีเสียงบางอย่างเรียก แต่พอสัมผัสอย่างระมัดระวัง ค้นหาอย่างจริงจัง กลับทำไม่ได้น่าคลั่งใจจริงๆ!
“ทุกคนไปพักกันก่อนข้าจะตรวจสอบช้าๆ อีกครั้ง เรื่องแบบนี้ไม่รีบร้อน!” เย่ว์หยางแนะนำทุกคนให้กลับไปพักแต่นางยังรั้งอยู่ นางกระซิบที่หูเย่ว์หยาง “เสี่ยวซาน, เจ้าไปดูอู๋เสีย และคิดหาทาง..”
เสวี่ยอู๋เสียยังคงหลับและกลับได้สติจากความปั่นป่วนเป็นครั้งคราว
แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ นางกลับหลับอีกครั้ง
เย่ว์หยางคิดว่านี่เป็นปรากฏการณ์ที่ดี แสดงให้เห็นว่านางจะตื่นขึ้นมาในเร็ววันนี้เขาจะถือโอกาสเรียกนางทุกสามถึงห้าวัน หวังว่านางจะได้สติในเร็ววัน
เย่ว์หวี่ขอให้เย่ว์หยางไปถามวิธีกับเสวี่ยอู๋เสียหวังว่านางจะให้ความรู้แจ้งแก่เขาทำให้เขาไขความสงสัยได้ นางรู้ว่าน้องชายนางคือใครถ้าเขาเห็นเสวี่ยอู๋เสียตื่นขึ้น เขาคงประหลาดใจ เมื่อเงื่อนไขบางอย่างถึงบางทีปริศนาดินแดนลับเทพสังหารจะได้รับการคลี่คลาย
เมื่อได้ยินเย่ว์หวี่พูดอย่างนี้ เย่ว์หยางใจเต้นแรง
การไปเยี่ยมเย่ว์หวี่เป็นเรื่องที่ดีและจะช่วยไขปริศนาดินแดนลับเทพสังหารได้แม้ว่าจะคลี่คลายไม่ได้ แต่ถ้านางตื่นขึ้นได้นับเป็นเรื่องน่ายินดียิ่งนัก!