ตอนที่แล้วตอนที่ 1157 ผู้สร้าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1159  ดินแดนลับเทพสังหาร

ตอนที่ 1158 ศึกใหญ่ จากหกสัมผัส


ถัดมาสองสามวัน

เย่ว์หยางสร้างสิ่งต่างๆมากมายด้วยโลหะลับเทพสังหาร และทักษะการสร้างของเขาเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ มีสิ่งประดิษฐ์สร้างหลายอย่างที่ไม่สามารถจินตนาการได้ ตัวอย่างเช่นหุ่นรบสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกและบินได้นามว่า ‘องครักษ์พญาเต่าดำ’ พวกมันเป็นหุ่นอสูรรูปร่างมนุษย์เมื่อพวกมันสู้ตามลำพัง พวกมันสามารถใช้ในรูปแบบสัตว์อสูรเพื่อใช้ในการขับขี่ได้  เมื่อพวกมันสู้กับศัตรูยักษ์ใหญ่  พวกมันสามารถเปลี่ยนแปลงได้เป็นสิบเป็นร้อยแบบและกลายเป็นหุ่นยักษ์เต่าดำ หุ่นรบเอนกประสงค์รูปแบบใหม่ที่ไม่อาจทำลายได้ตราบเท่าที่ได้รับพลังจากศิลาศักดิ์สิทธิ์ มันจะไม่หยุดเคลื่อนไหว

แน่นอนว่าในองครักษ์เต่าดำนี้ยังมีการเขียนอักขระรูนสวรรค์เพิ่มเติม

อักขระรูนที่ลึกลับงดงามเหล่านี้ไม่ใช่เครื่องประดับอย่างแน่นอน

เชื่อว่าเมื่อศัตรูต่อสู้กับพวกมัน

จะมีความรู้สึกส่วนลึกที่สุด!

โลหะลับเทพสังหารสามารถใช้ทำทุกอย่างในโลกได้ภายใต้การเหนี่ยวนำด้วยสำนึกเทพของเย่ว์หยาง นั่นคือพลังอำนาจทุกอย่าง

แต่สิ่งหนึ่งที่มิอาจเป็นไปได้แน่นอนก็คือการก่อตัวของสิ่งมีชีวิต

เมื่อเย่ว์หยางค้นพบกฎสวรรค์โบราณนี้เขาไม่ได้ติดตามความก้าวหน้าในด้านนี้ ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากไม่มีชีวิตใดสามารถเกิดขึ้นได้ในโลหะลับเทพสังหารได้อย่างนั้นมหาเทพโบราณผู้สร้างโลหะโบราณนี้จะต้องมีการพิจารณาของพวกเขาไว้แล้ว

เขาจดจ่อกับความก้าวหน้าในงานสร้างสรรค์

อย่างกระโปรงที่ราชันย์ปีศาจใต้เรียกร้องอยากได้เขาจะไม่ทำเอง  เพราะของเหล่านี้ถูกมอบให้สาวใช้ผู้น่ารักจัดทำ

เย่ว์หยางต้องปรับปรุงยกระดับชุดรบจันทราให้กับทุกคนด้วยการผสานหลอมรวมเข้ากับโลหะลับเทพสังหาร ชุดรบจันทราใหม่มีความสามารถในการเปลี่ยนรูปเหมือนชุดรบจันทราเดิมและมีความสามารถในการป้องกันด้วยความสามารถของโลหะลับเทพสังหาร

หุ่นรบมังกรเก้าหัวถูกสร้างในตอนแรกเพื่อให้มีพลังมหาศาล

ตอนนี้ถูกปรับปรุงสร้างใหม่หมด

มีเพียงเรื่องเดียวที่ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกเสียใจเล็กน้อยก็คือแม้ว่าพลังของมังกรเก้าหัวจะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า  แต่ก็ไม่สามารถกลายเป็นอาวุธเทพร่างอสูรได้นี่อาจเป็นข้อบกพร่องที่ยิ่งใหญ่ที่สุดประการเดียวของโลหะลับเทพสังหาร!

ครึ่งเดือนต่อมา

“ข้าข้าตาบอดหรือเปล่า?” เมื่อกาดำและเจ้ากระทุงกลับไปที่ยานแม่กระทุงพร้อมกับกลุ่มโจรขนาดใหญ่  ภาพสะท้อนที่ปรากฏอยู่ในสายตาทำให้พวกเขาไม่อยากเชื่อลักษณะภายนอกยานกระทุงไม่มีการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตามการตกแต่งภายในและห้องโดยสารมีการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดินยกเว้นจัตุรัสนักรบซึ่งยังคงอยู่ตรงกลาง เย่ว์หยางได้แปรสภาพเหมือนเป็นเรือลำใหม่ อย่างไม่เคยมีปรากฏมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงกาดำต่อให้กัปตันกริฟฟินมาเองก็คงจำไม่ได้ว่านี่คือยานกระทุงเดิม!

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่?”  เจ้ากระทุงกุมศีรษะอย่างโง่เขลาด้วยสติปัญญาของเขาเกรงว่าทั้งชาตินี้ก็ไม่มีหวังเข้าใจ

“ข้าไม่รู้,อย่ามาถามข้า!” สติปัญญาอย่างฮัวยาและเจ้ากระทุงเหมือนกัน ไม่มีใครแยกออก

เขากับกัวกัวและคนอื่นได้รับแจ้งจากเย่ว์หยางว่าจะเปลี่ยนสภาพยานกระทุง

ตอนแรกทุกคนไม่ใส่ใจคิดว่าโครงการทั้งหมดคงต้องใช้เวลาเป็นปีหรือแม้แต่ทศวรรษและเย่ว์ไตตันได้วางแผนไว้สำหรับทุกคน  ทุกคนคาดคิดไม่ถึงว่าเมื่อตื่นขึ้นมาพวกเขาพบว่าตัวเองเหมือนอยู่ในยานแม่อีกลำหนึ่ง หลังจากตะลึงอยู่เป็นเวลานานในที่สุดพวกเขาก็หาจัตุรัสนักรบเจอ หลังจากพบเห็นสินค้าที่วางซ้อนกันอยู่ที่นั่นทุกคนก็ยอมรับว่านี่คือยานกระทุงที่ถูกเย่ว์ไตตันแปรสภาพ

ไม่มีใครเข้าใจว่าทำไมเย่ว์ไตตันถึงแปรเปลี่ยนสภาพได้อย่างรวดเร็วนัก?

ไม่มีใครรู้วิธีที่เขาใช้!

อย่างไรก็ตามเมื่ออาศัยอยู่ในอีกสิบวันต่อมาพวกเขาก็เริ่มวิตกกังวลกับการปรับตัวให้เข้ากับยานลำใหม่.... อันที่จริงยานกระทุงได้รับการออกแบบใหม่โดยเย่ว์หยางดูสมเหตุสมผลและสะดวกสบายมากกว่าเดิม

“เป็นอย่างนี้ตอนที่เจ้าตื่นนอนตั้งแต่เมื่อไหร่?”  หลังจากฟังคำแนะนำของเขา  เขารู้สึกกลัวอยู่ในใจจนหัวใจแทบระเบิด  ต่อให้เป็นเทพทั้งแปดยังต้องใช้เวลาอย่างน้อยสิบปีในการสร้างยานแม่และต้องใช้เวลาหลายร้อยปีกับการสร้างยานยักษ์ใหญ่อย่างยานเหยี่ยวมังกร แต่เย่ว์ไตตันทำการเปลี่ยนแปลงยานทั้งหมดภายในคืนเดียว  ผิดมนุษย์มากเกินไปแล้ว?  เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือเปล่า?  หรือเป็นสัตว์ประหลาด!

“ทำไมเขาไม่เปลี่ยนแปลงข้างนอก?” แม้แต่คนโง่อย่างเจ้ากระทุงตอนนี้เชื่อแล้วว่าเย่ว์หยางมีความสามารถจะเปลี่ยนแปลงเรือได้ทั้งหมด แต่เขาไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงต้องคงรูปลักษณ์ภายนอกเดิมเอาไว้?

“เขาบอกว่าตัวถังภายนอกได้รับการออกแบบไว้ดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องแก้ไข”  กัวกัวยักไหล่

“นอกจากนี้เพื่อปกป้องความลับในการเปลี่ยนแปลง”  กาดำรู้ข้อนี้

“อาจจะ,แต่ข้าไม่คิดว่าคนผู้นั้นเป็นคนธรรมดาไม่น่าสนใจ!” กัวกัวไม่ตั้งใจให้กาดำถือเป็นความลับยิ่งใหญ่ “กล่าวกันว่าเพื่อเสริมสร้างพลังการต่อสู้ของเราเขาได้ออกแบบเกราะรบที่ทำจากโลหะลับเทพสังหารเรียกว่าเกราะหนักเต่าดำข้าเคยเห็นรูปแบบเกราะนั้นแล้วทรงพลังมากถ้าได้ใช้รับรองว่าไม่ต้องกลัวจอมโฉดทั้งห้า”

“กัวกัว, เจ้ามันอ่อนแอ!”  ฮัวยาหยอกล้อ  “หนูตัวน้อยไม่สามารถเป็นราชาในชุดเกราะสิงโตได้!”

“เราได้กับเขาด้วยหรือเปล่า?”  เจ้ากระทุงวิ่งเข้าไปในห้องกัปตัน

เมื่อเข้าห้องขับเคลื่อนที่สร้างขึ้นใหม่กาดำและเจ้ากระทุงพบว่ามีการผลิตหุ่นรบร่างมนุษย์ที่สร้างด้วยโลหะลับเทพสังหารหลายร้อยตัวอยู่ที่นี่มีความสูงขนาดแตกต่างกันไปดูคึกคักเป็นระเบียบเมื่อเทียบกับลูกเรือยานกระทุงที่มีชื่อเสียงแต่ดูมีประสิทธิภาพมากกว่าร้อยเท่า

เย่ว์หยางกำลังนั่งอยู่บนบัลลังก์กัปตันบนสะพานสูงเขาหาวและโบกมือให้กาดำ ท่ามกลางสายตาที่งุนงง “พวกเจ้าไม่จำเป็นถามอะไรเลย  ข้าไม่ได้นอนมาสองสามวันแล้วตอนนี้ข้าจะกลับไปล้างหน้าล้างตาก่อน เจ้าอยู่รอพยัคฆ์บิน  เราจะออกเดินทางทันทีที่พวกเขากลับมา  อย่างไรก็ตามเกราะหนักของพวกเจ้าข้าเก็บไว้ในคลังแสงแล้วมันคืออสูรหุ่น ข้าอุตส่าห์สร้างอย่างลำบาก อย่าทำพังเล่า!”

กัวกัวรู้สึกเหมือนว่าคำพูดแบบนี้เป็นการเร่งรัดหรือเปล่า

เขากลัวว่าตัวเองจะไม่มีส่วนแบ่งด้วย

เขารีบยืนขึ้นประท้วง  “ข้าก็เป็นนักสู้มาตรฐานด้วย  แน่นอนว่าข้าสมควรได้สวมเกราะรบเต่าดำ  อย่างน้อยก็ยังดีกว่าคนโง่ฮัวยา!”

ฮัวยาคลุกคลีตีโมงกับเขามาได้ระยะเวลาหนึ่งแล้วเขาไม่โกรธ อย่างไรก็ตามเราก็คือสวะเหมือนกัน แน่นอนว่าการทะเลาะกันไม่ได้ช่วยให้ได้เกราะหนักเต่าดำที่ออกแบบโดยเย่ว์ไตตันแน่นอน  สำหรับกาดำและเจ้ากระทุงพยัคฆ์บินหัวหน้าของพวกเขา พวกเขาจำเป็นมากที่ต้องสวมชุดเกราะหนักเต่าดำ  นี่คือความรุ่งเรืองที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตจะได้ฆ่าได้โดยไม่มีความผิดพลาด

ทำให้คนสามารถทำงานได้มากขึ้น  อย่างไรก็ตาม เย่ว์ไตตันจะทำให้ทุกคนและทุกคนไม่ควรไม่สุภาพกับเขา

เมื่อไปที่คลังแสงหลังจากที่ทุกคนสวมเกราะรบหนักเต่าดำเจ้ากระทุงนึกถึงปัญหาได้ทันที“หุ่นเหล่านี้ไม่ต้องใช้ผู้ขับขี่ก็ได้ใช่ไหม? ปล่อยให้พวกมันทำทุกอย่างหมดแล้วเราจะทำอะไรดี?  ไม่ครอบคลุมงานขับเคลื่อนยานหรือ?!”

กาดำฟังและเงยหน้ามองตรงๆ กล่าวว่า เจ้ายังไม่เชื่ออีกหรือ

หากโจรดวงดาวสามารถขับขี่ยานกระทุงเย่ว์ไตตันจะใช้หุ่นรบที่ทำจากโลหะลับเทพสังหารขับเคลื่อนหรือ?

เมื่อพยัคฆ์บินอินทรีป่าและฟลามิงกลับมาพร้อมกับทหารผ่านศึกกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งและอีกไม่กี่วันต่อมายานกระทุงเปลี่ยนชื่อไปเป็นยานหงส์ทะยานพวกเขาถึงกับงงงวยอย่างสิ้นเชิง

ทหารผ่านศึกที่เกษียณผู้คุ้นเคยกับการขับขี่ยานตอนนี้พากันมึนหัวไปตามๆกัน

รูปแบบมาตรฐานการควบคุมระบบยานบินไม่มีการเปลี่ยนแปลงเป็นหมื่นปีแล้วไม่ใช่หรือ?  นอกจากตัวถังด้านนอกแล้ว เจ้าสิ่งนี้แปลกหน้ายิ่งกว่าคนแปลกหน้า แม้แต่ทหารผ่านศึกที่เกษียณที่อยู่กับยานแม่มานานหลายสิบปีก็ยังรู้สึกว่าเหมือนกับกลายเป็นคนตาบอดไปทุกอย่าง  ที่อยู่ข้างหน้าคือความดำมืด พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลยเมื่อมองเห็นห้องควบคุม

โชคดีที่เย่ว์หยางทำองครักษ์เกราะเต่าดำไว้หลายร้อยตัว

นี่คือหุ่นรบเอนกประสงค์ที่ไม่ใช่เอาไว้ต่อสู้เท่านั้นแต่ยังมีความเชี่ยวชาญในการช่วยสนับสนุนชีวิต ไม่ต้องใช้ความพยายามใดๆ จากใคร และยังมีความเชี่ยวชาญในการเริ่มเดินเครื่องยานรบและนำขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยตรง

พวกมันไม่เคยผิดพลาดหรือรู้สึกเหน็ดเหนื่อย

ระดับการควบคุมยานนั้นแม่นยำมากจนผู้มีประสบการณ์ต้องหลั่งน้ำตา

“อยู่ที่นี่ก็คือสวรรค์ดีๆ นี่เอง! ดื่ม ดื่ม, ดื่มเหล้าถังนี้ให้หมด!”  เจ้ากระทุงเป็นคนที่ประมาทในการใช้ชีวิตตั้งแต่กลับมาที่นี่สองสามวันแล้ว เขาไม่จำเป็นต้องคิดอะไร  เขาแค่สนุกกับการกินและดื่มทุกวัน  สำหรับอาหารสามารถรองรับคนได้เป็นหมื่นเขาไม่สามารถทำให้หมดไปได้ในช่วงเวลาสิบปีเย่ว์ไตตันเป็นเจ้านายผู้ใจดีจัดการเหล้าให้เขาและมักเชิญชวนทุกคนให้ดื่มเหล้าจากหอทงเทียนซึ่งจะไปหาได้จากไหน?

“เอาล่ะ”  พยัคฆ์บินหลั่งเหงื่อ พวกเขาสงสัยว่าเย่ว์ไตตันคงเข้าใจผิดว่าพวกโจรดวงดาวคือกลุ่มคนยากไร้ที่เลี้ยงตัวไม่พอกิน?

เจ้ากระทุงกับฮัวยาไร้ยางอายเกินไป!

กาดำนั่งอยู่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ผายมือ

เขาไม่รู้จะทำอย่างไร

ความจริงการใช้ชีวิตที่นี่ถือว่าดีมาก..ต่างจากพวกตะกละเหล่านี้ พยัคฆ์บิน อินทรีป่าและฟลามิงโกหลังจากตกใจก็พูดถึงการต่อสู้ครั้งต่อไปกับกาดำ

เนื่องจากเย่ว์ไตตันมีการเตรียมการดังกล่าวนั่นพิสูจน์ว่าศึกต่อไปจะไม่ง่ายแน่นอน พวกฮัวยาบอกว่าพวกเขาไม่ใช่กลุ่มหัวหน้าผู้นำ  พวกเขาไม่ต้องกลายเป็นหนอนการเจองานหนักเป็นเรื่องที่แน่นอน  เขาไม่รู้ว่าจะสามารถบรรลุผลได้ระดับไหน!

นอกจากนี้ขุนพลนายกองเช่นอสูรสายฟ้าแห่งอาณาจักรเทพอาคเนย์ได้ตกลงที่จะเข่นฆ่าศัตรู!

หากเขาแพ้ไม่เพียงแต่ละอายใจตัวเองเท่านั้นแต่ยังคงรู้สึกละอายต่อเย่ว์ไตตันผู้สร้างเกราะรบเต่าดำให้กับทุกคน

โลกคัมภีร์

เย่ว์หยางกำลังคุยแผนต่อไปกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน

ไม่ว่าจะเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหรือนางเซียนหงส์ฟ้าพวกนางคิดว่าเย่ว์หยางควรไปดูดินแดนลับเทพสังหารก่อนอาจเป็นดินแดนของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือก น่าจะมีข้อมูลเหลืออยู่  เย่ว์หยางอาจพบเจอได้ มิฉะนั้นฝ่ายตะวันตกที่นำโดยเทพเฮยโจ้วจะมีข้อได้เปรียบอย่างแน่นอน นอกจากนี้เย่ว์หยางมาถึงขุนเขาเหนือขุนเขาโดยหลักแล้วก็เพื่อรับวัตถุโบราณ อาจจะมีข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ในดินแดนลับเทพสังหารได้

แม้ว่าเขาจะต้องถอยกลับไปหมื่นก้าวก็จะไม่ได้อะไรจากดินแดนลับเทพสังหาร อย่างน้อยก็มีโลหะลับเทพสังหาร

“ดินแดนลับเทพสังหาร ก็ต้องไป  แต่ข้ากังวลว่าจะพบเจอกับจีอู๋ลี่ที่นั่น” เย่ว์หยางรู้ว่าคนอย่างจีอู๋ลี่มีความตื่นตัวมาก  เมื่อเขาพบความแตกต่าง เขาจะต้องหนีแน่และคงเป็นการยากที่จะฆ่าเขาในภายหลังอีก

“แทนที่จะกังวลเรื่องจีอู๋ลี่ค่ายตะวันออกน่ากังวลมากกว่า”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเลิกคิ้ว“ข้ามีลางสังหรณ์ไม่ดีเอามากๆ...”

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้มีทักษะแฝงเร้นหกรับรู้มีความรับรู้ไวกว่าเย่ว์หยาง

นอกจากนี้นางยังมีลางสังหรณ์ที่แม่นยำที่สุด

ไม่มีใครเทียบนางได้ยกเว้นเสวี่ยอู๋เสีย

นางบอกทุกคนให้เตรียมตัวให้ดี  นางเซียนหงส์ฟ้าเดาได้อย่างกล้าหาญ  “เทพบูรพาซื่อเสินจะโน้มน้าวเทพอีสานให้เข้าร่วมกับค่ายตะวันออกหรือ?  ถ้ากำแพงนี้เป็นจุดเชื่อมต่อที่สำคัญที่สุดมันจะยุ่งยากมาก  การเป็นปรปักษ์กันแบบเปิดเผยนั้นง่ายกว่าการรับมือสายลับ  แต่นี่คือเทพผู้สูงศักดิ์และแข็งแกร่งเป็นเรื่องที่สองค่ายต่อสู้กัน ไม่ว่าเทพอีสานเข้ากับฝั่งไหน ก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งอีกฝ่ายหนึ่งอย่างมากมายภายใต้สถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้”

หลังจากใคร่ครวญเป็นเวลานานเย่ว์หยางส่ายหน้าแล้วพูด “เราไม่คุ้นเคยกับขุนเขาเหนือขุนเขา ความสัมพันธ์ระหว่างเทพทั้งแปดเป็นอย่างไร? เราไม่แน่ใจ  แต่การรบครั้งนี้ถูกกำหนดแล้ว  แม้ว่าค่ายตะวันออกจะไม่ชนะ   แต่ภารกิจของเราต้องทำให้สำเร็จ  นอกจากนี้ จีอู๋ลี่ต้องถูกกำจัด!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด