ตอนที่ 1156 หนึ่งความคิดสำเร็จสำเร็จดังมุ่งหมาย
เมื่อรู้ข่าวว่าจีอู๋ลี่กลับมายังขุนเขาเหนือขุนเขาแล้วจอมพลฟงเอ๋อ กริฟฟินไม่สามารถนั่งนิ่งอยู่ได้
เขารีบร้อนกระวนกระวายหวังจะรายงานให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ตอนนี้เวลาคือชีวิต
แม้แต่เทพซื่อเสินและชี่เฉียวยังต้องเร่งเวลาเพื่อจัดการกับเรื่องนี้มิฉะนั้นจะตามหลังหนึ่งก้าว หากเฮยโจ้วไม่ได้รับความช่วยเหลือจากจีอู๋ลี่ศักดิ์ศรีของเทพประจิม แม้ว่ายังไล่ตามหลังเทพซื่อเสินเทพบูรพาก็ยังไม่ใช้อันดับหนึ่งของขุนเขาเหนือขุนเขา.... ในทางตรงกันข้ามถ้าจีอู๋ลี่ร่วมสมคบคิดช่วยเขามีโอกาสมากที่จะรวมพลังของสามอาณาจักรเทพอุดรหรดีและพายัพเพื่อประกาศสงครามเต็มรูปแบบ เทพอีสานซาหลงก็น่าจะเข้ากับฝ่ายค่ายตะวันตก
ไม่ว่ายังไงก็ตามเทพบูรพาซื่อเสินเทพอาคเนย์ชี่เฉียวและเทพทักษิณเทียนโฉว ต้องทราบข่าวล่วงหน้าจะได้เตรียมตัวรับมือกับสงครามเทพที่จะอุบัติขึ้นเมื่อใดก็ได้
หลังจากตกลงนัดสถานที่และเวลาในการประชุมครั้งต่อไปจอมพลฟงเอ๋อออกจากพื้นที่คาดดาวเคราะห์น้อยทันที
จอมพลกริฟฟินกัปตันยานกระทุงไม่ต้องการแม้แต่ยานแม่
เขายกให้เย่ว์หยางในที่นั้นทันที
ผลก็คือยานแม่นี้ไม่มีลูกเรือสำหรับขับเคลื่อนอย่างเพียงพอ แม้ว่าจะมีแต่ความเร็วแต่ว่าความเร็วของมันยังไกลจากการตอบสนองความต้องการของจอมพลกริฟฟินแทนที่จะควบคุมอย่างเจ็บปวดมันเป็นการดีกว่าที่จะมอบให้บุรุษหนุ่มเย่ว์ไตตันเพื่อแลกกับความโปรดปราน ประการที่สองในขณะที่จอมพลกริฟฟินส่งเผือกร้อนให้เขา เขาสามารถดึงดูดเย่ว์หยางไว้เป็นพวกได้บ้าง ไม่ว่าจะสามารถทำงานร่วมกันได้หรือไม่ก็ตามอย่างน้อยก็เป็นพันธมิตรของฝ่ายเขาเอง
ค่ายตะวันตกนำโดยอาณาจักรเทพประจิมยังไม่รู้จะเสนอเงื่อนไขอะไรให้เด็กหนุ่มผู้นี้
ในการสู้รบครั้งก่อนกู้ไห่สัญญาว่าจะมอบยานกระทุงให้เขา
จอมพลกริฟฟินไม่ปล่อยให้ศัตรูประสบความสำเร็จ เขาจะส่งมอบยานกระทุงให้เย่ว์หยางโดยตรงภายใต้คำสั่งเขาเป็นการปิดปากกู้ไห่ไม่ให้ค่ายตะวันตกดึงเย่ว์หยางเข้าร่วม
“ไม่มีประโยชน์อะไรที่มอบให้ข้า ข้าไม่จำเป็นต้องขับขี่!” เย่ว์หยางจะบอกว่าเขาไม่ชอบยานกระทุง นั่นคงเป็นเรื่องโกหกแต่ปัญหาก็คือก็ยานยักษ์ใหญ่นี่จำเป็นต้องใช้คนเป็นร้อยเพื่อให้มันขับเคลื่อนได้ เย่ว์หยางมาที่ขุนเขาเหนือขุนเขาคนเดียวจะไปหาคนเป็นร้อยที่รู้วิธีขับขี่ยานบนท้องฟ้าได้จากที่ไหน? จุดที่สำคัญที่สุดก็คือ เจ้าสิ่งนี้ใหญ่โตมากง่ายต่อการดึงความเกลียดชัง เย่ว์หยางไม่ต้องการให้จีอู๋ลี่พบตัวเขา ตอนนี้เขารู้แผนการของจีอู๋ลี่ตัวเขาเองตอนนี้ยังลึกลับมากกว่าจีอู๋ลี่ไม่ใช่หรือ?
“เราทำได้!” เจ้ากระทุงกระโดดขึ้นอย่างกระตือรือร้นและกล่าว “เราโจรดวงดาวผ่านการต่อสู้มาแล้วเรื่องหาคนพันคนหรือร้อยคนเป็นเรื่องง่าย แม้ว่าจะไม่เคยขับยานกระทุง แต่ไม่ใช่เรื่องยากเลยแค่แตะสัมผัสมันก็ใช้ได้แล้ว”
“เจ้าพูดเบาๆ ก็ได้...” เย่ว์หยางเหงื่อตกควบคุมยานแม่เป็นวิทยาการเรียนรู้เฉพาะแบบ ทุกคนแค่สัมผัสก็ทำงานได้แต่คงไม่ใช่คนอย่างเจ้ากระทุงแน่นอน!
“เรามีพี่น้องที่ได้รับการฝึกฝนให้ขับขี่ยานแม่แน่นอน เพียงแต่แค่กๆ” กาดำไม่พูดอีกต่อไป
โจรดวงดาวทำเพื่อปล้นยานกระทุง
เขาเคยได้รับการฝึกฝนเรื่องควบคุมการบินที่ส่งมาโดยอาณาจักรเทพประจิมอย่างลับๆ แน่นอนว่าเป็นการเรียนรู้เพียงผิวเผินผู้ขับขี่ยังคงเป็นคนเรือคนเดิม เพียงแต่โจรดวงดาวเรียนรู้มาเพียงเล็กน้อย และไม่ใช่ลูกเรือกระทุงดั้งเดิม หากจะให้ขับขี่จริงๆคงเกิดเหตุการณ์ตะครุบกบบนเรืออีกครั้ง
นอกจากนี้โจรดวงดาวถูกทำลายเกือบหมด
มีผู้รอดชีวิตเพียงไม่กี่สิบคนหรือไม่ก็คนตัวใหญ่อย่างฮัวยา
ด้วยคนจำนวนน้อยนิดเท่านี้หากเขาต้องการใช้ยานกระทุงในแนวพื้นที่แนวดาวเคราะห์น้อยนั่นเป็นฝันหวานของคนโง่อย่างไม่ต้องสงสัย!
แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องยอมสละยานแม่กระทุงนี้อย่าว่าแต่เจ้ากระทุง กาดำและฮัวยาเลย พยัคฆ์บินอินทรีป่าและฟลามิงโกยังยากจะทำใจ.. นี่คือสิ่งที่พี่น้องโจรดวงดาวนับพันต้องสังเวยชีวิต!
ถ้ามีเจ้าสิ่งนี้โจรดวงดาวจะเรียกได้ว่าเป็นโจรดวงดาวที่อยู่ในท้องฟ้า
กริฟฟินยกยานกระทุงให้เย่ว์หยาง
ในสายตาของโจรดวงดาวนี่ก็คือเหมือนยกให้พวกเขา
เย่ว์ไตตันเด็กหนุ่มผู้มีอนาคตสดใสไม่จำกัดหลังจากสู้รบแล้วหากค่ายตะวันออกได้รับชัยชนะ บุรุษหนุ่มนี้มีแนวโน้มจะได้เลื่อนเป็นเทพและกลายเป็นผู้มีอิทธิพลของขุนเขาเหนือขุนเขา คนอย่างเขาจะใส่ใจยานแม่ทั่วไปได้อย่างไร? โจรดวงดาวติดตามเขาช่วยดูแลยานแม่กระทุงจะเป็นอย่างไรนอกจากนี้ยังเป็นการทำความดีไถ่บาป บางทีเมื่อถึงที่สุดทุกคนอาจได้ตำแหน่งเป็นจอมพลหรือแม่ทัพกับเขาบ้าง เหตุการณ์ยังอีกยาวนานทุกคนไม่ต้องการคิดแต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนก็คือ เย่ว์ไตตันจะมียานรบมากกว่าหนึ่งลำและเรือเหาะจำนวนนับไม่ถ้วนและแม้กระทั่งอาณาจักรเทพที่มีความมั่งคั่งมากมายนับไม่ถ้วน มีดินแดนมากมาย “ตอนนี้มีคนไม่พอเดินเครื่องลองหาทหารผ่านศึกหรือนักรบที่เกษียณบนเรือดู” พยัคฆ์บินและอินทรีป่ามองหน้ากันเองและเห็นว่าเย่ว์หยางไม่ถือสาที่โจรดวงดาวจะขับขี่ยานให้เขา
“ตราบเท่าที่มีเวลาครึ่งเดือนเราสามารถรับได้!” ฟลามิงโกตื่นเต้นเช่นกัน
“อย่าลืมเวลาที่นัดหมาย” คนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่คือแม่ทัพอินทรีทองผู้ส่งเอกสารลับบนเรือให้เย่ว์หยางอย่างมั่นใจและแน่นอนมีข้อมูลบางอย่างที่ไม่อาจเปิดเผยต่อสาธารณะได้
พวกเขาแตกต่างจากอินทรีทองกริฟฟินและฟงเอ๋อ
ส่วนอสูรสายฟ้า, เสือดาวหิมะเจ้าวัวบ้า คนหั่นเนื้อและทหารอื่นๆ ที่ได้รับบาดเจ็บหนักได้รับการช่วยออกมาจากห้องขังพวกเขายังไม่ฟื้นฟูร่างกายเต็มที่
พวกเขาไม่มีกำลังพอกลับลงไปที่พื้นในแถบดาวเคราะห์น้อยที่ยาวไกลนี้พวกเขาไม่มีกำลังของอินทรีทองและกริฟฟินช่วย คาดว่าเป็นอยู่ได้ช่วงสั้นๆได้ไม่มีปัญหา หรือแม้จะมีการต่อสู้บ้าง แต่พวกเขาต้องออกจากแถบดาวเคราะห์น้อยได้อย่างราบรื่นและกลับลงไปที่พื้น นั่นไม่น่าเป็นไปได้
หลังจากได้รับบาดเจ็บพวกเขาปฏิเสธพยัคฆ์บินและพวกเขาเลือกใช้ยานชูชีพ
พวกเขายืนยันต้องการจากไป
ก่อนจาก
อสูรสายฟ้าและเสือดาวหิมะเป็นตัวแทนผู้รอดชีวิตกล่าวขอบคุณเย่ว์หยางเล็กน้อย
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ได้ช่วยเขาเป็นการส่วนตัว
แต่เย่ว์หยางฆ่าผีตะกละและค้างคาวหูโตและกำจัดวานรตาปีศาจ,กิ้งก่าลิ้นยาว, แมลงจมูกยาว และหมอนกลายพันธุ์อีกนับหมื่นที่ปรากฏขึ้นในสนามรบขู่ขวัญกู้ไห่และหมื่นปีศาจจนกลัว ช่วยเหลือจอมพลกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทองช่วยเหลืออสูรสายฟ้า, กับพวกโดยอ้อม.. แน่นอนพวกเขาขอบคุณเย่ว์หยางและเข้าใจได้
“ไว้เจอกันในสนามรบ” อสูรสายฟ้ายังคงโกรธแค้นกาดำและพวกโจรดวงดาวแต่ตอนนี้เขารู้สถานการณ์ศัตรูที่แท้จริงคืออาณาจักรเทพประจิมอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้และโจรดวงดาวเป็นแค่ตัวหมากที่น่าสงสาร
“เหนือกว่าระดับขุนพลเทพ ข้าไม่กล้าพูดแต่ระดับลูกจ้างเทพ ข้าจะฆ่าให้ได้มากกว่าเจ้าแน่นอน” กาดำท้าทาย
“อยู่รอดให้จบก็แล้วกัน”เสือดาวหิมะข่มความโกรธและเถียงกับ
ผู้รอดชีวิตลงเรือชูชีพเล็กสองลำ
บินออกจากยานกระทุงและตรงลงไปที่พื้น
หัวหน้าทั้งสาม พยัคฆ์บิน อินทรีป่าและฟลามิงโกจากไปเช่นกัน พวกเขาหวังว่าต้องใช้ทองอีกมากเพื่อจ้างทหารผ่านศึกเกษียณได้ทุกที่เพื่อให้ยานกระทุงกลับลงมาและใช้เป็นยานรบของพวกเขา! กาดำและเจ้ากระทุงยังไม่แข็งแกร่งเท่าพวกเขา ได้โดยสารเรือชูชีพขนาดกลางความเร็วของเรือชูชีพขนาดกลางช้ากว่าเรือชูชีพขนาดเล็กแต่ภายในจุคนได้มากกว่าเกือบร้อยเท่า
กาดำและเจ้ากระทุงต้องนำโจรดวงดาวหลายคนและพวกเขาไม่อาจเที่ยวไปอย่างอิสระได้ง่ายเหมือนกับอสูรสายฟ้า
นอกจากนี้ฮัวยาที่ติดตามโจรดวงดูแลเย่ว์หยางอยู่ก่อนแล้วที่น่าประหลาดใจ กัวกัวสมัครใจอยู่
การกระทำเช่นนี้แม้แต่เย่ว์หยางก็ไม่เข้าใจ
กัวกัวเกลียดเขามากไม่ใชหรือ?
นอกจากนี้เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนฉลาดที่โลภและกลัวตาย เป็นเรื่องแปลกจริงๆที่เขาไม่ฉวยโอกาสจากไป แต่กลับอยู่บนเรือกระทุงต่อ
“ตอนนี้ข้าไม่มีที่ไปแล้ว ข้าจะรอจนกว่าถึงจุดนัดหมายตอนนั้นข้าค่อยสมทบกับท่านผู้เฒ่า ค่อยไปตอนนั้นก็ได้” ข้ออ้างผิวเผินของกัวกัวเป็นเช่นนี้ ความจริงในฐานะที่เขาเป็นคนฉลาดเขารู้ว่าขุนเขาเหนือขุน น่ากลัวว่าจะไม่มีที่ใดมั่นคงสงครามระหว่างเทพกำลังจะอุบัติขึ้นการอยู่ใต้ขุนเขาเหนือขุนเขาบางทีอาจทำให้พบกับจุดจบ ส่วนการอยู่ในยานกระทุงดูเหมือนจะอันตรายแต่ก็ยังปลอดภัยมากพวกเทพคงไม่ลดตัวลงมาหรืออย่างน้อยกู้ไห่และหมื่นปีศาจทำอะไรเด็กหนุ่มเย่ว์ไตตันไม่ได้ห้าจอมโฉดและขุนพลห้าสัมผัสยังถูกเขาฆ่าไปครึ่งหนึ่งดังนั้นพอจะกล่าวได้ว่าอยู่ที่นี่ปลอดภัยมากที่สุด!
“งั้นก็แล้วแต่เจ้า” เย่ว์หยางเพิ่งจะรับยานแม่กระทุง แต่เขายุ่งเกินกว่าจะดูแลเขาได้
เมื่อได้รับยานแม่กระทุงมาแล้ว
เย่ว์หยางไม่ได้ทำอะไรเขากลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ก่อนมีเย่ว์หวี่และองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนช่วยกันศึกษารายละเอียดข้อมูลลับสุดยอดที่แม่ทัพอินทรีทองให้ไว้อย่างรอบคอบ
หลังจากใช้เวลานานในการย่อยและจัดระเบียบความรู้แล้วในที่สุดเย่ว์หยางก็ได้เงื่อนงำเกี่ยวกับโครงสร้างยานแม่กระทุงมาบ้าง
ยานแม่ไม่ว่าจะมีขนาดใดก็ตามสร้างโดยใช้โลหะลับเทพสังหาร
นอกจากนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนที่มีคุณสมบัติสามารถสร้างผลิตได้
มันถูกวิจัยค้นคว้าโดยสองเทพผู้ยิ่งใหญ่เทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกผู้ล่วงลับไปแล้ว วัสดุพิเศษก็คือโลหะลับเทพสังหารเป็นโลหะที่มีพลังเทพและสำนึกเทพและสร้างออกมาในรูปแบบอากาศยาน เนื่องจากเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองเท่านั้นที่ออกแบบวิจัยพัฒนายานแม่ ดังนั้นเทพทั้งแปดผู้สืบทอดมรดกวิชาของเขาในภายหลังสามารถใช้พลังเทพเพื่อผลิตยานแม่เท่านั้นไม่สามารถผลิตสิ่งอื่นใดได้ เป็นเวลาหลายพันปีไม่ว่าจะเป็นเฮยโจ้วหรือซื่อเสินต่างพยายามค้นคว้าใหม่มาเป็นพันๆ ปี ทว่าไม่ประสบผลสำเร็จ
นี่แสดงให้เห็นว่าภูมิปัญญาของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกนั้นยิ่งใหญ่มากแค่ไหน
พลังเทพและพลังสำนึกเทพแตกต่างกันแปดเทพจึงสร้างยานแม่ได้แตกต่างกัน
ซื่อเสินและเฮยโจ้วทรงพลังที่สุด พวกเขาสามารถสร้างยานแม่ขนาดมหึมาได้ ตัวอยางเช่นอาณาจักรเทพประจิมมียานเหยี่ยวมังกรซึ่งยาวถึงสิบกิโลเมตรอาณาจักรเทพบูรพามียานพญาครุฑซึ่งมีขนาดเดียวกัน อาณาจักรเทพอาคเนย์เป็นต้น มียานขนาดที่เล็กลงมาขนาดพอๆ กับยานนกกระทุง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ควรจะสร้างยานรบขนาดที่ใหญ่มากในอนาคต!” อู๋เหินให้ความสนใจเกี่ยวกับงานวิจัยนี้เป็นส่วนใหญ่
“เราไม่เพียงแต่ต้องสร้างให้เป็นยานแม่ลำใหญ่ที่สุดเท่านั้น แต่ยังคงสร้างอย่างอื่นอีกด้วย อาวุธ เกราะหุ่นรบ ปราสาท ในระยะสั้นๆ เราสามารถใช้ทุกอย่างได้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนชื่นชอบโลหะลับเทพสังหารซึ่งมีพลังกฎสวรรค์ทำให้ศัตรูอ่อนแอลงถึงร้อยเท่า
“อืม..เป็นความคิดที่ไม่เลวเลย แต่ก็แค่ความคิด!” เย่ว์หยางไม่มองโลกในแง่ดีเกินไป
“เจ้าไม่ได้คิดสร้างเกราะหรอกหรือ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตะโกน
“ใช่, แต่ประสิทธิภาพต่ำเกินไป” เย่ว์หยางบ่นอย่างคับข้องใจ “สร้างเกราะสองสามชุดและหุ่นรบสักตัวข้าเหนื่อยแล้วเหนื่อยอีก แม่เสือสาว..เจ้ายังบอกว่าข้าต้องสร้างปราสาท ฆ่าข้าเลยเสียดีกว่า! เจ้าไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องนี้เลย ถ้ายานแม่สร้างได้ดีจริงๆ อย่างนั้นทำไมแปดอาณาจักรเทพมียานแม่แค่ลำเดียวหลังจากผ่านไปเป็นหมื่นปี? คาดว่าคนที่อ้างตนเป็นเทพต้องพยายามอย่างหนักกว่าจะสร้างยานแม่ได้ แปดอาณาจักรเทพสร้างยานแม่ขนาดเล็กได้หรือเหตุผลเพราะมันผลิตไม่ง่ายคาดว่าแม้แต่คนที่เรียกตนเองเป็นเทพก็ต้องทำงานอย่างหนักกว่าจะสร้างยานแม่ได้”
“ไม่ว่ายังไงก็ตามเจ้าต้องคิดหาทางสร้างปราสาทให้ได้” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีเหตุผลมากมายเมื่อถึงคราวนางใช้เหตุผล แต่เมื่อนางหาเรื่องป่าเถื่อน นางคือแม่เสือสาวที่ไม่สนใจว่าท่านจะพูดว่าอะไร
“แม่เสือสาวภูมิใจไร้สาระ ต้องเยียวยาด่วน!” เย่ว์หยางพูดไม่ทันทีจบหมัดขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็ตามมาแล้ว
“ในเมื่อมีโลหะลับเทพสังหารสามารถใช้สร้างยานแม่ได้ก็สามารถใช้สร้างอย่างอื่นได้ และเราจะมีความสำเร็จทางนี้ สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้ก็คือหาวิธีที่ดีที่สุด ข้าว่าต้องมีความลับบางอย่างของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือก เป็นไปไม่ได้ที่จะค้นคว้าสุ่มสี่สุ่มห้า...” เย่ว์หวี่จับแก้มคิดอย่างลึกซึ้ง
นางมักเป็นผู้ช่วยที่ดีของเย่ว์หยาง
ไม่ว่าปัญหาจะยากเพียงไหนนางต้องห่วงแทนน้องชายนางทุกที
นางเซียนหงส์ฟ้ามองดูโลหะลับเทพสังหารอยู่นานจู่ๆ นางก็วางลงทำให้ทุกคนจดจ่อสนใจนาง คิดว่านางค้นพบความลับยิ่งใหญ่
ใครจะนึกกันเล่าว่าจักรพรรดินีเทียนฟาพลันยืดเอวบิดขี้เกียจดูน่าดึงดูดใจน่าหลงใหลจนอยากตาย “ข้าง่วงแล้วขอตัวกลับไปนอนก่อน พวกเจ้าค่อยๆค้นคว้าดู ข้าขอสนับสนุนทางใจก็แล้วกัน ถ้าเจ้าค้นวิธีสร้างปราสาทได้ ข้าจองหนึ่งหลัง!”
ทุกคนได้ยินร่วงกับพื้นทันที
เจ้าได้เป็นจักรพรรดินีเทียนฟาสบายเกินไปจริงๆ ไม่มีใครฉลาดเท่าเจ้า!
นางเซียนหงส์ฟ้ากลับไปนอนโดยไม่สนใจใครส่งผลต่อกำลังใจของทุกคน หลังจากค้นคว้าถึงเที่ยงคืนก็ยังไม่สำเร็จทุกคนตัดสินใจกลับไปพักผ่อน ในที่สุดแม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่มีพลังเหลือเฟือที่สุดก็ยังหาวเบื่อหน่าย นางตัดสินใจวางงานไว้ก่อนพรุ่งนี้พอนอนหลับกินอิ่มพอแล้ว ค่อยตัดสินใจมาช่วยเย่ว์หยางเพื่อศึกษาโลหะเทพสังหารต่อดีหรือไม่ อู๋เหินพยายามเตือนเย่ว์หยางให้ไปพักเหลืออยู่แต่เย่ว์หวี่เท่านั้น หลังจากจัดบ้านอยู่เงียบๆ แล้ว นางนั่งข้างๆเขาและปลอบโยนเขาเบาๆ “ความจริงในเบื้องต้นเราประสบความสำเร็จแล้ว แต่เรายังไม่พบวิธีที่ดีที่สุดโลหะลับเทพสังหารเป็นวัสดุพิเศษ อาจเป็นสิ่งที่เทพผู้ยิ่งใหญ่โบราณสร้างขึ้น สำหรับของประเภทนี้เราไม่สามารถจัดการด้วยความรู้สึกร่วมได้บางทีอาจไม่ต้องใช้การวิจัยที่ลำบากมากเพราะเทพลงมือพร้อมกันขณะที่เกิดความคิดเดียว หากเจ้าเป็นเทพ เจ้าก็สามารถคิดได้ทันทีที่เจ้าต้องการและทำสิ่งที่เจ้าต้องการโดยไม่ต้องใช้กำลังภายนอกช่วย”
เย่ว์หยางไม่สนใจในตอนแรก
แต่พอฟังอีกครั้งประกายความคิดเกิดขึ้นในใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำปลอบใจสุดท้ายที่เย่ว์หวี่ทำไปโดยไม่รู้ตัว ทำให้เขาเหมือนจุดประกายความคิดเป็นความคิดที่เต็มไปด้วยปัญญาอยู่ภายใน
เขาตื่นเต้นจนลืมตัวกระโดดโลดเต้นกอดเย่ว์หวี่แน่นและจูบนางเต็มปาก แม้จะไม่ได้ตั้งใจทำเช่นนั้นแต่รู้สึกไม่หนำใจเขาจูบนางอีกสองสามครั้งปล่อยให้นางตัวแข็งทื่อ เขาเก็บโลหะลับเทพสังหารและเริ่มใช้สนามพลังสร้างโลก ยกพลังปณิธานสูงสุดและกดพลังที่เหนือกว่าระดับเทพธรรมดาคลุมโลหะลับเทพสังหาร
ไม่ได้เป็นการบังคับให้เปลี่ยนแปลงแต่เป็นการนำทางตามธรรมชาติ
นอกจากนี้ยังต่างจากที่ทำเกราะและหุ่นรบเย่ว์หยางในตอนนี้ปล่อยให้สำนึกเทพนำทาง
หลังจากนั้นแค่คิดอย่างเดียว
แสงแปลกประหลาดฉายประกายสง่างามแผ่ออกมาจากมือเย่ว์หยางสว่างเหมือนดวงอาทิตย์ และ เหมือนกับจักรวาล เมื่อจักรวาลจะระเบิด!