บทที่23
“กรี๊ดดดด!”
คายะกรีดร้องแล้ววิ่งไปหลบหลังพ่อแม่ของเธอ หญิงสาวไม่กล้าลืมตาดูภาพสยองนี้ พ่อแม่ของเธอเองก็ดูประหม่า คุโระฮาโดลเอาชนะเด็กหนุ่มไม่ได้ เมื่อคิดถึงว่าคุโระอยากจะฆ่าครอบครัวของพวกเขาจริง ๆความเย็นเยือกก็แล่นจากปลายนิ้วขึ้นหัว โชคดีที่เด็กหนุ่มเข้ามช่วยเอาไว้ได้ทัน
“พวกคุณปลอดภัยใช่ไหม?” รอยถาม
“โอ้... พวก พวกเราไม่เป็นไร” พ่อของคายะส่ายหน้าแล้วมองรอนอย่างขอบคุณ “ขอบใจเธอมากนะพ่อหนุ่ม ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ เราทุกคนคงตายด้วยมือของคุระฮาโดลไปแล้ว”
“พวกคุณเกรงใจไปแล้ว” รอนยิ้มแล้วเก็บดาบกลับเข้าฝัก
“มาทำความสะอาด!” พ่อของคายะสั่งให้ผู้คุ้มกันและคนรับใช้ออกมาลากศพและทำความสะอาดสถานที่ พ่อของคายะมองไปที่รอน “พ่อหนุ่ม เธอจะให้เกียรติมาที่บ้านของฉันแล้วพูดคุยกันสักพักได้หรือเปล่า เผื่อฉันจะตอบแทนอะไรเธอได้บ้าง”
“ใช่แล้ว หนุ่มน้อย!” แม่ของคายะกล่าวสนับสนุน “ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ พวกเราคงตกอยู่ในอันตราย ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคุระ... ไม่สิ คุโระจะเป็นโจรสลัดที่ซ่อนอยู่ในบ้านพวกเรา มันอันตรายมาก!”
แม่ของคายะมองไปที่สามีของเธออย่างกังวล “เราสองคนไม่ค่อยแข็งแรง ฉันคิดว่าพวกเราคงจะอยู่ได้ไม่นาน ถ้าเราจากไปแล้วเหลือเพียงคายะอยู่ตามลำพัง... ฉันไม่อยากจะคิดเลย!”
“อืม...” พ่อคายะก็มีสีหน้ามืดมนเหมือนกัน จากนั้นพอมองไปที่รอนก็เริ่มมีสีหน้ามีความหวัง
“นี่...” รอนแสร้างทำเป็นลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “ถ้าอย่างนั้นก็... รบกวนด้วยครับ”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เยี่ยม!” พ่อของคายะยิ้ม แต่ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป เขาไออย่างรุนแรง ใบหน้าแดงและมีเลือดออกมาจากมุมปาก
“พ่อคะ พ่อสบายดีไหมคะ?” คายะเข้ามาประคองพ่อของเธอแล้วถามด้วยเสียงเป็นห่วง
“ไม่เป็นไร ๆ พ่อสบายดี!” ชายกลางคนโบกมือแล้วขอโทษรอน “ขอโทษทีนะ สุขภาพของฉันไม่ค่อยแข็งแรงน่ะ”
“โอ้ ผมรู้แล้วครับ” รอยยิ้มแล้วกล่าวว่า “ถ้าคุณไม่รังเกียจ ผมคิดว่าน่าจะช่วยพวกคุณสองคนได้ ความสามารถทางด้านหมอของผมไม่ได้ด้อยไปกว่าวิชาดาบ”
ล้อเล่นน่า ทักษะปฐมพยาบาลเพิ่มไปจนเลเวลเต็ม ระดับการแพทย์ในปัจจุบันของเขาอยู่ในอันดับต้น ๆของโลกวันพีซอย่างแน่นอน และมันไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำตัวเป็นหมอรักษาพ่อแม่ของคายะ
“อะไรนะ?” พ่อแม่ของคายะช็อก เด็กหนุ่มตรงหน้าเขาไม่เพียงแต่มีวิชาดาบแข็งแกร่ง แต่... เขายังมีทักษะด้านการแพทย์ด้วย?
ทั้งสองคนไม่อยากจะเชื่อ เด็กหนุ่มคนนี้มีวิชาดาบที่แข็งแกร่ง การเรียนวิชาดาบต้องใช้เวลานานมาก กว่าจะฝึกฝนให้แข็งแกร่งได้ หากฝึกทักษะทางการแพทย์ไปด้วย จะฝึกได้ดีสักเท่าไหร่กัน? หรือว่ามันจะทำได้จริง ๆ?
“จริงเหรอ?” ต่างต่างพ่อแม่ของเธอ คายะได้ยินก็ถามออกไปด้วยความประหลาดใจ เธอเองก็สนใจทักษะการแพทย์มากเพราะปัญหาโรคในครอบครัว น่าเสียดายที่ความสามารถของเธอมีจำกัด จนถึงตอนนี้มันก็ไม่ได้พัฒนาอะไรมากมาย มันไม่มีทางที่เธอจะรักษาโรคของพ่อแม่ได้ เธอทำได้เพียงเฝ้าดูพ่อกับแม่ของเธอทุกข์ทรมาน และคายะก็รู้สึกทุกข์ใจมาก
ตอนนี้พอได้ยินคำพูดของรอน เธอก็รู้สึกว่ามีผู้ช่วยให้รอดมาแล้ว คายะจับมือของรอนและมองรอนด้วยสีหน้าคาดหวังเต็มเปี่ยม “คุณรักษาโรคของพ่อกับแม่ของฉันได้ ใช่ไหม?”
“อืม!” รอนถูกมืออันนุ่มนิ่มและเล็กของคายะจับ แล้วเขาก็โล่งใจ รอนพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดอย่างมั่นใจว่า “ไม่มีปัญหาแน่นอน ตราบใดที่พวกคุณมีห้องพยาบาลที่นี่ ไม่จำเป็นต้องทันสมัย ขอเพียงห้องพยาบาลธรรมดาก็ได้แล้ว”
“เยี่ยมเลย” คายะร้องออกมาด้วยความดีใจ “เรามีทุกอย่างพร้อม ทั้งยา เครื่องมือผ่าตัดทุกชนิด ฉันสนใจทักษะการแพทย์มาก ครอบครัวของฉันป่วย พวกเราเลยมีเครื่องมือพวกนี้ครบหมด”
“ดี อย่างนั้นเราไปที่บ้านกันเถอะ” รอนพยักหน้าแล้วตะโกนเรียกทาชิงิเสียงดัง “มานี่สิ”
“คนคนนี้คือใครคะ?” คายะเห็นผู้หญิงอายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเธอ จึงถามด้วยความสงสัย
“อ่า... เธอคือคนรับใช้น่ะ” รอยนยิ้มแล้วปรามทาชิงิทางสายตา
นายว่าใครเป็นคนใช้ ห๊ะ!
ทาชิงิอดแย้งในใจไม่ได้ แต่เมื่อเห็นสาวตาที่สื่อความหมายบางอย่างของรอน เธอทำได้เพียงพยักหน้าออกไปอย่างไม่เต็มใจ “ใช่ ฉันเป็นคนรับใช้!”
“โอเค เราเข้าบ้านกันเถอะ!”
รอนและทาชิงิเดินตามครอบครัวคายะเข้าไปในบ้าน โดยมีคนรับใช้หลายคนติดตามมา ส่วนผู้คุ้มกันหลายคนกำลังกำจัดศพของคุโระตามคำสั่งอยู่
“พวกคุณนอนบนเตียงก่อน ผมจะดูอาการของพวกคุณว่าหนักขนาดไหน” รอนพูดกับพ่อแม่ของคายะด้วยเสียงสุภาพ
“ตกลงพ่อหนุ่ม”
“ผมชื่อรอน” รอนกล่าวยิ้ม ๆ
“ฉันชื่อคายะ” คายะยิ้มแล้วแนะนำตัวเองกลับ
รอนเริ่มตรวจร่างกายของพ่อแม่เธอและใช้เวลาเพียงสั้น ๆเท่านั้นในการตรวจอาการ
“พวกคุณเป็นโรคทางพันธุกรรม ดังนั้นร่างกายของคายะเองก็ไม่ค่อยดีใช่ไหม?” รอนถาม
“เธอเก่งจริง ๆ เพียงแค่ดูนิดหน่อยก็สามารถวินิจฉัยได้!” พ่อของคายะพูดอย่างเชื่อฟัง “ใช่แล้ว เราเป็นโรคทางพันธุกรรมจริง ๆ มีเพียงไม่กี่คนในครอบครัวที่มีชีวิตถึงวัยกลางคนได้ เฮ้อ... พวกเรายังไปไม่เป็นไร แต่คายะน่ะสิ!”
“แม่กับพ่อต้องไม่เป็นไรแน่ค่ะ” คายะรีบจับมือพ่อแม่ของเธอ ใบหน้าดูเศร้าหมอง “คุณรอนจะรักษาพ่อกับแม่ได้แน่ค่ะ”
“เฮ้อ...” พ่อแม่ของคายะมองหน้ากัน แม้ว่าพวกเขาจะตั้งตารอ แต่พวกเขาก็ไม่มีความหวังมากนักเพราะครอบครัวของเขาไม่ได้ขาดเงิน พวกเขาเคยไปพบแพทย์มีชื่อเสียงหลายต่อหลายคนมาก่อน แต่พวกเขาเหล่านั้นถึงจะเป็นหมอที่มีชื่อเสียงก็ยังไม่สามารถรักษาอาการของพวกเขาได้ พวกเขาทำได้เพียงเลิกทำธุรกิจและนำคายะมาอยู่ที่หมู่บ้านเล็ก ๆที่เงียบสงบแห่งนี้เพื่อใช้ชีวิตที่เหลืออยู่
“พวกคุณไม่ต้องห่วง!” รอนยิ้มอย่างมั่นใจ “ผมไม่เหมือนไอ้พวกนั้น แม้ว่าโรคของพวกคุณจะเป็นมานานแล้ว ปกติพวกคุณจะมีอายุเหลือเพียงอีกปีเดียว แต่ถ้าผมผ่าตัดพวกคุณ พวกคุณจะมีชีวิตต่อและกำจัดโรคร้ายนี้ได้แน่นอน”
“อะไรนะ?”
“จริง... จริงเหรอ?”
พ่อแม่ของเธอมองรอนด้วยใบหน้าเหลือเชื่อและถามด้วยความตกใจปนแปลกใจ
เมื่อคายะได้ยินสิ่งนี้ เธอจึงกอดแขนของรอน ความนุ่มนวลและยืดหยุ่นก็ถูกกดลงบนท่อนแขนของรอน มันแทบจะทำให้รอนตัวลอย