ตอนที่แล้วบทที่ 925 (46) น่าทึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 927 (48) รอพวกเขา

บทที่  926 (47) ประชดประชัน(ตอนฟรี)


บทที่  926 (47) ประชดประชัน

“เอี๊ยด—!”

เมื่อมองไปยังเขตบ้านพักของสำนักงานเทศบาลเจียงโจวที่อยู่เบื้องหน้า หรงซูเยี่ยนที่นั่งอยู่ในรถก็พูดขึ้นว่า “เหล่าหวาง ฉันจะไปคนเดียว คุณรออยู่ในรถ”

หวางซั่วเซิงที่นั่งอยู่ด้านข้างคนขับพยักหน้าและพูดว่า “ครับผู้จัดการใหญ่ ระวังตัวด้วยนะครับ”

“อืม!”

แต่ก่อนที่หรงซูเยี่ยนจะลงจากรถ เธอก็พูดกับชายหนุ่มที่เป็นคนขับรถว่า “จอดรถไว้ข้างถนน แล้วรอฉันกลับมาที่นี่ ระหว่างรอ ถ้าคุณเหนื่อยก็งีบหลับไปก่อนได้เลย”

เพราะหลังจากเหตุการณ์ที่หรงเป่ากังทำเรื่องผิดพลาด องครักษ์ที่อยู่รอบตัวเธอก็ถูกเรียกตัวกลับไปทั้งหมด ดังนั้นหรงซูเยี่ยนจึงต้องใช้บอดี้การ์ดจากบริษัทเท่านั้น แต่เนื่องจากบอดี้การ์ดไม่รู้จักนิสัยของเธอ เธอจึงทำได้เพียงกำชับรายละเอียดต่างๆที่ปกติแล้วเธอไม่จำเป็นต้องพูด

“ครับ!” บอดี้การ์ดพยักหน้า

จากนั้นหรงซูเยี่ยนก็เดินลงจากรถ และหลังจากที่ลงทะเบียนกับยามที่หน้าประตูใหญ่เรียบร้อยแล้ว เธอก็เดินเข้าไปยังเขตบ้านพักของสำนักเทศบาลเจียงโจว

เมื่อเห็นหรงซูเยี่ยนเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว หวางซั่วเซิงซึ่งนั่งอยู่ในรถก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวเล็กน้อย การมาของผู้จัดการใหญ่ในครั้งนี้อาจเป็นการเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ หรือแม้กระทั่งถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย

หวางซั่วเซิงผู้ติดตามหรงซูเยี่ยนย่อมรู้ดีว่าตั้งแต่เหตุการณ์ของหรงเป่ากังเกิดขึ้น ผู้จัดการใหญ่ได้ไปพบกับบุคคลของสำนักงานเมืองที่รับผิดชอบในเรื่องนี้หลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจิ้งหยวนซาน รองผู้อำนวยการที่รับผิดชอบคดีนี้โดยตรง เธอไปพบเขาบ่อยที่สุด

อย่างไรก็ตาม เธอไม่เคยได้รับคำตอบที่น่าพอใจเลยแม้แต่ครั้งเดียว

รองผู้อำนวยการเจิ้งแนะนำให้หรงซูเยี่ยนจ้างทนายความให้แก่หรงเป่ากังเพื่อปกป้องสิทธิ์ของเขา และบอกว่าจากคำให้การของหรงเป่ากังที่มีการรับสารภาพ เขาสามารถส่งคำร้องขอต่อศาลเพื่อขอการพิจารณาได้ แต่นอกเหนือจากนั้นก็ไม่มีความคืบหน้าอื่นใดเพิ่มเติม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทิศทางของการดำเนินคดี เจิ้งหยวนซานไม่พูดถึงเลย

“ฟู่~!”

เมื่อเธอเดินมาถึงอาคารที่ซึ่งเป็นบ้านพักของครอบครัวเจิ้งหยวนซาน หรงซูเยี่ยนก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และค่อยๆผ่อนลมหายใจออกช้าๆ เธอรู้สึกกดดันเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้ หรงซูเยี่ยนได้คิดเกี่ยวกับวิธีการทั้งหมดเท่าที่เธอจะคิดออก เธอพยายามควบคุมอารมณ์ต่างๆไว้ในใจและโทรหาเจิ้งหยูซิ่ว ลูกพี่ลูกน้องของเธอ เพื่อขอให้เจิ้งหยูซิ่วช่วยหรงเป่ากัง แต่ก็ยังไม่เห็นผลใดๆ และเมื่อเห็นว่าคดีกำลังจะถูกตัดสินในไม่ช้า หรงเป่ากังที่มีโอกาสจะถูกตัดสินโทษจำคุก หรงซูเยี่ยนก็ไม่อาจใจเย็นได้อีกต่อไป

.............

ในขณะที่หรงซูเยี่ยนกำลังตกอยู่ในความทุกข์ ภายในบ้านของเจิ้งหยวนซานนั้นเป็นอีกฉากหนึ่ง

“พ่อครับ ผมผิดไปแล้ว...”

ในห้องนั่งเล่น จางปินเหลือบมองพ่อของเขาอย่างกล้าๆกลัวๆ โดยที่ยังมีผ้าพันแผลพันอยู่รอบศีรษะ เขาดูน่าสงสารมาก “ผมจะไม่ไปเจอคนพวกนั้นอีกแล้ว และผมก็จะไม่ดื่มเหล้าอีก...”

เจิ้งหยวนซานอดไม่ได้ที่จะตะคอกอย่างเย็นชา “จะไม่ดื่ม จะไม่ต่อยตีอีกแล้ว? ถ้าทำแบบนั้นแล้วเจ้าจะแสดงให้คนอื่นเห็นได้อย่างไรว่าเจ้าเก่งกาจขนาดไหน! ไม่เป็นไร ทำต่อไป! ดื่มเหล้าให้เยอะๆ ไปต่อยตีให้มากๆ!”

จางปินรู้สึกกลัวมากจนไม่กล้าโต้แย้ง เขามองไปที่แม่ของเขาด้วยสายตาเว้าวอนโดยหวังว่าแม่จะช่วยเขา

“เฒ่าเจิ้ง เสี่ยวปินเพิ่งออกจากโรงพยาบาล อย่าดุด่าเขามากไปกว่านี้เลย” ภรรยาของเจิ้งหยวนซานทนดูไม่ได้อีกต่อไป ลูกชายของเธอถูกคนอื่นทุบตีข้างนอก กลับมาบ้านก็ยังมาถูกตำหนิอีก มันทำให้เธอรู้สึกเป็นทุกข์ที่ไม่สามารถช่วยอะไรลูกชายของเธอได้

“ใช่แล้วค่ะพ่อ ปล่อยให้เสี่ยวปินไปพักก่อนเถอะค่ะ ไว้อีกสักพักค่อยมาคุยกันใหม่” จางหยุน ลูกสาวคนโตก็พยายามช่วยพูดให้น้องชายของเธอเช่นกัน เธอรู้ดีว่าแม้ว่าพ่อจะเข้มงวดกับน้องชายของเธอมาก แต่พ่อมักจะใจดีกับเธอเสมอ ดังนั้นเธอจึงไม่ได้รู้สึกกลัวพ่อของเธอเท่ากับน้องชาย

“พวกเจ้า...” เจิ้งหยวนซานส่ายหัวด้วยความโกรธ และจ้องเขม็งไปที่ลูกชายของเขา “ถ้ายังมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ก็คอยดูว่าเจ้าจะมีขาไว้เดินออกไปหาเรื่องได้อีกหรือเปล่า!”

“ไม่แล้วครับ ไม่ทำแล้ว!” จางปินรีบพูดทันที

สีหน้าของเจิ้งหยวนซานอ่อนลงเล็กน้อย “ไปพักผ่อนซะ พรุ่งนี้ต้องตื่นไปโรงเรียนแต่เช้า!”

“ครับ!”

จางปินรู้สึกโล่งใจและดีใจมาก เขากำลังจะกลับเข้าห้องไป แต่ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

“ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!”

จางปินรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที แต่สิ่งที่เขาเห็นคือผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ขอโทษครับ คุณมาหาใครครับ?”

“ฉันมาหารองผู้อำนวยการเจิ้งค่ะ ไม่ทราบว่าเขาอยู่ที่นี่หรือเปล่าคะ?” ผู้หญิงแปลกหน้าพูด

“คุณมีธุระอะไรกับพ่อผม?” จางปินถาม

“ฉันต้องการมาคุยอะไรนิดหน่อยน่ะค่ะ” ผู้หญิงแปลกหน้ายิ้ม

จางปินหันกลับไปมองและเห็นว่าพ่อของเขาพยักหน้า เขาจึงถอยออกมาสองก้าวและพูดว่า “พ่อของผมอยู่บ้าน เชิญเข้ามาข้างใน”

ผู้หญิงแปลกหน้ากล่าวขอบคุณและเดินเข้าไป และเมื่อเห็นว่าเจิ้งหยวนซานกำลังนั่งอยู่บนโซฟา เธอก็ยิ้มทันทีและพูดว่า “สวัสดีค่ะหัวหน้าเจิ้ง ฉันต้องขอโทษที่มารบกวนคุณอีกครั้งในช่วงเวลาเช่นนี้”

“คุณหรง?” เจิ้งหยวนซานตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “เชิญนั่งลง!”

ผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้คือหรงซูเยี่ยนนั่นเอง

“หัวหน้าเจิ้ง นั่น... ลูกชายของคุณบาดเจ็บเหรอคะ?” หรงซูเยี่ยนมองไปที่ผ้าพันแผลบนหัวของจางปินและอดไม่ได้ที่จะถาม

ทันทีที่เธอเอ่ยถึงเรื่องนี้ ใบหน้าของเจิ้งหยวนซานก็ดูน่าเกลียดขึ้นเล็กน้อย เขาส่งเสียงฮึ่มในลำคอเบาๆ “ใช่! เจ้าเด็กโง่นี่ไปดื่มกินตามคำชวนของคนอื่น แต่กลับถูกทุบตีกลับมา”

ที่ด้านข้างจางหยุนรินน้ำหนึ่งแก้วให้หรงซูเยี่ยน “น้ำเปล่าค่ะ”

“ขอบคุณ” หรงซูเยี่ยนพยักหน้าเล็กน้อยและพูดด้วยรอยยิ้ม “หัวหน้าเจิ้ง อย่าโมโหไปเลยค่ะ การที่เด็กๆทะเลาะกันมันเป็นเรื่องปกติ ฉันคิดว่าเมื่อเขาโตขึ้น เขาจะกลายเป็นเจ้าคนนายคนเมื่อพ่อของเขา”

“เหอๆ..” เจิ้งหยวนซานหัวเราะ “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเด็กคนนี้จะโตไปเป็นเจ้าคนนายคนหรือเปล่า แต่ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป เด็กคนนี้คงไม่กล้าแม้แต่จะไปเรียน!”

“หืม?”

หรงซูเยี่ยนอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง “ทำไมหัวหน้าเจิ้งถึงพูดแบบนั้นล่ะคะ?”

แม้ว่าหรงซูเยี่ยนจะรู้สึกดีใจที่เจิ้งหยวนซานยอมคุยเรื่องภายในบ้าน เพราะมันเท่ากับว่าเขาเริ่มเปิดใจและมันช่วยให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาดีขึ้น แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจที่เจิ้งหยวนซานพูดเช่นนี้

เจิ้งหยวนซานส่ายหัวและพูดว่า “อืม.. ฉันจะพูดยังไงดี งานของฉันคงไปทำให้ใครบางคนไม่พอใจ... ไม่สิ! ฉันอธิบายอย่างนี้ดีกว่า พอดีว่าเมื่อไม่กี่วันก่อน มีคนจากตระกูลเจิ้งในหยานจิงมาสั่งให้ฉันทำบางอย่าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ฉันลำบากใจที่จะทำ และเพราะแบบนั้น ลูกชายของฉันถึงได้ถูกทุบตีมาแบบนี้ และนี่ก็ทำให้ฉันรู้สึกว่างานนั้นยิ่งยากเข้าไปใหญ่!”

“อะไรนะ?!”

ใบหน้าที่สวยงามของหรงซูเยี่ยนเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เธอมองไปที่เจิ้งหยวนซานอย่างตกตะลึงและรู้สึกโกรธ “หัวหน้าเจิ้ง เรื่องที่คุณพูด... เป็นความจริงหรือ?”

เจิ้งหยวนซานขมวดคิ้วทันที

แต่แล้วหรงซูเยี่ยนก็ตระหนักได้ว่าเธอพูดผิดไป เธอจึงรีบพูดใหม่อีกครั้งว่า “หัวหน้าเจิ้ง อย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิด ไม่ใช่ว่าฉันไม่เชื่อที่คุณพูด แต่เรื่องนี้... หัวหน้าเจิ้ง โปรดยกโทษให้ฉันที่มารบกวนคุณโดยไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า ฉันหวังว่าคุณจะให้อภัย”

เธอลุกขึ้นยืนทันทีและพูดว่า “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ฉันจะไม่รบกวนหัวหน้าเจิ้งมากไปกว่านี้ ไว้วันหลังฉันจะมาเยี่ยมคุณใหม่ ลาก่อน”

“เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่รั้งคุณไว้ เดินทางปลอดภัย ลาก่อน!” เจิ้งหยวนซานพยักหน้าด้วยรอยยิ้มตามมารยาท

เมื่อมองไปยังแผ่นหลังของหรงซูเยี่ยนที่จากไปด้วยท่าทางเร่งรีบ จางหยุนก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกงุนงงเล็กน้อย ผู้หญิงคนนี้มาหาพ่อของเธอในเวลาเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเธอต้องมีธุระด่วน แต่หลังจากที่พ่อของเธอพูดเรื่องที่เสี่ยวปินถูกทำร้าย เธอก็จากไปด้วยท่าทางรีบร้อน มันแปลกจริงๆ!

นางเจิ้งเดินออกมาจากห้องครัว และเห็นเจิ้งหยวนซานกำลังปิดประตู เธออดไม่ได้ที่จะพูดเสียงดุ “ผู้หญิงสกุลหรงคนนี้กล้าดียังไงถึงมาเหยียบที่นี่? ที่เสี่ยวปินของเราถูกทุบตีแบบนี้มันเป็นเพราะใคร!”

จางหยุนตะลึง การที่เสี่ยวปินถูกทุบตี มันเกี่ยวข้องกับผู้หญิงคนนี้งั้นหรือ?

เธออดไม่ได้ที่จะโมโหตัวเอง เมื่อครู่นี้เธอรินน้ำให้ผู้หญิงคนนั้นดื่ม! และถ้าเธอรู้เรื่องนี้แต่แรก อย่าว่าแต่น้ำดื่มเลย ผู้หญิงคนนั้นจะไม่ได้เดินเข้ามานั่งในบ้านด้วยซ้ำ!

ในเวลาเดียวกัน หรงซูเยี่ยนก็โกรธมากเช่นกัน

“เจิ้งหยูซิ่วนะเจิ้งหยูซิ่ว! เธอเป็นบ้าอะไร!” หรงซูเยี่ยนกัดฟันและเดินออกจากบ้านพักของเจ้าหน้าที่สำนักงานเทศบาลเจียงโจวอย่างรวดเร็ว ความโกรธที่อยู่ในใจของเธอมันพลุ่งพล่านจนเธอแทบไม่สามารถระงับมันไว้ได้

เธอกัดฟันกรอด ความโกรธในใจเริ่มพรั่งพรูออกมา เธอหอบหายใจจนหน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรง เธออุตส่าห์ดึงตัวเองลงมาและข้อร้องให้เจิ้งหยูซิ่วช่วยเคลียร์ในส่วนที่เธอจะทำได้ โดยหวังว่าเป่ากังจะถูกตัดสินจำคุกน้อยลง 2-3ปี แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าเจิ้งหยูซิ่วจะกล้าทำสิ่งนี้ลับหลังเธอ!

ฟังจากสิ่งที่เจิ้งหยวนซานพูด ดูเหมือนว่าคนตระกูลเจิ้งจะสั่งให้เขาทำอะไรบางอย่าง แต่เจิ้งหยวนซานไม่เห็นด้วย คนตระกูลเจิ้งจึงทุบตีลูกชายของเขา!

ช่างยิ่งใหญ่กันจริงๆ!

การที่คนของตระกูลเจิ้งทุบตีลูกชายของเจิ้งหยวนซาน มันก็เท่ากับทำลายชีวิตของหรงเป่ากังด้วยเช่นกัน!

“นี่น่ะหรือลูกพี่ลูกน้องของฉัน เธอช่างเป็นพี่น้องที่แสนดีจริงๆ...”

“ปัง—!”

หรงซูเยี่ยนเปิดประตูรถและพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “กลับกันเถอะ!”

“ผู้จัดการใหญ่ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่าครับ?” เมื่อเห็นน้ำเสียงและสีหน้าที่ไม่ดีของหรงซูเยี่ยน หวางซั่วเซิงก็อดไม่ได้ที่จะถามด้วยความเป็นห่วง “หัวหน้าเจิ้งไม่เห็นด้วยหรือ?”

“เขาคงไม่มีวันตอบตกลงแล้วล่ะ!”

หรงซูเยี่ยนนั่งลงบนเบาะหลัง เอามือนวดขมับ ความโกรธเกลียดพลุ่งพล่านอยู่ในใจ

ให้ตายเถอะ! เจิ้งหยูซิ่ว! พวกตระกูลเจิ้ง!

...............

ก่อนหนึ่งทุ่ม จี้เฟิงกำลังเตรียมอาหารเย็นอยู่ที่บ้าน

ตอนนี้มีหานเซิ่นมาเป็นสมาชิกในบ้านเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง แต่บรรยากาศกลับไม่ค่อยคึกคัก

เหตุผลคือหานเซิ่นและถงเล่ยมีนิสัยที่ค่อนข้างคล้ายกัน นั่นก็คือพวกเธอไม่ชอบพูดมาก และจะไม่แสดงอารมณ์หรือความรู้สึกโดยไม่จำเป็น

ปัญหาคือ ถงเล่ยที่มีนิสัยเย็นชาเป็นทุนเดิม จึงไม่แปลกที่เธอจะไม่ชอบพูด แต่หานเซิ่นนั้นแตกต่างออกไป เธอไม่ชอบพูด แต่เธอแค่ไม่ชอบพูดกับจี้เฟิง โดยปกติแล้ว เวลาที่เธอทำหน้าที่เป็นผู้รักษาความปลอดภัย เธอจะยังคุยเล่นและหัวเราะกับเซียวหยูซวนและคนอื่นๆ แต่เมื่อเธอเห็นจี้เฟิง เธอจะหุบปากในทันที ใบหน้าสวยของเธอนิ่งเฉยโดยไม่แสดงสีหน้าใดๆ

แม้แต่ตอนที่เธออยู่กับถงเล่ยสองคน เธอก็ยังพูดคุยปกติ แม้จะพูดเพียงไม่กี่คำก็ตาม และดูเหมือนว่าทั้งถงเล่ยและหานเซิ่นจะเข้ากันได้ดี ไม่ได้มีปัญหาอะไรในเรื่องของความสัมพันธ์ แต่เมื่อใดที่มีจี้เฟิงอยู่ด้วย บรรยากาศจะแตกต่างออกไปมาก

สิ่งนี้ทำให้จี้เฟิงทำอะไรไม่ถูก เขามั่นใจว่าเขาไม่เคยทำอะไรไม่ดี และไม่เคยเจอหานเซิ่นมาก่อน แต่ทำไมหานเซิ่นถึงได้ไม่ชอบขี้หน้าเขาขนาดนี้? เป็นไปได้ไหมว่ามันเป็นเพียงเพราะความไม่ถูกชะตา?

เป็นเวลาสองวันแล้วที่หานเซิ่นไม่ได้พูดอะไรกับจี้เฟิงเลยแม้แต่คำเดียว

อย่างไรก็ตาม แม้เธอจะไม่อยากคุยกับจี้เฟิง แต่ในเวลานี้ จี้เฟิงจะต้องเป็นฝ่ายเริ่มคุยกับเธอ

จี้เฟิงหยิบบัตรธนาคารออกมาจากกระเป๋าและดันมันไปตรงหน้าหานเซิ่นและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หานเซิ่น บัตรใบนี้ออกให้พร้อมกับบัตรประชาชนของคุณ มันคือบัตรเงินเดือนของคุณ มันมีเงินเดือนของคุณเป็นเวลาหนึ่งปี!”

ห๊ะ?!

หานเซิ่นตกใจ จากนั้นก็ส่ายหัว “ฉัน... ฉันรับไว้ไม่ได้ มันมากเกินไป”

“คุณรับไว้เถอะ ผู้นำครอบครัวเราเป็นคุณชายผู้มั่งคั่ง เขามีเงินล้นมือ!” เซียวหยูซวนแกล้งจี้เฟิง ซึ่งทำให้หานเซิ่นปฏิเสธได้ยาก เธอทำได้เพียงรับบัตรธนาคารมาและพูดเสียงเบา “ขอบคุณ”

โอ้?

จี้เฟิงอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและหัวเราะ มันไม่ง่ายเลยที่จะได้ฟังคำขอบคุณจากปากของหานเซิ่น

“เอาล่ะ เก็บบัตรธนาคารเข้ากระเป๋าไปเร็วๆ เราจะได้กินกันต่อ คิกคิก~!” เซียวหยูซวนหัวเราะ

“Rrrr~!”

ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์มือถือของจี้เฟิงก็ดังขึ้น

.....จบบทที่ 926 ~

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด