ตอนที่ 1152 ความหลงใหล
หลังจากกำจัดไปสองคนคือผีตะกละและขุนพลค้างคาวเยว์หยางรู้สึกว่าถูกบางคนจับตามอง
บางทีตอนแรกไม่มีใครสังเกตตัวเขา
แต่ตั้งแต่กำจัดผีตะกละสถานการณ์แตกต่างออกไปทันที เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะศพบินรายงาน หรือว่าคนหรือมีเส้นสายที่มืดมิดคอยรายงานคนที่อยู่เบื้องหลัง... หลังจากรอขุนพบค้างคาวหูโตเย่ว์หยางรู้สึกได้ชัดเจนว่ามีคนที่จับตามองดูเขาและเขาผู้นั้นมีพลังแข็งแกร่งลึกล้ำมิอาจคาดเดาได้
เขาแกล้งทำเป็นไม่รู้ส่งเหมาพั่วตี้จากไป เพื่อทดสอบปฏิกิริยาของศัตรูที่ซ่อนอยู่ในความมืด
เหมาพั่วตี้ใช้ยานชูชีพจากไปอย่างราบรื่น
ดูเหมือนว่าในใจของศัตรูนั้นเหมาพั่วตี้ก็แค่มดแมลงตัวหนึ่ง และฝ่ายตรงข้ามไม่ใส่ใจ นี่เช่นเดียวกันกับการแยกตัวออกไปของกาดำและกระทุง ศัตรูซ่อนตัวอยู่ในความมืดและจับตาเย่ว์หยางอย่างเดียว เป็นเวลาชั่วระยะหนึ่ง เขาไม่รู้เหตุผลทำไมเขาไม่เริ่มลงมือกับเย่ว์หยาง
หรือว่ายังไม่ได้โอกาส?
หรือว่าพวกเขาเป็นกองกำลังอื่นกำลังนั่งบนภูดูเสือกัดกัน?
เย่ว์หยางไม่สามารถคาดเดาถึงเจตนาของบุคคลที่ซ่อนเร้นนั้นได้ ที่สำคัญเขาเพิ่งมาและความเข้าใจเกี่ยวกับขุนเขาเหนือขุนเขายังคงน้อยมาก!
ขณะที่คิดอยู่นั้นเขาพุ่งเข้าไปในสนามรบแนวดาวเคราะห์น้อย
กู้ไห่กำลังแสดงพลังเทพอย่างยิ่งใหญ่
จอมพลกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทองถูกรุกไล่ต้อนครั้งแล้วครั้งเล่า
สำหรับการมาถึงของเย่ว์หยางทั้งสามคนแสดงสีหน้าประหลาดใจไม่มีใครรู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้เป็นใคร... จอมพลกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทองมองหน้ากันเองและกู้ไห่หยุดโจมตีและมองด้วยความระมัดระวัง
เย่ว์หยางรีบโบกมือ “พวกท่านสู้กันต่อตามสบายไม่ต้องเกรงใจข้าก็ได้ ข้าแค่บังเอิญผ่านทางมา!”
“ดูเหมือนเจ้าเป็นคนของเทพอาคเนย์ชี่เฉียวด้วยไม่ใช่หรือ แต่อาจเป็นคนของเทพบูรพาซื่อเสินก็เป็นได้ เด็กหนุ่ม เจ้ามีกลิ่นอายพิเศษในตัวบ่งบอกว่าเป็นคนฝ่ายพวกเจ้า” กู้ไห่มีปฏิกิริยาเร็ว เขามองดูกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทอง และตระหนักได้ทันทีว่าเย่ว์หยางไม่ใช่สหายหรือผู้ช่วยของทั้งสองแต่ดูเหมือนเป็นคนรุ่นหลังของเทพบูรพาซื่อเสินโดยเฉพาะอย่างยิ่งเขากล่าวเพื่อชี้นำระบุเอกลักษณ์ของเย่ว์หยางไม่ต้องการให้เย่ว์หยางเข้าร่วมสงคราม
พลังของอาณาจักรเทพประจิมแข็งแกร่งมากกว่าและเพียงพอจะข่มอาณาจักรเทพอาคเนย์ได้
ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือศักยภาพในการทำสงครามเทพประจิมยังเหนือกว่าเทพอาคเนย์และเทพอื่น
อย่างไรก็ตามขุนเขาเหนือขุนเขา อาณาจักรเทพประจิมยังไม่ใช่อาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุด อย่างน้อยที่สุดในการเผชิญกับอาณาจักรเทพบูรพาที่ปกครองโดยเทพบูรพาซื่อเสิน อาณาจักรเทพประจิมยังไม่กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นอันดับหนึ่ง
นักสู้แห่งอาณาจักรเทพประจิมผู้หยิ่งยโสสามารถคิดได้ว่าอาณาจักรของเขาอยู่ในสภาพเท่าเทียมกับอาณาจักรเทพบูรพาเท่านั้น
ไม่มีอาณาจักรไหนกล้าพูดว่าดีที่สุดในโลก
รวมทั้งเทพประจิมเฮยโจ้วก็ยังไม่กล้าพูดคำนี้... กู้ไห่ระบุถึงจุดนี้เพื่อป้องกันไม่ให้จอมพลกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทองอ้างได้ แน่นอนกู้ไห่ตั้งใจทดสอบสถานะที่แท้จริงของเย่ว์หยางก่อน ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อนี้เขาไม่อยากตอแยเย่ว์หยาง ในฐานะจอมพลซ้ายแห่งอาณาจักรเทพประจิมเขาไม่ใช่หนึ่งในห้าจอมโฉดเช่นผีตะกละที่อยู่ในบังคับบัญชาของเขาหรือขุนพลห้าสัมผัสเห็นได้ชัดว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้แตกต่างจากคนอื่นและไม่สามารถเข้าใจได้
“เผ่าพันธุ์ของเรา?” เย่ว์หยางขมวดคิ้ว “ไม่ว่าข้าจะเป็นใครก็ตามข้าไม่สนใจจะดูการต่อสู้ของพวกเจ้า ถ้าเจ้าไม่ตอแยข้าข้าก็ไม่สนใจดู”
“ตราบใดที่เจ้าไม่ลงมือสอดแทรกยานนกกระทุงทั้งหมดยกให้เจ้า!” กู้ไห่ใช้คำพูดเหล่านี้ทดสอบ
“เฮอะ! ข้ายังไม่ตายยานแม่นกกระทุงก็ไม่ใช่ของอาณาจักรเทพประจิมของพวกเจ้าอย่างแท้จริง!” จอมพลกริฟฟินได้ยินเรื่องนี้ก็เยาะเย้ยทันที “การให้ของขวัญด้วยของๆคนอื่นหมายความว่ายังไง? ทำไมเจ้าไม่ยกยานแม่เหยี่ยวมังกรที่ใหญ่ที่สุดทรงพลังที่สุดของอาณาจักรเทพประจิมให้น้องชายผู้นี้เล่า? น้องชายผู้นี้โดดเด่นยิ่งนัก เจ้ากลับเอายานแม่นกกระทุงไปมอบให้เขากู้ไห่เจ้าช่างมีน้ำใจนัก?”
“ยานเหยี่ยวมังกรใหญ่กว่ายานนกกระทุงเหรือ? ข้าชอบ” เย่ว์หยางปรบมือหัวเราะ “แน่นอนว่ายานกระทุงไม่เลยเลวข้าไม่ปฏิเสธของขวัญ!”
“ถ้าน้องชายต้องการเราจะยกยานเหยี่ยวมังกรให้เจ้า”แม่ทัพอินทรีทองเข้าใจความหมายของจอมพลกริฟฟินใช้บุรุษหนุ่มผู้นี้ชี้ผลสงครามระหว่างกองทัพ ตอนนี้อาณาจักรเทพประจิมมุ่งมั่นจะยึดครองอาณาจักรเทพอาคเนย์
หากบุรุษนี้เป็นคนหรือผู้เยาว์จากตระกูลซื่อเสินแห่งอาณาจักรเทพบูรพาเป็นไปไม่ได้ที่จะมองดูอย่างเฉยเมย
แปดอาณาจักรเทพนำโดยเทพบูรพาและเทพประจิม
ไม่ว่าจะขาดใครไปสักคนจะทำลายความสมดุลระหว่างกัน
อาณาจักรเทพบูรพาพยายามอดกลั้นอย่างที่สุดในการขยายตัวของอาณาจักรเทพประจิม ที่ยิ่งไปกว่านั้นอาณาจักรเทพประจิมคิดจะผนวกอาณาจักรเทพอาคเนย์ และใช้จุดนี้สร้างแรงกดดันและคุกคามต่ออาณาจักรเทพบูรพา
เย่ว์หยางมองกริฟฟินและอินทรีทองด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยเขาฝืนยิ้ม “ยานเหยี่ยวมังกรเป็นของดีแต่ข้าเกรงว่าจะได้รับมาไม่ใช่เรื่องง่ายจริงไหม?”
จอมพลกริฟฟินตอบ “ก็ยากเหมือนกับรับยานกระทุงลำนี้แหละ”
กู้ไห่หัวเราะ “บุรุษรูปงามผู้นี้รู้แต่ความจริงว่ายานกระทุงอยู่ข้างหน้าเจ้าแล้วและยานเหยี่ยวมังกรอยู่ห่างออกไปหลายพันไมล์! หากน้องชายเต็มใจจะรออย่างอดทนข้ารับประกันได้ว่า ใช้เวลาไม่เกินสามชั่วโมงเจ้าจะได้รับยานกระทุง จอมพลกริฟฟินข้าให้เกียรติเจ้าเสมอมา แต่อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้อาวุโส เจ้าไม่อาจเอาแต่โกหกได้เรื่องนี้ทำให้เราผิดหวังนัก!”
เขาพยายามเสนอดึงเย่ว์หยางเข้ามาอยู่ฝ่ายตนและพยายามเอาชนะอีกฝ่ายหนึ่ง
ตราบใดที่เย่ว์หยางไม่เข้ามายุ่ง
เขายินดีเสนอยกยานกระทุงให้ทั้งหมด
แม่ทัพอินทรีทองเชิดหน้ากล่าวแดกดันทันที “ข้าเกรงว่าข้าคงรอได้ไม่ถึงสามชั่วโมง ทันทีที่จอมพลหมื่นปีศาจมาถึงเขาจะฆ่าน้องชายผู้นี้ไปด้วย! เทียบกับจอมพลกู้ไห่ที่รับปากสัญญากับเจ้าโดยส่วนตัวข้าเชื่อว่าคำพูดของจอมพลกริฟฟินน่าเชื่อถือมากกว่า!”
ทันใดนั้น
ทั้งสองฝ่ายต่างถกเถียงด่าทอกัน
แม้ว่าจะดีกว่าลงมือโดยตรงแต่ในการแสดงภูมิปัญญาและความกล้าหาญของพวกเขานั้นเกินแผนจริงๆ
ทั้งสองฝ่ายสามารถเข้าใจถึงพลังอำนาจและทัศนคติที่อยู่เบื้องหลังเย่ว์หยางพวกเขาไม่ต้องการให้บุรุษหนุ่มนี้กลายเป็นศัตรูและเป็นตัวแปรผลแพ้ชนะการต่อสู้
ไม่ว่าจะเป็นกู้ไห่กริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทอง พวกเขาไม่อยากต่อสู้อีกครั้ง พวกเขาหยุดมือชั่วคราวและรอกำลังเสริม... พวกเขาเห็นได้ว่าไม่ว่าบุรุษหนุ่มผู้หยั่งคาดไม่ถึงจะเข้าร่วมหรือไม่ ประโยชน์จากสถานการณ์โดยรวมจะโอนเอนไปหาฝ่ายนั้น ดังนั้นแม้ว่าเขาจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากเย่ว์หยางพวกเขาก็ไม่ได้บ่นว่าเขา
เย่ว์หยางมาจากฝ่ายซื่อเสินแห่งอาณาจักรเทพบูรพาหรือ?
นี่เป็นเรื่องสำคัญมาก
แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลหลักที่ทำให้เกิดการต่อสู้ เพราะไม่ว่าบุรุษหนุ่มผู้นี้จะอยู่ฝ่ายใดพลังของเขาไม่ง่ายจะรับมือเลย หากไม่มีพลังอำนาจยิ่งใหญ่และตระกูลสำคัญหนุนหลังเป็นไปไม่ได้ที่จะฝึกฝนบุรุษหนุ่มเช่นนี้ขึ้นมาได้
สถานการณ์ต่อสู้ชะงักงัน
ทุกคนกำลังรอ
รวมทั้งเย่ว์หยาง เขายังรอปฏิกิริยาสนองตอบของ ‘บุคคล’ ผู้สอดแนมอยู่ในความมืด
ขณะนั้นเหตุการณ์ที่ยานแม่ที่หยุดชะงักผลที่คาดเดาออกมาแล้ว ผู้ชนะคือภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราช! หลังจากผ่านประตูหวนกำเนิดในหุบเขาอสูร กลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูงพร้อมกับอาบแสงเทพ และกินผลปัญญาระดับศักดิ์สิทธิ์ และจากนั้นยังเลื่อนระดับพร้อมกับเจ้านายหลังจากเอาชนะจ้าวสุริยาได้...ตอนนี้สาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราชไม่ใช่ทารกน้อยที่น่าสงสารที่ต้องถูกฟักจากไข่ก่อนกำหนดอีกต่อไป วันนี้นางคืออสูรพิทักษ์ที่ผ่านการเปลี่ยนแปลงมากมายที่สุดและมีความก้าวหน้ามากที่สุดรองจากอาหงและอาหมัน!
เดิมทีพลังดั้งเดิมของนางยังด้อยกว่าภูตฟ้าปั่นป่วน แต่ตอนนี้พลังของนางก้าวหน้าไปไกลมากจนนางสามารถรับผิดชอบงานบางงานคนเดียวได้
บางทีนางอาจยังตามไม่ทันเสี่ยวเหวินหลีตั่วตั่วและสาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิง
แต่ในแง่พลังรบ
อาหง อาหมันอิคคามีประสบการณ์การต่อสู้มาอย่างยาวนาน
“ถ้าเจ้าถอยหนีจะไม่มีใครชิงงานได้ ให้ข้าสู้สักตั้งหนึ่งก่อน พวกเจ้าไม่ต้องบ่น ไม่อย่างนั้นข้าจะฟ้องนายท่าน!” สาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราชได้เรียนรู้หลายอย่างจากฮุยไท่หลาง โชคดีที่ครั้งนี้ฮุยไท่หลางกำลังฝึกไม่สามารถติดตามมาได้ มิฉะนั้นในอนาคต สาวน้อยผู้นี้คงเรียนรู้กลยุทธ์เจ้าเล่ห์จากฮุยไท่หลางอีกมาก
“เร็วเข้า ข้าใจร้อนนิดหน่อย” อาหงสับสนมองดูมือตนเองเหมือนกับสงสัยว่านางแพ้ (เป่ายิงฉุบ) ได้ยังไง?
อาหมันเป็นคนซื่อและพูดดีๆ
ความสัมพันธ์กับอิคคาก็ไม่เลวพวกนางยังเข้ากันได้ดี
มีเพียงภูตฟ้าปั่นป่วนที่ลังเลเล็กน้อยนางได้แต่ล่องลอยไปมา ขุนพลลิงตาปีศาจมีสีหน้าเยาะเย้ย แต่เขามีความพึงพอใจศิลาศักดิ์สิทธิ์อัญมณีมากมายกับศิลาศักดิ์สิทธิ์ประดับไว้บนตัวของเขาทำให้ดูเหมือนหิ่งห้อยตัวใหญ่ แม้ว่าภูตฟ้าปั่นป่วนจะมีวิวัฒนาการนับครั้งไม่ถ้วน แต่สติปัญญาของนางก็ยังไม่ดีเท่าอาหงและอาหมันและนางก็เปราะบางต่ออัญมณีที่มีพลังงานมหาศาล... เพราะเย่ว์หยางชอบดุนาง แม้ว่านางจะเห็นอัญมณีในตอนนี้แต่นางไม่ต้องการจะกลืนกินทันที
ขุนพลวานรตาปีศาจขุนพลกิ้งก่าลิ้นยาวและขุนพลแมลงจมูกยาว แม้ว่าพวกเขาจะหยิ่งยโสแต่พวกเขาไม่ใช่คนโง่
สำหรับสตรีอ่อนแอที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา
รู้ว่าพวกเขาไม่ควรตอแย
“สตรีคนที่นำและมีเขายาวอาจแข็งแกร่งมากกว่า ถ้าสตรีคนที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ก็คงเป็นสตรีไฟ” ขุนพลวานรตาปีศาจทำการประเมินและรู้สึกประหลาดใจเช่นกัน พวกเขาทั้งสามคิดว่าภูตฟ้าปั่นป่วนแข็งแกร่งที่สุดแล้วจากนั้นก็เป็นอาหง และอาหมัน สำหรับอิคคากับเว่ยหลาย พวกเขาไม่คิดว่าจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้
“ข้าชอบแม่เขายาว ข้ามีหน้ายาว ใบหน้าแปลกร่างกายสุดยอดเอวยาวและขายาว อย่างนี้ต้องสนุกมาก” ขุนพลกิ้งก่ากระซิบกับสหายและจองตัวอาหมันที่นับวันมีแต่จะสวยงดงามมากขึ้นเพราะผ่านการเปลี่ยนแปลงมานับครั้งไม่ถ้วน
“นางไม่เลวเหมือนกัน แต่ข้าชอบหัวหน้าสตรีดูมีราศีเหมือนนางพญาเห็นแล้วอยากให้นางลงแส้.. ไม่...นึกทีไรเลือดกำเดาข้าจะพุ่งทุกที!”ขุนพลแมลงจมูกยาวมีแนวโน้มให้ความสนใจอาหงมากขึ้น มุมมองของเขาได้รับการยืนยันจากขุนพลวานรตาปีศาจ เมื่อมองไปที่อาหงวานรตาปีศาจกลืนน้ำลายลงคอดวงตาขนาดใหญ่เป็นประกาย “พวกเจ้าทุกคน ข้าต้องการแม่นี่!”
“ทำไม?” ขุนพลแมลงจมูกยาวแค่นเสียง
“ข้าจองนางก่อน นางต้องเป็นของข้า! ข้าเล่นจนพอใจแล้วค่อยให้เจ้า!” ขุนพลวานรตาปีศาจบอกว่าเขาจะเล่นเป็นคนแรก
“ไสหัวไป ข้าไม่ต้องการให้เจ้าสู้ สองคนตัวเล็กเป็นของเจ้า คนนี้เป็นของข้า อย่าทะเลาะกัน ข้าจะชดเชยสาวงามให้เจ้าอีกร้อยคนและสาวบริสุทธิ์จากเผ่าจิ้งจอกที่เจ้าต้องการครั้งล่าสุดด้วย สิ่งที่เจ้าต้องการข้าจะยกให้เจ้าหมด แต่สตรีคนนี้ต้องเป็นของข้า!” ขุนพลแมลงจมูกยาวกำหนดเงื่อนไขราคา
สองคนเถียงกันอยู่พักหนึ่ง
โดยไม่ลดราวาศอก
และเกือบจะลงมือต่อกันหลังจากกิ้งก่าลิ้นยาวโน้มน้าวตัดสินใจพักรบชั่วคราว หลังจากจับเชลยได้พวกเขาค่อยเจรจากัน
เมื่อพวกเขากำลังฝันหวานกันอยู่ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชเว่ยหลายได้ออกกำลังอุ่นเครื่องรอตามที่เย่ว์หยางเคยแนะนำไว้ และไม่รีรอเริ่มเปิดศึกทันที...บึ้ม!
เมื่อวานรตาปีศาจสะดุ้งโหยง ก็สายเกินกว่าจะแนะนำตัวเองเสียแล้วหมัดของสาวน้อยตั๊กแตนมัจจุราชมาถึงเบ้าตาเขาแล้ว เขาเจ็บปวดมึนงงรู้สึกมองเห็นดวงดาว