ตอนที่ 1151 เป่ายิงฉุบ
เย่ว์หยางชูมือขึ้น
ขุนพลค้างคาวโดนตบหน้าซ้ายขวาหลายครั้งและเขาโกรธจนควันแทบพวยพุ่งจากทวารทั้งเจ็ด ขุนพลเทพไม่เคยโดนดูถูกอย่างนี้
หัวหน้าฟันหนูไม่เพียงแต่ตกตะลึง แต่แม้แต่ตัวของเขาเองก็รู้สึกไม่ชัดเจนว่าขุนพลค้างคาวถูกจับและพลาดท่าได้อย่างไร? ขุนพลค้างคาวรู้สึกเหมือนตกลงไปในหล่มลึกไม่มีที่สิ้นสุด ร่างกายทั้งหมดอ่อนแอเกียจคร้านไม่อยากเคลื่อนไหว! หากไม่ใช่ตบที่รุนแรงและความรู้สึกอับอายน่ากลัวว่าเขาคงไม่มีปัญญาตอบโต้กลับได้แน่
“พอใจหรือยัง?” เย่ว์หยางถามอีกฝ่ายหนึ่งว่ายินดีพอใจหรือไม่
“เจ้า, ต้องตายแน่นอน!” ขุนพลค้างคาวไม่เคยเกลียดใครมากเท่านี้มาก่อนในชีวิต เพราะนี่เป็นคนที่ทำให้เขาอับอายมากที่สุดในชีวิตก่อนอื่นเขาคิดว่าจะไม่ฆ่าอีกฝ่ายทันที แต่จะทรมานให้หนักเป็นพันเท่าหมื่นเท่า มิฉะนั้นคงยากจะระบายความแค้นในใจได้!
เผียะเผียะ เผียะ!
เย่ว์หยางชื่นชมขุนพลค้างคาวด้วยการตบหน้าอีกหลายฉาด
เขาลงมือได้ดีราวกับว่าขุนพลค้างคาวร้องขอเขาและเขาอึดอัดจนต้องตบหน้าขุนพลค้างคาว ขุนพลค้างคาวโกรธจนตาเขียว
ร่างของเขาสั่นเล็กน้อย
และปล่อยควันสีดำ
คล้ายกับควันและคล้ายกับหมอกพ่นออกมาจากร่างกาย
ทันทีที่ควันดำหุ้มร่างของขุนพลค้างคาว ร่างของเขากลายเป็นเป็นค้างคาวดูดเลือดนับไม่ถ้วนบินขึ้นไปในอากาศ ขุนพลค้างคาวที่ตกอยู่ในเงื้อมมือเย่ว์หยางกลายเป็นค้างคาวบินขึ้นไปในอากาศทันทีและหนีพ้นจากการควบคุมของเย่ว์หยางอย่างรวดเร็ว
ค้างคาวดูดเลือดเหล่านั้นโฉบลงมาอย่างบ้าคลั่งแต่ละตัวมองหาโอกาสที่ดีที่สุดเพื่อโจมตี
ตราบใดที่พวกมันมีโอกาสกัดเย่ว์หยางจะกลายเป็นศพ
มือของเย่ว์หยางไม่ได้ใช้ความพยายามอะไรเลย แต่มุมปากของเขามีรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามเจ้ากลายเป็นค้างคาวดูดเลือด เจ้าจะหนีพ้นเงื้อมมือข้าได้หรือ?” เมื่อค้างคาวดูดเลือดบินขึ้นไปสู้เขาไม่รู้ว่ามีตาข่ายแปลกประหลาดอยู่ในท้องฟ้าตั้งแต่เมื่อใด ตาข่ายไม่ได้สร้างขึ้นจากวัสดุใดๆในโลก แต่ถูกสร้างขึ้นจากพลังจิตเย่ว์หยาง
พลังความคิดของเขากลายเป็นเส้นไหมสานตัวในท้องฟ้ากลายเป็นตาข่ายฟ้า
ตาข่ายฟ้าค่อยๆร่วงลงมา
ค้างคาวดูดเลือดบินต่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกมันบินสูง พวกมันจะชนตาข่าย
พลังจิตสายไหมเหล่านั้นถูกควบแน่นโดยเจตจำนงปราณราชันย์มีลักษณะที่คงทนเป็นอมตะทำให้ค้างคาวดูดเลือดกลายเป็นเหยื่อทันทีเป็นไปไม่ได้ที่จะทำลายตาข่ายหลุดพ้นจากการควบคุมของเย่ว์หยาง
โอว...
ค้างคาวดูดเลือดจำนวนมากถูกจับและไม่สามารถดิ้นรนต่อสู้ได้
แต่ภายใต้ตาข่ายฟ้าค้างคาวดูดเลือดพยายามจะบินหนีออกไปจากตาข่าย
“เจ้างั่งเอ๊ย!” เย่ว์หยางมีความพอใจ ถ้าตาข่ายฟ้าที่เขาสร้างขึ้น ถูกตรวจพบได้ง่ายอย่างนั้นเจ้าจะทำอะไรได้
“คืนร่างเดิม เร็วเข้า คืนร่างเดิมเร็วๆ!” หัวหน้าฟันหนูไม่กล้ายื่นมือช่วยได้แต่มองดูอยู่ไกลๆ เขาตระหนักว่าเกิดเรื่องไม่ดี และรีบไปเตือนขุนพลค้างคาวนี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด แต่ขุนพลค้างคาวที่เปลี่ยนร่างเป็นค้างคาวดูดเลือดแต่เดิมการควบคุมจิตใจนั้นอ่อนแอเมื่อผ่านร่างมนุษย์ นอกจากนี้เขาไม่เต็มใจเท่าใดนักที่ต้องยอมแพ้ในห้วงเวลาสำคัญเช่นนี้ หากร่างแปลงค้างคาวดูดเลือดสามารถกัดร่างเจ้าเด็กนี่ได้ เจ้าเด็กผู้นี้จะถูกดูดเลือดจนตายและร่างแปลงไม่ว่าจะมีจำนวนเท่าใดก็จะคืนชีพได้ทันที
ขุนพลค้างคาวไม่ได้ทำตามคำแนะนำของขุนพลฟันหนูเขาคิดว่าเขามีร่างแปลงค้างคาวมากมาย และเขาสามารถกู้สถานการณ์กลับมาได้
มีพลังต้องห้ามก็เท่ากับมีร่างกายอมตะ
เขาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองจะแพ้!
ชัยชนะเป็นของแน่นอนอยู่แล้ว แต่กระบวนการและเวลาแห่งชัยชนะแตกต่างกันไป
ค้างคาวดูดเลือดจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งกลับลงมาและโจมตีร่างเย่ว์หยางทีละตัวและโจมตีทุกส่วนของร่างกายเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางชี้นิ้ว
ค้างคาวดูดเลือดตอนแรกแยกร่างและระเบิดดูเหมือนจะไม่เป็นอะไร
แต่เกิดเรื่องประหลาดเมื่อค้างคาวร่างแยกตัวแรกบินถอยกลับไปชนค้างคาวร่างแยกตัวที่สองค้างคาวตัวก่อนหน้านี้แสดงอาการเจ็บปวดแสนสาหัส หลังจากค้างคาวร่างแยกตัวที่สองชนตัวที่สามและที่สี่ร่างค้างคาวดูดเลือดตัวแรกบวมเหมือนลูกโป่งทันทีและในที่สุดก็ถึงขีดจำกัดไม่สามารถรับได้อีกต่อไปและมันระเบิดแตกที่ข้างหน้าเย่ว์หยาง
ร่างแยกค้างคาวซึ่งชนกันหลังจากจากชนกันจะเด้งออกมาเหมือนแมลงวันตาบอด
ความเร็วนั้นรวดเร็วมาก
แตกต่างจากพวกมันก่อนนั้นที่บินอยู่รอบๆ
ปริมาณผลกระทบโจมตีจะเพิ่มมากเป็นสองเท่าและมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อค้างคาวดูดเลือดถูกกระแทกมากเข้าก็แตกเหมือนกับประทัด
ในท้องฟ้ามีกลิ่นเหม็นคาวจากฝนเลือดค้างคาว ค้างคาวร่างแยกเหลืออยู่ไม่กี่ตัวตกใจกลัวและมองดูตาข่ายฟ้าข้างบนอย่างสิ้นหวัง
ขุนพลฟันหนูสีหน้าเปลี่ยนไป
เขากระโจนขึ้นไปในอากาศและร่างที่จะขึ้นไปช่วยก็ตกลงทันที
เขาหลบหนีไปไกลด้วยความเร็วกว่าเดิมร้อยเท่า เย่ว์หยางเห็นแล้วยิ้มไม่ได้ไล่ตามแต่บังคับค้างคาวที่ยังเหลืออยู่ให้รวมตัวคืนร่างเดิมเป็นขุนพลค้างคาวหูโตจากนั้นบังคับให้เข้าไปในเจดีย์ปราบปีศาจ พลังต้องห้ามยังมีเรื่องให้ต้องศึกษาอีกหลายอย่าง เขาจะไม่ฆ่าผีตะกละและขุนพลค้างคาวชั่วเวลาหนึ่งก่อน นอกจากนี้แม้ว่าตั่วตั่วเลื่อนระดับเป็นเทพธิดาบุปผาไปแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ปุ๋ยเพิ่มความแข็งแกร่งอีกต่อไปก็ไม่ได้หมายความว่าเย่ว์หยางไม่มีแผนฝึกฝนนางพญาดอกหนามมงกุฏทอง
นางพญาดอกหนามมงกุฎทองแม้ว่าเย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องได้อีก แต่เขาสามารถฝึกให้เย่ว์ปิงน้องสาวของเขาก็ไม่เลว
ทราบกันดีว่าเย่ว์ปิงมีทักษะแฝงเร้นทางอสูรสายพฤกษาสูงที่สุด
ด้วยความช่วยเหลือของเทพธิดาบุปผาตั่วตั่วนางพญาดอกหนามงกุฎทอง นางพญาบุปผารุ่นใหม่จะเกิดขึ้นในไม่ช้าแน่นอน... บางทีอาจเป็นไปได้ว่าตั่วตั่วสามารถเปลี่ยนบริวารของนางให้เป็นนางพญาดอกหนามมงกุฏทอง สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับนางในฐานะเทพธิดาบุปผานางมีอำนาจทุกอย่างในการสร้างอสูรศึกสายพฤกษา
เขาใช้ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์กระบี่ขาวซวงหัวกำจัดพลังงานในร่างกาดำเจ้ากระทุงและเหมาพั่วตี้หายไป
ราวกับว่าพวกเขาไม่เคยต้องพิษมาก่อน
“โอว, ปล่อยให้เจ้าขุนพลฟันหนูหนีไปได้ยังไงไล่ตาม เราจะไล่ตาม!” เจ้ากระทุงกระวนกระวาย
“อย่าใจร้อน!” กาดำมั่นใจว่าเย่ว์หยางจงใจปล่อยเขาไป
“ตอนนี้จะให้เราทำอะไร?”เหมาพั่วตี้ทั้งประหลาดใจและดีใจ เขาไม่กล้าคิดถึงสถานะของเย่ว์หยางอีกต่อไป ทัศนคติของเขาเปลี่ยนไปมาก แผนเดิมที่เขาตั้งใจหนีถูกระงับไว้ชั่วคราวและเขารอฟังคำแนะนำของเย่ว์หยาง
“ผู้เฒ่าเหมา! ท่านใช้ยานชูชีพกลับไปรายงานเทพอาคเนย์อย่างด่วนที่สุดต้องบอกความจริงเขาให้หมดการต่อสู้ในยานแม่ครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น อาจมีการสู้รบที่ยิ่งใหญ่กว่าตามมาในอนาคตเราต้องเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อม” แม้ว่าเย่ว์หยางไม่พูดออกมาโดยตรง แต่ถ้าเรื่องนี้ถูกกระจายออกไปจะทำให้เกิดสงครามระหว่างอาณาจักรเทพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้!
“ขุนพลฟันหนูหนีไปได้ นี่ไม่สำคัญจริงๆหรือ?” เหมาพั่วตี้รู้สึกว่าหากพลังของเขาไม่พอช่วยเขาที่นี่ก็ควรกลับไปรายงานข่าว
แต่ขุนพลฟันหนูเป็นหัวหน้าของขุนพลห้าสัมผัสหลบหนีไปได้จะไม่มีปัญหาหรือ?
ทันทีที่เขาหนีไป
จะต้องเอากำลังเสริมที่น่ากลัวมาช่วยแน่
ตัวอย่างเช่นผู้บัญชาการของขุนพลห้าสัมผัสท่านหมื่นปีศาจจอมพลขวาแห่งอาณาจักรเทพประจิม จอมพลหมื่นปีศาจไม่เหมือนกับหัวหน้าขุนพลฟันหนู พวกขุนพลห้าสัมผัสระดับพลังยังห่างไกลจากขุนพลเทพจอมพลหมื่นปีศาจเขาเหนือกว่าระดับขุนพลเทพทั่วไปในหุบเขาโลกธาตุหรือขุนเขาเหนือขุนเขาที่กว้างใหญ่ไม่มีใครช่วยเขาได้ ก่อนหน้านี้กู้ไห่จอมพลซ้ายแห่งอาณาจักรเทพประจิมปรากฏตัวสู้กับจอมพลกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทองนี่ยังไม่รวมถึงจอมพลขวาหมื่นปีศาจ สองผู้ยิ่งใหญ่นี้จะมีคนรับมือเขาได้หรือ?
แม่ทัพอินทรีทองและจอมพลกริฟฟินผนึกกำลังกันก็ยังยากจะรับมือ
แต่สู้กันสองต่อสอง
ต้องพ่ายแพ้แน่
ถึงเวลานั้นใครจะแบ่งเบาความกดดันได้? แค่กาดำและเจ้ากระทุงจากโจรดวงดาว? อย่าล้อเล่นต่อให้มีหัวหน้าพยัคฆ์บิน,อินทรีป่าและฟลามิงโกก็ยังไม่พอให้กู้ไห่หรือท่านหมื่นปีศาจฆ่ายังไม่ต้องพูดถึงห้าจอมโฉดและขุนพลห้าสัมผัส
เหมาพั่วตี้ห่วงเย่ว์หยางเล็กน้อยที่สำคัญคือเขามีศักยภาพและยังอายุน้อย
ถ้าเขาต้องสู้กับกู้ไห่และท่านหมื่นปีศาจหนึ่งต่อสองคงไม่สามารถทำได้ตามลำพัง
“ไม่เป็นไร ตอนนี้ยังเป็นแค่ศึกเล็กๆศึกที่แท้จริงจะตามมาทีหลัง!” เย่ว์หยางส่งเหมาพั่วตี้ลงเรือชูชีพและพยักหนาให้กาดำและกระทุง “ศัตรูกำลังมาและเร็วกว่าที่เราคาดทั้งยังมามาก ดูเหมือนว่าเราต้องแยกกันก่อน พวกเจ้าจะอยู่ในอันตรายเมื่อติดตามข้า”
“ยิ่งมามาก เรายิ่งหนีไปไม่ได้!” เจ้ากระทุงไม่ชอบใช้สมองเขาคิดว่าถ้าศัตรูโจมตีเขาอาจถ่วงเวลาเพื่อช่วยเย่ว์หยางดาวดวงใหม่ที่อายุน้อยที่สุดได้
“ต้องแยกกันสู้จริงๆ หรือ?” กาดำฉลาดกว่าเขาและเย่ว์หยางบอกว่าพบศัตรูที่เขากับเจ้ากระทุงมิอาจต้านทานได้
ศัตรูเช่นนั้นไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
เขาเกรงว่าถ้าศัตรูอีกคนยื่นสอดมือเข้ามาช่วยอาจบีบเขาตายเหมือนเห็บหมัดได้
ต่อให้เขาอยู่ก็ช่วยอะไรไม่ได้มีแต่จะเป็นภาระทำให้ศัตรูฉวยโอกาสได้เปรียบ
เย่ว์หยางพยักหน้า “แยกกัน,แม้ว่าศัตรูที่แข็งแกร่งที่สุดยังไม่ปรากฏแต่ข้ารู้สึกว่าการต่อสู้ครั้งไม่อาจวางใจได้ ถ้าข้าแค่คนเดียวไม่สามารถสู้ได้ ก็ยังถอนตัวได้และไปสมทบพวกเจ้าได้ เอาอย่างนี้ ข้าจะไปช่วยจอมพลกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทองพวกเจ้าไปตามหาพยัคฆ์บินและอินทรีป่า ถ้าไม่มีปัญหาอะไร ก็ให้พวกเขากลับมาที่นี่ ตอนนี้สถานการณ์บังคับเร่งด่วนเราต้องร่วมมือกัน! กองทัพมีพลังมากจนเราไม่สามารถต้านทานเพียงลำพังเราจะรวมตัวกันสร้างวงล้อมป้องกันเป็นชั้นๆ ถ้าเราไม่ร่วมมือร่วมใจกันข้าเกรงว่าทุกคนจะตายกันหมด!
กาดำได้ยินแล้วรู้สึกหัวใจเย็นเฉียบ“เข้าใจแล้ว!”
เจ้ากระทุงรู้สึกเศร้าใจมาก
แต่เขาไม่คัดค้านกาดำและกล่าวลาเย่ว์หยางอย่างไม่เต็มใจนัก และร่วมกับกาดำค้นหาพยัคฆ์บินและอินทรีป่าในทิศทางอื่น
เย่ว์หยางกลับตรงไปยังสนามรบแนวดาวเคราะห์น้อยที่ซึ่งการต่อสู้ที่บ้าคลั่งปะทุขึ้นระหว่างจอมพลกู้ไห่แห่งอาณาจักรเทพประจิมที่ใช้พลังของเขาเองสู้กับจอมพลกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทองที่ถูกโจมตีถอยร่นไปทีละก้าวๆโดยไม่สามารถตีโต้ได้
บางทีอาจเป็นภาพลวงตาเหมือนกับมีเทพเจ้าในฟากฟ้าแห่งใดแห่งหนึ่งมองดูเหตุการณ์ทั้งหมด
เนื่องจากมีความรู้สึกรบกวนใจที่แปลกประหลาด เย่ว์หยางเปลี่ยนใจชั่วคราวให้เหมาพั่วตี้ลงเรือชูชีพหนีไปและให้เจ้ากาดำกับกระทุงแยกทางกับตัวเขา เขาหวังว่าเทพเจ้าผู้มองดูทุกอย่างจะเป็นเทพอาคเนย์ ไม่ใช่เทพประจิม มิฉะนั้นการต่อสู้ครั้งนี้คงไม่ใช่เรื่องง่ายเย่ว์หยางรู้สึกขัดแย้งในใจ ทางหนึ่งเขาต้องการสู้กับเทพเจ้าดู แต่อีกทางหนึ่งเขาไม่ยินดีจะสู้กับนักสู้ระดับเทพเร็วเกินไปนัก...ถ้าเขารวบรวมข้อมูลได้มากเสียก่อนหรือไขความลับของเทพเทียมทั้งแปดได้อย่างสิ้นเชิง นั่นคือเวลาดีที่สุดที่จะท้าทาย!
ในอีกสนามต่อสู้หนึ่ง
กลับไปที่ขุนพลวานรตาปีศาจขุนพลตะกวดลิ้นยาวและขุนพลแมลงจมูกยาว พบกับคู่ต่อสู้แปลกประหลาด
คู่ต่อสู้เหล่านี้ดูเหมือนเป็นสตรีอ่อนแอหลังจากพบพวกเขาแล้ว ไม่เพียงแต่พวกนางไม่กลัวเท่านั้น แต่พวกนางกลับรวมกลุ่มเหยียดมือทำท่าทางประหลาดเหมือนจะใช้วิธีตัดสินผู้ชนะมีสิทธิ์เลือกเป้าหมายโจมตี
“เป่า..ยิ้ง..ฉุบ.... เป่ายิงฉุบ!”
“ข้าชนะ ข้าชนะ!”
“เอาใหม่ๆ เจ้าโกง, เจ้า เจ้าเล่ห์นัก..”
ขุนพลวานรตาปีศาจขณะมองดูก็รู้สึกโกรธ ในที่สุดก็ตัดสินผู้ชนะได้เป็นเด็กผู้หญิงวัยรุ่นนามเว่ยหลายคาดว่าเป็นผู้ชนะเพราะนางกระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุขปล่อยให้ขุนพลวานรตาปีศาจถลึงตามองด้วยความสงสัย? ช่างโง่เขลาและหยิ่งยโสจริงๆ!