ตอนที่ 1150 ให้เจ้าตะโกนด้วยความยินดี
เงาร่างสองร่างพุ่งเข้ามาปะทะทันที
และป้องกันการโจมตีของหัวหน้าหนูและค้างคาวหูโตในกลางอากาศไว้ได้ไม่จำเป็นต้องให้เย่ว์หยางลงมือ
พวกเขาคือกาดำและเจ้ายักษ์กระทุงผู้ได้รับการเสริมพลังด้วยเงาปีศาจยักษ์เดิมทีด้วยพลังของพวกเขาแม้จะมีพลังต้องห้ามก็ยังเป็นเรื่องยากมากที่จะพัวพันหัวหน้าฟันหนูและขุนพลหูค้างคาว ขุนพลห้าสัมผัสเป็นขุนพลเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรเทพประจิมเทียบกับห้าจอมโฉดยังมีสถานะที่สูงกว่า
กาดำสะบัดชุดคลุมต้านการโจมตีจากหัวหน้าฟันหนูร่างของเขาค่อยๆ จางลงและเลื่อนออกไปหนึ่งเมตร
เจ้ากระทุงยักษ์ที่อยู่ตรงข้ามนั้นอ่อนแอกว่ามากและถูกขุนพลค้างคาวโจมตี ร่างใหญ่ถูกสะท้อนกลับไปหลายสิบเมตรกระแทกใส่ดาวเคราะห์น้อยระเบิดถึงจะยืนได้อย่างมั่นคงอย่างยากลำบาก
ถึงจะเป็นอย่างนี้เจ้ากระทุงก็ยังประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
เป็นที่ทราบกันดีว่าในการต่อสู้กับห้าจอมโฉดแค่เพียงผีตะกละคนเดียว เขากับกาดำถูกเล่นงานอย่างหนักและถูกจับได้ในทันที
ตอนนี้แม้ว่าจะมีระยะห่างอยู่แต่ก็ไม่มีความรู้สึกว่าในการต่อสู้แล้วตนเองอ่อนแอเหมือนเมื่อก่อน เขาสามารถต่อสู้ได้อย่างหนักหน่วง จะกลัวอะไรต่อความตาย เขาได้รับการเสริมพลังจากเงายักษ์ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น ตอนนี้มีพลังมากขึ้นถึงสี่สิบเท่าหากมีพลังถึงห้าสิบเท่า เขาคงยืนหยัดสู้ได้เหมือนกาดำและเขาคงสามารถขับไล่เจ้าค้างคาวนี่ได้... ส่วนเจ้าฟันหนูข้างหน้าแม้ว่าจะดูน่าเบื่อแต่ระดับพลังคงเป็นหัวหน้าของขุนพลสัมผัสห้าอย่างไม่ต้องสงสัย! กาดำสามารถรับมือฟันหนูได้และเขาสามารถต้านทานเจ้าหูค้างคาวนี่ได้!
ความกระตือรือร้นต่อสู้ของเจ้านกกระทุงเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย
เขาพยายามยกดาวเคราะห์น้อยดวงใหญ่และขว้างใส่ขุนพลหูค้างคาวและจากนั้นพุ่งเข้าหาขุนพลหูค้างคาวราวกับรถศึก
การเคลื่อนไหวด้วยพลังมหาศาลร่างเขาเบาเหมือนเมฆ!
ขุนพลหูค้างคาวถูกเจ้ากระทุงพุ่งชนทั้งตัวราวกับช้างแมมม็อธชนกระเด็นลอยขึ้นไปข้างบน
แต่ยักษ์กระทุงยังไม่ทันได้ดีใจก็พบว่าขุนพลหูค้างคาวบินได้ ร่างของเขาทั้งหมดแยกตัวเป็นค้างคาวน้อยนับไม่ถ้วนไม่รู้ว่ามีค้างคาวหลายพันตัวลอยอยู่เหนือศีรษะเหมือนก้อนเมฆตั้งแต่เมื่อใด
ค้างคาวไม่สนใจปฏิกิริยาของเจ้ากระทุงพวกมันบินลงมากัดตามร่างกายของเขา เมื่อเปรียบกับค้างคาวที่โจมตีได้อย่างยืดหยุ่นเหล่านี้เจ้ากระทุงรู้สึกอึดอัดใจ เขาไม่อาจต้านทานค้างคาวที่บินโฉบไปมาได้หรือจับมันมาฉีกดับความโกรธได้ เขาไม่สามารถหยุดค้างคาวจำนวนมากที่สลับกันโจมตี
บนร่างของเขาเริ่มมีบาดแผลรอยกัดเล็กปรากฏขึ้น
เมื่อเห็นเลือดค้างคาวเหล่านั้นก็เริ่มคลั่งมากขึ้น
พวกมันส่งเสียงดัง
ค้างคาวมากมายพุ่งลงมาอย่างไม่กลัวเกรงและดูดเลือดจากบาดแผลของเจ้ากระทุง
ร่างยักษ์ใหญ่แข็งแรงอย่างเจ้ากระทุง
หลังจากถูกดูดเลือดระยะเวลาสั้นๆก็เริ่มมีแววอ่อนแอไม่สบายให้เห็น
เขาเริ่มเวียนหัวโบกมือไปมาเหนือหัวและที่เท้าขับไล่ฝูงค้างคาวที่มีอยู่เต็มท้องฟ้า
แม้ว่าจะมีค้างคาวดูดเลือดหลายสิบตัวที่ถูกเขาตบเหลือแต่เลือดเนื้อเลอะเลือนแต่ก็มีค้างคาวมากขึ้นเรื่อยๆ ที่หนีการตบของเขาและบินขึ้นท้องฟ้าไปได้..มีสิ่งแปลกๆ เกิดขึ้น ค้างคาวดูดเลือดมีควันดำนับไม่ถ้วนในร่างกายมันแยกออกเป็นสองส่วนและบางส่วนที่เต็มไปด้วยเลือดสามารถแยกร่างได้อีกครั้ง จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่! ค้างคาวดูดเลือดเหล่านี้เพิ่มจำนวนขึ้น เย่ว์หยางเฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดด้วยจักษุญาณทิพย์ เขาพบว่าค้างคาวดูดเลือดเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยห้าร้อยเพราะพวกมันดูดเลือดของเจ้ากระทุง
ตอนนี้มีค้างคาวดูดเลือดกว่าหมื่นตัว และเขาไม่รู้ว่าเจ้ากระทุงจะต้านทานได้มากแค่ไหน
“แย่แล้ว” เหมาพั่วตี้ที่อยู่บนพื้นพบในขณะนั้นว่าค้างคาวดูดเลือดเหล่านี้หลังจากฆ่าแล้วจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นตราบเท่าที่ได้เลือดเพิ่มขึ้น จะจัดการได้อย่างไง?
“เจ้าหูค้างคาวถ้าเจ้ากล้าพอ ออกมาสู้กับข้า!” เจ้ากระทุงเริ่มใจหดหู่และกลัวขึ้นบ้าง ตอนนี้ยากจะใช้พลังได้เต็มที่ ใครก็รู้ว่าอีกฝ่ายโกงและไม่ยอมสู้กันแบบตัวต่อตัวจริงๆ แต่ใช้แผนอย่างเยือกเย็น
“ข้าไม่กลัวจะตามไล่ล่าเจ้า” อีกด้านหนึ่งกาดำก็ยังไม่รู้สึกดีขณะไล่ตามขุนพลฟันหนู
“โง่จริงๆ!” ขุนพลฟันหนูไวกว่าสายฟ้าซึ่งไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญก็คือเขาเพิ่งบุกโจมตีและพ่นไข้พิษใส่หน้ากาดำ กาดำโดนพิษกาฬโรคไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต แต่ความเร็วนั้นช้าลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็ช้าไม่ต่างอะไรกับเต่าเมื่อกาดำเคลื่อนที่ทุกย่างก้าวของร่างกายจะหนักขึ้นทีละน้อย
กาดำถูกพิษพลังสู้ไม่ได้อ่อนลงเท่าใดนัก
อย่างไรก็ตามเขาสูญเสียความเร็ว
กาดำปราศจากความเร็วเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูที่ว่องไวราวกับกระรอกก็แทบจะเหมือนกับคนตาย
เหมาพั่วตี้เหาะขึ้นไปทันที เขาต้องการขัดขวางหัวหน้าฟันหนูก่อนที่ความเร็วของกาดำจะหายไปหมด
หัวหน้าฟันหนูไถลผ่านไม้ตายทะลวงดินของเหมาพั่วตี้โดยไม่ได้รับผลกระทบอะไร
ขณะที่เขาตามทันกาดำ
เขาใช้ฟันหน้าขนาดใหญ่
กัดเข้าที่แขนของเหมาพั่วตี้
เมื่อเหมาพั่วตี้ไม่รู้สึกเจ็บเลยในตอนแรกเขาต้องการใช้ทวนแทงหัวหน้าขุนพลฟันหนู แต่อีกฝ่ายหลบได้ เขาไม่สามารถแตะต้องแม้แต่เส้นขนของขุนพลฟันหนู รอจนเขาหันหลังกลับและวิ่งไล่ตามร่างกายของเขาสั่นดวงตาเริ่มคล้ำขึ้นทันใดนั้นเขารู้สึกว่าแขนตัวเองหนักมากราวกับไม่ใช่แขนของเขา เปลือกตาหนักเหมือนมีตะกั่วถ่วงร่างกายเมื่อยล้า เหมาพั่วตี้รู้ว่านี่เป็นสนามรบอันตรายแต่ก็ยังทนไม่ไหว เขาเริ่มหลับลึก
ฮ้าววว..หลังจากหาวครั้งแรก เขาไม่มีทางทนได้อีกต่อไป ร่างกายต้องการหลับพัก
เขาใช้หอกเงินแทงฝ่ามืออย่างไม่ปราณีตั้งใจว่าจะใช้ความเจ็บปวดหยุดอาการง่วงนอน แต่ก็ไม่เป็นผล
มือข้างที่ถูกแทงมีเลือดหยาดหยด ถึงแม้จะเจ็บปวดแต่ก็ง่วงนอนมาก
เขาถูกความง่วงครอบงำ เหมาพั่วตี้ร่วงตกลงไปที่อุกกาบาต มือข้างหนึ่งเต็มไปด้วยเลือดแต่เขาไม่รู้สึกเลยและหลับทันที
“ไม่มีใครในโลกสามารถหยุดพลังกัดสะกดจิตของมุสิกนิทราได้” เสียงเขาหัวเราะเยาะเย้ย ตอนนี้เขายืนอยู่ห่างจากกาดำไม่ถึงสามเมตร แต่กาดำไม่มีวิธีโจมตีเขา
ครั้งนี้กาดำรู้สึกว่าร่างกายของเขาเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว
ตัวของเขาอ่อนแอลงทุกขณะ
แม้แต่นิ้วก็ยากจะขยับ
เขารู้ว่าศัตรูอยู่ข้างหน้าแต่เขาไม่สามารถเอื้อมมือไปคว้าตัวได้ และร่างของเขาสั่นเทา หากเขายังมีเจตจำนงที่แข็งแกร่งเขาจะยืนนิ่งและถ้าเขาล้มลงอาจจะเหมือนเหมาพั่วตี้ได้ ไม่สามารถทำอะไรได้
“ระวัง!” กาดำพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเตือนเย่ว์หยาง “ขุนพลฟันหนูใช้พิษ!”
“เจ้ายังเชื่อใจเขาหรือ? มือใหม่อย่างเขาข้าสามารถจัดการได้ในสิบวินาที!” จากการรวมตัวอย่างรวดเร็วของค้างคาวดูดเลือดนับไม่ถ้วนกลายเป็นร่างค้างคาวใหญ่และหัวเราะ เขาไม่ได้คิดว่าเย่ว์หยางเป็นคู่ต่อสู้ เย่ว์หยางมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ ผู้มาใหม่งี่เง่าที่ไม่มีความแข็งแกร่งระดับลูกจ้างเทพยังสามารถยืนหยัดอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อยนี้ได้ก็ไม่เลว แต่ยังต้องมีการต่อสู้กับขุนพลเทพเป็นไปไม่ได้ที่จะท้าทายหัวหน้าฟันหนู
“เจ้าหูโตเจ้าต้องระวังด้วย” ขุนพลฟันหนูค่อนข้างระมัดระวังอยู่เสมอถึงแม้ว่าพลังของเย่ว์หยางจะอยู่ในระดับน่ารังเกียจมาก แต่เขาพบว่าทัศนคติของมือใหม่ผู้นี้ไม่เหมือนมือใหม่ธรรมดา อย่างน้อยไม่มีความตื่นตระหนกตกใจกลัวถือว่าเป็นมือใหม่ที่ผิดปกติอย่างยิ่ง!
“ข้าว่าหัวหน้าฟันหนูกำลังล้อเล่นกระมัง? ขอเวลาข้าหนึ่งวินาที ข้าจะล้มเขาใน...” หูค้างคาวไม่คิดว่าเย่ว์หยางจะทำอะไรเขาได้
เย่ว์หยางไม่ส่งเสียงอะไร
เขากำลังดู
ไม่ว่าจะเป็นห้าจอมโฉดหรือขุนพลห้าสัมผัส พวกเขามีสิ่งหนึ่งทีเหมือนกัน
นั่นคือรวมพลังต้องห้ามอย่างเต็มที่และใช้ความสามารถพิเศษบางอย่างเร่งเร้าพลังถึงสุดขีดแสดงความแข็งแกร่งบางด้านออกมา
แน่นอนราคาที่พวกเขาต้องจ่ายออกไปก็ยิ่งใหญ่ด้วย คนธรรมดาอาจไม่รู้และอิจฉาความแข็งแกร่งของพวกเขา แต่ในจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางเขาพบว่าจอมโฉดทั้งห้านั้นยังดี ส่วนขุนพลห้าสัมผัสไม่มีอะไรที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนอีกต่อไป พวกเขาไม่มีความเป็นคนอีกต่อไปไม่มีสิทธิ์ได้ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญ พวกเขาไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไปไม่สามารถคืนร่างกลับเป็นมนุษย์ และทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้อีก และพวกเขาจะมีลักษณะเช่นนี้ตลอดไปไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่ภูตผี!
เพื่อพัฒนารูปแบบนี้ไปให้ถึงขีดจำกัดห้าจอมโฉดและขุนพลห้าสัมผัสจะใช้วิธีการบางอย่างเช่นห้าจอมโฉดจะใช้ความสามารถบางอย่างผสมผสานกันอย่างสมบูรณ์ ขุนพลห้าสัมผัสจะรวมร่างกับอสูรห้าชนิดเพื่อใช้จุดแข็งของอสูรมาเสริมกำลังให้ตนเอง
ความสามารถของผีตะกละคือกินศพ ตราบเท่าที่มีศพให้กิน เขาจะไม่ตาย
ความสามารถในการกินศพนี้รวมถึงร่างกายของเขาเอง
คล้ายกับความสามารถว่ากินเพื่อเกิดใหม่
หากต้องการฆ่าผีตะกละให้ตายอย่างแท้จริงเขาจะต้องถูกทำลายอย่างสมบูรณ์... เย่ว์หยางมองเห็นสิ่งนี้แต่ล้มเหลวในการทำเช่นนั้นเขาพร้อมจะพาผีตะกละกลับมาและค่อยๆ ศึกษามัน
ความสามารถพิเศษของหัวหน้าฟันหนูที่อยู่ข้างหน้านั้น แตกต่างจากผีตะกละ เขาอาศัยการผสมผสานความสามารถพิเศษของหนูหลายตัวเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง
เพื่อจัดการกับความสามารถของหนูเหล่านี้ต้องใช้วิธีพิเศษ
เย่ว์หยางมองไปที่ขุนพลหูค้างคาวผู้หยิ่งยโสไม่จำเป็นต้องพูดกัน คนผู้นี้รวมความสามารถของค้างคาวชนิดต่างๆโดยเฉพาะค้างคาวดูดเลือดเพื่อเสริมสร้างร่างกายของเขาเพื่อฆ่าศัตรูและหลีกเลี่ยงการโจมตีของศัตรูได้อย่างง่ายดาย เป็นศัตรูที่เก่งในการบินและสามารถเสริมสร้างร่างกายด้วยการดูดเลือดต้องใช้กลเม็ดเล็กๆ น้อยๆ ใช้แต่แรงถึกอย่างเดียวเหมือนเจ้ากระทุงก็คงไม่เพียงพอ!
เมื่อมองเห็นแบบนี้แล้วเย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาสามารถทำได้
พลังต้องห้าม
เขาไม่สนใจตัวเอง
อย่างไรก็ตามเขาเคยพบพลังต้องห้ามที่คล้ายกันในกรณีของเจ้าอ้วนไห่มาแล้ว แม้ว่าจะไม่เหมือนกันแต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เย่ว์หยางคิดเกี่ยวกับวิธีขยายร่างของเจ้าอ้วนไห่และเสียเวลาไปกับการศึกษาหวังที่จะสะสมประสบการณ์บางอย่างเพื่อให้เจ้าอ้วนไห่คนที่เคราะห์ร้ายมาตลอดสิบแปดปีได้พบกับโชคดีบ้าง!
“ฆ่าในทันที, ไม่ข้าไม่ต้องการทำอย่างนี้ ข้าหวังจะให้เจ้ามีชีวิตนานขึ้นและทำร้ายเจ้าเพื่อความสะใจ” เย่ว์หยางไม่ลืมพูดประจบขุนพลหูค้างคาว “ถ้าเจ้าพอใจ ไม่ต้องตะโกนก็ได้ มันไม่สุภาพ!”
“เจ้าบังอาจพูดกับข้าอย่างนี้เชียวหรือ? หาที่ตายชัดๆ!” ขุนพลหูค้างคาวหงุดหงิดและแค้นอยู่ในใจเขาพุ่งโจมตีทันที
“ทำไมทุกครั้งที่ข้าพูดดีๆถึงไม่มีใครเชื่อ? เจ้าบังคับให้ข้าต้องโกหก เจ้ากำลังบังคับให้ข้าเป็นเด็กเกเรใช่ไหม? เจ้าไม่ทำให้ข้าเป็นบุรุษหนุ่มผู้มีแนวโน้มว่าจิตใจสะอาดประกอบด้วยเมตตาใช่ไหม? ข้าไม่สามารถกลายเป็นเสาหลักของชาติได้เป็นเพราะเจ้า! ข้าไม่มีโอกาสรับใช้ประเทศ ไม่มีโอกาสสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ใหม่ๆเพื่อมาตุภูมิเลย! เจ้าบอกว่าจะทำร้ายข้า แล้วอย่างนี้ข้าควรจะทำยังไงกับเจ้า?” เย่ว์หยางยื่นมือคว้าคอของขุนพลหูค้างคาวทันทีและชูขึ้นในอากาศถกถึงเหตุผลกับขุนพลค้างคาวที่ดิ้นไม่หยุดแต่ไร้ประโยชน์
ขุนพลฟันหนูปากอ้าค้าง
ตามหลักการแล้ว!
เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
ถ้าขุนพลหูค้างคาวพูดได้ตอนนี้เขาคงจะตะโกนว่าทำร้ายเจ้าหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรม เย่ว์หยางไม่ควรพูดเรื่องนี้เป็นการชั่วคราวเย่ว์หยางไม่สามารถเป็นเสาหลักของประเทศได้และไม่มีทางที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับดินแดนมาตุภูมิ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา!
ขุนพลหูค้างคาวสามารถพูดได้คงจะพูดว่านี่คือการโกง
แต่ไม่มีใครที่โดนจับคอเชิดกลางอากาศอย่างนี้แล้วจะพูดได้
ยิ่งไปกว่านั้นเย่ว์หยางจับคว้าเขาผู้ไม่เคยแก้ปัญหาด้วยการพูด เขาจะรู้ไหมว่านอกเหนือจากความจริงแล้ว สิ่งที่เย่ว์หยางพูดมาทุกอย่างล้วนไม่มีเหตุผล!
คนแบบนี้จับเขาไว้ได้อย่างไร?
ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางตัดสินใจทำให้ขุนพลหูค้างคาวรู้สึกตัวว่าได้บังอาจละเมิดตำนานผู้ยิ่งใหญ่ เขาคงต้องใช้วิธีโน้มน้าวด้วยจิตเมตตาเป็นการส่วนตัว