ตอนที่แล้วตอนที่ 1149 หนทางรอด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1151 เป่ายิงฉุบ

ตอนที่ 1150 ให้เจ้าตะโกนด้วยความยินดี


เงาร่างสองร่างพุ่งเข้ามาปะทะทันที

และป้องกันการโจมตีของหัวหน้าหนูและค้างคาวหูโตในกลางอากาศไว้ได้ไม่จำเป็นต้องให้เย่ว์หยางลงมือ

พวกเขาคือกาดำและเจ้ายักษ์กระทุงผู้ได้รับการเสริมพลังด้วยเงาปีศาจยักษ์เดิมทีด้วยพลังของพวกเขาแม้จะมีพลังต้องห้ามก็ยังเป็นเรื่องยากมากที่จะพัวพันหัวหน้าฟันหนูและขุนพลหูค้างคาว  ขุนพลห้าสัมผัสเป็นขุนพลเทพที่แข็งแกร่งที่สุดของอาณาจักรเทพประจิมเทียบกับห้าจอมโฉดยังมีสถานะที่สูงกว่า

กาดำสะบัดชุดคลุมต้านการโจมตีจากหัวหน้าฟันหนูร่างของเขาค่อยๆ จางลงและเลื่อนออกไปหนึ่งเมตร

เจ้ากระทุงยักษ์ที่อยู่ตรงข้ามนั้นอ่อนแอกว่ามากและถูกขุนพลค้างคาวโจมตี ร่างใหญ่ถูกสะท้อนกลับไปหลายสิบเมตรกระแทกใส่ดาวเคราะห์น้อยระเบิดถึงจะยืนได้อย่างมั่นคงอย่างยากลำบาก

ถึงจะเป็นอย่างนี้เจ้ากระทุงก็ยังประหลาดใจอย่างหาที่เปรียบไม่ได้

เป็นที่ทราบกันดีว่าในการต่อสู้กับห้าจอมโฉดแค่เพียงผีตะกละคนเดียว เขากับกาดำถูกเล่นงานอย่างหนักและถูกจับได้ในทันที

ตอนนี้แม้ว่าจะมีระยะห่างอยู่แต่ก็ไม่มีความรู้สึกว่าในการต่อสู้แล้วตนเองอ่อนแอเหมือนเมื่อก่อน  เขาสามารถต่อสู้ได้อย่างหนักหน่วง จะกลัวอะไรต่อความตาย  เขาได้รับการเสริมพลังจากเงายักษ์ยิ่งเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น  ตอนนี้มีพลังมากขึ้นถึงสี่สิบเท่าหากมีพลังถึงห้าสิบเท่า เขาคงยืนหยัดสู้ได้เหมือนกาดำและเขาคงสามารถขับไล่เจ้าค้างคาวนี่ได้...  ส่วนเจ้าฟันหนูข้างหน้าแม้ว่าจะดูน่าเบื่อแต่ระดับพลังคงเป็นหัวหน้าของขุนพลสัมผัสห้าอย่างไม่ต้องสงสัย! กาดำสามารถรับมือฟันหนูได้และเขาสามารถต้านทานเจ้าหูค้างคาวนี่ได้!

ความกระตือรือร้นต่อสู้ของเจ้านกกระทุงเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย

เขาพยายามยกดาวเคราะห์น้อยดวงใหญ่และขว้างใส่ขุนพลหูค้างคาวและจากนั้นพุ่งเข้าหาขุนพลหูค้างคาวราวกับรถศึก

การเคลื่อนไหวด้วยพลังมหาศาลร่างเขาเบาเหมือนเมฆ!

ขุนพลหูค้างคาวถูกเจ้ากระทุงพุ่งชนทั้งตัวราวกับช้างแมมม็อธชนกระเด็นลอยขึ้นไปข้างบน

แต่ยักษ์กระทุงยังไม่ทันได้ดีใจก็พบว่าขุนพลหูค้างคาวบินได้ ร่างของเขาทั้งหมดแยกตัวเป็นค้างคาวน้อยนับไม่ถ้วนไม่รู้ว่ามีค้างคาวหลายพันตัวลอยอยู่เหนือศีรษะเหมือนก้อนเมฆตั้งแต่เมื่อใด

ค้างคาวไม่สนใจปฏิกิริยาของเจ้ากระทุงพวกมันบินลงมากัดตามร่างกายของเขา เมื่อเปรียบกับค้างคาวที่โจมตีได้อย่างยืดหยุ่นเหล่านี้เจ้ากระทุงรู้สึกอึดอัดใจ  เขาไม่อาจต้านทานค้างคาวที่บินโฉบไปมาได้หรือจับมันมาฉีกดับความโกรธได้ เขาไม่สามารถหยุดค้างคาวจำนวนมากที่สลับกันโจมตี

บนร่างของเขาเริ่มมีบาดแผลรอยกัดเล็กปรากฏขึ้น

เมื่อเห็นเลือดค้างคาวเหล่านั้นก็เริ่มคลั่งมากขึ้น

พวกมันส่งเสียงดัง

ค้างคาวมากมายพุ่งลงมาอย่างไม่กลัวเกรงและดูดเลือดจากบาดแผลของเจ้ากระทุง

ร่างยักษ์ใหญ่แข็งแรงอย่างเจ้ากระทุง

หลังจากถูกดูดเลือดระยะเวลาสั้นๆก็เริ่มมีแววอ่อนแอไม่สบายให้เห็น

เขาเริ่มเวียนหัวโบกมือไปมาเหนือหัวและที่เท้าขับไล่ฝูงค้างคาวที่มีอยู่เต็มท้องฟ้า

แม้ว่าจะมีค้างคาวดูดเลือดหลายสิบตัวที่ถูกเขาตบเหลือแต่เลือดเนื้อเลอะเลือนแต่ก็มีค้างคาวมากขึ้นเรื่อยๆ ที่หนีการตบของเขาและบินขึ้นท้องฟ้าไปได้..มีสิ่งแปลกๆ เกิดขึ้น ค้างคาวดูดเลือดมีควันดำนับไม่ถ้วนในร่างกายมันแยกออกเป็นสองส่วนและบางส่วนที่เต็มไปด้วยเลือดสามารถแยกร่างได้อีกครั้ง  จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสี่! ค้างคาวดูดเลือดเหล่านี้เพิ่มจำนวนขึ้น เย่ว์หยางเฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดด้วยจักษุญาณทิพย์ เขาพบว่าค้างคาวดูดเลือดเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างน้อยห้าร้อยเพราะพวกมันดูดเลือดของเจ้ากระทุง

ตอนนี้มีค้างคาวดูดเลือดกว่าหมื่นตัว และเขาไม่รู้ว่าเจ้ากระทุงจะต้านทานได้มากแค่ไหน

“แย่แล้ว”  เหมาพั่วตี้ที่อยู่บนพื้นพบในขณะนั้นว่าค้างคาวดูดเลือดเหล่านี้หลังจากฆ่าแล้วจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นตราบเท่าที่ได้เลือดเพิ่มขึ้น จะจัดการได้อย่างไง?

“เจ้าหูค้างคาวถ้าเจ้ากล้าพอ ออกมาสู้กับข้า!” เจ้ากระทุงเริ่มใจหดหู่และกลัวขึ้นบ้าง ตอนนี้ยากจะใช้พลังได้เต็มที่ ใครก็รู้ว่าอีกฝ่ายโกงและไม่ยอมสู้กันแบบตัวต่อตัวจริงๆ  แต่ใช้แผนอย่างเยือกเย็น

“ข้าไม่กลัวจะตามไล่ล่าเจ้า” อีกด้านหนึ่งกาดำก็ยังไม่รู้สึกดีขณะไล่ตามขุนพลฟันหนู

“โง่จริงๆ!”  ขุนพลฟันหนูไวกว่าสายฟ้าซึ่งไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด สิ่งที่สำคัญก็คือเขาเพิ่งบุกโจมตีและพ่นไข้พิษใส่หน้ากาดำ  กาดำโดนพิษกาฬโรคไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต  แต่ความเร็วนั้นช้าลงเรื่อยๆ และในที่สุดก็ช้าไม่ต่างอะไรกับเต่าเมื่อกาดำเคลื่อนที่ทุกย่างก้าวของร่างกายจะหนักขึ้นทีละน้อย

กาดำถูกพิษพลังสู้ไม่ได้อ่อนลงเท่าใดนัก

อย่างไรก็ตามเขาสูญเสียความเร็ว

กาดำปราศจากความเร็วเมื่ออยู่ต่อหน้าศัตรูที่ว่องไวราวกับกระรอกก็แทบจะเหมือนกับคนตาย

เหมาพั่วตี้เหาะขึ้นไปทันที  เขาต้องการขัดขวางหัวหน้าฟันหนูก่อนที่ความเร็วของกาดำจะหายไปหมด

หัวหน้าฟันหนูไถลผ่านไม้ตายทะลวงดินของเหมาพั่วตี้โดยไม่ได้รับผลกระทบอะไร

ขณะที่เขาตามทันกาดำ

เขาใช้ฟันหน้าขนาดใหญ่

กัดเข้าที่แขนของเหมาพั่วตี้

เมื่อเหมาพั่วตี้ไม่รู้สึกเจ็บเลยในตอนแรกเขาต้องการใช้ทวนแทงหัวหน้าขุนพลฟันหนู  แต่อีกฝ่ายหลบได้ เขาไม่สามารถแตะต้องแม้แต่เส้นขนของขุนพลฟันหนู  รอจนเขาหันหลังกลับและวิ่งไล่ตามร่างกายของเขาสั่นดวงตาเริ่มคล้ำขึ้นทันใดนั้นเขารู้สึกว่าแขนตัวเองหนักมากราวกับไม่ใช่แขนของเขา เปลือกตาหนักเหมือนมีตะกั่วถ่วงร่างกายเมื่อยล้า เหมาพั่วตี้รู้ว่านี่เป็นสนามรบอันตรายแต่ก็ยังทนไม่ไหว เขาเริ่มหลับลึก

ฮ้าววว..หลังจากหาวครั้งแรก เขาไม่มีทางทนได้อีกต่อไป ร่างกายต้องการหลับพัก

เขาใช้หอกเงินแทงฝ่ามืออย่างไม่ปราณีตั้งใจว่าจะใช้ความเจ็บปวดหยุดอาการง่วงนอน แต่ก็ไม่เป็นผล

มือข้างที่ถูกแทงมีเลือดหยาดหยด   ถึงแม้จะเจ็บปวดแต่ก็ง่วงนอนมาก

เขาถูกความง่วงครอบงำ  เหมาพั่วตี้ร่วงตกลงไปที่อุกกาบาต มือข้างหนึ่งเต็มไปด้วยเลือดแต่เขาไม่รู้สึกเลยและหลับทันที

“ไม่มีใครในโลกสามารถหยุดพลังกัดสะกดจิตของมุสิกนิทราได้”  เสียงเขาหัวเราะเยาะเย้ย  ตอนนี้เขายืนอยู่ห่างจากกาดำไม่ถึงสามเมตร  แต่กาดำไม่มีวิธีโจมตีเขา

ครั้งนี้กาดำรู้สึกว่าร่างกายของเขาเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว

ตัวของเขาอ่อนแอลงทุกขณะ

แม้แต่นิ้วก็ยากจะขยับ

เขารู้ว่าศัตรูอยู่ข้างหน้าแต่เขาไม่สามารถเอื้อมมือไปคว้าตัวได้ และร่างของเขาสั่นเทา หากเขายังมีเจตจำนงที่แข็งแกร่งเขาจะยืนนิ่งและถ้าเขาล้มลงอาจจะเหมือนเหมาพั่วตี้ได้ ไม่สามารถทำอะไรได้

“ระวัง!” กาดำพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเตือนเย่ว์หยาง  “ขุนพลฟันหนูใช้พิษ!”

“เจ้ายังเชื่อใจเขาหรือ?  มือใหม่อย่างเขาข้าสามารถจัดการได้ในสิบวินาที!” จากการรวมตัวอย่างรวดเร็วของค้างคาวดูดเลือดนับไม่ถ้วนกลายเป็นร่างค้างคาวใหญ่และหัวเราะ เขาไม่ได้คิดว่าเย่ว์หยางเป็นคู่ต่อสู้ เย่ว์หยางมีความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ ผู้มาใหม่งี่เง่าที่ไม่มีความแข็งแกร่งระดับลูกจ้างเทพยังสามารถยืนหยัดอยู่ในแถบดาวเคราะห์น้อยนี้ได้ก็ไม่เลว  แต่ยังต้องมีการต่อสู้กับขุนพลเทพเป็นไปไม่ได้ที่จะท้าทายหัวหน้าฟันหนู

“เจ้าหูโตเจ้าต้องระวังด้วย”  ขุนพลฟันหนูค่อนข้างระมัดระวังอยู่เสมอถึงแม้ว่าพลังของเย่ว์หยางจะอยู่ในระดับน่ารังเกียจมาก แต่เขาพบว่าทัศนคติของมือใหม่ผู้นี้ไม่เหมือนมือใหม่ธรรมดา  อย่างน้อยไม่มีความตื่นตระหนกตกใจกลัวถือว่าเป็นมือใหม่ที่ผิดปกติอย่างยิ่ง!

“ข้าว่าหัวหน้าฟันหนูกำลังล้อเล่นกระมัง?  ขอเวลาข้าหนึ่งวินาที  ข้าจะล้มเขาใน...”  หูค้างคาวไม่คิดว่าเย่ว์หยางจะทำอะไรเขาได้

เย่ว์หยางไม่ส่งเสียงอะไร

เขากำลังดู

ไม่ว่าจะเป็นห้าจอมโฉดหรือขุนพลห้าสัมผัส  พวกเขามีสิ่งหนึ่งทีเหมือนกัน

นั่นคือรวมพลังต้องห้ามอย่างเต็มที่และใช้ความสามารถพิเศษบางอย่างเร่งเร้าพลังถึงสุดขีดแสดงความแข็งแกร่งบางด้านออกมา

แน่นอนราคาที่พวกเขาต้องจ่ายออกไปก็ยิ่งใหญ่ด้วย คนธรรมดาอาจไม่รู้และอิจฉาความแข็งแกร่งของพวกเขา  แต่ในจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางเขาพบว่าจอมโฉดทั้งห้านั้นยังดี ส่วนขุนพลห้าสัมผัสไม่มีอะไรที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นคนอีกต่อไป พวกเขาไม่มีความเป็นคนอีกต่อไปไม่มีสิทธิ์ได้ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญ  พวกเขาไม่สามารถมีลูกได้อีกต่อไปไม่สามารถคืนร่างกลับเป็นมนุษย์ และทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้อีก และพวกเขาจะมีลักษณะเช่นนี้ตลอดไปไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่ภูตผี!

เพื่อพัฒนารูปแบบนี้ไปให้ถึงขีดจำกัดห้าจอมโฉดและขุนพลห้าสัมผัสจะใช้วิธีการบางอย่างเช่นห้าจอมโฉดจะใช้ความสามารถบางอย่างผสมผสานกันอย่างสมบูรณ์ ขุนพลห้าสัมผัสจะรวมร่างกับอสูรห้าชนิดเพื่อใช้จุดแข็งของอสูรมาเสริมกำลังให้ตนเอง

ความสามารถของผีตะกละคือกินศพ  ตราบเท่าที่มีศพให้กิน เขาจะไม่ตาย

ความสามารถในการกินศพนี้รวมถึงร่างกายของเขาเอง

คล้ายกับความสามารถว่ากินเพื่อเกิดใหม่

หากต้องการฆ่าผีตะกละให้ตายอย่างแท้จริงเขาจะต้องถูกทำลายอย่างสมบูรณ์... เย่ว์หยางมองเห็นสิ่งนี้แต่ล้มเหลวในการทำเช่นนั้นเขาพร้อมจะพาผีตะกละกลับมาและค่อยๆ ศึกษามัน

ความสามารถพิเศษของหัวหน้าฟันหนูที่อยู่ข้างหน้านั้น  แตกต่างจากผีตะกละ เขาอาศัยการผสมผสานความสามารถพิเศษของหนูหลายตัวเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง

เพื่อจัดการกับความสามารถของหนูเหล่านี้ต้องใช้วิธีพิเศษ

เย่ว์หยางมองไปที่ขุนพลหูค้างคาวผู้หยิ่งยโสไม่จำเป็นต้องพูดกัน คนผู้นี้รวมความสามารถของค้างคาวชนิดต่างๆโดยเฉพาะค้างคาวดูดเลือดเพื่อเสริมสร้างร่างกายของเขาเพื่อฆ่าศัตรูและหลีกเลี่ยงการโจมตีของศัตรูได้อย่างง่ายดาย  เป็นศัตรูที่เก่งในการบินและสามารถเสริมสร้างร่างกายด้วยการดูดเลือดต้องใช้กลเม็ดเล็กๆ น้อยๆ ใช้แต่แรงถึกอย่างเดียวเหมือนเจ้ากระทุงก็คงไม่เพียงพอ!

เมื่อมองเห็นแบบนี้แล้วเย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาสามารถทำได้

พลังต้องห้าม

เขาไม่สนใจตัวเอง

อย่างไรก็ตามเขาเคยพบพลังต้องห้ามที่คล้ายกันในกรณีของเจ้าอ้วนไห่มาแล้ว   แม้ว่าจะไม่เหมือนกันแต่ด้วยความอยากรู้อยากเห็น เย่ว์หยางคิดเกี่ยวกับวิธีขยายร่างของเจ้าอ้วนไห่และเสียเวลาไปกับการศึกษาหวังที่จะสะสมประสบการณ์บางอย่างเพื่อให้เจ้าอ้วนไห่คนที่เคราะห์ร้ายมาตลอดสิบแปดปีได้พบกับโชคดีบ้าง!

“ฆ่าในทันที, ไม่ข้าไม่ต้องการทำอย่างนี้ ข้าหวังจะให้เจ้ามีชีวิตนานขึ้นและทำร้ายเจ้าเพื่อความสะใจ”  เย่ว์หยางไม่ลืมพูดประจบขุนพลหูค้างคาว  “ถ้าเจ้าพอใจ ไม่ต้องตะโกนก็ได้  มันไม่สุภาพ!”

“เจ้าบังอาจพูดกับข้าอย่างนี้เชียวหรือ?  หาที่ตายชัดๆ!”  ขุนพลหูค้างคาวหงุดหงิดและแค้นอยู่ในใจเขาพุ่งโจมตีทันที

“ทำไมทุกครั้งที่ข้าพูดดีๆถึงไม่มีใครเชื่อ? เจ้าบังคับให้ข้าต้องโกหก เจ้ากำลังบังคับให้ข้าเป็นเด็กเกเรใช่ไหม? เจ้าไม่ทำให้ข้าเป็นบุรุษหนุ่มผู้มีแนวโน้มว่าจิตใจสะอาดประกอบด้วยเมตตาใช่ไหม?  ข้าไม่สามารถกลายเป็นเสาหลักของชาติได้เป็นเพราะเจ้า! ข้าไม่มีโอกาสรับใช้ประเทศ ไม่มีโอกาสสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ใหม่ๆเพื่อมาตุภูมิเลย! เจ้าบอกว่าจะทำร้ายข้า แล้วอย่างนี้ข้าควรจะทำยังไงกับเจ้า?”  เย่ว์หยางยื่นมือคว้าคอของขุนพลหูค้างคาวทันทีและชูขึ้นในอากาศถกถึงเหตุผลกับขุนพลค้างคาวที่ดิ้นไม่หยุดแต่ไร้ประโยชน์

ขุนพลฟันหนูปากอ้าค้าง

ตามหลักการแล้ว!

เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?

ถ้าขุนพลหูค้างคาวพูดได้ตอนนี้เขาคงจะตะโกนว่าทำร้ายเจ้าหน้าที่อย่างไม่เป็นธรรม  เย่ว์หยางไม่ควรพูดเรื่องนี้เป็นการชั่วคราวเย่ว์หยางไม่สามารถเป็นเสาหลักของประเทศได้และไม่มีทางที่จะมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับดินแดนมาตุภูมิ  แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา!

ขุนพลหูค้างคาวสามารถพูดได้คงจะพูดว่านี่คือการโกง

แต่ไม่มีใครที่โดนจับคอเชิดกลางอากาศอย่างนี้แล้วจะพูดได้

ยิ่งไปกว่านั้นเย่ว์หยางจับคว้าเขาผู้ไม่เคยแก้ปัญหาด้วยการพูด  เขาจะรู้ไหมว่านอกเหนือจากความจริงแล้ว  สิ่งที่เย่ว์หยางพูดมาทุกอย่างล้วนไม่มีเหตุผล!

คนแบบนี้จับเขาไว้ได้อย่างไร?

ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางตัดสินใจทำให้ขุนพลหูค้างคาวรู้สึกตัวว่าได้บังอาจละเมิดตำนานผู้ยิ่งใหญ่  เขาคงต้องใช้วิธีโน้มน้าวด้วยจิตเมตตาเป็นการส่วนตัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด