ตอนที่ 1148 ระวัง ข้าบอกว่ข้าจะขายพวกเจ้า
เมื่อเย่ว์หยางพาทารกหญิงเข้าไปในโลกคัมภีร์กาดำและกระทุงยังคงอยู่ในอาการมึนงง
พวกเขาไม่รู้ว่านี่คือคัมภีร์ระดับศักดิ์สิทธิ์
นอกจากนี้ยังคิดอย่างผิดๆว่าคัมภีร์อัญเชิญทั้งหมดยอดเยี่ยมและน่าตื่นตา... รอเมื่อเย่ว์หยางให้เงายักษ์ช่วยเสริมพลังให้พวกเขา ทั้งสองรู้สึกว่าพลังของพวกเขาเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่ากาดำมองตนเองด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อมือของเขามีพลังเกินกว่าจะควบคุมได้อย่างสมบูรณ์ หลังจากให้พลังเงายักษ์เสริมความแข็งแกร่งเขาพึมพำ“นี่คือพลังของคัมภีร์อัญเชิญหรือ? นี่คือพลังของอสูรพิทักษ์หรือ?”
เจ้ากระทุงผู้หยาบกร้านมีท่าทางตกใจ
เย่ว์หยางพูดไม่ออก
คัมภีร์อัญเชิญเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวหรือ? ถ้าพวกเขาเห็นคัมภีร์ระดับเทพคงมิบ้ากันทันทีหรือ?
“มีแต่ลูกเทพเท่านั้นที่มีคัมภีร์อัญเชิญท่านเป็นลูกเทพองค์ไหน?” ตอนนี้กาดำเริ่มเข้าใจขึ้นมาบ้างว่าทำไมเย่ว์ไตตันนี้ถึงไม่กลัวศัตรูใดๆ เพราะเขาเป็นลูกรักของเทพ ไม่กลัวศัตรูธรรมดา!
“ไม่, ข้าเป็นคนธรรมดา” เย่ว์หยางถามด้วยคำถามประหลาด “คนในหุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขามีใครที่มีคัมภีร์อัญเชิญบ้างหรือ?”
“คนธรรมดาจะมีคัมภีร์อัญเชิญได้อย่างไร..” กาดำกับกระทุงไม่อยากเชื่อคำพูดเย่ว์หยางเลย สิ่งที่เย่ว์หยางไม่รู้ก็คือมีนักรบน้อยคนที่ออกมาจากหุบเขามนุษย์และเข้ามาในหุบเขาโลกธาตุ แม้ว่าจะมีก็ต้องเป็นคนที่มีพลังมากเมื่อคนเช่นนี้เข้าสู่หุบเขา แทบจะในทันทีตัวแทนลับของเทพทั้งแปดจะรู้ตัว หลังจากทำสัญญาแล้วเด็กของเทพจะอยู่ในสถานะปกปิดแน่นอน หากนักรบที่แข็งแกร่งเหล่านี้ไม่เต็มใจจะอยู่ในหุบเขาโลกธาตุหรือขุนเขาเหนือขุนเขาเมื่อหลายพันปีที่แล้ว เทพทั้งแปดจงใจเปิดทางลัดผ่านไปด่านที่เก้าหุบเขาสวรรค์ฟ้าเหนือฟ้า เป็นไปไม่ได้ที่นักรบผู้มีคัมภีร์อัญเชิญจะท้าทายต่อสู้กับเทพทั้งแปดในหุบเขาโลกธาตุขุนเขาเหนือขุนเขาจากนั้นค่อยออกจากหุบเขากลับแดนสวรรค์หรือไปต่อยังด่านที่เก้า
หุบเขาโลกธาตุหรือขุนเขาเหนือขุนเขา
มีผู้ถือคัมภีร์อัญเชิญน้อยมากที่ปรากฏตัวและถ้าพวกเขาปรากฏ พวกเขาจะมีสถานะเป็นลูกเทพหรือสถานะปกปิดอย่างอื่น แทบเป็นไปไม่ได้ที่คนธรรมดาจะเข้ามาติดต่อไป
เพราะเหตุนี้นักรบที่มีคัมภีร์อัญเชิญทั้งในหุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขา จึงมีความลึกลับและเป็นที่เคารพ แม้แต่กาดำและเจ้ากระทุงผู้มีพลังมากพวกเขายังรู้สึกว่าคนที่ครอบครองคัมภีร์อัญเชิญคือลูกเทพ รองจากเทพ!
หากในตอนแรกพวกเขาไม่เชื่อแต่เย่ว์หยางมอบเงาปีศาจยักษ์ช่วยสนับสนุนพลังพวกเขาทำให้พวกเขาเชื่อมั่นอย่างบริบูรณ์
นอกจากมีพลังต้องห้ามซึ่งเป็นพลังที่ทำให้คนมีพลังเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่า
นั่นเป็นเพียงอสูรพิทักษ์ของคัมภีร์อัญเชิญ
และนี่คือข้อพิสูจน์
ไม่เหมือนกับพลังต้องห้ามที่น่ากลัว มันไม่มีอันตรายอย่างสิ้นเชิง
ภายใต้พยานบุคคลเช่นนี้และการเปลี่ยนแปลงความรู้สึกส่วนตัว กาดำและกระทุงจะกล้าตั้งข้อสงสัยกับตำนานได้อย่างไรพวกเขามีความมั่นใจมากขึ้น
“ฮึ่ม, เจ้าขยะ จงตายให้หมดทุกตัว!” เมื่อมีพลังเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าและไม่ต้องกังวลเรื่องผลสะท้อนเจ้ากระทุงที่โดนเล่นงานอย่างน่าสงสารก่อนนั้นตอนนี้ได้ระบายออกในที่สุด เขาวิ่งเข้าหาฝูงหนอนเหมือนพยัคฆ์ที่ตะลุยเข้าไปในฝูงแกะและเขามีความรู้สึกว่าไร้เทียมทาน พลังเดิมของเขาดีกว่าหนอนปีศาจมากอยู่แล้วแม้ว่าหนอนจะมีจำนวนที่ได้เปรียบ แต่ก็ไม่สามารถหยุดการบุกตะลุยของเขาได้ ในขณะนี้พลังของเขาเพิ่มขึ้นหลายสิบเท่าหนอนปีศาจจะต้านทานเขาได้อย่างไร?
“ไม่ต้องถึงมือเจ้าก็ได้ หนอนเหล่านี้ให้ข้าจัดการเอง!” เย่ว์หยางแค่ต้องการเริ่ม กาดำเห็นเช่นนั้นก็บุกตะลุยขึ้นไปฆ่าหนอนปีศาจระบายอารมณ์หดหู่พร้อมกับเจ้ายักษ์กระทุง
เย่ว์หยางมองไปข้างหลัง
ทหารและพ่อค้าหนีไปไม่เหลือร่องรอยขณะที่พวกเขาต่อสู้กับหนอน
ในกรณีนี้เขาคร้านเกินกว่าจะดูแลความเป็นความตายของปีศาจเห็นแก่ตัวพวกนี้ถ้าพวกนี้ฉุดดึงมารดาสาวขึ้นมา นางก็คงไม่ตายที่นี่ แน่นอนว่าเย่ว์หยางไม่มีสิทธิ์และเหตุผลที่ขอให้อีกฝ่ายทำเช่นนี้ ผู้คนเห็นแก่ตัวได้ แต่เนื่องจากความเห็นแก่ตัวเย่ว์หยางคงไม่ยุ่งเพื่อปกป้องพวกเขาเป็นแน่
บางทีพวกเขาอาจถูกหนอนตัวอื่นกลืนกินในวินาทีถัดไปก็ได้
หรืออาจโชคดีหนีได้
อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเย่ว์หยาง
ทุกคนมีวิธีเลือกชะตาตนเอง ไม่ว่าจะเสียสละหรือเห็นแก่ตัว ผู้คนไม่มีอำนาจ แต่ความจริงชะตากรรมของพวกเขาทั้งหมดอยู่ในมือพวกเขา แต่ผู้คนมักไม่เลือกสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเองแต่แรก
เดินผิดก้าวเดียว
ก้าวที่ตามมาหลังจากนั้นก็ผิดหมดอาจกล่าวได้ว่ายิ่งถลำตัวผิดมากขึ้นจนท้ายที่สุดแก้ไขอะไรไม่ได้
เย่ว์หยางเรียกเพลิงอมฤตขึ้นที่ปลายน้ำและเผาร่างมารดาสาวผู้สละชีวิตตัวเพื่อลูกสาว ในความรับรู้ทางวิญญาณ เขารับรู้ว่าวิญญาณนางกล่าวอำลาเขาและลอยขึ้นไปเขาไม่รู้ว่านางจะไปยังภพภูมิลึกลับใด...เย่ว์หยางรู้ว่าเขาไม่สามารถช่วยคนทุกคนบนเรือได้แต่ถ้าเขาพบเจอ ก็ต้องดูสถานการณ์ ถ้าจำเป็นจริงๆ เขาไม่ยอมเห็นใครตายต่อหน้าแน่นอน!
“แม่หนูน้อยหลับไปแล้วเวลานี้คงต้องให้ท่านหญิงหวี่ดูแล!” อาหงลอยออกมาจากโลกคัมภีร์อัญเชิญส่งข่าวให้เย่ว์หยาง ขณะเดียวกันก็ขอเขาต่อสู้ด้วย “ในหุบเขามนุษย์ ไม่มีทางได้ใช้ฝีมือแต่พอเข้ามาในหุบเขาโลกธาตุไม่มีกฎสวรรค์บังคับ พวกพี่น้องอยากออกมาแสดงฝีมือกันมาก”
“ก็ได้!” หลังจากคิดสองสามวินาทีในที่สุดเย่ว์หยางเห็นด้วยกับคำขอนั้น
นี่ก็เป็นโอกาสที่ดีเช่นกัน
ในหุบเขาโลกธาตุถ้าพวกเขาสามารถสู้กับนักสู้แข็งแกร่งบางคนได้แล้ว อย่างนั้นต่อไปอาหง อาหมันอิคคาจะก้าวหน้าได้เร็วขึ้น หากไม่มีคู่ต่อสู้หรือความกวดขันความท้าทาย ความก้าวหน้าจะช้า.. อาหงและอาหมันล้วนเป็นอสูรพิทักษ์ต่างจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการใช้ชีวิตอย่างปลอดภัย
เรื่องเดียวที่ทำให้เย่ว์หยางกังวลก็คือการมาถึงขุนเขาเหนือขุนเขาของจีอู๋ลี่
ความแข็งแกร่งของเขาไม่ควรเปิดเผยให้จีอู๋ลี่รู้ก่อนกำหนด
แน่นอนว่าเพราะการเติบโตของตั่วตั่วเจี้ยงอิงและเสี่ยวเหวินหลี ตอนนี้เย่ว์หยางไม่กลัวการต่อสู้กับจีอู๋ลี่ ยังไม่ใช่โอกาสที่ดีและเขามีไพ่ลับสองพี่น้องหงส์เพลิง! เย่ว์หยางต้องการหาโอกาสที่ดีที่สุดฆ่าจีอู๋ลี่ เขาไม่ยอมปล่อยข้อมูลให้อีกฝ่ายหนึ่งรู้และหนีไปจากนั้นจะพลาดโอกาสดีนั้น
อาหง อาหมันอิคคาและอีกสองสามนางจะได้ออกมาข้างนอกแม้กระทั่งภูตฟ้าปั่นป่วนเช่นกัน
พวกนางไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้ากาดำและกระทุง
อาหง อาหมัน อิคคาและภูตฟ้าปั่นป่วนหายไปในทางเดินเรือทันที
เจ้ากระทุงไม่รู้สึกอะไร แต่กาดำรู้สึกแปลกเล็กน้อย ดูเหมือนเขารู้สึกได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งเล็กน้อยปรากฏขึ้นและหายไปทันที เป็นไปได้หรือไม่ที่เย่ว์ไตตันใช้พิธีกรรมอย่างหนึ่งเรียกบางอย่างออกมาและหายไปทันทีเมื่อเขาหันกลับไปดู อาหง อาหมันก็หายไปไม่เหลือร่องรอยแม้แต่ภูตฟ้าปั่นป่วนที่ช้าที่สุดก็ยังสามารถปิดกั้นลมหายใจได้อึดใจเดียวก็ไปได้หลายกิโลเมตร
“เมื่อครู่นี้เหมือนกับจะเกิดอะไรขึ้น?” กาดำไม่แน่ใจ เพราะพลังงานปรากฏเร็วมากเขาไม่แน่ใจว่าที่รู้สึกอยู่นั้นเป็นความรู้สึกลวงหรือไม่
“ไม่มีอะไร”เย่ว์หยางส่ายศีรษะและโบกมือให้เขา
“เป็นภาพลวงตาที่ร่างกายยังไม่สามารถควบคุมพลังเสริมได้เต็มร้อยอย่างนั้นหรือ?” กาดำไม่มีทางหาคำอธิบายอื่นได้จากนี้ เขากับเจ้ายักษ์กระทุงยังไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับเงาปีศาจยักษ์ เงาปีศาจยักษ์นี้ไม่เพียงแต่เพิ่มพลังให้เขาหลายสิบเท่าในทันทีแต่ยังมีการเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อร่างกายปรับตัวได้และมีความตั้งใจก็สามารถควบคุมได้เป็นอย่างดี
กาดำคาดว่าขีดจำกัดเต็มที่ของเงายักษ์นี้ก็คือพลังร้อยเท่า
หลังจากปรับตัวได้บ้างแล้วตอนนี้เขาควบคุมใช้พลังได้ไม่ถึงห้าสิบเท่า และเจ้ากระทุงใช้ได้ไม่ถึงสามสิบเท่า
ซึ่งก็หมายความว่าถ้าพวกเขายังสามารถปรับตัวได้ต่อเนื่องขีดจำกัดสูงสุดท้ายอาจมากกว่าห้าสิบเท่าไปจนถึงร้อยเท่า!
ขณะที่กาดำกำลังคิดหาวิธีปรับตัวให้เข้ากับพลังเสริมเร็วกว่านี้ฝูงหนอนอีกกลุ่มหนึ่งก็สร้างความปั่นป่วนอีก กาดำตื่นเต้นและกระหายต่อสู้มากขึ้น สัตว์ประหลาดเหล่านี้มาได้ถูกเวลา เขาแค่กลัวว่าหาคนมากพอมาฝึกฝนไม่ได้ เจ้าพวกนี้เป็นหมอนสำหรับแก้ง่วงไม่ใช่หรือ?
ฆ่า!
คราวนี้เจ้ากระทุงตวาดลั่นราวกับสายฟ้ากาดำเร่งเข้ามาสมทบและผนึกพลังกันฆ่าศัตรูโดยตรง
เย่ว์หยางมองดูสักพักก็พบว่าทั้งเจ้ายักษ์กระทุงและกาดำไม่มีอสูรอัญเชิญและไม่มีวิทยายุทธ์ที่เหมาะเข้ากันได้กับพลังตนเอง แม้ว่าการต่อสู้ของพวกเขาจะมีกฎบางอย่าง แต่เมื่อเทียบกับทักษะการต่อสู้ของหอทงเทียนในปัจจุบันนี้ถือว่ายังด้อยกว่า ไม่ต้องพูดถึงความลับที่ไม่เหมือนใครที่แพร่หลายในยุคเก่าก่อน เกิดอะไรขึ้นกับหุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขา?เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร? ไม่มีอสูรอัญเชิญ ไม่มีทักษะฝีมือต่อสู้เป็นการต่อสู้ตามสัญชาตญาณล้วนๆ นี่ยังไม่ต้องพูดถึงนักรบหอทงเทียนที่ได้รับการฝึกฝนแล้ว ยิ่งเป็นนักรบแดนสวรรค์ก็คงไม่มีทางเทียบติด...นี่เป็นความตั้งใจของเทพทั้งแปดหลังจากเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกพ่ายแพ้และสงครามยุติหรือไม่?
ขณะที่คิดเพลินๆ เขาพบว่าอสูรทองน้อย(ทงเทียน) เทาเถี้ย อสูรกลืนฟ้า (ฝักดาบพยัคฆ์อวี้)และแมงป่องดาวฟ้าลอบออกมาอยู่ข้างหน้าเขาเอง
จริงๆ เลย เมื่อไหร่พวกเจ้าจะรู้ว่าตัวเองเป็นใครสักที?
พวกเจ้าลับๆ ล่อๆปกปิดตัวเองอย่างนี้หรือ?
อสูรทงเทียนตัวเล็กมาก แต่มันดูรูปลักษณะไม่เหมือนเทาเถี้ยที่คล้ายปีศาจอสูรเบเฮม็อธยักษ์ใหญ่หลายสิบตันพวกมันลอบออกมาต่อหน้าต่อตาเขา คิดจะหลอกเขาหรือ? เย่ว์หยางโมโห เขาเพิ่งแก้ปัญหาให้เจ้าพวกนี้เสร็จ แต่เจ้าพวกนี้กล้าแอบออกมาได้ยังไง?เขาแน่ใจว่าอสูรทงเทียนคงไม่ได้รับความยินยอมจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหรืออู๋เหินแน่มิฉะนั้นพวกมันต้องใช้วิธีฉลาดแกมโกง!
“พวกเจ้ามันโง่กันทั้งนั้น!” เย่ว์หยางมองดูอสูรทงเทียนตัวหัวโจก
“อืมมมม..”อสูรทงเทียนกลัวเขามากที่สุด มันทำท่าน่าสงสารบีบน้ำตาซึมมองดูเย่ว์หยางขอความเห็นใจดาบอสูรเทาเถี้ยและแมงป่องดาวฟ้ารับลูกทันทีพยายามแสดงสีหน้าท่าทางว่าพวกมันเชื่อฟังยิ่งนักมีแต่เพียงอสูรกลืนฟ้าที่ยังไม่ได้เรียนรู้จากฮุยไท่หลาง มันเพิ่งเกิดมาได้ไม่นานยังคงมีความบริสุทธิ์ซื่อสัตย์อยู่บ้าง
“ระวังตัวให้ดีไม่งั้นข้าจะขายเจ้าตัวร้ายๆ ออกไปบ้าง!” เย่ว์หยางไม่ใช่โล่วฮัวหรืออี้หนานเขาไม่ใจอ่อนกับเจ้าพวกนี้
อสูรทงเทียนไม่มีทางทำอะไรได้มันได้แต่ก้มหน้า
ทำน้ำตาคลอเบ้า
โชคดีที่เย่ว์หยางตำหนิได้ไม่นานนักกาดำก็เข่นฆ่าหนอนปีศาจได้ทั้งหมดเย่ว์หยางไม่มีเวลาลงโทษพวกมันก็โบกมือไล่พวกมันอย่างรวดเร็ว พวกอสูรทงเทียนดีใจ หายไปทีละตัวๆไวยิ่งกว่าสายฟ้าหลายเท่าทำให้เย่ว์หยางทั้งโกรธทั้งขำ!
หลังจากกาดำกลับมาเขารู้สึกสับสนอีกครั้ง
เขาอยากจะถามว่าเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น?
แต่พอเขากลับมากลับไม่เห็นอะไร และเขาพยายามข่มความสงสัยแต่ก็ยังรู้สึกอึดอัดใจ!
หนอนร่างมนุษย์ได้รับบาดเจ็บสาหัสและหนอนพิษผู้เป็นเจ้านายก็ย่อมรู้สึกได้เป็นธรรมดาเขารีบมาวิ่งมาทางที่เย่ว์หยางอยู่เพื่อต้องการดูว่าเป็นศัตรูแบบไหนถึงได้ฆ่าเด็กๆของเขาได้ในเวลาอันรวดเร็ว... น่าเสียดายที่เขาไปผิดทาง ทำให้ไม่มีเวลาไปถึงสนามรบของเย่ว์หยางเขากลับพบเจออสูรทงเทียนที่แอบหนีความผิดออกมา!
หลังจากเจ้าตัวน้อยถูกเย่ว์หยางตำหนิอย่างหนักมันตัดสินใจพยายามอย่างหนักเพื่อชิงบัลลังก์สัตว์เลี้ยงตัวโปรดหมายเลขหนึ่งจากฮุยไท่หลาง
ดังนั้นหนอนพิษตกใจเมื่อเห็นเจ้าตัวเล็กขวางทางอยู่ข้างหน้าเขา
และท้าทายเขา
ถ้าอสูรทองน้อยไม่ยืนอยู่บนหลังของแมงป่องดาวฟ้ามีอสูรกลืนฟ้ายืนอยู่ข้างๆพร้อมกับดาบอสูรเทาเถี้ย จอมโฉดหนอนพิษคงหัวเราะท้องแข็งไปแล้ว
“เกิดอะไรขึ้น นี่ข้าตาฝาดไปหรือเปล่า?” จอมโฉดหนอนพิษไม่นึกไม่ฝันว่าจะมาเจอกับศัตรูเช่นนี้
“.....” อสูรทองน้อยต้องการเลียนแบบเจ้านายมันทำท่าประกาศสู้ศึกครั้งนี้ แต่มันเลียนแบบอยู่ครึ่งค่อนวันทำยังไงก็พูดไม่ออก มันได้แต่ใช้กรงเล็บเกาหัวและตัดสินใจลืมคำที่มันต้องการพูด พูดกันด้วยภาษาดาบในลักษณะของเย่ว์หยาง มันชักดาบเทาเถี้ยและใช้แมงป่องดาวฟ้าเป็นพาหนะจากนั้นกระโดดขึ้นไปในอากาศใช้ดาบที่มีขนาดใหญ่ฟันใส่พื้นทันที
นี่คือท่าที่เย่ว์หยางใช้
ท่าที่หนึ่ง ดาบผ่าปฐพี
แม้วาจะไม่ดีเท่าที่เย่ว์หยางใช้แต่ก็มีความคล้ายคลึงอยู่สามส่วน ไม่ว่าความเคลื่อนไหวจะเป็นยังไงแต่ดาบเทาเถี้ยไม่ได้มาดีแน่.... อย่างน้อยหนอนพิษก็คิดอย่างนี้!