ตอนที่ 1146 โลหะลับเทพทำลายล้าง
ผีตะกละพูดไม่ออกอีกต่อไป
ร่างของเขาปล่อยควันหนาทึบทันที
ควันพุ่งสูงครอบคลุมพื้นที่ในห้องโดยสารทั้งหมดร่างแต่เดิมของสตรีไฟนรกที่เลือนรางไม่ชัดเจน แต่ในหมอกควันนี้กลับเห็นได้ชัดเจนแต่กับหมอกควันชนิดนี้ร่างโปร่งใส่ของภูตพรายดูเหมือนจะกลายเป็นของแข็งดูแปลกประหลาดมาก ศพบินถอยกลับมาที่ทางเดินดูเหมือนว่าเขาจะไม่สบายใจกับควันนี้ เขาถอยออกไปมากกว่าสิบเมตร ตาของเขาจ้องมองแหลมคมสังเกตความเคลื่อนไหวในห้องโดยสาร
ในห้องโดยสารควันดำหนาแน่นขึ้นทุกทีและมืดสนิทในพริบตา
ยื่นมือก็ยังไม่เห็นนิ้วทั้งห้า
ในท่ามกลางความมืดเสียงของผีตะกละไม่ได้ส่งเสียงเหมือนกับเสียงลมรั่วอีกต่อไป แต่กลับชัดเจนมากขึ้น “เด็กน้อย เจ้ามีพลังทำลายได้เฉียบพลัน แสดงว่าต้องมีคนหนุนหลังอยู่แน่ นั่นเป็นพลังเทพที่เทพอาคเนย์มอบให้เจ้าใช่ไหม? มิน่าเล่าเจ้าถึงได้หยิ่งยโสนัก กล้าหาญอย่างไรก็ตาม แค่มีพลังเทพนิดหน่อยแต่ต้องการจะครอบครองขุนเขาเหนือขุนเขาเป็นเรื่องน่าตลกชัดๆ ...เจ้าหลงตัวเองจนไม่คิดถึงข้อบกพร่องของตัวเจ้าเลยข้าผู้อาวุโสจะสั่งสอนเจ้าให้รู้ว่าข้อบกพร่องของเจ้า ก็คือร่างกายของเจ้านั่นเอง!”
“ร่างกายของข้าสบายดี” เย่ว์หยางไม่รู้สึกว่าร่างกายของเขามีปัญหา
“เจ้าใช้พลังต้องห้ามเช่นเดียวกัน แต่เจ้าไม่ได้หลอมรวมกับมันเป็นเพียงแต่ติดตั้งไว้ภายนอก ทันทีที่ข้าดึงชิ้นส่วนผลึกเทพออกมาร่างเจ้าจะระเบิดตายทันที ก่อนหน้านั้น ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ง่ายๆ ร้อยครั้ง” ผีตะกละรู้ดีว่าจะจัดการคนใช้พลังต้องห้ามอย่างไร
เหมือนกับกาดำ
ภายใต้พลังของชิ้นส่วนวัตถุโบราณกาดำใช้พลังต้องห้ามจะชุดคลุมดำสามารถสู้กับผีตะกละได้
อย่างไรก็ตามมันคือวัตถุแปลกปลอมทันทีที่ผีตะกละนำชิ้นส่วนโบราณวัตถุที่ข่มพลังต้องห้ามไว้ออกมา กาดำพลังถดถอยจากความเป็นสุดยอดนักสู้อย่างรวดเร็ว และอ่อนแอกว่าเดิมถึงร้อยเท่าเวลานั้นแม้เขาต้องการใช้พลังต้องห้ามระเบิดตัวเขาเองแต่เพราะผีตะกละผู้คุ้นเคยกับทุกอย่างหยุดเขาเอาไว้ได้
ในใจผีตะกละเจ้ามือใหม่นี่ก็คงเหมือนกัน
ใช้พลังต้องห้าม
พลังโจมตีอยู่ในระดับที่น่ากลัวระเบิดศีรษะเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่ไม่ว่ากรณีใดก็ตามคนที่ใช้พลังต้องห้ามโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพมีความเป็นไปได้ประการเดียวคือข่มยั้งพลังเอาไว้ใช้จากภายนอกตัวอย่างเช่นพลังจากผลึกเทพที่กาดำ กับเจ้านกกระทุงใช้
เช่นเดียวกับบุรุษหนุ่มผู้หยิ่งยโสข้างหน้าเขา คาดว่าคงไม่ต่างกัน
ในร่างกายของเจ้าเด็กใหม่นี้คาดว่าคาดว่าเทพอาคเนย์หรือมีพลังเทพปกป้องเขาไว้ ดังนั้นเจ้าเด็กใหม่นี่จึงไม่กลัว จัดการกับคนแบบนี้ ผีตะกละไม่ได้เพิ่งทำเป็นครั้งแรก ในหุบเขาโลกธาตุหรือขุนเขาเหนือขุนเขาเขาพบเจอมือใหม่ที่มีศักยภาพ แต่ไม่มีใครรู้ ทันทีที่มือใหม่ผู้มีศักยภาพตัดสินใจเข้าร่วมกับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก็มีแนวโน้มว่าจะถูกลอบสังหารหรือทำลาย หากไม่มีสุดยอดนักสู้คอยดูแล เป็นไปไม่ได้ที่จะเติบโตได้ต่อไป
แค่ผีตะกละคนเดียวก็ฆ่าเด็กใหม่ผู้มีศักยภาพมาหลายคนแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงห้าจอมโฉดคนอื่นๆ
การฆ่าผู้มาใหม่ที่มีศักยภาพนั้นได้ความน่าเชื่อถือมากกว่าชิงยานแม่กระทุง ยานแม่สามารถสร้างได้ แต่เด็กใหม่ผู้มีศักยภาพไม่ได้มีให้เห็นเสมอและไม่จำเป็นต้องเป็นตัวของตัวเอง....ผีตะกละแน่ใจว่าถ้าเขาฆ่าเจ้าเด็กใหม่ผู้นี้ได้ เขาจะได้รับรางวัลเมื่อกลับไป บางทีเทพประจิมอาจให้รางวัลเขาเป็นพิเศษ
“ระวัง!” กาดำที่ได้รับบาดเจ็บและร่างอ่อนแอส่งเสียงเตือนอย่างยากลำบาก เขาต้องการเตือนเย่ว์หยางว่าเขาเองก็พ่ายแพ้ในหมอกควันนั้นเช่นเดียวกัน
“เรียบร้อย เจ้าตายได้” เสียงผีตะกละดังมากขึ้นทุกที และหมอกควันดำในห้องโดยสารเริ่มจางหายไปท่ามกลางสายตาทุกคน ร่างของผีตะกละกลับมาปรากฏให้เห็นอีกครั้ง
เวลานี้ไม่ทราบว่าศีรษะของเขากลับมาเป็นปกติตั้งแต่เมื่อใด
แต่สิ่งที่น่าทึ่งยิ่งกว่าคือเขาไม่เพียงฟื้นฟูสภาพศีรษะของเขาเท่านั้นแต่ยังเพิ่มศีรษะขึ้นบนไหล่มีขนาดเท่ากันอีกข้างหนึ่ง
เย่ว์หยางทำลายศีรษะของเขาและในหนึ่งนาทีที่เขาอยู่ในหมอกควันดำก็ฟื้นฟูชีวิตขึ้นใหม่และมีสองหัว
ฮัวยาและกัวกัวจ้องมองตกตะลึง
แบบนี้ไม่ใช่มนุษย์แล้ว!
เจ้าผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์จริงๆ..
แม้แต่กาดำที่อ่อนแอจนแทบหายใจไม่ออกก็ยังส่ายศีรษะและรู้สึกว่าเขาพ่ายแพ้ จะเอาชนะคนที่ไม่ธรรมดาอย่างผีตะกละได้อย่างไร? อย่าว่าแต่ห้าจอมโฉดในตำนาน นอกจากเทพลงมือเองเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าพวกเขา
“ระวัง!” ครั้งนี้คนตะโกนร้องเตือนไม่ใช่กาดำ แต่เป็นศพบินซึ่งอยู่ในระยะห่าง
“หือ?” ผีตะกละสับสน
จะให้ระวังใคร?
ปลดปล่อยพลังต้องห้ามในร่างกายแล้วร่างเขาเป็นอมตะไปแล้ว นอกจากเทพ ใครจะฆ่าเขาได้? นี่ยังต้องระวังอะไรอีก? ศพบินตั้งใจจะบอกอะไร?
สตรีไฟนรกไม่ได้ร้องเตือนนางไม่ถูกกับผีตะกละ ยิ่งผีตะกละโชคร้ายนางยิ่งมีความพอใจ
หลังจากศพบินตะโกนให้ระวังตัวสตรีไฟนรก ก็เผ่นหนีออกจากทางเดิน
แม้แต่ภูตพรายที่ดื้อรั้นที่สุด
ก็ยังลอยตัวออกมาอย่างเงียบๆ
พฤติกรรมของพวกเขาแปลกประหลาดเหมือนกับสัตว์เล็กสัตว์น้อยกำลังหนีศัตรูที่แข็งแกร่งเป็นไปได้หรือที่เทพอาคเนย์จะมาดูแลเจ้าเด็กใหม่นี่ด้วยตัวเอง? เรื่องแบบนี้เป็นไปได้อย่างไร ตามที่ระบุไว้ในสนธิสัญญาแปดเทพ พวกเทพจะไม่แทรกแซงกิจการการสร้างและสำหรับมือใหม่ที่มีศักยภาพทำได้เพียงฝึกฝนลับๆ ไม่อาจออกหน้าด้วยตัวเองได้ เทพอาคเนย์ปรากฏตัวในที่แบบนี้ได้ยังไง? แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเขา ทำไมศพบินสตรีไฟนรกและภูตพรายทั้งสามคนถึงระมัดระวังตัวมากนักเล่า?
ผีตะกละเตรียมกำจัดหมอกควันออกไปทั้งหมด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหมอกควันที่คลุมรอบตัวศัตรูถูกขับออกไป เขาต้องการใช้ประโยชน์จากการปิดประตูตีแมว และตอนนี้ต้องการจะมองภาพชัดๆ
ท้ายที่สุดสิ่งที่เกิดขึ้นกับเด็กใหม่ทำให้ศพบินและสตรีไฟนรกไม่สบายใจ
เย่ว์หยางยังคงยืนนิ่ง
เขาไม่ได้เคลื่อนไหวแม้แต่ก้าวเดียว
อย่างไรก็ตามร่างสูงโปร่งของเขาไม่ทราบว่าคลุมไปด้วยเกราะรบสีม่วงเข้มตั้งแต่เมื่อใด ชุดเกราะหนักนี้มีรูปอักขระรูนที่ทุกคนไม่รู้จัก ผังภูมิอักขระรูนทุกผังสะท้อนพลังกันเอง ก่อนที่เจ้าของจะเริ่มใช้งานอักขระรูนสงบนิ่งเหมือนกฎสวรรค์เชื่อมโยงกับความรู้สึกได้ยากมากไม่รู้ว่าทิศทางที่แท้จริงนั้นอยู่ตรงไหน? เป็นภูมิปัญญาศักดิ์สิทธิ์
เกราะรบพิเศษนี้มีรูปแบบการออกแบบที่ใหม่และทันสมัยเป็นพิเศษ
แม้แต่กาดำผู้เจนโลกรู้จักอาวุธดีทุกอย่างก็ไม่เคยเห็นเกราะรบแบบนี้
มันคือของใหม่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนขุนเขาเหนือขุนเขาไม่เคยมีเกราะแบบนี้ แม้แต่แปดเทพไม่เคยสวมเกราะที่ใช้วัสดุนี้สร้าง
โลหะลับเทพสังหาร!
ในท่ามกลางทุกคนไม่ว่าจะเป็นสตรีไฟนรกหรือภูตพราย หรือศพบิน กาดำ ฮัวยาและกัวกัวพอมองเห็นวัสดุที่สร้างเกราะรบก็รู้ว่านี่คือโลหะลับเทพสังหาร! ตลอดทั้งลำยานแม่กระทุงสร้างจากโลหะชนิดนี้ นั่นคือวัสดุพิเศษที่แม้แต่เทพก็ยังยากจะทำลาย
ยานแม่ทุกลำสร้างด้วยโลหะลับเทพสังหารความลับนี้มีแต่เทพเท่านั้นที่รู้
ยิ่งไปกว่านั้นวิธีทำนี้สร้างโดยเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกสองเทพที่ตายไปแล้วนอกจากสร้างยานรบแล้ว อาณาจักรเทพโดยรอบขุนเขาเหนือขุนเขาไม่มีทางใช้โลหะลับเทพสังหาร
ตอนนี้สิ่งที่ปรากฏขึ้นต่อหน้าทุกคนคือชุดเกราะที่ดูเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร
เขาทำสำเร็จได้อย่างไร?
หัวใจของทุกคนเต็มไปด้วยปริศนา..สิ่งที่ทำให้ศพบินและกาดำรู้สึกพูดไม่ออกก็คือเจ้าเด็กนี่ได้เขียนผังอักขระรูนฝังลงไปในโลหะนอกจากเทพแล้วไม่มีทางสลักลงไปในเนื้อโลหะของเทพได้ แต่ตอนนี้เด็กใหม่กลับสลักอักขระรูนลงไปในโลหะพิเศษนี้ได้ เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? เป็นทักษะแฝงเร้น? อสูรพิเศษ? หรือว่าพลังอื่นใดกันแน่?
“เจ้า!” เมื่อเขาเห็นเย่ว์หยางสวมชุดเกราะรบเช่นนั้นผีตะกละอยากกระอักเลือด
“หล่อพอดูได้ไหม?” เย่ว์หยางถอดหมวกเกราะออกมาถือไว้ แบบนี้ก็ดีเหมือนกันคาดว่าต่อให้นักรบระดับขุนพลเทพสักสิบคนก็คงขวางไม่ให้เขากินอาหารมือเช้าเล็กๆน้อยๆ ได้
โลหะลับเทพสังหารคือวัสดุที่ทำให้พวกเทพปวดเศียรเวียนเกล้ามาแล้ว
กฎสวรรค์ที่แฝงอยู่ภายในวัสดุทำให้พลังชีวิตอ่อนลงถึงร้อยเท่า
หากสร้างเป็นชุดเกราะรบยังไม่ต้องสู้ก็ทำให้ศัตรูร้องไห้โดยตรงแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีใครเคยคิดใช้งานอย่างนี้มาก่อนแต่มักจะล้มเหลวในท้ายที่สุด ผีตะกละไม่เคยคิดว่าตนเองจะซวยอย่างนี้ต้องมาเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ไม่เคยพบเห็นในรอบพันปีเด็กหนุ่มผู้สวมใส่เกราะโลหะลับเทพสังหารทั้งยังเป็นเกราะรบที่มีอักขระรูนที่ไม่รู้จัก!
ถ้าไม่ใช่เพราะคุยโอ้อวดไว้ก่อนหน้านั้นเขาต้องการถอย
โจมตีคนที่สวมเกราะรบโลหะลับเทพสังหารไปก็ไม่ได้อะไรเลยอย่าว่าแต่เจ้าเด็กนี่สามารถใช้พลังต้องห้ามได้
“เฮ้,เจ้าไม่คิดจะช่วยข้าบ้างหรือไง” ผีตะกละมองไปทางศพบินที่ทางเดินข้างนอกและพบว่าคนเจ้าเล่ห์ผู้นี้ถอยออกไปห่างมากกว่าห้าสิบเมตร เขารู้สึกไม่พอใจอยางมาก ทำไมเขาต้องมาเป็นหินถามทางให้เจ้าพวกนี้ด้วยเล่า?
“ข้าไปดีกว่า!” ศพบินไม่ต้องการเผชิญเจอเย่ว์หยางอีกต่อไป และตอนนี้เจ้าเด็กใหม่นี่คือเด็กเจ้าปัญญาที่เทพอาคเนย์ปั้นสร้างขึ้นมา เขาเชื่อเช่นนั้น แม้ว่าเขาจะรู้สึกว่าผู้มาใหม่นี้อาจมีจุดเริ่มต้นที่ใหญ่กว่าคนอื่นถ้าเขาลงมือกับคนแบบนั้น ไม่เพียงแต่จะก่อให้เกิดอันตรายแก่เขาเท่านั้น แต่อาจทำให้เขาถึงตายได้ ตอนนี้ผีตะกละลงมือกับเด็กใหม่อยู่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับตัวเขา เขาจะอยู่ที่นี่ต่อไปทำไม? เกี่ยวกับคำพูดของเจ้างั่งผีตะกละมีแนวโน้มว่าจะต้องต่อสู้กันอย่างหนักแน่นอน และเมื่อเขาถูกดึงลงน้ำไปด้วยนั่นจะทำให้แย่
ด้วยความคิดเช่นนี้ศพบินจึงไม่สนใจพี่น้องร่วมกัน
ความสัมพันธ์อะไรกัน?
มันกินได้เสียเมื่อไหร่?
ใครจะตายพร้อมกับคนงี่เง่าอย่างผีตะกละเล่า! ศพบินโบกมือให้เย่ว์หยางและยิ้ม “สหายน้อย ที่ผ่านมาเป็นเรื่องเข้าใจผิด แต่คนมีปัญญาไม่ควรจะถือสาศพบินอย่างข้าจะไม่ผ่านมาที่นี่เลย เรามีนัดอยู่แล้ว” เขาไม่ชอบพูดทักทายศัตรูแต่เขากล่าวอำลาสหายของเขา ผีตะกละหดหู่จนแทบกระอักเลือด ก็ได้ เจ้าจากไปอย่างหยิ่งผยองตัดความสัมพันธ์สหาย ทำเป็นแสดงมารยาทดีต่อสาธารณะ เจ้าทำทุกสิ่งตามใจตัวเอง นับเป็นโชคร้ายที่ร่วมงานกับเจ้าจริงๆ
ผีตะกละไม่มีเวลาด่าศพบินสตรีไฟนรกหัวเราะและกล่าว “เราก็เป็นคนฉลาดและไม่สับสนเหมือนกัน เราไม่มีความแค้นอะไรกับเด็กๆ ก็แค่มีเรื่องสงสัยและผ่านมาชมดู และจะไม่เข้าไปแทรกแซง พวกเจ้าเชิญเล่นสนุกกันตามสบาย!”
ครั้งนี้ผีตะกละอดตะโกนลั่นไม่ได้ “เจ้าจะทำอะไร? นึกว่าข้าจะแพ้งั้นหรือ?”
สตรีไฟนรกผายมือ “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะชนะได้อยู่แล้ว!”
วีรบุรุษตัวจริงไม่ตีตัวไปก่อนแพ้ผีตะกละไม่ใช่คนโง่
ทันทีที่เขาเห็นศพบินถลันหนีสตรีไฟนรกและภูตพรายก็กระตือรือร้นรายล้อมดูตัวเขาโชคร้ายความต้องการต่อสู้หดหายไปหมด แต่ยังทำปากแข็ง “ดีแต่อยู่ในกระดองเต่า นอกจากทนทานแล้วไม่มีประโยชน์อะไรวันนี้ข้าเล่นมาพอแล้ว จะยอมปล่อยเจ้าไปก่อน ต่อไปถ้ากล้าทำหยิ่งต่อหน้าข้าอีก ข้าจะใช้นิ้วเดียวลงโทษเจ้า!”
เมื่อเป็นเช่นนี้แม้แต่ภูตพรายที่ไม่แสดงอารมณ์อะไรยังอดทำหน้าดูหมิ่นมิได้
เก่งแต่ปาก?
ร่างของผีตะกละปล่อยควันดำเต็มพื้นที่ทั้งห้องโดยสารอีกครั้งพอควันเต็มห้องโดยสารเขาจึงบินออกไปจากห้องโดยสารราวกับประกายไฟ
ภูตพรายดูเหมือนต้องการเคลื่อนไหว แต่สตรีไฟนรกที่อยู่ข้างนางส่ายหน้า เมื่อผีตะกละขณะผ่านพวกนางไปอย่างนุ่มนวลเขากลัวว่าสตรีทั้งสองจะไม่เห็นด้วยในเวลาสำคัญอย่างนี้ โชคดีที่พวกนางไม่ได้เริ่มต้นลงมือ ผีตะกละลอยยินดีในใจ รีบเร่งฝีเท้าหลบหนี
“ข้าจะปล่อยเจ้าหนีไปดีไหม?”
ชั่วขณะที่ผีตะกละคิดว่าหลบหนีได้อย่างปลอดภัย ที่นอกทางเดินมีเสียงดังขึ้นทำลายความเงียบ
จากนั้นมือข้างหนึ่งที่ดูเหมือนจะช้าแต่เร็วจนผีตะกละตอบสนองไม่ทัน
กดลงบนหลังศีรษะหนึ่งในหัวทั้งสองของผีตะกละ
เช่นเดียวกับการกระทำก่อนหน้านั้นกดหลังศีรษะจนหน้าคว่ำวินาทีต่อมาเย่ว์หยางในชุดเกราะรบเต่าดำกดร่างของผีตะกละกระแทกกับพื้นโดยตรง... นอกจากนี้ผีตะกละยังได้ยินเสียงเย่ว์หยางพูด “ข้าไม่เคยเชื่อว่าจะมีศัตรูที่โน้มน้าวไม่ได้วิธีโน้มน้าวของข้าไม่เคยล้มเหลวมาก่อน ครั้งนี้ก็ไม่ยกเว้น!”