ตอนที่ 1145 อาจติดเชื้อโง่ได้...
ทันใดนั้นมีเสียงดังออกมาจากข้างนอกทางเดินเสียงเย็นชาดังก้อง “พูดไปก็เปล่าประโยชน์หนวกหู ใครจะทำได้”
มีอีกเสียงหนึ่งตอบโต้ทันที “ไม่, ข้าคิดว่ามันยอดเยี่ยมข้าไม่เคยได้ยินคำพูดที่เข้มแข็งอย่างนี้มานานแล้ว ยิ่งกว่านั้นนี่ยังเป็นเด็กใหม่! ในบางจุดการแสดงออกของมือใหม่ก็พอยกโทษให้ได้ตราบเท่าที่เขาไม่กลัวจนฉี่ราดกางเกง สำหรับมือใหม่แล้ว ถือว่าเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่!”
บุรุษที่พูดก่อนนั้นแค่นเสียงเย็นชา “งั้นมาดูกันว่าเขาจะกลัวจนฉี่ราดหรือไม่!”
คำพูดของเขายังไม่จบ
เขาใช้มือข้างหนึ่งยกวัตถุสองชิ้นบินเข้าไปในห้องโดยสาร
ตุ้บ! วัตถุสองชิ้นมีขนาดแตกต่างกันกระแทกลงข้างหน้าเย่ว์หยาง
โจรดวงดาวที่อยู่ใกล้เย่ว์หยางมองดูอย่างใกล้ชิดพวกเขาพบในทันทีว่าเป็นสองคนที่ตัวแห้งเหมือนปลาเค็มตากแห้ง สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจมากยิ่งขึ้นก็คือหนึ่งในสองคนนั้นคือกาดำที่พวกเขารอคอยอยู่นาน ตอนนี้กาดำบาดเจ็บสาหัสเจียนตายชุดคลุมดำของเขาขาดรุ่งริ่งเหมือนกลีบดอกไม้ ปกติกาดำเมื่ออยู่ต่อหน้าคนของเขามักจะทำท่าทางเท่ดูมีสง่าราศีแต่ตอนนี้เขาถูกโยนลงกับพื้น ไม่สามารถดิ้นรนได้แม้แต่กระดิกนิ้วก็ยากจะทำได้สำเร็จ... ว่ากันตามตรงแล้วกาดำไม่เคยลำบากขนาดนั้นมาก่อนในชีวิต!
เขาไม่ได้หมดสติ เพียงแต่สติปัญญามึนซึม
แต่อยู่ต่อหน้าคนของเขาเขากลายเป็นปลาที่ไม่สามารถต่อสู้ดิ้นรน เขาแทบรอไม่ได้อยากตายทันทีเพื่อหนีความอับอายต่อหน้าทุกคน
ที่อยู่ข้างกาดำเป็นบุรุษร่างยักษ์เลือดอาบทั่วตัวเขาคือเจ้านกกระทุง ที่ทั้งตัวเต็มไปด้วยบาดแผล ตลอดทั้งร่างราวกับตกถังย้อมสีแดง เขาตะลึงเป่าปากหอบเสียงแหลมไม่ต้องดูก็รู้ว่าเจ้าผู้นี้ไม่รู้ว่าเขาจะตายอย่างไร
โจรดวงดาวรีบวิ่งเข้าไปหาและร้องลั่น “ท่านกาดำ เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น?”
พวกเขาไม่ต้องการเข้าใจและไม่ต้องการเชื่อนี่คือผู้นำที่ไร้เทียมทานในหัวใจของพวกเขา
เขาพ่ายแพ้โดยไม่คาดหมาย!
นี่ นี่ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขายอมรับได้!
“....”กาดำขยับปากเหมือนต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ในที่สุดเขาไม่สามารถพูดอะไรได้ หัวใจของเขาสิ้นหวัง เนื่องจากเขาพ่ายแพ้ศัตรูอย่างง่ายดาย
“ร้องไห้ทำไม? ไม่เห็นจะน่าอายเลย พวกเขายังไม่ตาย!” เย่ว์หยางโวยวายสั่งโจรดวงดาวให้ลากสองคนไปอยู่ข้างหลังเขา
“ไม่มีการฉี่ราดรดกางเกงแต่ยังออกคำสั่งได้ ข้าชนะ” คนข้างนอกทางเดินปรบมือดีใจ
“ใช่เหรอ? เจ้าแน่ใจจริงๆ นะว่าเจ้าชนะ? ไม่เป็นไร เดี๋ยวมันก็ฉี่ราดกางเกงเอง ข้ารับรองได้ว่าในเวลาไม่ถึงนาทีเจ้าจะเห็นอีกฝ่ายหนึ่งแสดงความขี้ขลาดออกมาทั้งยังต้องคุกเข่าร้องขอชีวิต...” เสียงเย็นชาสะท้อนผ่านประตูและเจ้าของเสียงเป็นบุรุษวัยกลางคนรูปงามร่างสูงใหญ่คนผู้นี้เต็มไปด้วยความจริงจังเหมือนผู้นำที่จริงจังกับงานซึ่งปรากฏตัวทั่วทุกหนแห่งทำให้ทุกสถานที่เหมือนกับเป็นห้องประชุมไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์หรือทัศนคติก็มองเห็นได้ นี่คือคนที่มีอำนาจเหนือกว่าและไม่หวั่นไหวได้ง่ายนัก
“หลายอย่างที่นี่เป็นของเราสองคน พวกเจ้าอย่าเข้ามายุ่งจะดีกว่า” สตรีไฟนรกมีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยนางเตือนคนอย่างเฉยเมย
“ถ้าข้าจะจัดการเองเล่า?” บุรุษร่างใหญ่เกินคนธรรมดาย้อนถาม
“งั้นปล่อยให้เจ้าก็ได้!” สตรีไฟนรกและคนร่างใหญ่จ้องหน้ากันครู่หนึ่งจู่ๆก็หัวเราะผายมือและยักไหล่ “ใครให้ข้ากับน้องภูตพรายเป็นสตรีเล่า! บางครั้งสตรีก็ดื้อรั้นเกินไป ดังนั้นหลายอย่างที่นี่ยังเหลือให้พวกเจ้าเหล่าบุรุษจัดการ! น้องภูตพราย! วางเจ้าผู้นั้นลง เราจะหลีกทางและดูผีตะกละและศพบินเจ้าเราจะศึกษาเรียนรู้หาประสบการณ์”
“....” ภูตพรายร่างโปร่งแสงดูเหมือนจะลังเล แต่สตรีไฟนรกขอร้องครั้งแล้วครั้งเล่านางโยนฮัวยาออกไปอย่างไม่พอใจ
“แค่ก แค่ก แค่ก!” ฮัวยาเกือบตาย เขาไอทันทีที่เป็นอิสระ และแทบจะไอเอาปอดออกมา
โจรดวงดาวหลายคนรีบเข้ามาดึงตัวเขากลับเข้าไป
ดึงกลับไปอยู่หลังเย่ว์หยาง
ตอนนี้มีแต่ซ่อนตัวอยู่หลังเย่ว์หยางจึงรู้สึกปลอดภัยขึ้นมาบ้าง
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยมั่นใจเย่ว์หยางแต่เนื่องจากสถานการณ์บังคับ พวกโจรดวงดาวเหล่านั้นใกล้ชิดกับเย่ว์หยางผู้มีความแข็งแกร่งที่พวกเขาไม่รู้ แต่อย่างน้อยในแง่ของการแสดงออกและการพูดเด็กหนุ่มผู้มาใหม่นี้ไม่ต่างจากคนอื่น ดังนั้นตอนนี้พวกเขาพยายามเชื่อใจกันและกัน
เย่ว์หยางกวาดตามองดูผีตะกละร่างสูงใหญ่มองดูไม่เหมือนกับคนชั่วร้ายจากนั้นมองไปที่ประตูทางเดินมาห้องโดยสารและเดินเข้าไปใกล้ทางด้านข้างช้าๆ แต่เขาระมัดระวังตัวมากไม่ต้องการเข้าห้องโดยสารของศพบิน ศพบินสวมชุดยาวสีขาว ผมเขามีสีแดงอมม่วงอ่อนปราศจากการหวีตกแต่ง ผมข้างหน้ายาวปรกหน้าผากที่กว้างบ่งบอกถึงความเป็นคนมีภูมิปัญญาเขาดูสง่างาม และสง่างามกว่าคนทั่วไป ถ้าไม่ใช่ชื่อของสตรีไฟนรกเป็นไปไม่ได้ที่คนผู้มีมาดคุณชายจะใช้ที่ทำให้คนรู้สึกพูดไม่ออกและขวัญผวา ศพบิน
ศพบินผู้นี้เป็นคนร่างใหญ่
ดวงตาของเขาเขียว มีเสน่ห์แบบมนุษย์
เขาพบว่าเย่ว์หยางมองสำรวจจึงปรบมือหัวเราะและพยักหน้า “ข้าเริ่มงุนงงเล็กน้อยเป็นที่รู้กันดีว่าคนฉลาดและเห็นแก่ตัวอย่างกาดำมีความริษยารุนแรงกว่าใครเขายอมสละตัวเองช่วยเหลือคนนอกได้อย่างไร? ตอนนี้ข้าเชื่อแล้ว เจ้าคู่ควรแก่การเสียสละของเขาจริงๆ เด็กหนุ่มอย่างเจ้าเมื่อเติบโตขึ้นศักยภาพจะมีอย่างไม่จำกัด ดังนั้นไม่ว่าต้องทุ่มเทเสียสละเพียงไหนก็คุ้มค่า!”
ผีตะกละมีสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดจริงจังการฆ่าของเขาคนอื่นไม่อาจคาดเดาได้อาจทำลายสิ่งดีๆ ในโลกที่สวยงาม
การทำลายเด็กใหม่ผู้มีศักยภาพเติบโตไม่มีขีดจำกัดคือความปรารถนาตามธรรมชาติของเขา
ขณะที่ศพบินยกย่องสรรเสริญเย่ว์หยางรังสีฆ่าฟันในดวงตาของผีตะกละยิ่งเพิ่มหนักขึ้น ในที่สุดดวงตาของเขาเยือกเย็นรังสีฆ่าฟันพวยพุ่ง
“ในเมื่อเป็นแบบนี้” ขณะนั้นผีตะกละขัดขวางศพบิน เขาชี้หน้าของเย่ว์หยาง “ข้าจองหน้าเจ้า! ข้าหวังว่าเจ้าจะดิ้นรนต่อสู้อย่างสุดกำลังเพื่อให้ข้ารู้สึกเคี้ยวกินได้มันยิ่งขึ้น เวลาข้ากินคนและหัวของเจ้าแก้มเจ้าจะต้องเหนียวหนึบมาก ดังนั้นอย่าทำให้ข้าผิดหวัง”
“เขาเขาชอบกินคน...” กัวกัวซ่อนอยู่ข้างหลังเย่ว์หยางและตัวสั่นเตือนเย่ว์หยาง “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เขาชอบกินหน้าคน..แหวะ”
“แหวะเหรอ?” ฮัวยามองดูกัวกัวอ้วก เขาอดตัวสั่นไม่ได้
“มันเป็นรสชาติที่ดีจริงๆ” แม้แต่สตรีไฟนรกก็อดทำท่าแหวะไม่ได้
“สำหรับคนแบบนี้ดูเหมือนว่าข้าไม่สามารถใช้การโน้มน้าวใจอย่างรวดเร็วได้ มันสิ้นเปลืองเวลาทุกคนเร็วเกินไป แต่ข้าจะใช้วิธีโน้มน้าวด้วยคุณธรรมใครก็ตามที่ทำให้ข้าใช้วิธีโน้มน้าวแบบนี้ต้องมีความอดทนและจริงใจมากพอ!” เย่ว์หยางกล่าวว่าเขาเป็นผู้เชี่ยวชาญในการเจรจาต่อรองที่ยอดเยี่ยมและเขามีความรักลึกซึ้งต่อการเจรจาเพื่อสันติภาพโลกเพื่อช่วยมนุษยชาติ
ผีตะกละได้ฟังคำพูดของเย่ว์หยางสีหน้าของเขาเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน
เขาไม่ตอบ
เป็นเพราะเขารู้สึกดูถูกเหยียดหยามพลังของเย่ว์หยาง!
เขาไม่กลัวเล่ห์ลิ้นของเย่ว์หยาง? เด็กใหม่ที่ไร้พลังจะทำอะไรได้?
ในใจของผีตะกละรู้สึกว่าแทบรอไม่ไหวแม้แต่วินาทีเดียวเขาตัดสินใจไม่พูดกับเย่ว์หยางเจ้าเด็กใหม่ เขาบิดหักนิ้วดูถูกเย่ว์หยางเตรียมพร้อมพุ่งเข้าใจและต่อยฆ่าเจ้าเด็กนี่ในหมัดเดียว
เย่ว์หยางยิ้ม
รอยยิ้มสดใสเหมือนดวงอาทิตย์เต็มไปด้วยความมั่นใจ.. เมื่อเห็นรอยยิ้มเย่ว์หยางศพบินระแวงถอยกรูดทันทีเขาเตือนผีตะกละสหายของเขา“ระวัง แปลกมาก”
คำพูดของเขายังไม่ถึงหูผีตะกละเย่ว์หยางก็เคลื่อนไหวทันที ความเร็วของเขาดูเหมือนจะไม่เร็ว ค่อยๆ ยื่นมือออกไปกดที่หน้าของผีตะกละจากนั้นสตรีไฟนรกและภูตพรายที่ยืนอยู่ไม่ห่างกระโดดหลบซ้ายขวาทันทีการโจมตีที่แปลกประหลาดน่าอึดอัดนี้พวกนางไม่ยอมให้เข้ามาใกล้ รีบหลบหลีกทันที
หน้าของผีตะกละปรากฏแววเยาะเย้ย
เขายื่นมือคว้ามือของเย่ว์หยางเตรียมบิดแขนในพริบตาจากนั้นทุ่มเจ้าเด็กใหม่ลงพื้นแล้วใช้เท้าย่ำศีรษะให้แหลก
ช่วงเวลาไม่ถึงหนึ่งในหมื่นวินาที
ท่าทีเยาะเย้ยและดูถูกของผีตะกละค้างมือของเย่ว์หยางเหลือแต่เงาตามหลังเลือนรางเคลื่อนช้าๆ ในอากาศแต่มือที่แท้จริงกดอยู่ที่หน้าของผีตะกละ ขณะที่ผีตะกละโจมตีใส่ความว่างเปล่าศีรษะของผีตะกละกระแทกกับพื้น พวกเขาไม่เห็นการเคลื่อนไหว แม้แต่กาดำ สตรีไฟนรกภูตพรายและศพบินไม่เข้าใจความเคลื่อนไหวของเขาแม้แต่น้อย ทั้งที่มองเห็นอยู่
ปัง!
ทั่วทั้งห้องโดยสารสั่นสะเทือน
เสียงดังสนั่นรุนแรงยิ่งกว่าฟ้าผ่าร้อยเท่าทุกอย่างในห้องโดยสารกระดอนขึ้นไปในอากาศ ฮัวยา กาดำโจรดวงดาวคนอื่นถูกแรงระเบิดกวาดใส่ลอยขึ้นในกลางอากาศปรับตัวและลงสู่พื้นได้ปลอดภัยแต่เจ้ายักษ์นกกระทุงที่นอนสลบเหมือนหมูตายลอยขึ้นไปเหมือนกองเนื้อกระแทกเข้ากับหลังคาห้องโดยสารและร่วงลงมากระแทกพื้นอย่างแรงและกองรวมกับสิ่งของประดับเรือโผล่ให้เห็นแต่ขา ส่วนสตรีไฟนรกและภูตพรายกระโดดลอยตัวเบาๆในกลางอากาศหลบพ้นแรงระเบิดในครั้งนี้ได้
ศพบินที่อยู่นอกประตูถอยออกไปห่างสีหน้าของเขาเคร่งขรึม
เขารู้สึกถึงภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่
แม้ปัจจุบันนี้เย่ว์หยางจะเป็นมือใหม่ที่อ่อนแอและยิ้มอย่างเป็นมิตรดูไม่เป็นอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์โลก
โน้มน้าวโดยใช้คุณธรรมนำหน้า!
ฮัวยาและกัวกัวรู้ซึ้งถึงวิธีการเจรจาต่อรองของเย่ว์หยางแล้ว
ตอนนี้พวกเขาเห็นผลที่เกิดขึ้นจริง...เมื่อการเจรจาต่อรองด้วยคุณธรรมเอาชนะได้ศีรษะของผีตะกละถูกระเบิดกระจายไปกองกับขยะไม่มีใครบอกได้
ใบหน้าที่หล่อเหลาไม่มีอีกต่อไปมันสมองกระจาย เศษกะโหลกและเลือดกระจายอยู่ทั่วพื้น
ไม่รู้ว่าชิ้นส่วนคางหรืออะไรบางอย่างตกลงบนไหล่ของกัวกัว
สีแดงมีกลิ่นคาวเลือด
กัวกัวเหมือนถูกผีกัดเขารู้สึกไม่สบายจนอยากอาเจียนออกมา
“วิธีโน้มน้าวคนด้วยคุณธรรมแบบนี้ไม่เลวจริงๆ ข้าชอบมาก แต่น่าเสียดายใช้ผิดเป้าหมาย” สตรีไฟนรกพูดพลางหัวเราะ “ในโลกนี้ใช่ว่าทุกคนจะสามารถโน้มน้าวด้วยคุณธรรมได้ผีตะกละที่อยู่ข้างหน้าเจ้าก็เป็นคนเช่นนั้น!” นางพูดไม่ทันขาดคำ ศพของผีตะกละก็ลุกขึ้นนั่งทันที
มันใช้มือตัดชิ้นส่วนเสียบนคอเหลือเส้นเลือดบนคอเพียงไม่กี่เส้น
ศพไร้หัวมีเสียงแปลกๆดังออกมาจากท้อง เสียงนั้นเหมือนกับผีตะกละนั่นเอง เสียงของมันดังเหมือนเสียงผายลม“ปวดหัวมากนัก ไม่มีใครทำให้ข้าอับอายมานานมากแล้ว! บัดซบ”
ฮัวยาและกัวกัวปากอ้าตาค้าง
แย่แล้ว
ไม่มีศีรษะแต่เจ้าผู้นี้ยังมีชีวิตได้หรือ? เขาเป็นคนหรือเปล่า?
ผีตะกละที่ไม่มีหัวแต่ยังมีชีวิตลุกขึ้นยืนตรงและชี้มาที่เย่ว์หยางด้วยความโกรธ “อย่าคิดว่าทำร้ายข้าได้แล้วเจ้ายังทำอวดดีกับข้าได้นะ ข้ามีร่างอมตะ ไม่มีวันตาย! ไม่ว่าเจ้าเป็นเด็กน่าตายมาจากไหน เมื่อบังอาจทุบศีรษะข้า อย่างนั้นข้าจะสั่งสอนให้เจ้ารู้ว่าขุนเขาเหนือขุนเขาคือโลกของเราผู้ใหญ่ แต่ใช่ที่ให้เด็กน่าตายอย่างเจ้ามาวิ่งเล่น!”
“โอ๊ว บิดากลัวแทบตาย!” เย่ว์หยางเอามือทาบอกตกใจทำเป็นกลัวและอดยักไหล่ถอนหายใจไม่ได้ “ไม่มีหัวยังมีชีวิตได้อีกหรือ? จริงๆ ด้วย แต่หัวนี่เป็นแค่ของตกแต่ง ฟังดูเหมือนงี่เง่าแต่ข้าเพิ่งเห็นครั้งแรกจริงๆ โลกเรากว้างใหญ่ไพศาลนัก คนก็มีทุกประเภทคนงี่เง่าไร้สมองยังมีชีวิตอยู่ได้ ข้าจะพูดอะไรได้? ไม่,ข้าต้องยืนให้ห่างกว่านี้ มิฉะนั้นอาจติดเชื้อโง่ได้..”