ตอนที่ 52 โซ่คุมวิญญาณและเกราะอ่อนปีกจักจั่นรุ่น 1
ตอนที่ 52 โซ่คุมวิญญาณและเกราะอ่อนปีกจักจั่นรุ่น 1
เมื่อเดินออกมาจากบ้านของจิม ลีโอก็ขึ้นรถไฟที่มาจอดพอดีเพื่อเดินทางไปยังร้านของไรรีย์ ที่นี่ยังคงเหมือนเดิม ทั้งมืดและเต็มไปด้วยกองโลหะหลากหลายรวมกันอยู่ มีกลิ่นไฟและควันลอยในอากาศ
ลีโอมาหยุดอยู่หน้าด้านหน้าร้านค้าของไรรีย์ ครั้งแรกนั้นจิมเป็นคนสแกนเปิดประตูพาเขาเข้าไป แต่ว่าครั้งนี้ลีโอมาเพียงคนเดียว
ลีโอกดปุ่มเพื่อให้ระบบที่ประตูทำงาน แต่เพราะเขาใช้งานการสแกนลายมือไม่ได้ เนื่องจากว่าที่มาครั้งก่อนมือของลีโอเป็นแผลแทบทั้งมือจากการที่จับดาบอาคมที่ตนพึ่งหลอม มันทำให้มือของลีโอกลายเป็นแผล เขาจึงใช้การสแกนหน้าแทนเพื่อยืนยันตัวตน
หลังเข้ามาด้านในของส่วนใหญ่ถูกเก็บลงมาเก็บลงกล่องแล้ว ลีโอตรงไปที่โรงหลอมทางด้านหลังร้านทันที
“เจ้ามามีอะไรหรือเปล่า” ไรรีย์ที่รู้ว่าลีโอเข้ามาตั้งแต่สแกนใบหน้าได้เอ่ยถามขึ้นมา
“ข้าอยากจะมาถามเรื่องเครื่องสมองกลฉายภาพ จิมบอกว่าท่านมีมันและข้าต้องการใช้มันเพื่อฝึกฝนทักษะดาบท่านได้เอามันกลับไปด้วยไหม”
“ไม่ได้ ถ้าเจ้าอยากได้ก็เอาไปสิ แต่รอสักครู่ข้าจะไปหยิบมาให้”
“ขอบคุณ” ลีโอกล่าว
ขณะที่ไรรีย์หันกลับไปค้นหาของที่กองรวมกันอยู่ไม่ไกล ลีโอก็เหลือบไปเห็นอาวุธอาคมชิ้นอื่น ๆ โดยเฉพาะของบางสิ่งทำให้เขาอดที่จะเอ่ยปากถามไม่ได้
“ท่านเอาโซ่เหล่านี้ไว้ทำอะไร”
ไรรีย์ที่ถือเสาโลหะขนาดเท่าต้นขาเดินมาพอดีจึงตอบคำถามของลีโอ
“โซ่คุมวิญญาณนี่นะเหรอ เป็นหนึ่งในอาวุธอาคม มันก็เหมือนดาบอาคมเพียงแต่ประโยชน์ของโซ่คือจับ ใช้มันจับตัวพวกภูติผีปีศาจ และโดยเฉพาะผีร้ายถ้าโดนโซ่มัดตัวมันจะหายตัวหนีทะลุกำแพงไม่ได้”
“แบบนี้นี่เอง ท่านขายไหม” ลีโอถามอย่างสนใจต่อโซ่เหล่านี้ แม้หมอผีจะไม่ค่อยนิยมจับภูตผีกัน เพราะถ้าเป็นไปได้ส่วนใหญ่เลือกจะฆ่ามันให้ได้ในการโจมตีแรก ๆ มากกว่า แบบนั้นจะไม่ต้องเหนื่อยหรือสิ้นเปลืองอาวุธมากเกินไป
แต่ว่าลีโอนั้นต่างออกไป เขาต้องการจับพวกมันเข้าในมิติดวงตาผนึกเทพมากกว่าที่จะฆ่าตายด้านนอก
“5000 ดากาซ” ไรรีย์บอกราคาไป
ลีโอตกใจกับราคา แต่พอคิดว่าโซ่พวกนี้คงจะมีส่วนผสมของโลหะสื่อวิญญาณอยู่ด้วยก็ไม่ได้แพงอะไรเลย จึงพยักหน้าตกลง
“ตกลงข้าต้องการซื้อโซ่เส้นนี้ แล้วเกราะอ่อนพวกนี้ละ” ลีโอชี้ไปยังเกราะอ่อนที่วางอยู่สามตัว
“ของทั้งสามชิ้นนั้นคือเกราะปีกจักจั่นรุ่น 1 เป็นงานทดลองที่ล้มเหลว” ไรรีย์ตอบขณะที่ทำงานอย่างอื่นไปด้วย
“ล้มเหลวอย่างนั้นเหรอ แต่ทำไมมันถึงเต็มไปด้วยโลหะสื่อวิญญาณ” ลีโอหยิบเกราะอ่อนปีกจักจั่นรุ่น 1ขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ
ในการมองผ่านดวงตาผนึกเทพเขาเห็นพวกมันว่ามีโลหะสื่อวิญญาณอยู่จำนวนมาก
“ไม่ใช่โลหะสื่อวิญญาณทั้งหมดหรอก แต่เป็นแค่ชั้นเคลือบบาง ๆ ข้ากำลังวิจัยการเคลือบด้วยโลหะสื่อวิญญาณเพื่อผลิตศาสตราอาคมราคาถูก ถ้าเราใช้การเคลือบจะถูกกว่าการหลอมไปจำนวนมาก นี่ก็เป็นสาเหตุที่เรียกมันมีชื่อว่า เกราะอ่อนปีกจักจั่นรุ่น 1 ด้วย”
“ถ้าทำสำเร็จมันจะขายในราคาถูกให้กับหมอผีฝึกหัดได้ แต่ว่าตอนนี้มันยังไม่สมบูรณ์จนเรียกว่าล้มเหลวก็ได้ เนื่องจากพอเอาไปเป็นผิวเครื่องบาง ๆ แล้วมันไม่คงทน สามารถรับการโจมตีได้เพียงครั้งสองครั้ง หลังจากการโจมตีผิวเคลือบก็จะหลุดลอกออกตามการสั่นของพลังโจมตีที่อัดแน่นไปด้วยอนุภาควิญญาณ”
“แต่ว่าการป้องกันของทุนก็ทรงพลังมาก แม้แต่หมอผีฝึกหัดระดับ 3 ก็ไม่อาจจะทำลาย”
ไรรีย์อธิบายไปก็เก็บของไปอย่างวุ่นวาย
‘ความคิดของนางนั่นถือว่าสุดยอดมาก’ ลีโอกล่าวในใจ
เนื่องจากแค่ดาบโลหะสื่อวิญญาณ หมอผีฝึกหัดยังต้องเก็บเงินอยู่นานกว่าจะซื้อได้ เพราะราคาที่แพง แล้วเกราะโลหะสื่อวิญญาณที่มีราคาแพงยิ่งกว่ายิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าจะมีปัญญาซื้อได้เลย หรือมีก็น้อยมาก ส่วนใหญ่เป็นพวกมีพรสวรรค์สูง ๆ ที่ตระกูลเห็นค่า จึงซื้อมามอบให้ไว้ใช้ป้องกันตัวเอง
นี่คือเหตุผลที่ทำไมถึงมีหมอผีฝึกหัดถึงบาดเจ็บจากการต่อสู้อยู่ตลอดเวลาจากการต่อสู้กับเหล่าภูตผีปีศาจ เพราะไม่มีชุดป้องกันที่ดีนอกจากชุดยูนิฟอร์มที่ทนการฉีกขาด ทนไฟทนหนาว แต่มันแค่สภาพปกติ ไม่ใช่การโจมตีจากสิ่งเลวร้ายพวกนั้น
“ล้มเหลวอย่างนั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นขายให้ข้าเป็นอย่างไร”
“ไม่! ข้าไม่ขายผลงานที่ล้มเหลวมันเป็นกฎของหมอผีหลอมสร้างศาสตรา”
“น่าเสียดาย” ลีโอกล่าว
“ไม่ได้ขาย แต่ข้าสามารถมอบมันให้ได้ ทิ้งไว้ก็ไร้ค่า มอบให้เจ้าเอาไปใช้จะดีกว่า อยู่ที่นี่เจ้ามีโอกาสได้ใช้มันก็ได้ใครจะไปรู้” ไรรีย์กล่าว
“ถ้าเป็นไปได้ ข้าไม่ขอใช้มันจะดีกว่า แต่ก็ขอบคุณครับ”
ลีโอเอาเกราะอ่อนเคลือบโลหะสื่อวิญญาณสามชุดนั้นไปด้วยความยินดี
“ท่านจะไปแล้วใช่หรือไม่”
“ใช่”
“ถ้าอย่างนั้นก็โชคดี”
“เจ้าก็เช่นกัน หวังว่าจะได้ร่วมมือกันอีกเมื่อเจ้าออกไปจากเหมืองมรณะแล้ว”
ลีโอพยักหน้าตกลง ก่อนจะเดินออกจากร้านมา แม้จะมาที่นี่สองครั้ง แต่ว่าร้านนี้ก็มอบของให้เขาหลายอย่าง
“เฮ้อ...” ลีโอมองร้าน ก่อนจะหันหลังเดินออกไป พอเดินมาได้สักพักก็หามุมที่ไม่มีใครเก็บของทุกอย่างเข้าไปในมิติดวงตาผนึกเทพทันที
ที่เขาต้องเก็บพวกมัน เพราะตอนนี้ยังไม่ได้ตรงไปที่ห้อง แต่ต้องไปที่ร้านค้าภายในฐานขุดเจาะเสียก่อน เขาพึ่งใช้เงินไปจำนวนมากจึงต้องการจะขายของและซื้อบางสิ่งมาเติมเต็มกระเป๋าเงินของตัวเอง
อีกอย่างลีโอมีนัดกับใครบางคนด้วย
เมื่อไปถึงที่ร้านค้าของฐานขุดเจาะ พนักงานที่ร้ายก็จดจำลีโอได้ทันที จึงต้องรับเขาเป็นอย่างดี ลีโอเพียงหยิบยันต์หลายปึกออกมาขายออกไป
ทางร้านนั้นยินดีอย่างมากรับซื้อยันต์ทั้งหมดมาและให้ราคาที่สูงมากด้วย หลังจากการคำนวณลีโอได้เงินเข้ามามากถึง 21,000 ดากาซ
แต่ว่าเขายังไม่ได้รับมา เพราะต้องการหาซื้อของ โดยเริ่มจากของสำคัญก่อน
“ที่ร้านมีหางของภูติลม กับกระดูกของภูติดินไหม”
“หางภูติลม กระดูกภูติดิน” พนักงานร้านค้นหาในรายการร้ายสักครู่ ก่อนจะพบว่าเหลือพอดีสองชุด
“ข้าซื้อทั้งสองชุดเลย” ลีโอรีบกล่าวบอกไป เพราะจำเป็นต้องใช้พวกมันทั้งสองมาก
“ราคาของทั้งสองชุดคือ 8,000 ดากาซ ท่านต้องการอะไรเพิ่มอีกหรือไม่”
“ขอผงวิญญาณได้ 1 ขวด น้ำยาวิญญาณ 2 ขวด”
“ผงวิญญาณขวดละ 10,000 น้ำยาวิญญาณขวดละ 1000”
ผงวิญญาณก่อนหน้าที่ลีโอมีบังเอิญถูกลานหินแห่งกาลเวลาดูดซับไปแล้ว ถ้าเอาเอามาขายก็คงได้ราคาใกล้เคียงนี้
“ตกลง” ลีโอยืนยันการสั่งซื้อของตัวเอง สุดท้ายก็เหลือเงินกลับมาเพียง 1,000 ดากาซเท่านั้น
ไม่รอช้าลีโอหอบของหลายอย่างเก็บมันเข้าในโลกมิติและเอาอาวุธอาคมที่เป็นดาบสองคมเคลย์มอร์เล่มหนึ่งออกมาจากนั้นก็ตรงไปที่แคสเปอร์ บาร์
จากนั้นก็ขึ้นไปยังชั้นสองในทันที คนที่เขาต้องการพบได้มารออยู่ก่อนแล้ว นั้นคือสเวน ชายที่ขอร้องให้เขาจารึกอาวุธอาคมของตนเอง
“เสร็จแล้วเหรอ” สเวนกล่าวถามด้วยความตื่นเต้น
ลีโอส่งดาบสองคมเคลย์มอร์ที่ถือมาด้วยมอบให้กับสเวนทันที ก่อนจะกล่าว
“ใช่มันเสร็จแล้ว ตามที่เจ้าร้องขอ ดาบสลักไว้ด้วยอักขระวิญญาณไฟ 2 อักขระผสานกันทำให้พลังของมันนั้นรุนแรงกว่าอักขระวิญญาณไฟทั่วไปแน่นอน” ลีโออธิบายจากนั้นก็นั่งลงที่โต๊ะหยิบเครื่องดื่มมาเทให้กับตนได้ดื่มดับกระหาย
สเวนในตอนนี้แทบไม่ได้สนใจฟังลีโอมากนัก เพราะเขากำลังมองดาบสองคมเคลย์มอร์อย่างยินดีจนแทบอดใจไม่ไหว ทดลองใช้งานมันตรงนี้ในทันที
พรึบ!
อักขระวิญญาณไฟระเบิดเพลิงออกมาอาบไปทั่วทั้งใบดาบจนรอบ ๆ มีแสงสว่างของเปลวเพลิงทั้งชั้นสองทันที หมอผีฝึกหัดคนอื่น ๆ มองด้วยความสนใจและพากันอิจฉาดาบในมือของสเวน แต่ไม่มีใครกล้าไปหาเรื่อง เพราะชื่อเสียงของสเวนนั้นโด่งดังมาก
“ดาบของเจ้าไม่ธรรมดา มันผสมโลหะสื่อวิญญาณไม่น้อยกว่า 7% ทำให้รองรับพลังจิตวิญญาณและปลดปล่อยพลังของอักขระวิญญาณไฟออกมาได้อย่างเต็มที่” ลีโอกล่าวพึมพำ
ตอนแรกลีโอก็ไม่ได้คาดหวังว่าสเวนจะเอาดาบคุณภาพสูงมาให้จารึกอักขระวิญญาณ แต่พอได้มาลีโอจึงเริ่มตระหนักแล้วว่าเบื้องหลังของสเวนคงไม่ธรรมดา
โดยเฉพาะเมื่อรวมกับเรื่องการทะเลาะครั้งนั้นและอักขระวิญญาณที่สักอยู่ที่แขนของสเวนด้วย หมอผีฝึกหัดที่ไม่มีใครหนุนหลังจากจะมีพวกมันได้
พรึบๆ ๆ
สเวนลองเหวี่ยงดาบด้วยความเร็วที่สุดยอด ส่งให้อากาศเกิดเสียงดังไม่หยุด ก่อนที่เขาจะหยุดกระตุ้นอักขระวิญญาณที่ดาบและเก็บกลับไป
“นี่มันสุดยอดมากจริง ๆ พลังโจมตีของดาบเพิ่มขึ้นขึ้นมากจริง ๆ” สเวนกล่าวอย่างตื่นเต้น
“นี่ของเจ้า”
สเวนจ่ายด้วยเหรียญสีใสราวกับเพชรจำนวน 5 เหรียญ มันคือเหรียญดากาซมูลค่า 1,000 ดากาซ ซึ่งไม่มีได้จ่ายกันมากนัก
แต่ช่วงนี้ลีโอคุ้นเคยกับมันอยู่บ่อย ๆ เพราะเขาต้องทำธุระกรรมด้วยเงินหลักพันจนหลักหมื่นอยู่หลายคราว
เหรียญทองดากาซมีมูลค่าต่อเหรียญที่ 1 ดากาซ
เหรียญแพลตตินั่มดากาซมีมูลค่าต่อเหรียญที่ 100 ดากาซ
เหรียญเพชรดากาซมีมูลค่าต่อเหรียญที่ 1,000 ดากาซ
จำนวน 5 เหรียญเพชรดากาซก็เท่ากับ 5,000 ดากาซ ตามราคาค่าราคาค่าฝีมือที่ตกลงกันไว้ในตอนแรก
ลีโอยื่นหยิบมันมาอย่างรวดเร็ว
“จริงสิ เจ้ารับงานอื่น ๆ เพิ่มไหม มีหลายคนต้องการให้เจ้าจารึกอาวุธอาคมให้”
“รับแต่ข้าขอเป็นผงวิญญาณแทน”
ลีโอเปลี่ยนเงื่อนไข เพราะการพูดคุยกับราคากับสเวนมันก่อนที่เขาจะรู้ว่าลานหินแห่งกาลเวลาต้องการผงวิญญาณ
“ได้ ข้าจะส่งงานพวกนั้นไปให้กับเจ้าในวันพรุ่งนี้” สเวนรีบกล่าวด้วยความยินดี
ลีโอเพียงพยักหน้าให้เท่านั้น เขาไม่ถือสาที่สเวนทำตัวเป็นนายหน้า ขอแค่มีคนมอบผงวิญญาณมาให้เขาเป็นการตอบแทน นั้นก็พอแล้ว
ตอนนี้ความสำคัญของผงวิญญาณนั้นมีค่ามาก มันสามารถเติมพลังงานให้กับลานหินแห่งเวลาได้ ที่ลีโอซื้อผงวิญญาณก่อนหน้าก็เพื่อเติมพลังงานให้กับลายหินแห่งเวลาที่พลังงานให้หมดแล้วด้วย
“จริงสิ เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับพื้นที่ลี้ลับบ้าง” ลีโอนึกขึ้นได้จึงถามเรื่องพื้นที่ลี้ลับกับสเวนดู หวังจะได้รู้อะไรมากขึ้น ว่าทำไมแม้แต่คนระดับจิมยังต้องเป็นกังวล