ตอนที่ 1142 โชคของเจ้าหมดแล้ว
“เจ้าขโมยวัตถุโบราณมาจากกาดำได้ยังไง?” เจ้าเมืองโล่วฮัวคิดว่าเย่ว์หยางกล้าหาญและลงมือได้รวดเร็วมากจริงๆ นี่ต้องถือว่าเป็นของรักของหวงของกาดำแต่เขาขโมยมาได้โดยกาดำไม่รู้ตัว ต้องบอกว่าถ้าเจ้าเด็กนี่เปลี่ยนอาชีพเป็นขโมยโจรมากมายคงอดตาย
“ใครว่าข้าขโมยมาจากกาดำ?” เย่ว์หยางยิ้ม
“ไม่ใช่หรือ?” โล่วฮัวประหลาดใจนอกจากกาดำแล้ว ยังมีคนอื่นที่มีชิ้นส่วนโบราณวัตถุหรือ?
“ข้าเดาว่าไม่ใช่ถ้าเจ้าได้มาเพียงชิ้นเดียว แม้ว่าจะเป็นชิ้นที่เล็กกว่าแต่ไม่พอติดตั้งให้ชุดเกราะเต่าดำของทุกคน และนอกจากนี้ยังอาจทำให้กาดำตรวจเจอได้ง่ายแล้วทำให้เขาสงสัย” คำพูดของราชันย์ปีศาจใต้ยังพูดไม่จบเย่ว์หยางแบมือตนเองทันที
บนฝ่ามือมีวัตถุโบราณสิบสองชิ้น
สีของมันม่วงเข้ม
เป็นวัตถุที่มีพลังเทพละเอียดอ่อน แม้ว่าจะไม่มีสำนึกเทพควบคุมแต่มีสัญชาตญาณในการดำรงคงอยู่เป็นพิเศษช่วยเสริมการดำรงชีวิต!
ทุกคนรุมล้อมด้วยความประหลาดใจและอดร่าเริงดีใจไม่ได้ เศษวัตถุโบราณมายวัตถุเหล่านี้ไม่เพียงแต่ใช้ติดให้กับเกราะเต่าดำของเย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเท่านั้นแต่ยังทำเป็นสร้อยประดับ กำไลมือสำหรับคนที่ไม่ชอบสวมเกราะรบเต่าดำ นางเซียนหงส์ฟ้าได้รับการปกป้องจากพลังต้องห้ามของศัตรูมิน่าเล่าเย่ว์หยางถึงรีบกลับมาเรียกทุกคนประชุมและแจ้งข่าวปรากฏว่าผลเก็บเกี่ยวใหญ่ครั้งนี้เขาอดใจรอแบ่งปันมิได้
แม้แต่อู๋เหินและเย่ว์หวี่ก็พยักหน้าให้กัน
พวกนางลอบชื่นชม
สำหรับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนนางยิ้มไม่หุบและถามเขา “เกิดอะไรขึ้น? ทำไมเจ้าถึงได้วัตถุโบราณหลายชิ้นในครั้งเดียว?”
เย่ว์หยางตอนแรกเล่นลิ้น ‘เจ้าลองเดา’แต่พอเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำท่าโมโห เขารีบตอบ “เรื่องเป็นอย่างนี้มีจัตุรัสนักรบอยู่บนยานแม่ โจรดวงดาวมุ่งมั่นจะค้นตัวประกันทั้งหมด ความตั้งใจแรกไม่ใช่เพื่อค้นหาชิ้นส่วนวัตถุโบราณแต่เพื่อค้นหาทรัพย์ที่พวกพ่อค้าซ่อนเอาไว้ พ่อค้าบางคนมีความอดทนสูง แต่ก็มีหลายคนที่ให้ความร่วมมือข้าสังเกตเห็นความผิดปกติด้วยสายตาที่ชาญฉลาด ข้าเรียกหนูทองค้นสมบัติให้ค้นหาสมบัติในจัตุรัสนักรบลับๆ ในจัตุรัสนักรบนั่น ความสามารถของหุ่นรบที่ไม่มีชีวิตทั้งหมดจะมีพลังก้าวหน้าหนูทองค้นสมบัติสามารถตรวจสอบเจอชิ้นส่วนโบราณวัตถุและมันทำการปกปิดและซ่อนเร้นไว้อย่างดี”
โล่วฮัวมีความสุข “เจ้าจะมาที่นี่เพื่อต้อนฝูงแกะออกไปหรือ?”
เย่ว์หยางยักไหล่ “กลยุทธ์เล็กๆ น้อยๆ”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนขมวดคิ้วในทันที “ถ้าเจ้ามีเก็บไว้เป็นส่วนตัวก็พอว่าได้ แต่มีคนกลับลอบขนเข้ามาตอนนี้มีสมบัติแปลกประหลาดมาก”
เย่ว์หยางเทชิ้นส่วนวัตถุโบราณสีม่วงเข้มในมือนางและกล่าวเห็นด้วย“ใช่แล้วมีคนวางแผนอยู่ตรงกลาง ข้าสงสัยว่าครั้งนี้คนที่วางแผนปล้นยานบินต้องเป็นคนที่ทรงพลังอำนาจมากคอยสนับสนุนโจรดวงดาวอยู่เบื้องหลังคนผู้นี้คงมอบชิ้นส่วนวัตถุโบราณพลังต้องห้ามให้กับพยัคฆ์บิน กาดำเขายังต้องให้ข้อมูลยานแม่กระทุงนี้เพื่อให้พวกเขาได้มีโอกาสปล้นยานกระทุงมิฉะนั้นลำพังแค่โจรดวงดาวอย่างเดียวคงมิกล้าเคลื่อนไหวในยานแม่ แน่นอนว่าผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ต้องไม่ใช่ดูง่ายและใจดี เขาคงไม่ให้ยานแม่กระทุงแก่พวกโจรดวงดาวง่ายๆปฏิบัติการครั้งนี้อาจเป็นการล่อลวงหรือวางแผนสมคบคิดบางอย่างรอให้โจรดวงดาวปล้นยานมุ่งไปยังที่บางแห่ง จะต้องมีการต่อสู้อีกครั้ง ชิ้นส่วนวัตถุโบราณเป็นเพียงหมากหนึ่งที่ผู้ยิ่งใหญ่นั้นทิ้งไว้บนเรือ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเป็นคนฉลาดเมื่อนางได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจทันที “เจ้าหมายความว่ายังมีคนซุ่มซ่อนอยู่บนเรือรอโอกาสเตรียมปล้นโจรดวงดาวอีกทีอย่างนั้นหรือ?”
เย่ว์หยางพยักหน้ายืนยัน “ใช่แล้ว! ชิ้นส่วนโบราณวัตถุเหล่านี้มีความสำคัญสำหรับผู้ที่อยู่เบื้องหลังพยัคฆ์บินและกาดำ”
ใบหน้าของโล่วฮัวผ่องใสขึ้นทันที “มีชิ้นส่วนวัตถุโบราณสิบสองชิ้นทั้งยังมีผู้แข็งแกร่งระดับพยัคฆ์บินและกาดำอีกสิบสองคนหรือ? และนี่เป็นเพียงสิ่งที่เจ้าค้นพบอาจจะมีกลุ่มที่สองและที่สาม! แม้ว่าไม่ใช่มันก็ยากจะรับประกันได้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการปล้นจะอยู่ใกล้รอบตัวพวกเขา”
“ข้าไม่รู้ว่าจะมีกลุ่มที่สองหรือที่สามหรือไม่แต่แน่ใจได้ว่ากัปตันกริฟฟิน แม่ทัพอินทรีทองและแม้กระทั่งเหมาพั่วตี้ยังไม่ปรากฏตัว” เย่ว์หยางรู้ว่ายังคงมีการเปลี่ยนแปลงหลายอย่างอยู่เบื้องหลังสถานการณ์
“เสี่ยวซาน! เจ้าต้องจัดการอย่างระมัดระวัง” เย่ว์หวี่กังวลอยู่บ้าง ที่สำคัญขุนเขาเหนือขุนเขามีนักสู้ระดับเทพถึงแปดคน
“ก็แค่เทพเทียม!” แม้ว่านางเซียนหงส์ฟ้าจะทำท่าเหยียดหยาม แต่นางมิได้ผ่อนคลายอย่างที่เห็น
นางไม่ใช่นางพญาเฟ่ยเหวินหลี
ไม่มีทางถึงขั้นดูแคลนนักสู้ระดับเทพเทียมได้
ถ้าให้สู้ตัวต่อตัวนางคงไม่สามารถชนะได้ แต่ถ้าสู้อย่างน้อยสองคนคาดว่าพวกเขาจะไม่พ่ายแพ้
แต่นี่มีถึงแปดศึกนี้แตกต่างจากการต่อสู้กับเทพปีศาจในหุบเขามนุษย์มาก สิ่งเดียวที่พอปลอบใจได้ก็คือเทพเทียมทั้งแปดนั้นไม่ได้อยู่รวมกัน ทั้งต่อหน้าและลับหลังยังมีการสู้กันไม่จบ ถ้าพวกเขาใช้โอกาสแบ่งแยกเทพทั้งแปดจากนั้นบุกทำลายทีละคน อย่างนั้นจะไม่ง่ายขึ้นมากหรือ?
นางเซียนหงส์ฟ้าสรุป“บางทีนี่อาจเป็นโอกาสของเรา!”
ด้วยความช่วยเหลือของอู๋เหินและเย่ว์หวี่
ในคืนเดียวกันนั้นเอง เย่ว์หยางได้ฝังวัตถุโบราณ12 ชิ้นไว้ในเกราะรบเต่าดำ และยังเหลือสร้างเป็นจี้ กำไลมือแจกให้นางเซียนหงส์ฟ้าที่พร้อมต่อสู้
เย่ว์หยางไม่สามารถพักได้เขาใช้เวลาที่เหลือทำความคุ้นเคยกับชิ้นส่วนโบราณวัตถุเหล่านี้ เพื่อที่ว่าจะได้ไม่มีอุบัติเหตุใดๆเมื่อเวลาต่อสู้มาถึงทันที
หลังจากยืนยันว่าชิ้นส่วนวัตถุโบราณไม่มีอันตรายต่อร่างกายมนุษย์แล้วเย่ว์หยางกลับไปที่ห้องโดยสารยานกระทุงอย่างวางใจ
หลังจากไม่ได้หลับทั้งคืนเย่ว์หยางไม่เหลือเวลาพัก
มีเสียงเคาะประตูที่ด้านนอก
ทันทีที่ประตูเปิด ฮัวยาโจรดวงดาวร่างใหญ่ถืออาหารเช้าร้อนๆเข้ามาทันที “เจ้าหลับสนิทดีจริงๆ ข้าเรียกเจ้าสามครั้งถ้าไม่ใช่เพราะหัวหน้าพยัคฆ์บินห้ามไม่ให้ข้ารบกวนเจ้าเกรงว่าข้าคงพังประตูเข้าไปแล้ว ข้าไม่รู้ว่าเจ้าชอบกินอะไรข้าทำอาหารเช้ามาให้เจ้า เจ้าคิดว่าพอใช้ได้ไหม?”
แม้รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังฝืนใจทำแต่เย่ว์หยางก็ยังรู้สึกซาบซึ้งใจ
ต้องรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามเป็นโจรที่หยาบกร้าน
หากทำได้อย่างนี้ก็ไม่ต้องการขออะไรมากไปกว่านี้แล้ว
แน่นอนว่าเย่ว์หยางที่ปกติไม่พูดกับคนอื่นยังอดขอบคุณฮัวยาไม่ได้ “รบกวนเจ้าจริงๆ ความจริงข้าไม่ใช่คนพิถีพิถันอะไรอย่างนั้น”
ฮัวยายิ้มกว้าง “ไม่เป็นไร ฮ่าฮ่าฮ่าไม่ต้องทำตัวสุภาพกับข้าผู้พี่ก็ได้ เจ้าแค่บอกมาว่าอยากกินอะไร ต่อให้เป็นพ่อครัวบนเรือแม้แต่พ่อครัวในยานแม่ของอาณาจักรเทพบูรพาก็ไม่ได้เหนือกว่าข้าสักเท่าไหร่ แต่ถ้าแค่ทำอาหารจานด่วนให้เจ้าไม่กี่จานแทบไม่มีใครเกินข้าแม้ว่าคนเหล่านี้จะไร้ประโยชน์ แต่ก็ยังมีข้าผู้เป็นพี่ไม่ใช่หรือในก๊กโจรของเราฝีมือปรุงอาหารของข้าอยู่ในอันดับหนึ่งแน่นอน เพียงแต่ข้าไม่บริการกับคนทั่วไป.. เอ้ากินเถอะ อย่ามัวแต่มอง ข้ากินมาเรียบร้อยแล้วคาดว่าบนเรือนี้มีแต่เจ้าที่ยังไม่ได้กิน”
ฮัวยาผู้นี้คาดว่าคงเป็นน้องชายพระถังซัมจั๋งในอีกโลกหนึ่งแน่
ยิ่งกว่านั้นคำพูดของเขายิ่งกว่าคุณยายวัย80 เย่ว์หยางปวดเศียรเวียนเกล้าแต่เกรงใจเกินกว่าจะขับไล่เขาออกจากห้อง
โชคดีที่หลังจากนั้นไม่นานโจรดวงดาวคนหนึ่งตามหาฮัวยาและกระซิบที่หูพูดคุยเป็นเวลานาน ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของฮัวยาพลันหมองลงในที่สุดก็อดโกรธไม่ได้ “พวกเจ้าทำได้อย่างไร? เห็นได้ชัดว่าเรากลับไปยังเขตของเรา แต่ทิศทางก็ยังผิดอีกหรือ? หลงทางครั้งนี้ทำให้ข้าอายที่จะบอกว่าเป็นโจรดวงดาวนี่ข้าหลงอยู่ในบ้านตนเอง เจ้าบอกว่าว่านี่มันอะไร? นี่เจ้าขับขี่ยานแม่ครั้งแรกใช่ไหม? พวกเจ้าอายไหมที่จะบอกว่ามีคนมาแนะนำเจ้าสามเดือนมีตารางการนำทางที่หลากหลาย ข้าเคยลองทำเหตุการณ์จำลองมาก่อน แต่ตอนนี้เจ้ามาบอกข้าว่าเจ้าหลงทิศไปไม่ถูกแล้วจะให้ข้าบอกหัวหน้าพยัคฆ์บินได้อย่างไร? ยานแม่กระทุง แล้วยังไงเล่า? มีแต่พวกที่ใช้ไม่ได้อย่างนั้นหรือ ขอโทษพวกเขาตบอกพวกเขา บอกว่าเข้าใจผิด? แล้วอย่างนี้จะให้เราจัดการยังไง?”
จู่ๆกาดำถลันวูบเข้ามาหาและพูดด้วยเสียงเย็นชา “ใจเย็นหน่อย ฮัวยา, เกิดอะไรขึ้น ที่เราต้องทำคือคิดหาวิธีแก้ปัญหาไม่ใช่บ่น ยานแม่กระทุงเปลี่ยนทิศทางไปจากเส้นทางเดิมแน่นอนเห็นได้ชัดว่านี่เป็นเล่ห์ร้ายของใครบางคน มิฉะนั้นคงไม่เป็นเช่นนี้”
เขาพูดขณะที่มองดูเย่ว์หยางที่กินอาหารอย่างสบายใจ
จนกระทั่งจบ
กาดำใช้สายตาที่เฉียบแหลมจ้องมองเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางวางอาหารเช้าในมือลงและยิ้มเล็กน้อยและมองกลับโดยไม่รู้สึกผิดปกติ “หัวหน้ากาดำ! สายตาของเจ้าดูไม่ค่อยไม่มิตรเอาเสียเลย?”
เสียงของกาดำเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งเขาแค่นเสียงขึ้นจมูก “ข้าแค่อยากรู้เมื่อคืนนี้เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา? ฮัวยาเรียกเจ้ากินอาหารค่ำเมื่อคืน แต่เจ้าไม่ตอบรับ จนกระทั่งบัดนี้ เจ้าจึงค่อยออกมา ถ้าเจ้าไม่ว่ากันข้าหวังว่าเจ้าจะช่วยอธิบายเหตุผลสักเล็กน้อย
เย่ว์หยางส่ายหน้า “ข้าไม่ต้องการอธิบายแต่ข้าบอกเจ้าได้อย่างหนึ่ง เจ้าสงสัยข้าผิดไป”
“ข้าได้ตรวจสอบเจ้าแล้ว” กาดำจู่ๆก็ดึงกระดาษปึกหนึ่งออกมาและขึ้นเสียง “เจ้าคือเย่ว์ไตตันเด็กหนุ่มผู้ร่ำรวยพรสวรรค์ ได้ทำสัญญาเป็นผู้รับใช้เทพข้าได้รู้เรื่องเจ้าทุกอย่างจากเด็กหนุ่มชื่อกัวกัวสหายของเจ้า เจ้าบอกข้าหน่อยได้ไหมว่าทำไมเจ้าถึงได้รับการยอมรับจากเหมาพั่วตี้ทั้งที่ยังมีสถานะเป็นคนมาใหม่และกลายเป็นลูกจ้างเทพที่ขาดช่วงมาเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว? หลายวันมานี้ เจ้ามักมีความลับแปลกประหลาดรวมทั้งเมื่อตอนที่เจ้าอยู่บนยานแม่ เจ้ายังมีความลับปกปิดกัวกัวสหายของเจ้า เจ้าไม่ต้องการตอบใช่ไหม? ถ้าเจ้าไม่ต้องตอบคำถามข้า ก็พิสูจน์ว่าเจ้ามีความรู้สึกผิดใช่ไหม?แม้ว่าข้าจะไม่มีหลักฐานพิสูจน์ได้ว่าเจ้าเกี่ยวข้องกับการที่ยานแม่บินไปผิดทิศทาง แต่เจ้าก็ยากจะพ้นไปจากความสงสัยได้ ถ้าเจ้าไม่ยอมรับความจริงข้าต้องจัดเจ้าไว้ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยชั่วคราวก่อน!”
“กำจัดผู้ต้องสงสัยด้วยการย้ายออกจากห้องโดยสารนี้ไปขังไว้ในห้องเล็กๆสีดำใช่ไหม?” จู่ๆเย่ว์หยางก็ถามคำถามนี้ขึ้น
“นั่นไม่จำเป็น แต่ก่อนที่จะค้นพบความจริงจากตัวเจ้าโปรดอย่าออกไปจากห้องนี้ และเจ้าต้องยอมรับการจัดการของคนของเรา” กาดำยิ้ม “ถ้าเจ้าสำคัญจริงๆข้าเชื่อว่าเหมาพั่วตี้จะกลับมาช่วยเจ้าอย่างแน่นอน!”
“อา..ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่เป็นไรข้าไม่ตั้งใจจะออกไปจากตรงนี้อยู่แล้ว เจ้าค่อยๆ ค้นหาความจริงไปก็แล้วกัน!” เย่ว์หยางหยิบอาหารเช้าที่ยังร้อนมากินต่อ
ครั้งนี้พยัคฆ์บินและหัวหน้าอีกคนหนึ่งอินทรีป่ายืนอยู่หน้าประตูห้องโดยสารพิเศษที่เย่ว์หยางเคยพักอยู่ตอนแรก
ถ้าเย่ว์หยางอยู่ตรงนี้เขาคงจำได้ว่าอินทรีป่าผู้นี้บุรุษขี้เมาที่เขาเห็นในโรงเตี๊ยมวันนั้นนั่นเอง
ไกลออกไปมีคนหนึ่งกำลังบินอยู่ห่างๆ
เป็นบุรุษวัยกลางคนผู้สวมชุดขนสัตว์สีแดงเพลิงที่เย่ว์หยางเคยพบเห็นวันเดียวกับคนขี้เมา เขาคือหนึ่งในสามหัวหน้าใหญ่ของโจรถล่มฟ้า ‘ฟลามิงโก’ ฟลามิงโกบินอย่างรีบเร่งและตะโกนลั่น “เซียวเทียน เฉียนลี่เจ้าเรียกข้ามาที่นี่ทำไม? ตอนนี้ข้ากำลังยุ่ง ไม่มีเวลามาเยี่ยมดูห้องโดยสารสุดหรู..โอว พระเจ้า เกิดอะไรขึ้น? ใครทำมัน? เป็นไปไม่ได้พลังตัดทำลายอะไรกันนี่? เป็นอสูรหรือทักษะแฝงเร้นกันแน่?”
“บางทีอาจเป็นพลังเทพ!” อินทรีป่าผู้เมามายในตอนนี้ตื่นตัวนัยต์ตาคมกล้าเหมือนอินทรี
“แม้ว่าข้าไม่รู้ว่าเขาทำได้อย่างไรแต่ข้าแน่ใจว่าเขาไม่ใช่คนที่ทำให้ยานแม่บินไปผิดทิศทาง เพราะถ้าเขาต้องการเขาสามารถจมยานกระทุงนี้และปล่อยให้ยานอับปางถูกทำลาย!” พยัคฆ์บินที่สวมชุดเหมือนทหารถอนหายใจยาว “เจ้าเด็กน้อยนี่น่าสนุก น่าสนใจไม่เบาตอนนี้ข้าว่าคนที่เข้าใจทิศทางผิดไม่ใช่เรา แต่เป็นเขา!”
“ถ้าเป็นเช่นนั้นเราควรทำอย่างไร?” อินทรีป่าถาม
“เด็กหนุ่มนี่มีศักยภาพแต่เขายังอายุน้อยมากถ้าผ่านไปสักสองสามร้อยปีอาจได้รับการคาดหวังจะหยุดการถูกทำลายได้ มันยังเร็วเกินไป หากเขาถูกทุกคนจับตามอง ทุกอย่างจบสิ้นแน่ สำหรับเด็กหนุ่มอย่างเขาคนอื่นคงไม่ยอมปล่อยให้เขาเติบโต ไม่ว่าอย่างไร เขาจะต้องถูกฆ่าตาย” พยัคฆ์บินกำหมัดส่ายหน้า “เราจะทำอะไรได้? เราไม่สามารถพูดได้ แต่ข้าตัดสินใจปกป้องเขา!”
“เจ้าสามารถปกป้องเขาได้หรือ?” อินทรีป่าเมื่อได้ยินเช่นนั้นเสียงเขาสั่นทันที
“ข้าไม่สามารถทำต่อไปได้ ข้าจะทำอะไรได้ แม้ว่าจะมีแค่ความหวังเดียว ข้าก็จะสู้!” พยัคฆ์บินสูดหายใจลึกและพยัคฆ์บินหน้าอย่างกล้าหาญ
“ใช่,แทนที่จะเป็นโจรที่ไม่อาจเห็นแสงตะวันได้ตลอดชีวิต คงเป็นการดีที่ต่อสู้กันโดยตรงไปเลย” หัวหน้าฟลามิงโกที่แต่งชุดอย่างงดงามฝืนยิ้มและพูดอย่างเด็ดขาด “แม้ว่านี่จะเป็นเรื่องแปลกสำหรับคนแปลกหน้า แต่หวังว่าเด็กๆ ลูกหลานของเราจะภูมิใจในตัวเรานี่คือการต่อสู้ที่เราเสียสละเพื่อผู้อื่น...”
“บางทีเป้าหมายของคนผู้นั้นอาจไม่ใช่เขา แต่อาจเป็นเราจริงๆ!” ตาของอินทรีป่าคมกล้าอีกครั้ง “ในการดำเนินการครั้งนี้ เราอาจกลายเป็นหมากบนกระดานให้คนอื่น เราอาจถูกคำนวณวางแผนไว้ตั้งแต่ต้น!”
“หวังว่าเจ้าพูดถูก” พยัคฆ์บินปิดประตูอย่างไร้ความรู้สึกและกล่าวต่อ “เจ้าพูดถูกแล้วนั่นอาจเป็นโชคที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเรา
“น่าเสียดาย โชคของเจ้าหมดแล้ว!”
เสียงที่น่าสยดสยองเหมือนงูพิษดังมาจากข้างนอก