ตอนที่ 1141 เดี๋ยวพี่จะให้อมยิ้มเป็นรางวัล
เย่ว์หยางเป็นหนึ่งในตัวประกันที่สบายที่สุดในบรรดาผู้ถูกลักพาตัวมากมาย
ไม่เพียงแต่เขาไม่จำเป็นต้องรวมกลุ่มอยู่กับทุกคนในจัตุรัสนักรบแต่เขายังได้รับการต้อนรับอย่างดีจากโจรดวงดาว
นอกเหนือจากอาหารที่อุดมสมบูรณ์และเสื้อผ้าที่สะอาดแล้วเขายังได้อยู่ในห้องโดยสารแยกต่างหาก แม้ว่าจะไม่หรูหราห้าดาวเหมือนก่อนนั้นแต่ก็ยังดีกว่าโจรดวงดาวทั่วไปมาก หลังจากอ้างชื่อพี่ใหญ่เย่ว์หยางบอกฮัวยาโจรดวงดาวร่างหยาบกร้านผู้คอยทำหน้าที่คุ้มกันเย่ว์หยางในอนาคตส่งอาหารค่ำมาให้ เย่ว์หยางทำเป็นไล่ฮัวยาออกไปจากห้องและปิดประตูใส่หน้าฮัวยาจากนั้นกลับเข้าไปพักในโลกคัมภีร์อย่างสบายปล่อยวางเรื่องภายนอกอย่างสิ้นเชิง
ฮัวยาลูบคลำจมูกและกลับไปรายงานพยัคฆ์บิน
พยัคฆ์บินได้ยินแล้วหัวเราะลั่น
กาดำนั่งอยู่อีกด้านขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าเด็กนี่ ข้าเกรงว่าจะควบคุมได้ไม่ง่ายนักเขาไม่ใช่คนที่ยินดีใช้ชีวิตใต้บังคับบัญชาของใคร..”
“กาดำ, เจ้ากำลังอิจฉาอยู่นะ” พยัคฆ์บินแตะไหล่กาดำและส่ายหน้ายิ้ม “ข้าเข้าใจว่าเจ้าเองก็ยังอายุน้อย ไม่ว่าเจ้าจะใจกว้างแค่ไหนเจ้าก็ไม่รู้ตัวว่าคนอื่นดีกว่าเจ้าและมีศักยภาพมากกว่า เมื่อเจ้าเห็นคู่ปรับไม่ว่าเจ้าจะอยู่ฝ่ายไหน เจ้าย่อมไม่มีความสุขแน่นอน”
“ข้า..ไม่” กาดำไม่พูดอีกต่อไป
“ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจ” พยัคฆ์บินพยักหน้าให้เขา “ก็อย่างที่เจ้าพูด เด็กหนุ่มคนนี้มีศักยภาพ แต่เขาจะยินดีร่วมงานกับเราหรือไม่? เด็กหนุ่มอย่างเขาอาจถูกชี้นำจากคนที่มีความสามารถเบื้องหลังเราได้ เราเป็นแค่โจรดวงดาวและมันยากสำหรับเราที่จะให้อนาคตที่สดใสแก่ผู้คน อย่างไรก็ตาม ข้าแค่ใช้วิธีนี้ลองเสี่ยงโชคไว้ก่อน อย่าให้อินทรีป่ารู้ไม่เช่นนั้นข้าคงถูกชิงตัวคนแน่”
“ใช่, ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร” กาดำไม่ชวนพูดเรื่องนี้อีกต่อไป
“ท่านพยัคฆ์บิน,มีข้อมูลมาว่าผู้บัญชาการกริฟฟิน ขุนพลเทพอินทรีทองและเทวทูตเหมาพั่วตี้ยังหาตัวไม่พบ” โจรดวงดาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน
“แปลก!” กาดำขมวดคิ้วอีกครั้ง
“ผู้บัญชาการกริฟฟิน, แม่ทัพอินทรีทอง,และเหมาพั่วตี้ยังอยู่บนยานแม่แน่นอน พวกเขารอโอกาสที่จะยึดเรือกระทุงอีกครั้ง” พยัคฆ์บินสวมชุดเกราะทหารธรรมดาพยักหน้า“ข้ากล้าพูดได้ว่ากริฟฟินและอินทรีทองคงเก็บตัวซ่อนอยู่ในความมืดเพื่อคอยสอดแนม สิ่งที่ทำให้พวกเขากลัวก็คือฟลามิงโกที่ไม่เคยพลาดท่ามาก่อนไม่ใช่ข้าและอินทรีป่าสองคน พวกเขาอาจรู้แล้วว่าเรามีความเชี่ยวชาญพลังต้องห้ามดังนั้นทันทีที่เรือเปลี่ยนมือ พวกเขาก็ซ่อนตัวและไม่ให้โอกาสเราได้โจมตี! อย่างไรก็ตามนี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะยอมเสียยานแม่นี้ให้เราง่ายๆข้ามีลางสังหรณ์ จะมีการต่อสู้ที่ดุเดือดตามมา นี่แค่เป็นการอุ่นเครื่อง กาดำ! อย่างนั้นเจ้าต้องระวังให้มากขึ้น!”
“ข้าจะระวังให้มากขึ้น” บุรุษชุดคลุมดำ กาดำไม่กล้าประมาท แม้ว่าเขาจะเชี่ยวชาญพลังต้องห้ามซึ่งเพิ่มพลังได้เป็นร้อยเท่า แต่สถานะของผู้บัญชาการกริฟฟินและแม่ทัพอินทรีทองไม่ใช่ธรรมดาพวกเขาลือชื่อในการต่อสู้อาบเลือด
ไม่มีใครกล้าดูแคลน!
พยัคฆ์บินผู้สวมเกราะอย่างทหารธรรมดาคิดเล็กน้อย
หลังจากชะงักเล็กน้อยเขาบอกโจรดวงดาวคนร่างใหญ่ชื่อฮัวยา “เจ้าไปที่ห้องโดยสารของกัปตันและเตือนความจำพวกเขาให้เร็วให้เรือนกกระทุงเคลื่อนไปที่แนวเข็มขัดดาวตกระหว่างขุนเขาเหนือขุนเขาและหุบเขาโลกธาตุให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ ขอเพียงไปถึงที่นั่น นั่นคือถิ่นของเราเป็นที่ปลอดภัยอย่างแท้จริง ยานกระทุงไม่ใช่ยานแม่ที่แล่นได้เร็วที่สุดแต่สามารถไปได้วันละหมื่นกิโลเมตร ดูเหมือนว่ายังคงมีเวลาครึ่งวัน เราจะไปถึงบ้าน ลูกเรือกระทุงยังคงจับตาดูอยู่ ในส่วนนี้ เราจะพลาดไม่ได้!”
ฮัวยาไปทันทีและพยัคฆ์บินจมนิ่งอยู่ในความคิด กริฟฟินและอินทรีทองซ่อนตัวอยู่ที่ไหนบนเรือ
เขาจะเพิกเฉยได้อย่างไร?
ที่ไหนปลอดภัยที่สุด?
พยัคฆ์บินไม่ได้ทำอะไร
เมื่อทำอะไรไม่ถูกเขาถอนหายใจยาว “แผนการสมบูรณ์แบบ แต่พอลงมือทำงานกลับเต็มไปด้วยช่องโหว่ดูเหมือนว่าข้าไม่สามารถรักษาความระมัดระวังและรายละเอียดก่อนหน้านี้ได้ หลังจากได้รับพลังต้องห้าม แต่ข้ามั่นใจตัวเองมากเกินไป!”
ในห้องโดยสารธรรมดาวางโต๊ะตัวหนึ่งมีคนสองคนนั่งหันหน้าหากัน
มีกระดานหมากรุกอยู่บนโต๊ะ
กำลังมีการเข่นฆ่า
ผู้เล่นหมากรุกจ้องมองกระดานหมากรุกอย่างตั้งใจ ดูเหมือนจะไม่ได้ยินเสียงโจรดวงดาวที่กำลังค้นหาอยู่ด้านนอก
นอกจากบุรุษทั้งสองแล้วยังมีบุรุษอีกคนหนึ่งนั่งมองดูการแข่งหมากรุก สีหน้าของเขามีแววกังวลเล็กน้อย เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะการเดินเกม หรือเพราะมีเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา
ในโลกคัมภีร์
ทันทีที่เย่ว์หยางกลับเข้าโลกคัมภีร์เขาเรียกประชุมทุกคนทันที
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกับพวกเข้าพักผ่อนแล้วรีบตามมาสมทบ เช่นเดียวกับเย่ว์หวี่ พวกนางสวมชุดเรียบร้อย นางเซียนหงส์ฟ้าไม่สนใจเปลี่ยนชุดใส่ชุดนอนบางๆเดินออกมองเห็นยอดอกเลือนลางตระหง่าน เทียนฟาหาวจนอกนางกระเพื่อมคนอื่นเห็นก็ไม่คิดอะไร มีแต่อี้หนานและเซี่ยอีที่รู้สึกต่ำต้อยเหมือนนกกระทาน้อย
“อะไรกันนี่นางมองไม่เห็นนิ้วเท้าตัวเองมานานเท่าใดแล้ว!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอดพูดไม่ได้
“นางไม่ได้ว่าเจ้า แม่เอลฟ์น้อย อย่าเข้าใจผิด!” เย่ว์หวี่กลัวว่าสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ฟังแล้วนางจะเศร้า จึงปลอบใจนาง
“เฮ้อ..พวกเจ้าก็ขี้อิจฉา มีแต่ตัวร้ายที่รู้ดี!” นางเซียนหงส์ฟ้ายักคิ้วให้เย่ว์หยาง ‘เจ้าก็รู้’ ทำให้เด็กหนุ่มข้ามโลกปากคอแห้ง แทบไม่อยากประกาศประชุมแล้วกอดนางเซียนหงส์ฟ้าพาไปนอนคุยในห้องส่วนตัว
“ถ้าเจ้าบอกเราให้ไปเยี่ยมน้องชายหมูของเจ้าอย่างนั้นเจ้าก็ทำสำเร็จแล้ว” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำหน้ากระด้างทุบเย่ว์หยางหนึ่งหมัด
“แค่ก แค่ก,อันที่จริงข้าเรียกประชุมทุกคนเพราะมีธุระต้องคุย!” เย่ว์หยางรีบกลับเข้าเรื่อง
“พลังต้องห้าม? ชิ้นส่วนวัตถุโบราณสามารถควบคุมพลังต้องห้ามได้หรือ?” พอฟังเรื่องราวจากเย่ว์หยางอย่างละเอียดทุกคนตกอยู่ในความเงียบ สาวโล่วฮัวกล่าว “โบราณวัตถุนี้เกี่ยวข้องกับโบราณวัตถุที่เจ้าหาอยู่หรือเปล่า?”
“ต้องใช่แน่ไม่อย่างนั้นผู้อาวุโสในโลกไร้ที่สิ้นสุดของคัมภีร์เงิน ถึงขอให้เขามาขุนเขาเหนือขุนเขาเพื่อให้ช่วยค้นหา ข้าคิดว่าถ้าโบราณวัตถุแตกสลายกลายเป็นเศษซากหักพังจำนวนมากและการเก็บรวบรวมจะต้องลำบากแน่” หลังจากพิจารณาอย่างถี่ถ้วนองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกสงสัยโบราณวัตถุคงถูกทำลาย เป็นเพราะการต่อสู้และความตายของเทพผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคือเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกอาจเป็นไปได้ว่าเทพเทียมทั้งแปดที่เหลือทุกคนล้วนแต่มีเศษวัตถุโบราณและนั่นเป็นสิ่งที่ใหญ่ที่สุดที่กาดำได้มาจากโจรดวงดาวนี้ นั่นเป็นเพียงเศษเล็กเศษน้อยที่มีการเก็บกักพลังน้อยที่สุด
“เรายังไม่รู้สถานการณ์หุบเขาโลกธาตุ แต่ขุนเขาเหนือขุนเขาไม่มีกฎสวรรค์จำกัดพลัง ที่นี่เราสามารถออกไปช่วยเจ้าได้” นางเซียนหงส์ฟ้าพร้อมแล้ว และถ้าจำเป็นนางจะออกไปท้าสู้กับเทพเทียม
“แม้ว่าจะไม่ใช่การจำกัดการใช้วิทยายุทธ์ แต่พลังอ่อนแอลงร้อยเท่านั่นเป็นปัจจัยที่ไม่อาจละเลยได้” เย่ว์หวี่ชี้ให้เห็นประเด็นสำคัญอย่างมีเหตุผล
“ถ้าเราสามารถใช้พลังต้องห้ามนั้นได้ก็คงดี!” ราชันย์ปีศาจใต้ถอนหายใจ
“ไม่ได้” โล่วฮัวพูดปฏิเสธอย่างจริงจัง “ก่อนอื่นเราไม่รู้วิธีได้พลังต้องห้ามนั่นมา ประการที่สองไม่ว่าจะต้องมีการพึ่งพาอาศัยกันหรือไม่การใช้พลังคนอื่นเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ตนเองก็คือการใช้พลังเพื่อหลอกตนเอง เราไม่สามารถทำอย่างนี้ได้เพราะการฝึกฝนก็เหมือนการพายเรือทวนกระแสน้ำ ถ้าเราไม่ก้าวหน้าต่อไป เราจะล้าหลัง!”
“ข้าแค่ติ๊งต่างเท่านั้น” ราชันย์ปีศาจใต้รีบอธิบาย
“นี่เป็นแค่มุมมองทางยุทธวิธี ไม่มีอะไรผิด แต่ไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุด เราต้องหลีกเลี่ยงวิธีนี้” อู๋เหินพูดเพื่อรักษาหน้าราชันย์ปีศาจใต้ ในฐานะเป็นสตรีคนแรกของเย่ว์หยางแม้ว่านางไม่ค่อยออกมายุ่งกับโลกภายนอกแต่ในความคิดของทุกคนถือว่าสถานะของนางยังคงโดดเด่นแม้แต่นางเซียนหงส์ฟ้าก็ยังอ่อนข้อให้นางสามส่วน เมื่อทุกคนมองดู อู๋เหินยิ้มให้ยิ้มของนางเหมือนทำให้ท้องฟ้าผ่องใสดอกไม้เบ่งบานยิ้มของอู๋เหินยากจะมีใครงดงามเปรียบ
อู๋เหินผายมือ
นางลูบแขนเย่ว์หยางเบาๆอี้หนานเกิดอาการโงกง่วงนางถือโอกาสนอนอิงอู๋เหิน
ขนตางอนยาวของอี้หนานสั่นเล็กน้อยทำท่าเหมือนจะตื่นแต่เนื่องจากสัมผัสที่สบายของอู๋เหินนางจึงเผลอหลับอย่างเงียบๆ อู๋เหินยกนิ้วส่งสัญญาณให้ทุกคนเงียบและลดเสียงกระซิบ “พลังต้องห้ามนั้นยากต่อการควบคุมและมีแนวโน้มมากว่าจะทำลายร่างกายทั้งไม่เป็นประโยชน์ต่อการฝึกฝน เราไม่อาจใช้พลังนี้ แต่มีจุดหนึ่ง ข้าเชื่อว่าทุกคนสังเกตเห็นนั่นคือพลังเทพที่เก็บไว้ในโบราณวัตถุสามารถต้านทานพลังต้องห้ามได้ เราไม่สามารถใช้พลังต้องห้ามแต่ในการใช้ชิ้นส่วนของโบราณวัตถุย่อมไม่มีปัญหา”
“ใช่แล้วด้วยสิ่งนี้พลังต้องห้ามของศัตรูจึงเท่ากับถูกหักล้าง!” องค์หญิงเชี่ยเชี่ยนมีความสุขที่ได้ทราบเรื่องนี้ แต่ในสายตาของอี้หนานที่หลับอยู่ในอ้อมแขนเย่ว์หยางรีบนั่งตัวตรงแม้ว่านางจะลดเสียง แต่ก็อดตื่นเต้นไม่ได้
“เสี่ยวซาน เจ้ากลับมาครั้งนี้เจ้าจะปรับแต่งเกราะรบเต่าดำได้ไหม?” คนที่รู้ใจเย่ว์หยางดีที่สุดก็คือเย่ว์หวี่
“ท่านเดาออกได้อย่างไร?” เย่ว์หยางประหลาดใจ
“ฮึ..ดูอารมณ์ดีใจเหมือนเด็กต้องการคำชมใครตาไม่บอดย่อมมองออกกันทั้งนั้น” เย่ว์หวี่ยิ้ม แต่คนแรกที่คาดเดาความเคลื่อนไหวเย่ว์หยางออกก็คือนางจริงๆ
“เจ้าขโมยเศษโบราณวัตถุมาด้วยหรือ?” ครั้งนี้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนนั่งเฉยไม่ได้อีกต่อไปนางพุ่งเข้าหาเย่ว์หยางและทุบเบาๆ หนึ่งหมัด ทำเอาอี้หนานตกใจตื่น นางยื่นมือออกไปลูบแก้มเย่ว์หยาง “เด็กดี! ทำดีได้ดี ดูเหมือนข้าควรให้รางวัลเจ้าอีกครั้ง..” นางอยากจะบอกว่านางจะให้รางวัลเย่ว์หยางด้วยการจูบ แต่เมื่อนางเห็นว่าทุกคนกำลังมองดูนาง นางไม่สามารถแบกศักดิ์ศรีเชิดหยิ่งได้อีกต่อไปนางแก้ไขคำพูดทันที “ใช่แล้ว พี่สาวจะให้รางวัลเจ้าเป็นอมยิ้มหนึ่งเม็ดในครั้งต่อไป”
ทุกคนต้องการให้องค์หญิงผู้หยิ่งภูมิใจแสดงความน่ารักออกมาทางใดทางหนึ่ง
นางเป็นคนจูบเขาแล้วทุกคนจะพูดอะไรได้
มันน่าอายสำหรับนางนักหรือ?
พูดอย่างนี้แม้ว่านางไม่เหนื่อยแต่ทุกคนที่ได้ยินรู้สึกเหนื่อยหน่ายแทนนาง...