ตอนที่ 1139 ไม่ใช่เรื่องใหญ่
จัตุรัสนักรบ
ในช่วงตอนกลางของยานแม่นกกระทุงมีพื้นที่ขนาดใหญ่กว่าสนามฟุตบอลซึ่งมักจะใช้ในเกมการแข่งขันที่หลากหลายหรือใช้จัดงานรื่นเริงเลี้ยงฉลองที่ให้ลูกเรือโดยสารเพื่อคลายความเบื่อหน่ายจากการเดินทาง จัตุรัสนักรบ
เมื่อเย่ว์หยางเดินเรียงแถวมาถึงที่นี่ก็พบว่าจัตุรัสนักรบเต็มไปด้วยผู้คน
ฝูงชนหนาแน่นเต็มพื้นที่
มีคนเป็นจำนวนหมื่น
มากกว่าสามหมื่นเป็นทหารประจำชายแดนและมากกว่าห้าพันเป็นลูกเรือยานกระทุงที่ถูกกลุ่มโจรล่มสวรรค์จับไว้ได้
ยกเว้นทหารฝีมือดีไม่กี่คนที่ดิ้นรนต่อต้าน พวกเขาถูกทุบทำร้ายโดยโจรล่มสวรรค์สมาชิกลูกเรือที่มากกว่าเหมือนกับลูกแกะยอมจำนนต่อศัตรูได้ง่าย พวกเขาไม่ได้ต่อสู้อย่างดุเดือดแม้แต่น้อยสมาชิกลูกเรือที่ไม่ได้รับบาดเจ็บไม่จำเป็นต้องดูพวกเขาจับศีรษะหมอบลงกับพื้นอย่างเงียบๆ รอรับการจัดการของพวกโจร พวกเขามีความอ่อนน้อมมากกว่าพวกพ่อค้านักธุรกิจที่เอาแต่บ่นว่าถูกบังคับให้ร่วมมือเผชิญหน้ากับพลังอำนาจที่แข็งแกร่ง
“พวกโจรสุนัข ถ้าเจ้าต้องการ ก็มาสู้กับข้าได้ข้าจะสู้หนึ่งต่อสิบก็ยังได้!” ในสนามบุรุษร่างสูงคนหนึ่งถูกล่ามด้วยโซ่เป็นสิบเส้นกำลังคำรามด้วยความโกรธถ้าไม่ใช่เพราะโจรล่มสวรรค์หลายสิบคนรุมสู้เขา คาดว่าเขาจะทำลายพันธนาการได้
“เฮ้, แพ้ไปแล้ว ยังจะโวยวายอะไรอีก!”
เย่ว์ยหยางสังเกตว่ามีบุรุษร่างผอมสูงสวมเสื้อคลุมดำและเป็นเสื้อคลุมปีกกว้างกำลังร่อนลงมาจากห้องโดยสารบน
คนผู้นี้มีลักษณะสะดุดตา ขาของเขาผอมยาวเป็นพิเศษ
ไม่มีความรู้สึกว่าเป็นขา
แต่เป็นมีดโกนมากกว่า
ให้ความรู้สึกที่น่ากลัวสามารถตัดคอหอยคนอื่นได้อย่างง่ายดายรองเท้าหนังปลายแหลมมีมุมมองลักษณะแปลกประหลาดสามารถโจมตีหัวใจมนุษย์ได้โดยตรง นอกจากขายาวคู่หนึ่งแล้ว บุรุษเสื้อคลุมดำยังมีแขนเรียวผอมยืดหยุ่นอย่างเหลือเชื่อ
บนศีรษะเขาสวมหมวกที่มีความเปลี่ยนแปลงได้
เขายกมือทาบหน้าอกตนเองเบาๆด้วยมือซ้ายแสร้งทำทีเป็นสุภาพบุรุษและคำนับบุรุษร่างสูงที่ถูกล่ามโซ่ “อสูรสายฟ้าด้วยพลังระดับเตรียมขุนพลเทพของเจ้า บนยานแม่นกกระทุงลำนี้เจ้าเป็นนักสู้ที่ไม่ติดอันหนึ่งในสิบ มิฉะนั้นเจ้ามาเป็นโจรดวงดาวที่อิสระอย่างเราไม่ดีกว่าหรือ? ถ้าเจ้ายินดีมาข้ากาดำจะไม่ชิงดีชิงเด่นกับเจ้า ตำแหน่งผู้อาวุโสอันดับสองจะยกให้กับเจ้าโดยตรงข้ายินดีเป็นอันดับสาม เพราะหัวหน้าพยัคฆ์บินอสูรสายฟ้าอย่างเจ้าจะเป็นพี่ใหญ่ได้อย่างไร?”
“เลิกคิดไปเลย ถ้าเจ้ามีความสามารถในการกินศพขยะก็มาสู้กับข้า! โจรดวงดาวอย่างพวกเจ้าจะมาเรียกร้องเอากับข้าได้อย่างไร ข้าได้รับการคาดหวังจากเทพ ข้าจะเป็นขุนพลเทพในอนาคตเป็นไปได้อย่างไรที่จะร่วมกับพวกเจ้าในอนาคตข้าอาจได้เป็นแม่ทัพ ในอนาคตที่ไร้ขีดจำกัด จะเข้าร่วมกับพวกเจ้าเพื่อเป็นโจรได้อย่างไร!”
คนร่างใหญ่ที่ถูกล่ามโซ่ตวาดร้องและพยายามดิ้นรน
แต่ร่างของเขากระดูกหักหลายที่
รวมทั้งกระดูกไหปลาร้า ซี่โครงสันหลังแม้แต่กระดูกต้นขาก็ยังถูกโซ่ร้อยทะลุผิวหนัง กล้ามเนื้อตรึงถึงกระดูกโจรดวงดาวสิบสองคนตรึงโซ่ทั้งหมดไว้และทั้งสิบกว่าคนทำงานร่วมกันไม่ปล่อยให้เขาเป็นอิสระ
บุรุษชุดคลุมดำได้ยินแล้วสีหน้าเขาไม่เปลี่ยนริมฝีปากของเขาแสดงรอยยิ้มเหมือนจะคาดหวัง
จมูกของเขาโด่งประหลาดแสดงให้เห็นถึงความเหงาที่ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้
ดวงตาถูกปิดบังไว้
ไม่สามารถมองเห็นสีหน้าความรู้สึกใดๆได้ แต่ใครก็ตามที่เห็นเขาจะรู้สึกถึงความแหลมคม
“ลากเขาลงมาและทรมานช้าๆ เมื่อใดที่เจ้าตกลงจะเข้าร่วมกับเราเราจะให้เวลา” บุรุษในชุดคลุมดำโบกมือและกล่าว “อสูรสายฟ้าจะไม่ยอมแพ้ ดังนั้นเอาคนต่อไปออกมา! และเจ้า ไม่ต้องกังวล ไม่จำเป็นต้องกลัว เราแค่ต้องการหาคนร่วมงานและทำธุรกิจเล็กๆ น้อยๆ ที่เป็นธรรม และเมื่องานยุ่งของข้าเสร็จแล้วข้าจะมาทักทายทุกคน!”
“....” พวกพ่อค้ารอบบุรุษชุดคลุมดำได้ยินแล้วทุกคนรู้สึกหนาวสะท้านเห็นได้ชัดว่าพวกเขากลัวบุรุษหนุ่มผู้นี้
“กาดำ! อสูรสายฟ้าไม่สามารถพูดเคลื่อนไหวได้เจ้าคิดว่าเสือดาวโลหิตจะยอมแพ้พวกเจ้าหรือ?” นายกองทหารฝีมือดีที่ต่อสู้อาบเลือด ถูกอีกหลายคนล่ามโซ่ตรึงไว้
แม้ว่าร่างกายของเขาจะเต็มไปด้วยบาดแผลและรอยเปื้อนเลือดและถูกล่ามโซ่แต่ดูไม่เหมือนว่าเขาเป็นเชลย
เหมือนกับแม่ทัพที่เดินตรวจแถวทหาร
ยืนเด่นสง่าตัวตรงเหมือนภูเขา
กาดำเมื่อได้ยินเขาพูดก็หัวเราะลั่นเป็นเวลานานเสียงหัวเราะของเขาแหลมเหมือนมีด “เสือดาวโลหิต! เจ้าเป็นคนซื่อสัตย์ ทุกคนรู้เรื่องนี้กันดีเป็นเรื่องยากจริงๆ ที่จะบังคับให้เจ้ายอมจำนนแต่ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเป็นลูกกตัญญู... ในเวลานั้นบิดาเจ้าตายในการต่อสู้เร็วไปหน่อย แม่เจ้าเพียรเลี้ยงดูเจ้าจนเติบใหญ่ ข่าวลือนี้เป็นจริงหรือเปล่า?ครั้งนี้เจ้ากลับมาที่บ้านเกิดเพื่อรายตัวเจ้ามีโอกาสได้เลื่อนตำแหน่งเป็นราชองครักษ์ บุตรกตัญญูอย่างเจ้าปกติแล้วจะไม่ยอมให้มารดาต้องไปอยู่ในดินแดนแร้นแค้นยากจนและจะพานางไปอยู่ในเมืองหลวงเพื่อทดแทนคุณแน่นอนเพื่อให้หญิงชราได้ใช้ชีวิตได้ตลอดไป หญิงชราที่สามารถสอนลูกชายนางได้จนกลายเป็นคนโดดเด่นเช่นเจ้าข้าต้องไปพบเพื่อแสดงความชื่นชมสักครั้ง”
เสือดาวโลหิตสีหน้าเปลี่ยนทันทีเกิดความโกรธอยู่เต็มหัวใจ “กาดำ! เจ้าวายร้ายที่น่ารังเกียจ เจ้าแตะต้องแม้แต่เส้นผมแม่ข้า ข้าจะฆ่าพวกเจ้าโจรดวงดาวให้หมด เจ้าพวกโจรดวงดาวที่ไร้ยางอาย พวกเจ้ากล้าหรือ?”
กาดำบินออกมาโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะโกรธเพียงไหนเขาหัวเราะเยาะเบาๆ “อะไรกันถ้าข้าพบแม่เฒ่าในกลุ่มคน ข้าแค่ให้เกียรติเคารพนางมีมารยาทต่อนาง ข้าจะทำร้ายนางได้อย่างไร? ไม่ต้องกังวล มานี่ เอาเสือดาวโลหิตไปพักก่อนรอให้ข้าพบตัวแม่เฒ่าเสียก่อน จากนั้นค่อยมาร่วมคุยกันอีกครั้ง!”
นายกองเสือดาวโลหิตขบฟันกรอดๆด้วยความโกรธ แม้ว่าเขาจะสบถด่าตลอดทางแต่ก็ขัดขืนไม่ได้ ถูกโจรดวงดาวลากตัวไปตลอดเส้นทาง
เย่ว์หยางเมื่อเห็นที่นี่มีพวกโจรดวงดาวที่น่าสนใจเพียงเล็กน้อย
อย่างน้อยก็มีกาดำผู้นี้และพยัคฆ์บินก่อนนั้น
ค่อนข้างน่าสนใจ!
เขาไม่รู้ว่าผู้แข็งแกร่งขนาดนั้นทำไมถึงเป็นโจรดวงดาว?
เย่ว์หยางสังเกตเห็นว่าที่จัตุรัสนักรบดูเหมือนจะแฝงไปด้วยพลังกฎสวรรค์สองชนิดหนึ่งนั้นก็คือ ‘อ่อนแรง’เขารู้แล้วว่าพลังต่อสู้ลดลง พลังชีวิตก็ลดลง อีกกฎหนึ่งก็คือ ‘เพิ่มประสิทธิภาพ’ แปลกอย่างสิ้นเชิง
การปรับปรุงนี้ไม่ส่งผลต่อชีวิต
ดูเหมือนจะมีการเพิ่มประสิทธิภาพให้หุ่นรบหรือหุ่นอสูรที่ไม่มีชีวิตได้หลายเท่าหรือมากกว่าสิบเท่า ถ้าคนระดับพลังเดียวกันขับขี่หุ่นรบ และอีกคนหนึ่งมือเปล่าเป็นไปได้ว่าคนมือเปล่าจะต้องพ่ายแพ้คู่ต่อสู้ที่มีหุ่นรบแน่ จัตุรัสนักรบนี้เหมือนเป็นการขยายพลังกฎสวรรค์ของหุบเขามนุษย์แต่ที่นี่ไม่ได้จำกัดพลังชีวิตและวิทยายุทธ์ของมนุษย์เท่านั้นแค่ทำให้พลังอ่อนลงร้อยเท่า แม้หุบเขามนุษย์จะห้ามการใช้วิทยายุทธ์ความแข็งแกร่งส่วนตัว แต่ที่นี่ไม่ เพราะยังมีการเพิ่มประสิทธิภาพ
ถ้าใส่จัตุรัสนักรบนี้หรือสภาพแวดล้อมอย่างจัตุรัสนักรบนี้ไว้ในหุบเขามนุษย์ อย่างนั้นเขาไม่ต้องรู้สึกจนใจเวลาสู้กับเทพปีศาจ
เย่ว์หยางไม่ทันนึกถึงว่าตอนนี้มีคนสองคนถูกลากไปที่นั่น
คนหนึ่งสูง คนหนึ่งเตี้ย
คนหนึ่งอ้วน อีกคนหนึ่งผอม
บุรุษร่างอ้วนใหญ่ตื่นกลัวตัวสั่นเหมือนภูเขาเนื้อเน่าเขาแทบจะเคลื่อนไหวไม่ได้เลยถ้าไม่ใช่เพราะโจรดวงดาวหลายสิบคนนี้ลากดึงเขาอย่างดุเดือด ในทางตรงกันข้ามบุรุษผอมเตี้ยเหมือนคนแคระเดินใจเย็นมั่นคงเหมือนภูเขาออกมาทีละก้าวๆดูไม่เหมือนกับว่าเขาถูกโจรดวงดาวลากออกมาแต่ดูเหมือนเขากำลังฉุดลากโจรดวงดาวเหล่านั้น
“ยินดีต้อนรับ กัปตันเรือที่สองและที่สาม สหายของกัปตันเรือที่หนึ่ง ‘คนขายเนื้อ’ ในตำนานแม่ทัพฉีกู่แห่งจักรวรรดิอาคเนย์ที่แม้แต่เด็กเห็นก็ยังหยุดร้องไห้ ถ้าหัวหน้าสองคนก่อนหน้านั้นไม่ค่อยสนใจข้ากาดำข้าอยากจะเชิญชวนซ้ำๆ ขอให้ยอมจำนนเสียโดยดี” บุรุษชุดคลุมดำปรบมือต้อนรับ
“ถุย” นี่คือคำตอบจากบุรุษผอมเตี้ยนามแม่ทัพฉีกู่
“ข้ายินดียอมแพ้ ท่านกาดำข้ายินดีประกาศละความมืดหันเข้าหาแสงสว่างสนับสนุนการปฏิวัติ” นี่คือคำตอบของคนอ้วนใหญ่ ‘คนขายเนื้อ’
“ความสามารถของพวกเจ้าทั้งสองเมื่อยามร่วมมือกันเป็นสิ่งที่ทรงพลังเสมอน่าเสียดายที่ประกาศว่าละความหันเข้าหาแสงสว่างยอมแพ้แค่คนเดียวคนขายเนื้อผู้น่ารัก กัปตันเรือกระทุงคนที่สามเจ้าโน้มน้าวสหายเจ้าที่เป็นแม่ทัพได้ไหม? ถ้าเขายอมตกลงยอมแพ้อย่างนั้นข้าจะให้เจ้าได้คุมเรือนกกระทุงทั้งหมดตกลงไหม? ยานแม่นกกระทุงเจ้าอยากปกครองบัญชาการเสมอมา เจ้าต้องการควบคุมยานแม่ทั้งหมด ตอนนี้โอกาสอยู่ต่อหน้าเจ้าแล้ว ตราบใดที่เจ้าโน้มน้าวกัปตันฉีกู่ได้ยานจะเป็นของเจ้า!” กาดำพยายามล่อลวงเขาอย่างไม่หยุดหย่อน หลังจากได้ยินแล้วเย่ว์หยางคิดว่าสหายผู้นี้ไม่เลวเปลี่ยนจากนักปฏิวัติเป็นนักการทูตถือว่าเป็นคนมีพรสวรรค์คนหนึ่ง
“ท่านกาดำ ฉีกู่หยาบกร้านเกินไปข้าไม่สามารถโน้มน้าวเขาได้ ให้ข้ายอมแพ้ก่อน!” คนอ้วนพยายามขอร้องวิงวอน
“ไม่, เจ้าอาจไม่รู้ ข้าเป็นคนชอบความสมบูรณ์แบบ ถ้าไม่ได้สิ่งที่ดีที่สุดข้าก็อยากทำลายมันทิ้งซะ เจ้าเข้าใจไหม? ถ้ายอมจำนนแค่เจ้าคนเดียว อย่างนั้นข้าเสียใจด้วย ข้าจะทอดไขมันของเจ้าลงในกระทะและเสริฟเป็นอาหารมื้อเย็นให้พี่น้องข้า” กาดำถอนหายใจเบาๆ ขณะกระซิบข้างหูคนขายเนื้อ
“ข้าบอกฉีกู่แล้ว เจ้ายืนยันปล่อยให้ยานแม่กระทุงถูกพวกเขาโจมตี ตอนนี้เราทุกคนตกอยู่ในเงื้อมมือพวกเขาแล้วและสถานการณ์ก็เป็นอย่างที่เจ้าเห็น ถ้าไม่ตกลงก็คือตาย เจ้าตกลงเถอะ!” คนขายเนื้อตัวสั่นเขาไม่สามารถนึกภาพออกได้เลยเมื่อเขาถูกทำเป็นอาหารเสริฟมื้อค่ำ
“ถุย” คนตัวเตี้ยฉีกู่ให้คำตอบเหมือนเดิม
“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน เอาล่ะ ลากเจ้าอ้วนไปทอดเอาน้ำมัน ส่วนเจ้าผอมหักกระดูกต้มซุป” กาดำสั่งการเหมือนหัวหน้า
“ช่วยด้วย! พ่อจ๋า แม่จ๋า” ขณะที่คนอ้วนกลัวร้องไห้เรียกหาพ่อแม่ทันใดนั้นเงาดำที่กำยำพุ่งขึ้นไปในอากาศด้วยความรวดเร็วแล้วโฉบลงมาเหมือนอินทรีหลีกเลี่ยงการสกัดขัดขวางของพวกโจรดวงดาวและพุ่งเข้าหาฝูงชนทันทีและจับคนไว้คนหนึ่ง เป็นกัวกัวถูกจับมาเป็นโล่มนุษย์บังข้างหน้าไว้และมืออีกข้างหนึ่งมีดาบในแขนเสื้อจ่อที่คอของกัวกัวเย่ว์หยางตะโกนลั่น “หยุดนะ ปล่อยคนเดี๋ยวนี้ มิฉะนั้นข้าจะฆ่าคนให้หมด”
กัวกัวหวาดกลัวจนขวัญหนีดีฝ่อเขาร้องเสียงหลง “ไม่ ไม่ ข้าไม่ใช่โจรดวงดาว ข้าไม่ใช่โจรดวงดาว ข้าเป็นผู้โดยสารผู้บริสุทธิ์
ยังคงเป็นเย่ว์หยางที่ใจเย็น เขาก้าวออกมาเล็กน้อยใช้คมมีดจ่อคอของกัวกัวจากนั้นวิเคราะห์ “นี่ก็เหมือนกับชิงตัวประกันออกไปไม่มีอะไรสำคัญที่สุด!”