ตอนที่ 1138 ชีวิตที่เหมือนกัน?
เย่ว์หยางเปิดประตูออกมาและพบว่ากัวกัวยืนอยู่ข้างนอกประตูและตกตะลึงเหมือนคนอื่น
เฒ่าเหมาไม่ได้กลับมา พวกเขาไม่รู้จะสนองตอบอย่างไร
โดยเฉพาะอย่างยิ่งยานแม่กระทุงขนาดใหญ่ถูกโจรบุกรุกและเรื่องแบบนี้ไม่เคยมีมาหมื่นปีแล้ว ทำให้พวกเขาแก้ปัญหาได้ไม่ทันในที่สุดทหารบนเรือต้องป้องกันผู้บุกรุกหรือจะอยู่ในห้องรอให้เหตุวุ่นวายสงบลงก่อน? ถ้าเขาออกไปเพื่อป้องกันผู้รุกรานเจ้าหน้าที่บนเรือจะเข้าใจผิดว่าเป็นพวกเดียวกับศัตรูได้ จุดที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าผู้บัญชาการเรือรบกลับมาและไม่พบใครในห้อง ก็คงจะโกรธโมโห
“พวกเจ้ายังทำอะไรอยู่ตรงนี้? รีบตามข้าไปทางตะวันตกเร็วๆ เข้าพื้นที่หลักมีผู้บุกรุก!” ท่ามกลางความลังเลใจ กลุ่มทหารฝีมือดีบุกเข้ามาและเพื่อนร่วมกลุ่มคนหนึ่งคำรามอย่างดุเดือด การต่อสู้แนวหน้ารุนแรงจริงจัง เขาจำเป็นต้องช่วยคนให้ได้เสียก่อน
“วิ่งไปรวมตัวกันข้างหน้าก่อนข้างหน้ามีคลังแสงอาวุธ ไปรับอุปกรณ์ที่นั่น เจ้ามั่นใจได้ความความเป็นจริงพวกเจ้าไม่จำเป็นต้องสู้แนวหน้า แค่ช่วยรักษาผู้บาดเจ็บและส่งสิ่งของที่จำเป็นบางอย่าง ข้ารับประกันได้ว่าจะไม่มีอันตราย!” เป็นกัปตันเรือที่ใจเย็น เขาแนะนำกัวกัวและพวกให้มารวมตัวกันเป็นครั้งแรก โดยเฉพาะมีในการสนับสนุนด้านหลัง
“เข้าใจแล้ว”เมื่อได้ยินว่าไม่จำเป็นต้องสู้ แต่ทำหน้าที่บริการอยู่แนวหลังกัวกัวมีกำลังใจมากขึ้นทันที
ยานแม่อาจยังไม่ถูกยึด
ตอนนี้คอยช่วยส่งของและรอให้การต่อสู้สงบลงก็จะมีความดีความชอบทางทหารด้วยหรือเปล่า?
เขาไม่จำเป็นต้องเลือดตกยางออกก็สามารถสร้างความดีความชอบทางทหารได้ ทำไมถึงไม่ทำเช่นนั้น? การมีส่วนร่วมในการป้องกันการรุกรานดังกล่าวก็เป็นโอกาสที่หายากมากและเป็นการสร้างเกียรติประวัติส่วนตัวในอนาคต จะได้พูดคุยอย่างภูมิใจที่สุดบนโต๊ะอาหาร
ท่านผู้เฒ่ากลับมาเชื่อได้ว่าท่านจะต้องชื่นชมตัวเขาเป็นอย่างมาก!
กัวกัวคิดได้เช่นนั้นเขามีสีหน้าแช่มชื่นทันที
แต่ก่อนที่จะรวมกลุ่มเสร็จทหารอีกกลุ่มก็วิ่งเข้ามา
จากตำแหน่งตรงกันข้ามทหารกลุ่มนี้ถูกโจมตีหนัก และสมาชิกในกองแต่ละคนบาดเจ็บสาหัสเต็มไปด้วยเลือด พวกเขาเคลื่อนมาทางกลุ่มที่รวมตัวกันอยู่ในตอนนี้ ดูเหมือนพวกเขาเพิ่งพ่ายแพ้ถอยกลับมาอย่างไม่เป็นท่าดูเหมือนจะพบกับศัตรูที่แข็งแกร่ง นายกองที่แข็งแกร่งที่สุดของกองหายตัวไปและผู้ช่วยนายกองแขนหักเขาเซกระแทกทหารอีกสองคนดูเหมือนกลุ่มในกองเดียวกันจะได้รับบาดเจ็บกลับมาอย่างลำบาก
ทันทีที่เห็นกัวกัวพวกเขาสบถใส่ทันที“พวกเจ้ากำลังทำอะไร? ออกมาช่วยหรือ? ข้างหน้ายุ่งเหยิงมากพอแล้ว คนของเราไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นผู้บุกรุกใครเป็นผู้โดยสาร พวกเจ้าต้องการเพิ่มความวุ่นวายอีกหรือ? เราไม่จำเป็นต้องได้รับกำลังหนุน เจ้าแค่อยู่ในห้องพักของตนเองก็พอ ขอบคุณ!”
กัวกัวรู้สึกผิด
ก็พวกท่านบอกให้รวมกลุ่มและไปช่วยสนับสนุนท่าน
ตอนนี้สงสัยว่ามีผู้บุกรุกในหมู่ผู้โดยสารปล่อยให้ทุกคนกลับไปพัก และอยู่อย่างสงบ
เป็นคนดีนี่ยากจริงๆ ตอนแรก ไม่รู้รายละเอียดของผู้รุกราน เป็นเพราะเจ้าหน้าที่ไร้ความสามารถเป็นเพราะเจ้าหน้าที่ไม่ตรวจตราให้ดีพอ พวกเขาเกี่ยวอะไรด้วย
ความรู้สึกโกรธในใจของเขาประกอบกับความลำบากใจกับการแบกรับข้อกล่าวหา กัวกัวสะบัดมืออย่างไม่พอใจ ปล่อยให้ทุกคนกลับไปพักผ่อนต่อและไม่ทำอะไรเลยรางวัลก็ไม่ได้ กลับโดนสงสัยแทน ใครจะทนได้ แม้ว่ายานแม่จะเป็นของอาณาจักรเทพอาคเนย์ แต่ทุกคนมีหน้าที่ต้องปกป้อง แต่สุดท้ายเขาไม่ได้เป็นทหารบนเรือเขาไม่จำเป็นต้องทำงานนี้ด้วยตัวเอง ดังนั้นเป็นเรื่องที่ถูกแล้วควรจะกลับไปรอฟังผลการต่อสู้อยู่ในห้อง
เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่ยานแม่จะถูกยึดปล้น
บางทีทหารเหล่านี้ไม่ต้องการให้ผู้โดยสารฉวยประโยชน์ทางทหารที่หาได้ยากของพวกเขา
เมื่อคิดได้ดังนั้นกัวกัวดูแคลนความพ่ายแพ้ของทหารที่เหลือรอดมาเหล่านั้นไม่ต้องให้ช่วยสนับสนุนหรือ? กลัวว่าคนอื่นจะเข้ามาทำงานข้าจะรอดูผลว่าพวกเจ้าจะเหลือรอดชีวิตได้สักกี่คน
แม้ว่ากลับเข้าไปจะปลอดภัยแต่ก็พลาดการต่อสู้ไปด้วย
ทุกคนเพิ่งรวบรวมความกล้าได้และพวกเขาอดระบายอารมณ์ไม่ได้
พวกเขามองหน้ากันเองอย่างไม่พอใจ
ต่างคนต่างกลับไปที่ห้องโดยสารอย่างไม่เต็มใจรอให้การปราบเหตุวุ่นวายจากทหารคุ้มกันเรือได้ผลสรุปเสียก่อน
ไม่ถึงสิบนาทีทหารอีกกลุ่มหนึ่งเข้ามาและตบประตูทีละห้องในเวลาเดียวกันก็ได้มีคำสั่งใหม่เพื่อให้ทุกคนรีบไปเสริมกำลังที่แนวหน้า
“พวกเจ้าบอกไม่ต้องการเราไม่ใช่หรือ? เราเพิ่งรับคำสั่งจากเจ้านายพวกจ้าโดยบอกว่ามีผู้ต้องสงสัยในหมู่ผู้บุกรุกปนอยู่ในผู้โดยสารและไม่ให้เราออกจากห้องโดยสาร เพื่อเสริมกำลังเราต้องอยู่ข้างในห้องและรอให้การบุกรุกจบเสียก่อน!” กัวกัวตอนนี้ชักกลัว และเขารู้ว่าหัวหน้าทหารมาขอร้องพวกเขาให้ช่วย
“อย่างนั้นหรือ? ข้าไม่รู้ ตอนนี้แนวหน้ากำลังป่วน เราต้องการกำลังเสริมที่แข็งแกร่ง!” ทหารที่เนื้อตัวเปรอะไปด้วยเลือดไม่สามารถตัดสินใจได้ ถ้าเขานำคนกลุ่มหนึ่งมาสนับสนุน เขาจะมีสายของผู้บุกรุกอยู่ข้างในซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต แต่มีความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องการกำลังสนับสนุนแนวหน้าด้านหนึ่งเป็นคำสั่งเจ้านาย อีกด้านหนึ่งเป็นสถานการณ์ที่สำคัญเขาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
“เรายังไม่แข็งแกร่งมากพอ เรารั้งอยู่แนวหลังจะดีกว่า” กัวกัวแสร้งทำเป็นถอนตัว เขาต้องการรอให้ทหารขออีกครั้ง
“อย่างนั้นเจ้าก็อยู่ที่นี่ต่อไประวังตัวด้วย อย่าวิ่งเพ่นพ่าน ข้างนอกอันตราย!”ไม่มีใครรู้ว่าทหารฟังข้ออ้างของเขาแล้วกลัวว่าจะมีสายลับจริงจึงรีบไปที่ประตูข้างนอก ปิดล็อคขังพวกเขาไว้ จากนั้นไปหากำลังเสริมใหม่
“....” กัวกัวเกือบอดตะโกนออกไป เจ้ามันงี่เง่า เจ้าไม่เข้าใจคำพูดหยั่งเชิงเลยแล้วดันขังเราไว้ที่ระเบียงอีกด้วย ดีเลย เป็นไปไม่ได้ที่ออกไปช่วยแล้ว มีคนแบบนี้โผล่มาได้อย่างไร?
เย่ว์หยางขำ
เขาไม่กล้าหัวเราะออกมาจริงๆ แต่เขากลั้นหัวเราะจนปวดท้อง
สถานการณ์รุนแรง พวกเขาจะกลับมาปล่อยให้พวกเขาไปช่วยเสริมกำลังจากนั้นเขายังกล้าเยาะเย้ยทหารเหล่านั้น!
กัวกัวได้ยินเสียงเข่นฆ่ากันข้างนอก ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะน่ากลัวมากและเขารู้สึกว่าเขายังมีโอกาสได้เข้าร่วมดังนั้นเขาสงบใจนั่งลงและรวบรวมกลุ่มสหายของเขาที่ทางเดินรอคอยเงียบๆเพื่อให้ทหารคนต่อไปมาขอความช่วยเหลือ ใครจะรู้ว่าต้องรอคอยนานกว่าสองชั่วโมงก็ยังไม่มีคำขอกำลังเสริม กัวกัวไม่สามารถนั่งนิ่งได้ ถ้าไม่ใช่เพราะเสียงของการต่อสู้ดังอยู่ เขาสงสัยว่าผู้บุรุกคงถูกทหารบนเรือทำลายมิฉะนั้นไม่มีใครมาขอความช่วยเหลือได้อย่างไร?
ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง
ประตูเข้าระเบียงห้องถูกเปิดออกในที่สุด
ใบหน้าเขียวคล้ำของกัวกัวแต่เดิมผิดหวังมากเปลี่ยนเป็นโล่งใจทันทีเขาแค่นเสียงเหมือนกับจะบอกว่า เป็นยังไง? ไม่มีข้าเจ้าจะทำอะไรได้?
เป็นทหารที่มาเปิดประตู แต่ไม่ใช่ทหารคนก่อนหน้านี้อีกแล้ว เป็นบุรุษร่างสูงแปลกหน้าอีกคนที่ไม่รู้จักไม่เหมือนกับทหารที่เนื้อตัวเปื้อนเลือดก่อนหน้านี้ คนผู้นี้ไม่มีเลือดเลยเนื้อตัวแห้งสนิทจนดูเป็นเหมือนสุภาพบุรุษกำลังไปงานเลี้ยง และสีหน้าของเขาไม่ได้กังวลอะไรเลยเหมือนกับทหารก่อนหน้านี้ ตรงกันข้ามเขากลับยิ้ม
ไม่รอฟังกัวกัวเยาะเย้ยเขาปรบมือให้ทุกคนฟังเขาพูด
“ไม่เลวเลย,พวกเจ้ารวมตัวกันได้ดี ช่วยประหยัดเวลาข้าได้มาก อย่างไรก็ตามโปรดระวัง ข้าไม่ได้มาขอกำลังเสริมกับเจ้า อย่าเข้าใจผิด!” ทหารร่างใหญ่ยิ้ม
“การบุกรุกก่อความวุ่นวายสงบแล้วหรือ?” กัวกัวได้ยินคำพูดนี้ใบหน้าของเขามีแววเสียใจที่ไม่สามารถแสดงออกได้ นี่เป็นโอกาสที่ดีกับการสร้างความดีความชอบทางทหาร อย่างนั้นก็พลาดโอกาสไปแล้ว!
“การต่อสู้ที่เจ้าว่านั้นจบลงแล้ว” ทหารร่างสูงพยักหน้าเห็นด้วย
“เจ้าต้องการคนช่วยพยาบาลหรือไม่? แม้ว่าข้าจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ แต่ข้าได้รับการฝึกฝนพิเศษในการรักษาอาการบาดเจ็บ” กัวกัวเกลียดจริงๆว่าทำไมเขาถึงได้เล่นตัว ตอนนั้นถ้าเขาไปกับทหารนั้น ในเวลานี้เขาคงได้ความน่าเชื่อถือที่ยิ่งใหญ่กว่าการรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บถึงสิบเท่าเขาไม่ได้ร่วมหยุดสงครามในตอนนี้เหมือนกับถ่านที่ดับในหิมะจะมีค่าอะไร? การต่อสู้ความวุ่นวายจบไปแล้ว อย่างดีก็เหมือนน้ำตาลโรยหน้าเค้กความน่าเชื่อถือความดีความชอบน้อยกว่ากันมาก! สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือต้องมีหลายคนที่แข่งขันกันเพื่อสร้างความดีความชอบซึ่งแตกต่างจากการก่อเหตุวุ่นวาย คนเราอยากรักษาชีวิตและกลัวตายแน่นอนไม่กล้าออกหน้า ไม่มีแรงกดดันจากการแข่งดี
“ไม่จำเป็น” ทหารร่างใหญ่โบกมือบอกว่าไม่จำเป็น
“เจ้าพอใจที่มีคนบาดเจ็บเป็นจำนวนมากอย่างนั้นหรือ?” กัวกัวขึ้นเสียง มีคนมากมายต้องแข่งกันช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่หรือ?
“เราไม่ต้องสนใจคนบาดเจ็บ ถ้าพวกเจ้าบาดเจ็บเล็กน้อย พวกเจ้าก็แค่พันแผลก็พอ ถ้าพวกเจ้าบาดเจ็บสาหัส เจ้าไม่สามารถรักษาได้ อย่างนั้นก็โยนออกไปจากเรือก็จบเรื่อง” ทหารร่างสูงตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“อย่างนั้นจะมีอะไรที่โหดร้ายแตกต่างจากโจรดวงดาว!” กัวกัวมึนงง เขาไม่เคยได้ยินการจัดการกับผู้บาดเจ็บอย่างนี้ ดังนั้นเขาควรจะต้องไปขึ้นศาลทหาร!
“เดิมทีเราก็เป็นโจรดวงดาวอยู่แล้ว!” ทหารร่างสูงยิ้มและเปิดเผยสถานะ
“เจ้าล้อเล่นกันหรือ?” กัวกัวได้ยิน เขายืดตัวหัวเราะทันที “ตลกแบบนี้ไม่ควรเอามาเปิดแสดงเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
“เจ้าคิดว่าเป็นเรื่องตลกหรือ? อย่างนั้นข้าจะพิสูจน์ให้ดู!” ทหารร่างสูงยกมือตบหน้ากัวกัวอย่างแรง กัวกัวศีรษะมึนงงเห็นดวงดาว ฟันร่วงกระเด็นครึ่งปากแต่ทหารร่างสูงยังคงมีรอยยิ้มบนใบหน้าเขาคว้าผมของกัวกัวทั้งที่ยังยิ้มจับโขกผนังอย่างแรงจนหัวปูดแล้วถามราวกับว่าไม่เกิดอะไรขึ้น “เจ้ายังคิดว่าข้าล้อเล่นอีกหรือเปล่า? หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าจะพิสูจน์ให้ดูต่อ!”
“นายท่านได้โปรดไว้ชีวิต ยกโทษให้ข้าด้วย!” เลือดกลบปากและจมูกของกัวกัว เขาไม่สนใจความเจ็บปวด ใช้เสียงอู้อี้ไม่ชัดร้องขอความเมตตา
“ตราบใดที่พวกเจ้าติดตามข้ามาอย่างว่าง่ายข้าสัญญาว่าทุกคนจะปลอดภัย แน่นอนว่าถ้าเจ้าอยากเล่นตุกติกกับข้า ข้าไม่รังเกียจที่จะเล่นเกมห้อยโหนกับเจ้า! ตอนนี้อยู่ห่างจากพื้นดินหมื่นเมตรถ้าข้าเผลอร่วงลงไปข้ารู้สึกว่าข้าจะมีความสุขมาก! แน่นอนใครก็ตามที่ต้องการเล่นราวเดี่ยวออกกำลังกายข้าจะแจกเชือกแถมหินถ่วงสิบตันฟรีๆเกมรวมกลุ่มแบบนี้เพิ่งเริ่มต้นขึ้น แต่ทุกคนที่ใช้มันตอบสนองได้ดีและน่าจะได้รับความนิยมในไม่ช้า!”
ทุกคนนึกภาพมีหินถ่วงสิบตันมัดร่างกายแล้วโยนออกไปจากยาน
คาดว่าคงพุ่งลงไปเหมือนดาวตก
ถ้ากระทบพื้นดินก็คงไม่เหลือแม้แต่เศษขยะ
หินบินอย่างนี้สนุกน้อยเกินไปและไม่ทันสมัยเอาเสียเลย
ทุกคนหน้าซีดเผือดกล่าวพร้อมกันว่าพวกเขาเป็นเด็กว่าง่ายไม่เคยเข้าออกโดยไม่ขออนุญาตมาก่อน...มีเพียงเย่ว์หยางเท่านั้นที่ทำสีหน้าปกติ ไม่แสดงออกใดๆทหารร่างสูงสังเกตเห็นการปรากฏตัวของเย่ว์หยาง รอยยิ้มของเขาไม่เปลี่ยน แต่นัยน์ตาของเขาเหมือนกับอสรพิษ
กัวกัวเกรงว่าทุกคนจะเหนื่อยใจเขารีบเข้ามาอธิบาย “เจ้าเด็กนี่เพิ่งมาใหม่ เขามีปัญหาบางอย่างเกี่ยวสติปัญญาเขานายท่านอย่าถือสาเขาเลย ติข้าคนเดียวก็พอ!”
ถ้าเขาไม่พูดอย่างนั้นทหารร่างสูงคงหงุดหงิด
แต่พฤติกรรมของเจ้าเด็กผู้นี้ทำให้อีกฝ่ายดูถูกมากและเขาลดความตั้งใจที่จะฆ่าเย่ว์หยางลงได้
แม้แต่ตอนนี้เมื่อมองหน้าเย่ว์หยางก็ดูปกติสีหน้าเยือกเย็น ไม่มีความกลัวเหมือนคนในกลุ่มที่ตัวสั่นกลัวราวกับเจอปีศาจและพยายามแยกตัวห่างจากเขาเพื่อเอาชีวิตรอดถ้าไม่ใช่เพราะเป็นกองกำลังฝ่ายศัตรูบางทีเขาคงรู้สึกว่าเย่ว์หยางนั้นแข็งแกร่งไม่ยอมแพ้ง่ายๆ
“เจ้าไม่กลัวตายจริงๆหรือ?” ทหารร่างใหญ่เอ่ยปากพูดและกำลังคิดว่าเย่ว์หยางกำลังเสแสร้งทำเป็นสงบหรือไม่
“ข้าอยากเล่นเกมห้อยโหนมาโดยตลอดนอกจากนี้หินถ่วงสิบตันมันเบาเกินไป ไม่มีที่มากกว่าร้อยตันหรือ” เย่ว์หยางยิ้มดูเหมือนจะแสดงให้เห็นว่า ถ้าเขาอยากจะหัวเราะเยาะเขาคนรูปหล่ออย่างเขาจะยิ้มสดใสเหมือนดวงอาทิตย์ให้กับทหารร่างใหญ่นี้โดยตรง
“น่าสนุกคนที่น่าสนใจโดยทั่วไปจะไม่ตายเร็ว!” ทหารร่างสูงส่ายหน้าและโบกมือหัวเราะ
“โจรดวงดาวผู้รู้วิธีเล่นห้อยโหนพิเศษก็น่าสนใจเช่นกัน” เย่ว์หยางตอบโต้ไม่ลดราวาศอก
“มีโอกาสได้เล่นแน่แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า,นึกไม่ถึงเลยว่าการเดินทางครั้งนี้ได้ผลรับมากนักเราโจรดวงดาวไม่ได้พบเลือดใหม่มานานแล้ว โชคดีที่ข้ามาเร็ว มิฉะนั้นปล่อยให้เจ้าอินทรีป่าพบเข้ามันต้องปล้นข้าแน่นอน! ข้าอยากเห็นสีหน้าอิจฉาของเจ้าพวกนั้นนัก ฮ่าฮ่า!” ทหารร่างสูงแหงนหน้าหัวเราะลั่นเมื่อพวกเขาเดินออกไป กลุ่มบุรุษที่สวมชุดเครื่องแบบทหารแต่เห็นได้ชัดว่าเป็นโจรดวงดาวเดินทางมาถึง เมื่อมองเห็นทหารร่างสูงเขาทำความเคารพและเดินตามด้วยความตื่นเต้นดูเหมือนพวกทหารจะเรียกเขาว่า หัวหน้าพยัคฆ์บิน
“อินทรีป่าเล่า?” บุรุษร่างสูงพยัคฆ์บินถามตามปกติ
“อยู่ทางเขตตะวันออกดูเหมือนจะมีความวุ่นวายปั่นป่วนเล็กน้อย หัวหน้าอีกากำลังรวบรวมคนไปที่จัตุรัสนักรบและกำลังรอหัวหน้าให้ไปถึง เกิดอะไรขึ้นกับพวกลูกแกะเหล่านี้?” หลังจากทหารหยาบรายงานแล้วเขาประหลาดใจเมื่อพบกัวกัวและกลุ่มของเขา
“พวกเขาไม่รู้เหตุผลที่ตนเองถูกขังอยู่ในห้องโดยสาร ข้าคิดว่าเหมาพั่วตี้อยู่ที่นี่ดังนั้นข้าตามมาดู” หัวหน้าพยัคฆ์บินร่างใหญ่หัวเราะ “เหมาพั่วตี้ไม่พบแต่เจอเมล็ดพันธุ์ใหม่ที่ไม่เลว เป็นเจ้าเด็กนั่น” โจรร่างใหญ่ชี้ไปที่เย่ว์หยางและบอกเขาโดยเฉพาะ “เจ้าเด็กนี่น่าสนใจ และมีศักยภาพยิ่งใหญ่เทียบกับพวกเจ้าไม่ได้ พวกเจ้าเจอข้าก็ดีแล้ว ถ้าอินทรีป่ามาชิงคน เจ้าอย่าให้เด็ดขาดต่อให้เอาทองพันหนึ่งมาแลกก็ไม่ได้ เข้าใจไหม?”
“ทราบแล้วเจ้านี่ยังเด็กอ่อนอยู่เลย!” บุรุษหยาบกร้านยิ้ม “ตราบใดที่เขาไม่ก่อปัญหา ข้าจะคิดว่าเขาเป็นบรรพบุรุษน้อยจะยอมรอเขาหรือ?”
“หายากนักนะคนตะกละที่ฉลาดอย่างเจ้า!” พยัคฆ์บินโบกมือให้เย่ว์หยางและยิ้มให้ “ข้ายังมีเรื่องต้องทำ ยังไม่มีเวลาคุยกับเจ้าสักช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อข้าว่าง ข้าจะมาร่วมดื่มกับเจ้าแต่ก่อนนั้นเจ้าผิดที่เดินทางร่วมกับพี่น้องเจ้า ข้าเชื่อว่าเจ้าฉลาดพอ และไม่ต้องกวนใจให้ข้าเดือดร้อน!”
เขาส่งสัญญาณว่าสนับสนุนเย่ว์หยางจากนั้นลอยตัวจากไป
กัวกัวและคนอื่นเกลียดที่จะมองเย่ว์หยาง
ที่สถานีต้อนรับผู้เฒ่าเหมารับและให้งานผู้รับจ้างเทพทันที ตอนนี้เมื่อเขาพบกับโจรดวงดาวที่บุกปล้นยานแม่ยังมีหัวหน้าโจรให้ความสำคัญเขาอีก ทำให้คนทั้งอิจฉาและเกลียด ทำไม?คนรุ่นเดียวกันถึงได้ต่างกันมากมายขนาดนี้?
คำตอบของบุรุษหยาบกร้านคือใช้เท้าใหญ่ยันหลังกัวกัวและด่าทอ “ไสหัวไป ข้าไม่อยากรอกลุ่มลูกแกะอย่างเจ้า”
ในทางตรงกันข้ามเขาหันไปยิ้มให้เย่ว์หยาง“ไอ้น้องชาย เจ้ามากับข้าผู้พี่เจ้าจะได้ไม่หลง”
กัวกัวเห็นเช่นนี้เขาแทบกระอักโลหิตทันที