ตอนที่ 1137 เตือนช้า
เขาอยู่ในโลกคัมภีร์ทั้งวัน
ถ้าเย่ว์หยางทำอะไรที่จริงจังผลที่ได้จะมีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง
ตั้งแต่วัสดุที่มีพลังกฎสวรรค์ถูกค้นพบเด็กหนุ่มจากโลกอื่นตื่นตัวทันที แม้ว่าสิ่งนี้จะไม่ใช่สมบัติวิเศษ แต่ถ้าใช้สร้างหุ่นรบ เกราะรบผสานกับวิทยายุทธ์ หรือทำห้องฝึกวิทยายุทธ์เล็กๆ นั่นนับเป็นความคิดที่ดี
ด้วยวิธีนี้คุณชายสามตระกูลเย่ว์จึงตัดห้องออกเหมือนห้องแยกพิเศษของประธานาธิบดียกเว้นบางที่ซึ่งไม่อาจทำได้ เขาใช้วงจักรล้างโลกค่อยๆตัดทีละน้อยไม่มีขีดจำกัดเวลา เย่ว์หยางตัดเปิดตัวถังเรือที่หนาเป็นรูขนาดใหญ่และนำวัสดุออกมาหลายพันชิ้น
“หลังจากประทับตราอักขระรูนวัสดุทำเกราะนี้นับว่าไม่เลว” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสวมเกราะม่วงเข้ม แม้ว่ารูปแบบจะดูโบราณไปบ้างแต่มั่นคงกว่า ปลอดภัยกว่าเกราะรบธรรมจึงอดเอ่ยปากชมมิได้
“เจ้าไม่ได้ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อยเอาแต่ยืนมองดู ข้าเหนื่อยสายตัวแทบขาด!” เย่ว์หยางบ่นและวิจารณ์แม่เสือสาวตรงๆ ที่ไม่มีน้ำใจช่วยงาน
“แล้วมีอะไรที่ข้าจะช่วยเจ้าได้บ้าง?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องการช่วยแต่นี่ไม่ใช่ทักษะพิเศษของนาง
ไม่ว่าจะเป็นการขึ้นรูปวัสดุเพื่อสร้างโครงเกราะหรือประทับตราอักขระรูน
ไม่ใช่พลังของนาง
ความสามารถทั้งสองนี้จัดการโดยเย่ว์หวี่และอู๋เหิน พวกนางช่วยเย่ว์หยาง ถ้าเสวี่ยอู๋เสียอยู่เหมือนเมื่อก่อนนางก็เชี่ยวชาญอักขระรูน และนางจะช่วยเหลือได้เล็กๆ น้อยๆ ได้ไม่ขาด แต่ส่วนใหญ่คนที่สามารถร่วมมือกับเย่ว์หยางก็คือคนที่คลุกคลีค้นคว้าอักขระรูนมาครึ่งชีวิตอย่างหญิงงามอู๋เหิน
อู๋เหินยังไม่พอใจกับสุดยอดเกราะรบเท่าใดนัก นางรู้สึกว่ายังมีพื้นที่เหลือให้ปรับปรุงก้าวหน้าอีกมาก
ตอนนี้มีเวลาน้อยเกินไปทุกอย่างยังทำได้ไม่ดีดังใจ
ถ้านางมีเวลามากกว่านี้หลังจากออกแบบซ้ำและปรับปรุงให้ก้าวหน้า ก็คงจะสมบูรณ์แบบ
สำหรับเกราะรบไม่ใช่ว่าทุกคนจะชอบเหมือนอย่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนนอกจากนี้เย่ว์หยางยังได้สร้างชุดรบจันทราขึ้นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการใช้งานเสริมจะดีกว่าเกราะม่วงที่ค่อนข้างเทอะทะ สำหรับพลังป้องกันเป็นสิ่งที่ทุกคนเพิกเฉย สำหรับเงื่อนไขแรกที่พวกนางชอบคือชุดสวยงามประการที่สองคือการเปลี่ยนแปลง และประการที่สามคือการทำงานเสริมต่างๆ... เช่นเดียวกับเกราะรบสีม่วงเข้ม มันมีรูปร่างเทอะทะไม่มีความสามารถในการเปลี่ยนรูป นอกจากอักขระรูนที่วางลงไปน้อยมาก รูปแบบอักขระรูนที่ใช้งานง่ายมากเกินไปเข้ากันไม่ได้กับเกราะม่วงนี่เองทำให้ผู้ที่ชื่นชอบพากันถอยหนีโดยตรง สำหรับพลังการป้องกันเทียบเท่ากับพลังแข็งแรงของวัตถุเดิมกับพลังกฎสวรรค์ที่ลดแรงโจมตีของศัตรูได้เป็นหมื่นเท่าพวกนางไม่ให้ความสนใจ
พวกนางรู้ถ้าพวกนางใช้ พลังพวกนางจะเหนือกว่าศัตรู
ไม่ว่าพวกนางสวมใส่เกราะแบบใดก็ยากเอาชนะได้
คงเป็นเรื่องดีถ้าได้สวมทับชุดรบจันทรา
ในทางตรงกันข้ามถ้าศัตรูมีความสามารถพลังใกล้เคียงกันเกราะรบม่วงนั่นไม่พ่ายแพ้แน่นอนแต่มันเทอะทะเกินไป ถ้าพวกนางต้องการชนะไม่ใช่เรื่องงง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าศัตรูถอยหนีถ้าต้องการไล่ติดตามเกราะหนักจะกลายเป็นตัวถ่วงชุดรบจันทราใช้ความสามารถเสริมได้ผสานกับยุทธวิธีสู้กับศัตรู
ถ้าพลังไม่ดีเท่ากับที่ตนเองมีแม้ว่าศัตรูจะรวมกันเป็นกลุ่มพวกนางสามารถใช้ชุดรบจันทราก็สามารถจบการต่อสู้ได้ ทำไมต้องสวมเกราะรบม่วงด้วยเล่า?
ยิ่งกว่านั้นเกราะรบจันทราเย่ว์หยางออกแบบตามรูปร่างและความต้องการที่แตกต่างของแต่ละนาง
เพราะทุกคนมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง
เกราะม่วงจะเทียบได้อย่างไร?
ในที่สุดเหตุผลที่สำคัญที่สุดก็คือถ้าบางคนก้าวหน้า ชุดรบจันทราไม่สามารถช่วยให้เจ้าของแสดงพลังได้เต็มร้อย อย่างนั้นเย่ว์หยางก็ต้องดำเนินการปรับปรุงหรือสร้างใหม่ได้ ชุดรบจันทราก็คือชุดรบที่ต้องติดตามความก้าวหน้าที่ทำมาเพื่อคนที่เขารัก นี่เป็นผลิตผลที่จะช่วยดูแลคนที่เขารักอย่างใกล้ชิดส่วนอีกชุดหนึ่งเป็นเกราะรบซึ่งมีพลังป้องกันที่สูงมากแต่ยังไม่มีพื้นที่ให้พัฒนาก้าวหน้า มันดูโง่ หนักไม่มีความมั่นคง เกราะแบบนี้สำหรับทางเลือกของทุกคนไม่จำเป็นต้องรู้เลย
“ถ้าพวกเจ้าไม่ต้องการงั้นข้าจะเอาไปทำหุ่นรบ!” แม้ว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจะทำการสาธิตให้ดู ผลออกมาไม่ได้รับความสนใจผลที่ออกมาทำให้เย่ว์หยางกระทบใจอย่างมาก ผลงานสร้างสรรค์เร่งด่วนหนึ่งวันไม่ได้รับความสนใจช่างน่าเศร้านัก!
“มันน่าเกลียดนิดหน่อยแต่ก็เป็นเกราะรบที่ทำให้ผู้คนสามารถใช้โจมตีด้วยความมั่นใจ” โชคดีที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยังชื่นชมนับว่าสวรรค์ยังมีตา
“นั่นเป็นเจ้า,ทุกคนไม่จำเป็นต้องคิดเหมือนเจ้า”นางเซียนหงส์ฟ้าจะไม่มีทางสวมชุดเกราะเทอะทะแน่นอน
“องค์หญิงไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ เกราะรบแบบนี้ดูดีจริงๆและเข้ากันได้ดีกับดาบเทพพยัคฆราชได้อย่างสมบูรณ์แบบ” ราชันย์ปีศาจใต้แอบปิดปากหัวเราะแม้ว่านางจะไม่ชอบเกราะที่มีพลังป้องกันสูงอย่างนี้ แต่นางไม่ชอบตัดกำลังใจใคร
“เฮอะ.. พวกเจ้าหยิ่งกันทั้งนั้น!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ชอบแนวคิดพวกนางที่รักสวยรักงามจนเกินไป
“แม่เสือสาวหรือว่าเจ้าเป็นคู่สร้างที่เหมาะสมที่สุดของข้า เราจะสร้างชุดคู่รักที่ทำให้พวกนางต้องอิจฉาอกแตก” เย่ว์หยางรีบปลอบใจแม่เสือสาว
“เกราะรบใหม่นี้พี่สามคิดค้นขึ้นเองหรือนี่? พลังดียอดเยี่ยม ดูสง่างาม ข้าอยากจะได้สักชุด!” ฝ่ายสนับสนุนตลอดกาลอย่างเย่ว์ปิงพร้อมโห่ร้องเชียร์พี่ชายนางเสมอนางฝึกฝนอย่างขยันขันแข็งและรอให้การฝึกฝนเสร็จสิ้น เมื่อเห็นว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนสวมเกราะรบสีม่วงนางสนใจทันที นางยังเป็นสาวน้อยความคิดบริสุทธิ์ไม่สนใจรูปลักษณ์ภายนอกหรือให้ความสำคัญกับการแต่งตัวเหมือนผู้ใหญ่
“ปิงเอ๋อว่าง่ายที่สุดแล้ว ข้าจะสร้างชุดที่สวยที่สุดให้เจ้า!” เย่ว์หยางมีความสุขถามอี้หนานและปิงเอ๋อพร้อมกัน “เจ้าล่ะ, ต้องการสักชุดด้วยไหม?”
“ข้าไม่เอา” อี้หนานยังรักษามาตรฐานความงามเหมือนกัน นางปฏิเสธทันที
“ปฏิเสธตรงเกินไปแล้ว เศร้าเหลือเกิน” เย่ว์หยางพูดไม่ออก
“ฮะฮะฮะ...” นางเซียนหงส์ฟ้าหรือจักรพรรดินีเทียนฟาหัวเราะชอบใจ อาจเป็นเพราะบางคนเห็นผลงานสร้างของเย่ว์หยางหัวหน้าลี่เยี่ยนผู้ไม่ค่อยมีส่วนร่วมสนทนาได้เสนอขอรับหนึ่งชุด นอกจากนี้เพราะนางรับหน้าที่เป็นองครักษ์ของสาวเจ้าแคว้นมรกตไป๋ลู่นางจึงขอรับได้หนึ่งชุดอยู่แล้ว
“พอเถอะ เจ้าไม่ได้ไปรบยังจะต้องใส่เกราะทำไม” จุ้ยมาวอี้ยืนขึ้นสนับสนุนสามี และขอชุดเล็กเผื่อหนูน้อยแพนด้าหนิวหนิวนางขอให้อู๋เหินช่วยออกแบบชุดแม่ลูกนักรบแล้ว
หลังจากเสียงถกเถียงเอะอะชั่วขณะ
ในที่สุดก็มีการตัดสินว่าเกราะรบพลังป้องกันสูงเย่ว์หยางตั้งชื่อว่าเกราะรบเต่าดำมีแม่เสือสาวพยัคฆ์ขาวเชี่ยนเชี่ยนสาวน้อยเย่ว์ปิงที่คอยสนับสนุนเขารู้สึกดีใจ นอกจากนี้มีแต่หัวหน้าลี่เยี่ยนคนเดียวที่ตัวใหญ่เกินกว่าจะสวมชุดรบจันทราและนางรู้สึกอึดอัดใจและนางต้องการเกราะรบเต่าดำจริงๆ และหลังจากคิดอยู่นาน เกราะรบเต่าดำดูจะเหมาะกับรูปแบบการรบของจุ้ยมาวอี้
หลังทำงานอย่างหนักเขาไม่เผื่อชุดของตนเอง มีคำขอมาห้าชุด
เย่ว์หยางคิดอยู่พักหนึ่งและตัดสินใจมอบให้อาหมันที่ยังไม่กลับจากโลกคัมภีร์เทพ
ยังมีวัสดุเหลืออีกมากและเย่ว์หยางใช้สร้างหุ่นรบชื่อมังกรเก้าหัวสูงสิบเมตร และพบว่ายังมีเหลืออีกหลายชิ้น แต่ไม่เพียงพอใช้สร้างเวทีต่อสู้แต่มากพอเอาไว้ใช้ฝึกซ้อม
เมื่อเหยียบลงบนแผ่นนี้แล้วพลังจะตกลงไปถึงร้อยเท่า
สำหรับเด็กสาวอย่างเย่ว์ปิงการฝึกฝนเช่นนี้ทำให้นางก้าวหน้าได้เร็วเหมือนพยัคฆ์ติดปีกแค่ต้องการสภาพแวดล้อมฝึกปรือที่เหมาะสม
เมื่อได้วัสดุม่วงเอามาใช้ปูพื้นจึงกลายเป็นจุดฝึกปรือเล็กๆเย่ว์หยางพบว่าเขาอยู่ในโลกคัมภีร์สองวันโดยไม่รู้ตัวและไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอก
รอจนเย่ว์หยางปล่อยหนูเบญจธาตุค้นสมบัติออกมาที่ห้องโดยสารอยู่นานจึงค่อยเปิดประตูออกมา
เมื่อมองดูไกลๆเขาพบว่ากัวกัวหน้าเข้มยิ่งกว่าก้นหม้อดำ
“เจ้าไปตายอยู่ที่ไหนมาสองวัน? ผู้เฒ่าเคาะประตูเจ้าก็ไม่ตอบ ถ้าผู้เฒ่าไม่ห้ามข้าไว้ข้าคิดว่าเจ้าตายแล้วข้าจะเรียกทหารให้เปิดห้องบุกเข้าไปแล้ว!” กัวกัวอารมณ์ไม่ดีเพราะเล่นพนันเสียเงิน ในช่วงสองวันนี้ เขาสูญเสียเงินไปมากที่โต๊ะพนันในงานรื่นเริงสุดท้ายหิ้วสาวมาได้คนหนึ่งอย่างยากลำบาก เล่นตอนแรกเขาไม่ได้หวังจะได้เดิมพันแต่เขาแพ้หลังจากชนะครั้งแรกนึกย้อนกลับไปแล้วเห็นสตรีในอ้อมแขนตนเองโผเข้าอ้อมกอดคนอื่น เจ็บปวดใจจริงๆ
“ถึงอาณาจักรที่หมายแล้วหรือ?” เย่ว์หยางมองดูนอกหน้าต่างยานโดยสารเขาเห็นแต่เมฆเต็มไปหมด
“ยังไม่ถึง ยานกระทุงดูเหมือนจะเปลี่ยนเส้นทางเล็กน้อยจะไปหยุดที่เมืองวารีขาวและยังอยู่ในเส้นทางอยู่ แต่ผู้เฒ่าให้เจ้าเตรียมตัวข้าเชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นานในการกลับอาณาจักร อย่านอนหลับเป็นตายเหมือนหมูอีกเล่า!” กัวกัวเล่นพนันพยายามให้ได้เงินคืนในช่วงสองวันนี้ไม่ได้ให้ความสนใจภายนอกไม่รู้ว่ายานแม่กระทุงบินถึงที่ใด
วู้ววววว...
เสียงหวูดประหลาดดังออกมาจากส่วนลึกของเรือ
เสียงเล็กเกินไป และถ้าไม่ใช่เย่ว์หยางหูไวเป็นไปไม่ได้ที่จะตัดสินถึงแหล่งที่มาของเสียง
เสียงแตร
คลุมเครือ
สิ่งที่น่าแปลกใจก็คือเสียงแตรดังขึ้นไม่กี่วินาทีจากนั้นก็หยุด และในที่สุดเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
กัวกัวตั้งใจฟังและสีหน้าของเขางงงวย “เสียงที่เพิ่งได้ยินตอนนี้เป็นไซเรนหรือเปล่า? มีคนบุกรุกขึ้นยานแม่กระทุง? เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?หรือว่ามีความเข้าใจผิดพลาด ยานแม่คือยานรบ จะถูกบุกรุกได้อย่างไร”
เย่ว์หยางฟังในใจ อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านเป็นผ่านตายมาหลายครั้งเขาดูไม่เหมือนเดิม เขากลับยิ้มและถาม “มีสัญญาณเตือนภัยแล้ว เราจะทำอะไรได้บ้าง?”
กัวกัวร้อนรนและโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า“ต้องเป็นเท็จ ต้องไม่ใช่ความจริง สิ่งที่เจ้าต้องทำคือไม่ทำอะไร กลับไปตายซะ! อา.. ข้าเหนื่อยเล็กน้อย ข้าจะกลับไปนอนก่อนหลังจากนั้นข้าคงถูกฆ่าไปแล้ว
สัญญาณเตือนภัยดังแล้วไม่จัดการเอาแต่เกียจคร้าน
อย่างไรก็ตามไม่ใช่เรื่องสำคัญของเขา
เย่ว์หยางรับเอาทัศนคติว่าไม่เกี่ยวข้องตนเอง ไม่ต้องวางตัวสูง เขากลับไปที่ห้องของเขาเพื่อพักผ่อนต่อตราบเท่าที่ศัตรูไม่พังประตูเข้ามา
กลับไปที่โลกคัมภีร์พักผ่อนอาบน้ำกับสาวงามโล่วฮัว หลังจากพักเต็มที่สองชั่วโมงเขาออกมาพร้อมกับความสดชื่นและอ่านหนังสือไปได้ยังไม่ถึงสองหน้า สัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้นและเสียงดังมากจนเรือสั่นสะเทือน จากนั้นชั่วครู่กัวกัวตบประตูร้องดังลั่น “ลุกขึ้น! มีคนบุกรุกยานแม่นกกระทุง สัญญาณเตือนภัยดังขึ้นบนเรือแล้ว!”
เย่ว์หยางค่อยๆ ปิดหนังสือและยักไหล่แม้ว่าสัญญาณเตือนภัยจะดัง เกรงว่าจะพลาดเวลาที่ดีที่สุดไป
สองชั่วโมงก่อนถ้าพวกเขาระมัดระวังมากกว่านี้สถานการณ์ก็ยังพอกอบกู้ได้
ตอนนี้
สายเกินไป!