ตอนที่ 1136 วัสดุลึกลับที่ทำลายไม่ได้
วันต่อมา
เย่ว์หยางกับเฒ่าเหมาตามหลังกองทหารชายแดนกลับไปเมืองหลวงหลังจากผลัดเปลี่ยนกองกำลังและขึ้นเครื่องบินขนาดเล็กขึ้นไปเทียบยานเหาะยกปกคลุมด้วยสีม่วงเข้มรูปร่างเหมือนกระสวยบิน ยาวสองกิโลเมตรกว้างห้าร้อยเมตรและสูงสามร้อยเมตรยานยักษ์ใหญ่ที่บินได้นี้เรียกว่าเจ้านกกระทุงไม่มีเรือเหาะลำใดที่เย่ว์หยางเคยโดยสารใดเทียบได้ต่อให้เอามาเทียบก็คงมีขนาดเล็กไม่ต่างกับยุง
อากาศยานนี้กล่าวกันว่าสามารถรองรับกองกำลังชายแดนนับหมื่นได้สบายๆ เรื่องนี้เฒ่าเหมาได้เล่าไว้ก่อนนั้น
ความจริงนี่คือยานรบมีทั้งพลังป้องกันและพลังโจมตีที่ยอดเยี่ยม
ใช้พลังงานจากศิลาศักดิ์สิทธิ์
พลังไม่เคยหมด
มีบันทึกไว้ว่า
เนื่องจากสองเทพผู้ยิ่งใหญ่เทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกได้พัฒนาและผลิตยานบินไม่มีอากาศยานบินใดถูกยิงตกในสนามรบ
แม้แต่เทพทั้งสองเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกก็ตายไปแล้ว
อย่างไรก็ตามยานรบที่สร้างโดยเทพทั้งสองไม่เคยถูกบันทึกไว้เลยว่าได้รับความเสียหายจากสงคราม
ยานรบเป็นสัญลักษณ์พลังอำนาจของอาณาจักรเทพ ตัวอย่างอาณาจักรเทพบูรพาและเทพประจิมที่ทรงพลังที่สุดในแปดอาณาจักรเทพพวกเขามียานบินรบทั้งหมดมากกว่าห้าสิบลำ ทั้งสองอาณาจักรสร้างยานขนาดใหญ่มหึมาเป็นอากาศยานชั้นจักรพรรดิยาวมากกว่าสิบกิโลเมตรกว้างสองกิโลเมตร สูงที่สุดหนึ่งกิโลเมตรและห้องโดยสารสามารถรองรับผู้โดยสารได้มากว่าห้าแสนคน แน่นอนว่าเจ้าอากาศเมื่อปรากฏตัวขึ้นศัตรูล้วนสั่นกลัว
พลังอำนาจของอาณาจักรเทพอาคเนย์ยังด้อยกว่าอาณาจักรเทพบูรพาและเทพประจิม
ไม่มีอากาศยานชั้นจักรพรรดิและมีอากาศยานรบไม่ถึงสิบลำ
วันนี้เย่ว์หยางโดยสารยาน‘นกกระทุง’เป็นยานขนส่งทางอากาศดีที่สุดในห้าลำของอาณาจักรเทพอาคเนย์ใช้งานมายังไม่ถึงสองปียังคงเป็นยานใหม่
“นอกจากทหารประจำชายแดนแล้วทำไมมีพ่อค้าและสินค้ามากมายเย่ว์หยางพบว่าด้านหลังของเขามีพ่อค้านักธุรกิจประมาณหมื่นคนขึ้นโดยสารเรือเหาะและขนส่งสินค้าที่กองพะเนินอยู่ใต้เรือ เห็นได้ชัดว่าเรือนกกระทุงนี้ ไม่ใช่แค่ใช้ขนส่งทหารเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่ายังต้องการทำธุรกิจหารายได้อีกด้วย
“ไม่มีสงครามมานานแล้ว แปดอาณาจักรเทพค่อนข้างจะมั่นคงมีเสถียรภาพอาจมีเหตุการณ์เกิดขึ้นบ้างเล็กน้อยแต่เป็นไปไม่ได้ที่การใช้อาวุธยานแม่จะถูกระงับ ยานรบกล่าวโดยทั่วไปถูกใช้เพื่อปกป้องประเทศและโจรล่มสวรรค์และโจรดวงดาวผู้โลภหากเจ้าไม่จำเป็นต้องป้องกันชายแดนหรือเข้าสู่วงแหวนอุกกาบาตเพื่อไล่ล่าโจรล่มสวรรค์อย่างนั้นยานแม่นี้ส่วนใหญ่จะใช้ในการเดินทางและขนส่งสินค้าบางส่วน เพื่อลดภาระกดดันทางเศรษฐกิจที่รุนแรงภายในอาณาจักรเทพ เจ้าคงไม่รู้หรอกว่าต้องใช้เงินมากมายเพียงไหนเหมือนกับหลุมลึกไม่มีก้นเฮ้อ...” เนื่องจากเฒ่าเหมาให้ความสนใจผู้มาใหม่อย่างเย่ว์หยาง เขาจึงบอกทุกอย่างที่เขารู้
“ฮึ...”กัวกัวทำเป็นมองไม่เห็น ไม่รู้จักสายการบินขนส่ง บ้านนอกจริงๆ
“มีคนมากมายขึ้นมาบนเรือจะเป็นยังไงถ้ามีโจรดวงดาวปะปนเข้ามาหรือลอบสอดแนม?” เย่ว์หยางขมวดคิ้วทันที และรู้สึกประหลาดใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าเป็นไปไม่ได้!” กัวกัวเห็นว่าเย่ว์หยางไม่มีความเข้าใจ เขาหัวเราะอย่างมีความสุขที่อธิบายไม่ได้ทันที ต่อให้โจรล่มสวรรค์รวมตัวกันขึ้นมาบนยานจริงๆจะเกิดอะไรขึ้น? พวกเขาต้องการปล้นเรือหรือเปล่า? นั่นมีแต่เดินเข้ามาติดกับดัก บนเรือมีทหารฝีมือดีเกินกว่าสามพันคนนอกจากนี้ยังมีกองทหารชายแดนอีกหลายพันคน โจรล่มสวรรค์จะต้องรวบรวมคนกี่คนถึงจะยึดเรือได้? นอกจากนี้ในระยะหมื่นก้าว โจรล่มสวรรค์จะเปิดโจมตียานเหาะหรือ?เป็นไปไม่ได้ที่จะทำเช่นนั้น นี่ไม่ใช่เรือสำเภาเล็ก ต้องผ่านการฝึกฝนอย่างมืออาชีพ มีการเรียนรู้เพื่อฝึกฝนทักษะในการขับเคลื่อนนั่นไม่ใช่ว่าแค่คนหลักสิบก็สามารถทำได้ เฉพาะกำหนดจำนวนลูกเรือมาตรฐานในห้องควบคุมก็มีเกิน 200 คนยังไม่รวมถึงพนักงานซ่อมบำรุงและพนักงานส่วนอื่น คุณชายเบาใจได้ ตั้งแต่มีการสร้างยานแม่ขนาดใหญ่ขึ้นมา ยานแม่ไม่เคยถูกยึดจากข้างนอกไม่มีใครทำได้สำเร็จ! ยานแม่เหล่านี้ไม่มีทางถูกโจรปล้นแน่นอน คนพวกนี้ดีแต่ทำลาย พวกเขาไม่มีทางเข้าใจว่าวิทยาการคืออะไร”
“ควรระวังเอาไว้ดีกว่า” เย่ว์หยางสังเกตว่ามีคนที่นั่งดื่มเหล้าอยู่ที่มุมห้องเมื่อวานนี้ยังคงขึ้นเรือโดยสารมาด้วยจึงอดเตือนเขาอีกครั้งไม่ได้
“เฮอะ”กัวกัวไม่พูดอะไรต่อ แต่สีหน้าของเขารู้สึกได้ถึงความกลัวที่ไร้เหตุผล
“การระวังตัวไว้เสมอเป็นเรื่องดี” เฒ่าเหมาไม่ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ใส่ใจด้วยเช่นกัน
หลังจากผ่านการยืนยันสถานะบุคคลจากอาศยานที่ลงจอดและรออยู่นั้นทหารประจำชายแดนก็นำขึ้นยาน ‘นกกระทุง’ ขนาดมหึมาซึ่งยากจะเห็นได้ในตอนแรก
เย่ว์หยางหันหลังกลับไปมองขณะที่เขาก้าวขึ้นยานแม่
เขาพบว่าพ่อค้าขึ้นยานในตำแหน่งแตกต่างกันเล็กน้อย
คาดว่าก็คงแบ่งชั้นเหมือนเครื่องบินโดยสารเป็นชั้นหนึ่งชั้นธุรกิจและชั้นประหยัด
เขาติดตามเฒ่าเหมาเข้าไปในยานยักษ์แล้วขึ้นรถรางที่เลื่อนไปมาภายในยานแม่เหมือนกับการขึ้นลิฟท์และรถไฟเหาะตีลังกา รถรางนำมาถึงชั้นบนของยานแม่ แม้ว่าจะไม่ใช่ห้องโดยสารระดับอัญมณี,ระดับราชวงศ์หรือระดับเทพเจ้า แต่สำหรับสถานะของเฒ่าเหมากลับได้โดยสารในห้องมุกดาที่หรูหรารองจากระดับขุนพลเทพเท่านั้น
การออกแบบตกแต่งภายในห้องมุกดาเทียบได้กับห้องพักประธานาธิบดี
เย่ว์หยางเยียบย่างบนพื้นที่ปูด้วยหนังหมีขาว เขารู้สึกว่าผู้คนในอาณาจักรเทพอาคเนย์มีรสนิยมเลิศหรู ถ้าเป็นเรือสำราญธรรมดาย่อมไม่มีปัญหา แต่ยานรบก็ยังปรับโครงสร้างจนเป็นแบบนี้ เขาไม่รู้ว่าจะประเมินอย่างไรดี!
เฒ่าเหมาได้รับเชิญจากผู้บัญชาการทหารชายแดนให้เข้างานเลี้ยง และสั่งกัวกัวสองสามคำให้เขาช่วยดูแลเด็กใหม่อย่างเย่ว์หยางจากนั้นจึงออกไป
กัวกัวนั้นแตกต่างจากคนใช้ผู้ซื่อสัตย์อื่นๆหลายคน เขาไม่ต้องการให้เพิกเฉยต่อเย่ว์หยาง
แต่ขณะเจ้านายอยู่ใกล้ๆเขาต้องรอและสำรวมตัวเองอย่างมาก
เมื่อเฒ่าเหมาออกไปแล้วเขาไม่สามารถนั่งอยู่ได้
“เจ้าจะไม่ไปจัตุรัสนักรบหรือ? อาจมีงานเลี้ยงฉลองที่นั่นก็ได้ ถ้าเจ้าไม่เคยเห็น ข้าจะพาเจ้าไปดูก็ได้” กัวกัวมองดูเย่ว์หยางด้วยความรู้สึกว่าตนเองเหนือกว่าและเขาพูดทำนองว่าพวกนักเลงบ้านนอก จงให้เกียรติเขาทำนองนี้!
“ขอบคุณ! ข้าไม่อยากไป” เย่ว์หยางยิ้ม กัวกัวต้องการหาข้ออ้างไปงานเลี้ยงรื่นเริงเพื่อหยอกล้อเย้ยหยันเขาด้วยความเจ้าเล่ห์ เขาจะไม่รู้ความเจ้าเล่ห์ของเจ้าเด็กนี่ได้ยังไง แต่ตอนนี้เขาอยากอยู่เฉยๆและใช้เวลาค้นคว้าดูการทำงานของยานแม่
“ไม่เท่าไหร่”สีหน้าของกัวกัวแสดงให้เห็นถึงการยั่วยุนักเลงบ้านนอกขี้อาย น่าเสียดายเย่ว์หยางไม่ใส่ใจสีหน้าของเขาและไม่ต้องการเสียเวลา
หลังจากส่งกัวกัวคนขี้อิจฉาออกไปแล้ว
เย่ว์หยางกลับไปที่ห้องและขังตัวทันที
จากนั้นใช้สนามพลังสร้างโลกและมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบด้วยตาทิพย์ที่แข็งแกร่งที่สุด
การสังเกตอย่างระมัดระวังยิ่งทำให้เย่ว์หยางรู้สึกแปลกใหม่มากขึ้นยานแม่ ‘นกกระทุง’ นี้สร้างจากวัสดุที่พิเศษมากตัวถังขนาดใหญ่ถูกรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ยกเว้นสิ่งปะปนที่มีน้อยมากไม่ใช่ทองคำ เหล็กและหิน เขาไม่รู้ว่าตัวถังขนาดใหญ่นี้ถูกหลอมขึ้นมาได้อย่างไร สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกแปลกก็คือวัสดุในการต่อยานนี้แฝงไปด้วยพลังกฎสวรรค์เล็กน้อยซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะตรวจจับอย่างผิวเผิน แต่ในความเป็นจริงสิ่งมีชีวิตทุกอย่างที่ก้าวขึ้นยืนแม่ พลังจะอ่อนแอลงเป็นร้อยเท่า
เพราะการมีอยู่ของกฎสวรรค์ชนิดนี้ จึงไม่มีพลังใดทำลายยานแม่ได้
ต้องการจะทำลายเรือรบยักษ์นี้
เว้นแต่เป็นเทพเจ้า
เย่ว์หยางขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ถ้าในหุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขามีวัสดุที่แฝงพลังกฎสวรรค์เช่นนี้ จะมีความเข้มแข็งได้ขนาดไหน?ความหมายที่แท้จริงของหุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขาจะหักล้างกันเองหรือทั้งสองนี้มีความสัมพันธ์กันแน่? วัสดุที่ไม่สามารถทำลายนี้ได้มาจากไหน?
บางทีวัสดุที่แฝงไปด้วยพลังกฎสวรรค์นี้อาจเกี่ยวข้องกับโบราณวัตถุที่มีจิตสำนึกลึกลับซึ่งเขากำลังตามหาก็ได้
การทำลายหุบเขาโลกธาตุคือเป้าหมายที่แท้จริง ความคงอยู่ของวัสดุนี้เป็นการละเมิดเจตจำนงโบราณอย่างสมบูรณ์
นี่อาจเป็นสาเหตุการตายของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกก็ได้...เย่ว์หยางคิดอยู่นานและรู้สึกว่า เขาเข้าใจถูกทิศทางแล้วแต่สถานการณ์โดยรวมยังค่อนข้างคลุมเครือ เขาได้แต่รอเวลาช่วยเสริม ในขณะที่ไม่มีใครรบกวน เย่ว์หยางใช้สนามพลังสร้างโลก เขาพยายามลองตัดตัวถังเรือด้วยวงจักรล้างโลกที่สามารถทำลายได้ทุกอย่างและพบว่าแม้แต่ร่างเทพก็ยังถูกวงจักรล้างโลกตัดได้แต่ตัวถังเรือรบนี้เกิดรอยร้าวเพียงเล็กน้อย เขาอดประหลาดใจไม่ได้
ได้ผลลัพธ์นี้เย่ว์หยางสามารถตัดสินได้ทันที
ตัวถังของยานแม่มีพลังกฎสวรรค์กระจายออกช่วยลดพลังโจมตีถึงร้อยเท่า อย่างไรก็ตามตัวถังของยานแม่ป้องกันพลังโจมตีได้เกือบหมื่นเท่า
มิน่าเล่าเฒ่าเหมาและกัวกัวถึงได้วางใจเจ้า‘นกกระทุง’ ว่าเป็นยานรบที่ไม่มีสิ่งใดทำลายได้
มันยากที่เย่ว์หยางจะตัดทำลายตัวถังยานอีกต่อไป
เขากลับไปที่โลกคัมภีร์
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและนางเซียนหงส์ฟ้าพวกนางมองดูเศษวัสดุที่แข็งแกร่งเหลือเชื่อนี้ ที่ไม่มีพลังเทพใดสามารถทำลายได้!
“มันถูกใช้สร้างเป็นยานรบขนาดใหญ่พิสูจน์ว่าหุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขามีวัสดุนี้มากมาย” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้ดาบเทพพยัคฆราชตัดได้ชิ้นส่วนเพียงเล็กน้อยนางขมวดคิ้วและส่ายหน้ากล่าว “เป็นวัสดุที่แข็งแกร่งมากมีพลังกฎสวรรค์โดยธรรมชาติที่พลังภายนอกไม่สามารถทำลายได้ พวกมันถูกใช้ในการสร้างเรือรบขนาดใหญ่ได้อย่างไร?”
“ต่อให้เป็นเทพก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างยานแม่ขนาดสองกิโลเมตรนี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความคิดสร้างสรรค์ แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะควบคุมหินที่มีพลังกฎสวรรค์อย่างนี้” นางเซียนหงส์ฟ้ายังคงรู้สึกว่าต้องมีข้อเท็จจริงที่แฝงอยู่แน่นอน
“เกี่ยวข้องกับโบราณวัตถุหรือเปล่า?” เย่ว์หวี่คาดการณ์ในทิศทางเดียวกับเย่ว์หยาง
“ตอนนี้ข้ายังไม่แน่ใจแต่ส่วนใหญ่คงเกี่ยวข้องกับโบราณวัตถุรวมทั้งการตายของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือก” เจ้าเมืองโล่วฮัวคิดเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “ก่อนที่เทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือก เทพแท้ทั้งสองจะตายต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่ มิฉะนั้นคงไม่เกิดแปดอาณาจักรเทพใหญ่ในตอนนี้แน่ การทำลายความหมายที่แท้จริงของหุบเขาโลกธาตุนี้ภายใต้วัสดุนี้อาจมีแนวโน้มให้จิตสำนึกลึกลับของบรรพบุรุษรุ่นก่อนช่วยให้เจ้าดึงเอาโบราณวัตถุกลับสู่แนวทางเดิมของหุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขามิให้แตกแยกกัน เมื่อเทียบกับเทพปีศาจในหุบเขามนุษย์ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในหุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขาจะเป็นอันตรายมากกว่ามิฉะนั้นบรรพบุรุษท่านนั้นคงไม่รีบส่งเจ้ามาที่นี่อย่างรีบด่วนเป็นแน่”
“เทพปีศาจตนเดียวก็ปวดหัวพออยู่แล้ว นี่เขาต้องการให้ข้าสู้กับแปดเทพเชียวหรือ?” เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อตก
“นั่นแตกต่างกัน ในหุบเขามนุษย์ เจ้าไม่สามารถทำอะไรได้” ราชันย์ปีศาจใต้ยิ้มกล่าว “แต่ในหุบเขาโลกธาตุ เจ้าไม่ถูกจำกัดพลังอีกต่อไป แค่เพียงอ่อนแอกว่าเดิมร้อยเท่า!”
“อ่อนแอร้อยเท่าแค่นั้นยังไม่พออีกหรือ?” เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อพรั่งพรูไม่ต้องพูดถึงเลยว่าขนาดยอดฝีมือพลังหายไปสิบเท่าก็รู้สึกทรมานแทบตาย นี่อ่อนแอลงร้อยเท่า แต่ต้องต่อกรถึงแปดเทพถ้าไม่ถูกทุบก็คงแปลกไปแล้ว ที่แย่ที่สุดก็คืออีกฝ่ายไม่ใช่มนุษย์ แต่ดันเป็นเทพ! แม้ว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะบอกว่าเทพเทียมมีพลังน้อยกว่าเทพแท้มาก แต่นั่นก็คือนักสู้ระดับเทพอยู่ดี!
“เสี่ยวซาน เจ้าต้องระวังให้ดีถ้าไม่ไหวยังไง เราจะช่วยเจ้า”คนที่รู้สึกเจ็บปวดที่สุดแทนเย่ว์หยางก็คือเย่ว์หวี่พี่สาวเขานี่แหละ
“พี่สามสู้ๆ!” คนที่เชื่อใจเขาอยู่เสมอก็คือเย่ว์ปิง สาวน้อยคนนี้เทิดทูนบูชาพี่ชายยิ่งกว่าใคร
ในใจนางรู้สึกว่าพี่ชายของนางไร้เทียมทานตลอดกาล
เขาคือเทพสงครามที่เหลือเชื่อ!
เย่ว์หยางปัดผมที่ปรกหน้าผากนางและพยักหน้าตอบรับในทางบวก ไม่มีเพียงแต่เพื่อนางเท่านั้นแต่เพื่อทุกคน เพื่อปิงเอ๋อและแม่และน้องน้อยที่รอเขากลับมาที่หอทงเทียน พวกนางตั้งความหวังไว้สูง จักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนที่ตั้งใจไปให้ถึงล้านขั้นบันไดสวรรค์ ศึกนี้สู้ได้ยาก มันหนักหนาสาหัสเหลือเกิน!