ตอนที่ 1135 เมืองชายแดน ความลับ โจรล่มสวรรค์
กลับมาที่โลกคัมภีร์ เย่ว์หยาง องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเย่ว์หวี่ประชุมรวมตัวกันอยู่นานก็กลับไปพักผ่อน ก่อนที่จะออกไปห้องรับรอง
สำหรับประสบการณ์ที่แปลกประหลาดของเย่ว์หยางเย่ว์หวี่และองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกตกตะลึงและยินดีกับเขา
พวกตั่วตั่วฝึกฝนยังไม่กลับ และเสวี่ยอู๋เสียยังไม่ตื่น
ทุกคนต้องเก็บเรื่องปัญหาระดับเทพไว้ชั่วคราว
ในใจของเย่ว์หยางเขาหวังว่าจะได้เห็นเทพธิดากระบี่ฟ้าอีกครั้ง ในโลกในใจของเขา เขามักจะได้รับคำแนะนำที่ดีที่สุดจากนาง อย่างไรก็ตามหลังจากที่เขาเข้าสู่โลกแห่งความฝัน เขาพบแต่เพียงพี่สาวที่เคยสอนพลังยุทธ์ให้เขาแต่ไม่มีวี่แววของเทพธิดากระบี่ฟ้า
เทพธิดากระบี่ฟ้าไม่ใช่ว่าเขาจะพบเจอได้ง่าย
ตราบเท่าที่อยู่ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดคับขันที่สุดนางจึงปรากฏออกมาชี้แนะ
เขารออย่างอดทนตอนนี้ไม่รีบร้อน นานๆครั้งเทพธิดากระบี่ฟ้าจะออกมาทดสอบเขา และเขาค่อยถามถึงขอบเขตระดับเทพกับนางเย่ว์หยางผ่านด่านโลกไม่รู้จบในคัมภีร์เงิน เขาตระหนักรู้ถึงการสร้าง ทำลายและความนิรันดร์ แม้ว่าเขาจะถูกโยนมาที่ขุนเขาเหนือขุนในหุบเขาโลกธาตุไม่มีทางหรือเส้นทางกลับไปยังหุบเขามนุษย์ได้ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ไม่ส่งผลต่ออารมณ์ดีของเขาในปัจจุบัน
เขาผิวปากและลุกขึ้นจากเตียงช้าๆ
บิดขี้เกียจ
ไม่สนใจกัวกัวที่กำลังเขย่าประตูอยู่ข้างนอกก่อนจะเปิดประตู
ทันทีที่เปิดประตูเขาเห็นหน้าของกัวกัวกระด้างยิ่งกว่าโลงศพ “ข้าคิดว่าเจ้าตายอยู่ข้างในแล้วเสียอีก? ข้าเรียกเจ้าตั้งนาน ทำไมเจ้าไม่ตอบ?”
เย่ว์หยางแสร้งทำหน้าประหลาดใจ แต่การแสดงออกของเขาแย่ยิ่งกว่านักแสดงและทำหน้าผิดหวัง “เจ้าเพิ่งเรียกข้าหรือ? ข้าไม่เห็นได้ยินเลย! ขอโทษด้วย, ข้าไม่ได้ยินจริงๆ,เจ้ามีอะไรหรือเปล่า?”
กัวกัวอยากจะรื้อประตูกับมือออกมาฟาดเจ้าเด็กนี่นัก
มันยากจะทนได้จริงๆ “ท่านผู้เฒ่าขอให้เจ้าเตรียมตัว เราจำเป็นต้องออกเดินทางไปอาณาจักรเทพอาคเนย์ทันที!”
เฒ่าเหมาเป็นลมเมื่อวานนี้หลังจากตื่นขึ้นมาพบว่าตนเองงงงวย ดูเหมือนจะมีบางอย่างที่สำคัญมากที่เขาจำไม่ได้ แต่เขาคิดอะไรไม่ออกจึงรู้สึกกระสับกระส่าย เขานั่งสิ้นหวังอยู่นานก็ไม่สามารถค้นพบความทรงจำที่หายไป แต่ถึงแม้ร่างกายของเขาจะปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายดูไม่เหมือนกับว่าถูกโจมตี แต่เรื่องที่แปลกก็คือความทรงจำที่หายไป ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ
หลังจากกลับไปที่สถานีต้อนรับ เฒ่าเหมาพบว่าความทรงจำของเขาดูเหมือนไม่มีปัญหา
ความทรงจำเกี่ยวกับคนใหม่แปลกประหลาดที่เพิ่งได้รับแนะนำให้รู้จักไม่ได้หายไปจากความคิดของเขา
เฒ่าเหมาสงสัยจริงๆ ว่าเขาไม่ได้สูญเสียความทรงจำ แต่เขาไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมเขาถึงเป็นลมอยู่บนพื้น และยิ่งกว่านั้นเขาไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่น่าอึดอัดเพราะความจำส่วนหนึ่งของเขาหายไป
เขานั่งคิดทั้งคืน
เฒ่าเหมาก็ยังหาคำตอบไม่ได้จึงตัดสินใจยุติงานรับสมัครและกลับอาณาจักรเทพอาคเนย์ล่วงหน้า
เพียงแต่เมื่อกลับดินแดนของตนเองความไม่สบายใจอาจจะลดลงได้บ้าง... เฒ่าเหมาลุกขึ้นแต่เช้าตรู่สั่งกัวกัวและบริวารอีกหลายคนให้เตรียมตัวเดินทางกลับ สำหรับเย่ว์หยางผู้มาใหม่ประหลาดเฒ่าเหมามีความสงสัยเล็กน้อย คาดว่าจะมีสุดยอดฝีมือผู้ทรงอำนาจหนุนหลังเย่ว์ไตตันเป็นเรื่องน่ากลัวอย่างช่วยไม่ได้
การเดินทางกลับนั้นปลอดภัย แต่เฒ่าเหมายังคงระมัดระวัง
จนกระทั่งเข้าสู่ชายแดนของอาณาจักรเทพอาคเนย์ เขาเข้าไปที่ป้อมปราการชายแดน
จากนั้นลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“หมดวันแล้ว เราจะเดินทางต่อวันพรุ่งนี้ และทหารชายแดนจะมาเปลี่ยนผลัดทหารที่ปฏิบัติหน้าที่เสร็จจะกลับประเทศ เจ้าสามารถเดินเที่ยวรอบเมืองชายแดนซื้อหาสิ่งของใช้ในชีวิตของเจ้าได้ แต่เจ้าต้องไม่สร้างปัญหา” เฒ่าเหมาและขุนพลเทพที่ประจำการเมืองป้อมปราการจะคุ้นเคยกันมาก่อนเพราะเคยไปงานเลี้ยงในวังด้วยกัน
“ขอรับ, โปรดวางใจ” กัวกัวรีบรับคำอย่างแข็งขัน ขณะที่เขาถลึงตามองเย่ว์หยาง
“เงินผลึกสวรรค์สามารถใช้ที่นี่ได้ไหม?” เย่ว์หยางไม่ได้ชายตามองเฒ่าเหมายื่นส่งถุงเงินขนาดเล็กให้เขา เขาเปิดดูพบว่ามีเงินมากกว่าสิบผลึกสวรรค์ก็รู้สึกดีใจ สำหรับเย่ว์หยางสมบัติอื่นมีไม่มากนัก แต่เงินผลึกสวรรค์เขามีมากแม้ว่าดูเหมือนว่าจะมาถึงหุบเขาโลกธาตุ แต่ก็คงไม่ต้องดิ้นรนทำงานหนักมากนัก
“มันโชคดีเป็นบ้า!” กัวกัวไม่กล้าบ่นเรื่องที่เฒ่าเหมามอบของขวัญให้เย่ว์หยางแต่เขารู้สึกไม่พอใจ
ต้องรู้ว่ากระเป๋าเล็กที่บรรจุเงินผลึกสวรรค์นั่นคือเงินเดือนครึ่งปีของเขา
ตอนนี้กลับมอบให้เจ้าเด็กหน้าขาว
เขาไม่ยอมขอบคุณสักคำ
ก่อนเดินออกมาเฒ่าเหมาเห็นสีหน้าอารมณ์ของเขาจึงกังวลเล็กน้อย เขาให้รางวัลทุกคนๆ ละสามผลึกสวรรค์ อย่างไรก็ตาม กัวกัวเป็นคนสนิทของเขา แต่เขาไม่ต้องการให้เกิดช่องว่างระหว่างเจ้านายกับผู้รับใช้เพราะถุงผ้าเงินผลึกสวรรค์เล็กๆ
สามผลึกสวรรค์ แม้ว่าไม่ถือว่ามากเท่าถุงน้อยของเย่ว์หยางแต่เขาก็ยังพอรักษาหน้าไว้ได้บ้าง
หน้าของกัวกัวดีขขึนในที่สุด
เย่ว์หยางแค่นเสียง
เขาเชิดหน้าทำหยิ่งเล็กน้อย เหมือนกับจะบอกว่าเขาได้รับการชื่นชมจากผู้เฒ่ามากกว่าคนเก่าที่ติดตามเขามาเป็นเวลานาน
เย่ว์หยางทำเป็นมองขึ้นท้องฟ้า แสร้งทำเป็นไม่เห็นคนผู้นี้ทำให้กัวกัวรู้สึกไร้พลัง เหมือนต่อยใส่อากาศเปล่าหัวใจของเขาไม่มีความสุขอีกครั้ง!
บริวารคนอื่นๆ มีความสุขมากขึ้นขอบคุณผู้เฒ่าเหมาผู้ใจดี พวกเขารีบเดินออกไปทีละคนที่เมืองชายแดนเพื่อหาซื้อของที่ระลึกพิเศษ
เขาไม่ใช้คนนำทางอย่างกัวกัว เย่ว์หยางเดินเที่ยวรอบเมือง
ของที่นี่ไม่ขาดแคลน อย่ามองเห็นว่าเป็นเมืองชายแดน
ตรงกันข้าม ของต่างๆ ที่นี่มีอยู่มากมาย
ดูลานตาไปหมด
“ไขมิทธริลแห่งอาณาจักรเทพประจิม หนึ่งในสิบสินค้าที่ถูกห้ามซื้อขายในแปดอาณาจักรเทพใหญ่ตอนนี้มีเพียงสามขวด ข้าเสี่ยงชีวิตเพื่อรับส่วนแบ่งจากการขายได้รับความเชื่อถือจากกลุ่มโจมล่มสวรรค์ ขวดละพันผลึกสวรรค์ ไม่แพง ใครสนใจซื้อได้ รีบด้วย”
“ปะการังม่วงแห่งอาณาจักรเทพทักษิณทำให้สมองปัญญาบริสุทธิ์ ราคาเพียงห้าสิบผลึกสวรรค์”
“หมึก ไล่ลม หิมะ สายฟ้าม่วงทั้งหมดเป็นของภูเขาหาได้ยากราคาเพียงสองร้อยผลึกฟ้า”
“งูแก้ว สามารถแก้พิษอสูรศึกได้หลายร้อยชนิดนอกจากนี้ยังมีสีเหลืองอำพัน มีใบเหล็กและเกสรดวงดาวเป็นต้น”
“ขายป้ายและใบอนุญาตให้ข้ามแดนอาณาจักรเทพต่างๆ”
“รับแลกเปลี่ยนเงินผลึกสวรรค์...”
บอลหิมะราชสีห์แห่งอาณาจักรเทพอีสาน,มุกส่องแสงใหญ่ที่สุดในขุนเขาเหนือขุนเขา,สมบัตินี้จะอบอุ่นในฤดูหนาวและเย็นสบายในฤดูร้อนส่องแสงทั้งกลางวันกลางคืนแสงอ่อนนุ่มกระจายตัวเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับตกแต่งห้องขุนนางราคาสามร้อยผลึกสวรรค์ เชิญเข้ามาดูกันก่อน”
เย่ว์หยางเดินเข้ามาในตลาดเมืองชายแดนพบว่าธุรกิจการค้าขายในที่แห่งนี้เต็มไปด้วยชีวิตชีวายิ่งกว่าจัตุรัสชั้นหกหอทงเทียนเสียอีกซึ่งมีแต่การตะโกนโหวกเหวกใส่กัน
สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อที่สุดก็คือมีของให้ซื้อหากันทุกอย่าง
สมบัติวิเศษ มุกส่องแสง
มีให้เห็นทุกอย่าง
ตราบใดที่มีเงินผลึกฟ้าเพียงพอตลาดเมืองชายแดนแห่งนี้สามารถหาซื้ออะไรก็ได้ สินค้าต้องห้ามและของผิดกฎหมายสำหรับพ่อค้าที่นี่เหมือนก้อนเมฆสิ่งที่น่าทึ่งที่สุดก็คือคนที่ขายไขเงินมิทธริลแห่งอาณาจักรเทพประจิมกำลังยืนขายรายการสินค้าต้องห้ามสิบอันดับแรกขณะที่ทหารรักษาการณ์ประจำชายแดนยืนอยู่ไม่ไกล แต่ทำตัวเหมือนตาบอดหูหนวก
เย่ว์หยางเดินดูรอบๆ ตลาดและไม่มีอะไรให้มองมากนัก แต่เขายังคงซื้อของสองสามอย่างที่เขาเห็น
ตัวอย่างเช่นไข่อสูรบางชนิดที่มีศักยภาพสูง
หอทงเทียนแม้มีไข่อสูรมากมาย แต่ไม่เคยพอเพียงโดยเฉพาะอย่างยิ่งไข่อสูรที่มีศักยภาพสูงและมีการเติบโตสูง เย่ว์หยางกวาดซื้อนี่กลายเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่จำเป็นสำหรับความเจริญรุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์ต่างๆ กษัตริย์ของทุกเผ่าพันธุ์แทบไม่สามารถแข่งขันเพื่อได้สิ่งนี้
หากผู้เฒ่าหนานกงไม่จัดการให้เหมาะสมอาจจะทำให้เกิดชนวนสงครามได้
แน่นอนว่าสิ่งที่เย่ว์หยางต้องการที่สุดตอนนี้ไม่ใช่ไข่อสูร
แต่เป็นข้อมูล!
“พูดความลับทุกอย่างที่เจ้ารู้ อย่าหยุดปาก อย่าพูดซ้ำ อย่าทำหยิ่งถ้าข้าฟังแล้วถูกใจ เจ้าจะได้รับเงินผลึกสวรรค์ทุกๆ ห้านาที” เย่ว์หยางสังเกตมาเป็นเวลานานและในที่สุดก็พบพ่อค้าเร่ร้านเล็กๆที่มีฝีปากคล่องแคล่ว เขาวางเงินผลึกสวรรค์สามชิ้นข้างหน้าอีกฝ่ายโดยสัญญาว่าจะให้รางวัลเพิ่ม
“คุณชายทำถูกต้องแล้วที่ตามหาข้า ข้ารู้ความลับของหุบเขาโลกธาตุดีที่สุดข้าเล่าสามวันสามคืนก็ไม่จบ โอวใช่แล้วได้ยินมาว่าโจรล่มสวรรค์ที่ดุร้ายเพิ่งโจมตีเกาะอัคคีหลังจากสังหารประชาชนทั้งหมดที่นั่นและปล้นทรัพย์นับไม่ถ้วนพวกเขาหนีเข้าไปในสายธารอุกกาบาต สามอาณาจักรเทพอาคเนย์ทักษิณและหรดีกำลังเตรียมจัดกองทัพเพื่อไล่ล่าโจรพูดถึงโจรล่มสวรรค์เหล่านี้นอกจากจะให้ค่านายหน้าแก่เราในการลักลอบขนถ่ายสิ่งของแล้วแทบไม่มีอะไรเป็นความดี ทุกคนรู้ว่าหุบเขาโลกธาตุขุนเขาเหนือขุนเขาอยู่ใกล้กัน เมื่อสัมผัสกันโลกทั้งใบจะถูกทำลายและทุกคนควรจะช่วยกันหยุดหายนะนี้ แต่พวกเขากลับทำลายกันเองทุกวัน ไม่ต่อให้จุดจบมาถึงเร็ว แม้ว่าหุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขาจะอยู่ได้หมื่นปีเราอาจไม่พบกับจุดจบแต่เราต้องแสวงหาความอยู่รอดปลอดภัยให้กับคนรุ่นต่อไปในอนาคต... อาณาจักรเทพประจิมกำลังขยายอาวุธยุทโธปกรณ์กล่าวกันว่าแผนสหัสวรรษของพวกเขา พวกเขาตั้งใจจะรวมขุนเขาเหนือขุนเขารวมทั้งหุบเขาโลกธาตุภายในหนึ่งพันปีแต่ข้าไม่รู้ว่าเป็นจริงหรือไม่! อะไรต่อไปดี..อ่า..ใช่แล้ว ข้ายังมีความลับยิ่งใหญ่อีกสองอย่างคือหลังจากเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกตายไปแล้ว กล่าวกันว่าวัตถุโบราณได้สูญหายไปในพื้นที่ขุนเขาเหนือขุนเขา ดินแดนที่มีการก่อการร้ายมากที่สุดดินแดนที่เทพทำลายล้าง นอกจากนี้ยังมีการกล่าวว่าวัตถุโบราณแบ่งออกเป็นแปดส่วนตกอยู่ในมือของแปดเทพใหญ่มีข่าวลือว่าเทพบูรพาและเทพประจิมเก็บซ่อนวัตถุโบราณที่หายไป โบราณวัตถุถูกแอบซ่อนและแอบแฝงและพวกเขาก็ดูดซับพลังสวรรค์อย่างลับๆ ความแข็งแกร่งของเทพทั้งสองก้าวหน้าต่อเนื่องเหนือกว่าอีกหกเทพ”
“ไม่เลว, นี่รางวัลของเจ้า!” คนผู้นั้นเพื่อเงินผลึกสวรรค์ยอมเปิดเผยข่าวลือที่เขารู้มาทั้งหมดไม่มีเก็บยั้ง เขาพูดตรงไปตรงมาให้เย่ว์หยางฟังจนคอแห้งในที่สุดเย่ว์หยางก็มีความเข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับหุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขาเขามีความสุขมาก เก็บเงินรางวัลผลึกสวรรค์พอเปิดดูถึงกับอ้าปากค้างเหมือนสุนัขหอบแดด
“เป็นคุณชายที่ใจกว้างจริงๆข้าไม่คิดว่าเขาเป็นเจ้าชาย คงเป็นมาร์ควิสเสียมากกว่า!” คนพูดที่ถือเงินผลึกสวรรค์เล่าเหนื่อยหอบปางตายรู้สึกมีชีวิตชีวาทันทีและพยายามคาดเดาสถานะของเย่ว์หยาง เป็นไปไม่ได้แน่ที่เขาจะคาดเดาออก
แม้จะเป็นข่าวลือ ข้าไม่อยากเชื่อเหมือนกัน
แต่ก็มีข้อดีจากเรื่องนี้อยู่บ้างเล็กน้อย
หลังจากได้รับข้อมูลที่ต้องการ เย่ว์หยางยังไม่หยุดเขากลับไปที่โรงเตี๊ยม
หุบเขาโลกธาตุ
ขุนเขาเหนือขุนเขา
ในเมื่อเขามาถึงที่นี้แล้วไม่ว่าสถานการณ์ที่นี่จะเป็นอย่างไร ดูเหมือนเขาต้องได้รับวัตถุโบราณของเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกอย่างน้อยผู้มีพลังลึกลับในโลกไร้ที่สิ้นสุดคัมภีร์เงินต้องการให้เขาทำภารกิจนี้ด้วยตัวเองไม่เช่นนั้นเขาคงมิอาจกลับไปยังหุบเขามนุษย์ได้ จีอู๋ลี่กำลังมาถึงหุบเขาโลกธาตุ แต่เทพปีศาจยังคงอยู่ในหุบเขามนุษย์ เขาจะต้องกลับไป มิฉะนั้นทุกอย่างในหุบเขามนุษย์...เป็นไปได้ว่านี่เป็นเรื่องที่จีอู๋ลี่คำนวณไว้แล้ว...หากเขาต้องการได้รับโบราณวัตถุ ดูเหมือนว่าเขาควรให้ความสนใจบุคคลสำคัญอย่างเทพแห่งอาณาจักรเทพประจิม
จีอู๋ลี่เป็นคนแบบไหน?
เขายังคงเป็นเหมือนอยู่ในตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ไหม?
ดูเหมือนแผ่นดินเทพที่ถูกทำลายจะเป็นสถานที่สำคัญเช่นกัน เย่ว์หยางกำลังคิดเมื่อผ่านเข้าประตูโรงเตี๊ยม ทันใดนั้นมีบุรุษร่างยักษ์เปลือยอกร่างแข็งแรงเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อเขาเบียดออกมาจากประตูกว้างและผลักเย่ว์หยางให้พ้นประตูและจ้องมองเย่ว์หยางผู้สัญจรที่ไม่รู้เรื่องอะไรอย่างไม่พอใจเขาเดินเข้าไปหาเย่ว์หยางผู้ไม่ยอมให้เกียรตินับถือเขาด้วยความโกรธ
“เจ้ากระทุง!อย่าใจร้อน เราต้องรีบทำงานอย่าก่อเรื่อง” ทันใดนั้นมีบุรุษวัยกลางคนสวมชุดขนสัตว์สีแดงเพลิงส่งเสียงห้ามเจ้ายักษ์ใหญ่ที่กำลังโกรธ
“เฮ้, เจ้ามองอะไร?ดูซิว่าบิดาจะฉีกกระดูกผอมๆ ของเจ้าได้หรือไม่!” เจ้ายักษ์ร่างเต็มไปด้วยมัดกล้ามขู่ตะคอก
เขาถลึงตามองเย่ว์หยางและจากไปพร้อมกับบุรุษวัยกลางคนชุดแดงดูเหมือนว่ามีเรื่องสำคัญต้องทำ
มิฉะนั้นอาจทำร้ายเย่ว์หยางที่บังเอิญผ่านมาโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว
รอจนเย่ว์หยางเข้าประตูไปแล้ว
กัวกัวเห็นเหตุการณ์ในห้องโถงตลอด เขาปรี่เข้ามากระซิบบอกทันที “สองคนนั้นเป็นพวกโจรล่มสวรรค์! เจ้านี่โง่จริงๆไปยั่วยุคนพวกนั้น..”
เย่ว์หยางแม้ว่าปกติจะทำตัวไม่โดดเด่นและอาจทำเป็นกลัวปล่อยไปตามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาตาขาว
ในทางตรงกันข้าม ถ้าบางคนตอแยเขาเขาอาจตบหน้าอีกฝ่ายโดยไม่ใส่ใจเพื่อที่ว่าคนเหล่านั้นจะได้เข้าใจว่าโดนตบหน้าเพราะอะไร!
“โจรล่มสวรรค์แล้วไงเล่า ข้าไม่ใช่พวกเขา เขากล้าทำข้า ข้าก็จะทุบเขาจนแม่จำไม่ได้เลย” เย่ว์หยางส่ายหน้าไม่สนใจ ถ้านี่คือโจรล่มสวรรค์ ดูเหมือนว่าคงไม่พอมือ!
“หุบปากเจ้าเลยถ้าเจ้าคนตัวใหญ่เมื่อครู่นี้ลงมือตรงๆ กับเจ้า เจ้านั่นแหละจะต้องร้องเรียกหาแม่” กัวกัวแค่นเสียงแล้วพูดว่าต่อหน้าโจรล่มสวรรค์สองคนใครจะกล้าพูด? โจรล่มสวรรค์ถึงจะมีอยู่หลายสิบคนแต่มีทั้งสิ่งดีและไม่ดีพอกัน แต่ไม่ว่าโจรล่มสวรรค์จะเลวร้ายเพียงใดแค่พลังส่วนตัวของพวกมันไม่อาจตอแยได้ แม้แต่ขุนพลเทพของเทพต่างก็ยังไม่กล้าพูดว่าจะโค่นล้มพวกมัน
“ดี, เจ้าชนะ” เย่ว์หยางไม่ต้องการเสียงดัง เขาผายมือยักไหล่ หมุนตัวเดินจากไป
“น่าสนใจ เป็นเด็กหนุ่มที่น่าสนใจ แต่อายุยังน้อยเกินไป!” คนที่นั่งดื่มเหล้าที่มุมห้องโถงเป็นบุรุษไว้เคราเสื้อผ้าของเขาเก่าโทรม มองดูเผินเผินคล้ายทหารรับจ้างขี้เมาที่พบเจอในหอทงเทียนเมื่อเย่ว์หยางเดินผ่านขึ้นบันได เขากำลังรินเหล้าใส่แก้วและจ่อที่ปากแต่นัยน์ที่เหมือนคนเมาของเขาทอประกายวูบ แต่จากนั้นก็หายไปมองดูเหมือนคนเมาอย่างเดิม