ตอนที่ 1134 ขับความสงสัย
ผนึกมิติหลุมดำ
ทันที่เข้าสู่พื้นที่ผนึกอีกครั้งลักษณะภายนอกเปลี่ยนไปมาก
พลังกฎสวรรค์ดั้งเดิมอ่อนลงถึง80% และมีแต่ความรู้สึกถึงโลกหิมะน้ำแข็งที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีสร้างขึ้นหลังจากเข้ามาในโลกหิมะน้ำแข็งเย่ว์หยางพบว่านี่เป็นโลกแก้วผลึกงดงามจนสุดจะพรรณนา ขณะนี้เย่ว์หยางสัมผัสได้ถึงช่องว่างระหว่างเขากับนางพญาเฟ่ยเหวินหลี นอกจากนี้ยังสัมผัสได้ถึงพลังระดับราชันย์ศักดิ์สิทธิ์!
ทุกอย่างถูกสร้างด้วยมือทั้งสอง
หนึ่งความคิดและหนึ่งโลก
การดำรงคงอยู่เช่นนี้เรียกว่าเทพก็ได้
“หือ?” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีสัมผัสได้ถึงการมาของเย่ว์หยางนางออกมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง นางอดใจรอไม่ไหวกอดเด็กหนุ่มผู้เป็นที่รักของนางนางตกใจอีกครั้งเมื่อพบว่าการมาของเขาครั้งนี้แตกต่างจากครั้งก่อน
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีรู้สึกประหลาดใจขึ้นเรื่อยๆในที่สุดนางก็ถูกปิดปากนางด้วยปากของเขาเสียก่อน นางอุทานขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ
แม้ว่านางจะรู้ว่าเย่ว์หยางเป็นสุดยอดอัจฉริยะที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก
แม้จะรู้ว่าความรู้ของเขาเป็นเลิศอย่างไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
แต่นี่คือยอดอัจฉริยะที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหมื่นปี
ในโลกนี้ไม่มีใครรู้อนาคตและการเติบโตของเขาดีกว่านาง
แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเย่ว์หยางปรากฏตัวต่อหน้านางในเวลานี้ก็ยังทำให้นางรู้สึกเหลือเชื่อ
ระดับเทพราชันย์...แค่เวลาเพียงไม่กี่เดือน หนุ่มน้อยผู้นี้เลื่อนชั้นขึ้นมาอยู่ในระดับศักดิ์สิทธิ์ของปราณราชันย์ได้ นี่ยังไม่ใช่ส่วนที่ทำให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีตกใจที่สุดสิ่งที่ทำให้นางรู้สึกเหลือเชื่อที่สุดก็คือหนุ่มน้อยที่อยู่ข้างหน้านางไปไกลกว่าเทพราชันย์ แม้กระทั่งจินตนาการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนางเองก็ยังไม่เคยฝันถึงระดับนี้มาก่อน
“เจ้ารู้แจ้งการสร้างทำลายและความนิรันดร์แล้วใช่ไหม?” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีกอดเย่ว์หยางด้วยความตื่นเต้นดีใจและจูบเขาหลายครั้ง “ข้าไม่เคยพูดถึงความหมายที่แท้จริงของขอบเขตระดับเทพมาก่อนข้าเกรงว่าทันทีที่เจ้าเข้าใจเจ้าจะเลื่อนไปเป็นระดับเทพจากนั้นความสามารถจะหยุดนิ่งยากจะบรรลุได้เร็วเหมือนก่อนหน้านั้น คาดไม่ถึงเลยเจ้าไม่เพียงแต่ตระหนักรู้ด้วยตัวเองได้เท่านั้นแต่ยังก้าวข้ามไปไกลแม้จะเป็นในกรอบระดับเทพ แต่ก็ยอดเยี่ยม ข้าเคยกังวลจุดนี้มาก่อน ตอนนี้ข้ารู้สึกพอใจ โล่งใจแล้วเจ้าทำได้อย่างไร?”
“อะไรนะ?” เย่ว์หยางยังไม่ค่อยเข้าใจ
“ข้าหมายถึงเจ้ามาถึงระดับเหนือกว่ามาตรฐานเทพได้อย่างไร แต่ความสามารถเจ้ายังไม่หยุดนิ่งเจ้าทำได้ยังไง?” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่เข้าใจว่าหนุ่มน้อยผู้นี้แตกต่างจากคนมากมายได้อย่างไร
“อ่า...ข้าก็ไม่รู้ข้าคิดว่าทุกคนคงเป็นแบบนี้!” เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อเยียบเย็น คนอื่นไม่ได้ฝึกกันอย่างนี้หรือ?
“ฮะฮะฮะ,หนุ่มน้อยที่น่าสนุก เจ้าไม่คิดว่าหลังจากถึงระดับเทพเจ้าจะก้าวหน้าได้ไวเหมือนก่อน? ไม่ ไม่ นอกจากเจ้าแล้วทุกคนในโลกนี้มีมาตรฐานเดียวกันนั่นคือหลังจากบรรลุถึงระดับเทพแล้ว ก็จะแสดงพลังที่ยิ่งใหญ่เพราะเป็นเรื่องที่เหนือระดับร่างกายมนุษย์ นักสู้ที่เข้าถึงระดับเทพจะไม่มีห่วงกังวลอีกต่อไปและความคิดจะทรงพลังไม่มีใดเปรียบ นึกครั้งเดียวก็สามารถสร้างทุกอย่างได้นึกคราเดียวก็ทำลายทุกอย่างได้ และกลายเป็นผู้อมตะในอาณาจักรสวรรค์!” นางพญาเฟ่ยเหวินหลียิ้มและกล่าวต่อ “นักรบเช่นนี้ยังจะสามารถพัฒนาก้าวหน้าได้อีกหรือ?แน่นอนว่าย่อมเป็นไปไม่ได้! พวกเขาไม่มีทางอดทนต่อความยากลำบาก ไม่มีวิธีฝึกฝนเติมความไม่เพียงพอในตนเอง เพราะทุกอย่างในร่างกายพวกเขาแซงหน้าร่างมนุษย์เข้าถึงขอบเขตของเทพซึ่งเป็นขอบเขตที่ค่อนข้างนิรันดร ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้ไม่ว่าจะดีจะร้ายยังไงก็ตาม”
“หากเปรียบเทพนักรบที่เข้าถึงระดับเทพก็เหมือนกับมนุษย์ที่อ่อนแอ พอเลื่อนระดับขึ้นไปเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดถ้าไม่มีวิธีฝึกฝนในระดับที่สูงกว่าเขาจะก้าวหน้าต่อไปได้หรือไม่?แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะระดับปราณก่อกำเนิดสำหรับมนุษย์ที่อ่อนแอมากถือว่าเป็นขอบเขตที่คาดไม่ถึงแต่หลังจากไปถึงขอบเขตนั้นก็ต้องใช้เวลานานกว่าจะเข้าใจและปรับตัวได้เมื่อนักสู้ระดับเทพกลั่นสร้างประกายเทพกลายเป็นนักสู้ระดับเทพที่สมบูรณ์แบบก็สามารถสร้างความสำเร็จในระดับสูงได้ นอกจากนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้นในขอบเขตระดับเทพ เมื่อคิดแสวงหาความก้าวหน้าอีกครั้ง จะมีความสำเร็จระดับน้อยมากเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวหน้าได้เร็วและง่ายเหมือนเมื่อก่อน เพราะนักรบในขอบเขตระดับเทพไม่มีวิธีฝึกฝนศักยภาพของพวกเขาก็ลดน้อยลงนอกจากนี้ความคิดและพลังได้รวมกันกลายเป็นพลังเทพและสำนึกเทพไม่จำเป็นต้องลงมือทำ ในเมื่อพวกเขาสามารถทำทุกอย่างได้แค่เพียงคิดพวกเขาจะฝึกฝนเหมือนแต่ก่อนได้ยังไง เป็นไปไม่ได้”
“แน่นอนนั่นเป็นคำพูดของคนอื่นร่างกายมนุษย์แม้จะอ่อนแอมาก แต่ก็มีค่ามากที่สุด เมื่อนักรบเหนือชั้นกว่าใครๆนั่นหมายความว่าเขาไม่สามารถก้าวหน้าได้อีกในอนาคต ไม่อาจก้าวล้ำในบางขอบเขต”
“ก็เหมือนกับท่านพลังถึงมาตรฐานระดับเทพแล้ว แต่ท่านยังไม่เลื่อนระดับพลังเป็นระดับเทพแม้ข้าจะยังงงๆ แต่ก็เห็นได้ในครั้งแรก”
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีถอนหายใจในที่สุด
นางเองก็ไม่รู้เหตุผล
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางสามารถโดดเด่นเหนือคนอื่นๆ นั่นเป็นผลที่นางหวังไว้เป็นที่สุด
นี่หมายความว่ากระไร? นี่หมายความว่าเย่ว์หยางยังสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วในระดับเทพนี้ได้อย่างรวดเร็ว..ในฐานะนักรบระดับเทพก้าวหน้าไปอย่างช้าๆ เขายังมีร่างกายมนุษย์และเขายังสามารถฝึกฝนและปรับปรุงก้าวหน้าได้เหมือนอย่างที่เขาเริ่มทำมาแล้ว!
ผลก็คือความสำเร็จในอนาคตของเขา
มากมายอย่างคาดไม่ถึง!
นางพูดเรื่องนี้แต่เย่ว์หยางกลับสับสน
เย่ว์หยางอดใจถามไม่ได้ “ในเมื่อนักรบทั้งหมดเข้าถึงระดับเทพล้วนมีมาตรฐานเดียวกันหมดแล้วทำไมเทพจึงมีพลังที่แตกต่างกัน ทั้งที่ควรจะเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้ยินเช่นนั้นก็หัวเราะ “ระดับเทพก็มีมาตรฐานหลังจากเข้าถึงระดับเทพแล้ว นักสู้จะเลื่อนเป็นเทพก็ในระดับนี้ ถูกแล้วนี่คือสิ่งที่ข้าได้พูดถึงไว้เพียงเท่านี้ อย่างไรก็ตามข้ามิได้บอกว่าอันดับนักสู้และความแข็งแกร่งหลังจากเข้าถึงขอบเขตเทพจะเหมือนกันทุกคน ยิ่งมีศักยภาพมากเท่าไหร่ความพยายามฝึกฝนก็ควรมีมากขึ้นเท่านั้น และยิ่งทำความเข้าใจได้ลึกซึ้งระดับพลังก็จะสูงขึ้น การเลื่อนอันดับนักสู้จะตามมา ตัวอย่างเช่นหากบุคคลผู้นั้นมีศักยภาพเต็มร้อย หลังจากใช้ความพยายามเต็มร้อย และมีความเข้าใจรู้แจ้งความหมายที่แท้จริงของการสร้าง การทำลายความนิรันดร์เต็มร้อย เขาจะได้รับการเลื่อนระดับในหมู่เทพในระดับที่สูงมากขึ้น ในทำนองเดียวกันหากบุคคลผู้นั้นมีศักยภาพเพียงแปดสิบ ความพยายามไม่เพียงพอเข้าใจรู้แจ้งยังไม่เต็มร้อย แต่ด้วยเหตุผลหลายประการในที่สุดเขาเข้าถึงระดับเทพได้ ระดับนักสู้ของเขาจะเท่ากันได้อย่างไร?”
เมื่อนางพูดเช่นนี้เย่ว์หยางตระหนักได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
การฝึกฝนจากพรสวรรค์ทักษะที่แตกต่าง ความรู้และพื้นฐานแตกต่างกันความสำเร็จย่อมแตกต่างกันสิ้นเชิง
หลังจากบางคนฝึกฝนจนเข้าถึงระดับเทพอาจเป็นระดับมหาเทพก็ได้ บางคนเข้าถึงระดับเทพ บางคนเป็นเทพผู้น้อยที่เพิ่งผ่านการฝึกมาตรฐานมาได้มิน่าเล่าเทพธิดากระบี่ฟ้าถึงปล่อยให้เขาฝึกฝนเอง แม้ว่าเขาจะต้องใช้เวลามากขึ้นในการวางรากฐานแต่กลับกลายว่าเป็นเรื่องข้อจำกัดความสำเร็จในอนาคต บนพื้นฐานของการฝึกฝนที่สมบูรณ์แบบเพื่อระดับเทพในอนาคต จริงๆ แล้วเขาเองก็ไม่รู้ว่าจะบรรลุไปถึงขอบเขตระดับไหน?แน่นอนว่าไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ แน่นอนว่าการฝึกฝนยิ่งนานขึ้นย่อมจะดีกว่า ก่อนที่ผู้ฝึกนั้นจะปราศจากการอดทนทางกายอย่างสมบูรณ์และก่อนที่จะไม่ได้เลื่อนเป็นระดับเทพอย่างสมบูรณ์ เวลาฝึกฝนยิ่งนานขึ้นก็หมายความว่ามีการพัฒนาศักยภาพอย่างทั่วถึง ยิ่งทุ่มฝึกฝนมากขึ้นความรู้แจ้งในระดับเทพก็มีความวิเศษมากขึ้นไปด้วย
“ถ้าฝึกต่อไปเช่นนั้นจะไม่เป็นการต่อต้านเจตนาฟ้าหรือ” เย่ว์หยางค่อนข้างโลภทั้งที่ยังไม่ถึงระดับเทพฝึกฝนหมื่นปีก็ยังรู้สึกว่าไม่มากเกิน ฝึกฝนแสนปีก็รู้สึกว่ายังไม่พอใจควรฝึกฝนตลอดไป ในที่สุดจะกลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่งของทุกโลก
“เป็นความคิดที่โง่เขลา,พรสวรรค์ของทุกคนและศักยภาพของทุกคนมีจำจัด เจ้ายังสามารถฝึกต่อไปได้ไหมเล่า? ในที่สุดเจ้าก็ยังฝึกได้! ถ้าศักยภาพถึงที่สุดแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะก้าวหน้าได้ต่อไปอีก ต่อให้เจ้าต้องการฝึกก็ตาม เพราะมันจบแล้ว! นอกจากนี้ถ้าไม่มีเป้าหมายในการฝึกฝน ใครเล่าจะยืนหยัดเอาแต่ฝึกได้? แม้ว่าจะไม่มีอุบัติเหตุอยู่ตรงกลางไม่มีแนวทางฝึกฝน ไม่มีเป้าหมาย มีโอกาสมากที่ผู้ฝึกฝนจะเข้าสู่เส้นทางที่ผิด กลายเป็นผู้หลงทางและล้มเหลวในที่สุด!” นางพญาเฟ่ยเหวินหลียิ้มและโบกมือกล่าวว่าวิธีนี้ไม่เป็นที่ปรารถนาและกล่าวเสริมต่อ“นอกจากนี้ แม้ว่าความเร็วในการฝึกฝนในระดับเทพจะช้า แต่แน่นอนว่า ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความก้าวหน้าด้วยการฝึกฝนเป็นเวลายาวนาน สามารถฝึกให้ช้าลงได้แน่นอน มันช้ากว่าตอนที่ข้าฝึกด้วยตนเองตอนนั้น! แต่ก็เข้าถึงระดับเทพได้อย่างปลอดภัยและสะดวกสบายแม้ว่าความเร็วในการเข้าถึงจะช้ากว่า แต่ทำไมถึงไม่ทำ?”
“นั่นก็เหมือนกัน” เย่ว์หยางหัวเราะ
“การฝึกฝนเป็นแค่การกระตุ้นศักยภาพของเจ้าให้ปรากฏออกมาเร็วขึ้นและดีขึ้น ตราบเท่าที่ศักยภาพถูกกระตุ้นจนถึงระดับสูงสุด นั่นก็เพียงพอให้บรรลุระดับเทพได้อย่างคาดไม่ถึง ดังนั้นเจ้าไม่ต้องคิดมากเกินไป แม้ว่าเจ้ากำลังฝึกอยู่ก็ตาม!” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีอดจูบเขาไม่ได้ เด็กคนนี้ร่ำรวยพรสวรรค์ยิ่งนัก แม้เข้าถึงพลังระดับเทพได้ แต่เขายังไม่เปลี่ยนสถานะไปเป็นเทพเขายังสามารถฝึกต่อไป และนางรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย!
“เข้าใจแล้ว” เย่ว์หยางจำวัตถุประสงค์ของการมาได้เขารีบถามนาง “เดิมทีข้าอยู่ในหุบเขามนุษย์..แต่ต่อมาเข้าก็เข้าไปฝึกในโลกไร้ที่สิ้นสุดในคัมภีร์เงินและออกมาได้สำเร็จ ข้าโดนจับโยนเข้าไปในขุนเขาเหนือขุนเขาในหุบเขาโลกธาตุด้วยพลังลึกลับ นอกจากนี้ยังส่งคำสั่งผ่านจิตสำนึกให้เข้าไปเก็บวัตถุโบราณของหุบเขาโลกธาตุ”
“โบราณวัตถุของหุบเขาโลกธาตุตกอยู่ในมือของเทพแท้จริงทั้งสองคือเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือก แต่พวกเขาเป็นศัตรูกัน และต่อสู้กันเองจนพินาศตอนนี้คาดว่าตกอยู่ในเงื้อมมือของกลุ่มเทพเทียมแห่งขุนเขาเหนือขุนเขา” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีส่ายหน้าโดยไม่รู้ตัว เทพเทียมก็คือเทพเทียมถ้าไม่ใช่เพราะเทพมหาอัคคีและเทพสุดยะเยือกตายทั้งคู่วัตถุโบราณถูกชิงเอาไป โลกไร้ที่สิ้นสุดของคัมภีร์เงิน ข้าได้ลองมาแล้ว แต่พลังลึกลับที่เจ้าเอ่ยถึงข้าไม่เคยสัมผัสถึง อาจเป็นบรรพบุรุษของยุคโบราณ หรือจิตสำนึกที่มหาเทพโบราณทิ้งไว้ก็ได้ สำหรับเหตุผลที่เจ้าถูกโยนเข้าหุบเขาโลกธาตุบางทีอาจเป็นแนวทางฝึกสำหรับเจ้า หากเจ้าไม่ได้รับการชี้นำโดยบรรพบุรุษท่านนี้ ข้าเกรงว่าต่อให้เจ้าเลื่อนขึ้นเป็นระดับเทพโดยไม่มีการควบคุม เจ้าจะสูญเสียศักยภาพไปอีกมากมาย เจ้ายังต้องฝึกฝนอย่างที่เจ้าเป็นอยู่ต่อไปทั้งยังมีการรู้แจ้งในระดับเทพ ส่วนการสร้างประกายเทพเป็นเรื่องของเวลา!”นางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่อธิบายถึงสาเหตุที่เย่ว์หยางถูกโยนเข้าไปในขุนเขาเหนือขุนเขาแทนที่จะโยนเขากลับไปในหุบเขามนุษย์ แต่เพราะเหตุผลนี้นางต้องรู้รายละเอียดอย่างชัดเจนแต่นางไม่อธิบายเป็นพิเศษ
“เป็นอย่างนี้จริงๆ!” เย่ว์หยางคาดคิดว่าหากไม่มีจิตสำนึกลึกลับ และเขาถูกจับโยนออกไปนอกโลกไม่สิ้นสุดเข้าสู่หุบเขาโลกธาตุขุนเขาเหนือขุนเขา เขาเกรงว่าเขาคงเลื่อนเป็นระดับเทพไปแล้ว อันตรายมาก!
“กล่าวอีกอยางหนึ่งจิตสำนึกผีสางนั่น จะตามให้คำแนะนำเจ้าไปทุกที่ และเราต้องฝึกฝนอย่างหนัก”
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีค้อนใส่เขาอดนึกอิจฉาต่อโชคชะตาของเขาไม่ได้
เย่ว์หยางหัวเราะ
อารมณ์แบบนี้ทำให้นางพญาดูน่ารักเป็นภาพที่เห็นได้ยาก!
หลังจากพูดเรื่องนี้อยางเปิดใจทันใดนั้นเย่ว์หยางนึกขึ้นได้ว่าเพิ่งพูดถึงเทพแท้ เทพเทียมและจำได้ว่าเทพปีศาจที่ถูกผนึกอยู่ในหุบเขามนุษย์ เขาถามนางพญาเฟ่ยเหวินหลี “ในระดับเทพยังแบ่งเป็นเทพแท้กับเทพเทียมด้วยหรือ? ช่วยบอกข้าให้รับรู้ถึงความแตกต่างระหว่างเทพปีศาจในหุบเขามนุษย์และเทพเทียมในขุนเขาเหนือขุนเขาได้ไหม?”
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีคิดเล็กน้อยแล้วตอบ “แม้ว่าจะไม่ใช่มาตรฐานที่แน่นอนแต่เราเรียกนักรบระดับเทพที่ไม่มีคัมภีร์อัญเชิญว่า ‘เทพเทียม’ เพราะแม้ว่าพวกเขาจะเข้าถึงระดับชั้นเทพแต่ค่อนข้างเป็นระดับต่ำ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีโลกเป็นของตนเอง พลังเทพ สำนึกเทพและประกายเทพของพวกเขายังค่อนข้างต่ำไม่สามารถรู้แจ้งในระดับเทพได้มากยิ่งขึ้น ยังมีข้อบกพร่องอยู่หลายด้าน แม้ว่าจะเป็นระดับเทพ แต่ก็ไม่สมบูรณ์แบบ ในทางตรงกันข้ามเราสามารถสร้างดินแดนของเราจากการครอบครองคัมภีร์อัญเชิญเป็นเหมือนกับผู้ครองโลก เรียกว่า ‘เทพแท้’ ความหมายก็คือ พวกเขาเป็นเทพที่มีอำนาจทุกอย่างแท้จริง อย่างน้อยก็เป็นเทพในเขตปกครองของเขาเขามีพลังอำนาจทุกอย่าง ถ้าเทพแท้มีพลังเทพสูงสุดนั่นคือ พลังเทพราชันย์ เทพราชันย์คือชื่อหนึ่งของหอทงเทียนของเราและแดนสวรรค์บน หมายความว่าเป็นที่ดำรงคงอยู่ของเทพราชันย์ที่แท้จริง ในมาตรฐานก่อนหน้านี้จะมีแต่เจตจำนงและประกายเทพที่แข็งแกร่งในเวลาเดียวกันนักรบที่มีคัมภีร์อัญเชิญระดับแพลตตินัมขึ้นไปก็เรียกว่าเทพราชันย์ได้ แต่นักรบที่มีคัมภีร์เทพ หรือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ ในบรรดาเทพราชันย์ จะมีศักดิ์ศรีสูงที่สุด”
เย่ว์หยางขมวดคิ้วคัมภีร์เทพและคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์จะมีสักกี่คน?
เทพโบราณอาจจะมีมากเล่มถ้าพวกเขามีเล่มหนึ่งอยู่ในมือจะเพียงพอหรือไม่?
นอกจากนี้คัมภีร์เทพที่เขาพบมาช่วงที่ผ่านมาไม่มีเจ้าของทั้งนั้นสาเหตุเพราะอะไร?
สำหรับคำถามของเย่ว์หยางนางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่สามารถตอบได้ “ข้าไม่เข้าใจเรื่องราวของเทพโบราณหลายอย่างพวกเขามีหลักการเหตุผลในการดำรงอยู่และมีกฎเกณฑ์ในการจัดระดับนักสู้เรายังไม่ต้องคิดเรื่องมาก แม้ว่าเราจะผ่านระดับสูงมาไม่นานนักเรายังต้องฝึกฝนไปตามขั้นตอนอย่างสม่ำเสมออย่างช้าๆเชื่อว่าเราจะพบความรู้ที่แท้จริงที่แสวงหามาตลอดชีวิต
หลังจากหยุดเล็กน้อยเย่ว์หยาบอกว่าในหุบเขาโลกธาตุและสถานการณ์ในหุบเขามนุษย์เล็กแต่ไม่ละเอียดนางหวังว่าเย่ว์หยางจะพยายามหาคำตอบ
ในที่สุดนางทนเห็นเย่ว์หยางผิดหวังไม่ได้นางเตือนเขา “เทพเทียมยังไม่น่ากลัวมากเจ้าแค่สู้ด้วยความระมัดระวัง ถ้าเจ้าไม่สามารถเอาชนะพวกเขาได้ เจ้าก็หนีได้พวกเขาจะได้เปรียบเรื่องจำนวน เป็นแต่เทพปีศาจในหุบเขามนุษย์ เจ้าต้องระวังอย่าให้เขาได้ร่างที่แท้จริงกลับไป”
เย่ว์หยางเป็นห่วงองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพวกนางใจจดใจจ่อรออยู่ในโลกคัมภีร์
นางพญาเฟ่ยเหวินหลีเศร้าใจเล็กน้อยแต่ไม่รั้งเขาไว้
นางใช้นิ้วชี้ที่ยาวดุจลำเทียนแตะหน้าผากเย่ว์หยาง
ส่งผ่านสำนึกศักดิ์สิทธิ์
เป็นการยกย่องเขาและยังแฝงไปด้วยคำแนะนำส่วนตัวให้เขาที่อยู่ในสภาพสับสน... ถ้าเป็นเป็นคนอื่น ประสบการณ์ล้ำค่านี้คือสมบัติล้ำค่าที่ไม่มีใดแลกเปลี่ยนได้แต่นางส่งต่อให้เขาโดยไม่เห็นแก่ตัว
บางครั้งนางพญาก็รู้สึกว่านางดีต่อเจ้าเด็กนี่เกินไปไป
ก่อนที่เขาจะกลับนางไม่ลืมเตือนเขา “แม้ว่าเจ้าจะยังไม่ยอมเข้าสู่ขอบเขตระดับเทพแต่ที่สำคัญเจ้าตระหนักถึงความหมายที่แท้จริงในระดับเทพอย่างแท้จริงแล้ว ระวังอย่าแบ่งปันจิตสำนึกของเจ้ากับสาวๆเหล่านั้นง่ายๆ มิฉะนั้นเจ้าอาจทำร้ายพวกนางโดยไม่ตั้งใจ หากความแข็งแกร่งไม่เพียงพอ พวกนางจะถูกจิตสำนึกของเจ้าโจมตีอย่างรุนแรง หากความแข็งแกร่งอยู่ใกล้ระดับเจ้าก็จะได้รู้แจ้งและเลื่อนสู่ระดับเทพโดยตรง เพราะฉะนั้นจิตสำนึกของเจ้าจะสูญเสียศักยภาพและความสามารถที่ยังไม่ได้ใช้อีกมาก! ว่าไงนะ?ตั่วตั่วกับอีกสามกำลังจะได้เลื่อนระดับหรือ? เจ้ายังสามารถฝึกต่อได้อีกหรือ เจ้าได้รับคำแนะนำจากใคร? เหลือเชื่อจริงๆ! ช่างเถอะข้าไม่สามารถจัดการกิจการของเจ้าได้ เจ้ามีแต่เรื่องน่าปวดหัว!”
เย่ว์หยางรู้แน่นอนว่าใครเป็นคนแนะนำตั่วตั่ว สองพี่น้องหงส์เพลิง!
บางทีอาจมีเทพธิดากระบี่ฟ้าอยู่เบื้องหลัง
มีแต่พวกนางเท่านั้นที่รู้วิธีควบคุมการฝึกฝนในขอบเขตชั้นเทพและพวกนางยังก้าวหน้าต่อไป... ในใจของเขาเย่ว์หยางต้องการพบเทพธิดากระบี่ฟ้าอีกครั้ง แม้ว่านางจะไม่ถามอะไร แต่แค่ได้เห็นนางเขารู้สึกสงบได้