ตอนที่ 1133 พบชีวิตมาแบบไหน?
เพื่อจะให้ช่วงเวลาทำงานของเขาสมบูรณ์แบบเฒ่าเหมาใช้อำนาจของเขาเต็มที่ จ้างเย่ว์ไตตันผู้มีความสามารถพิเศษเพียง ‘หล่อ’ ได้รับการว่าจ้างชั่วคราว แม้ว่ากัวกัวจะคัดค้านเต็มที่ก็ตามนอกจากนั้นเย่ว์ไตตันก็ยังไม่พอใจกับสถานการณ์นี้ เฒ่าเหมาก็ตัดสินใจทำเรื่องนี้
กัวกัวอยากฆ่าตัวตาย
ยิ่งเทียบกันแล้วเขายิ่งโกรธจนอยากตาย
เขาอุทิศตนรับใช้อาณาจักรเทพอาคเนย์มาเป็นสิบปีแต่เขายังไม่ได้แม้แต่รับจ้างงานชั่วคราวเจ้าเด็กนี่กลายเป็นลูกจ้างชั่วคราวของเทพ และเขาก็ยังไม่พอใจเป็นเรื่องที่พูดไม่ออก
แต่จะทำอย่างไรได้? ใครไม่ปล่อยให้เขาได้มีโอกาสที่ยากพบในรอบพันปีนี้เล่า?
ถ้าเขามาที่สถานีต้อนรับในช่วงท้ายของงานรับผิดชอบของท่านเหมา..กัวกัวไม่กล้าคิดอีกต่อไปแน่นอนเมื่อเขาคิดถึงเหมาพั่วตี้ไม่ใช่คนที่ทำไม่ดีกับตัวเขา เขาเป็นเหมือนลูกหลานที่เขาพาไปด้วยทุกที่ ถ้าไม่ใช่เพราะความเมตตาของท่านเหมา เกรงว่าเขาจะไม่มีวันนี้ กัวกัวคิดเช่นนี้ก็หายโกรธแค้นต่อเฒ่าเหมา แต่เพราะเจ้าเด็กหน้าขาวเย่ว์ไตตันผู้โชคดีก้าวมาอยู่ต่อหน้าเขา ทำให้เขารู้สึกอิจฉา และไม่พอใจอย่างมาก
แน่นอนว่ากัวกัวฉลาดและไม่ยอมแสดงความริษยาให้เห็นมากเกินไป
ประการแรกต้องเห็นแก่หน้าของเหมาพั่วตี้ เขาต้องไม่ทำตัวให้ตกต่ำ ประการที่สอง เป็นการไม่ฉลาดที่จะทำเช่นนั้น สถานการณ์ดังกล่าวได้ข้อสรุปแล้วถ้าเป็นปฏิปักษ์ต่อต้าน มีแต่จะเกิดความขัดแย้งและเกลียดชังกันทันที
“พาเขาไปพักให้ดี หลังจากนั้นสองวัน เราจะออกเดินทางกลับไปยังอาณาจักรเทพอาคเนย์” เมื่อมีสัญญาการทำงานอยู่ในมือทำให้อารมณ์ของเฒ่าเหมาดีจริงๆ
“ขอรับ, ท่านผู้เฒ่า” กักกัวรับคำโดยเคารพ แต่พูดกับเย่ว์หยางด้วยท่าทางเย็นชา “ตามข้ามา!”
“เจ้าระดับใดหรือ?” เย่ว์ไตตันที่เป็นผู้มาใหม่เตือนเขา “ถ้าระดับเจ้ายังไม่ดีเท่าข้า อย่างนั้นเจ้าต้องใช้มารยาทที่ให้เกียรติกัน”
“อ๋า..เจ้า....” กัวกัวได้ยินแล้วขยี้เท้า แทบสะดุดล้มกับพื้นคนใหม่อย่างนี้น่าเชือดให้เหมือนหมูนัก เขาไม่ฟันเจ้านี่สักหนึ่งมีดก็นับว่าปราณีแล้ว แต่ยังกล้ามาสอนข้า ในทางกลับกันเจ้าเป็นตัวอะไรถ้าไม่สั่งสอนกันบ้างก็คงไม่รู้มารยาทที่ดีเป็นแน่!
“เจ้าสามารถบอกให้เขาทำอะไรย่อมได้แน่นอน เจ้ายังเป็นคนใหม่ ยังไม่รู้อะไรมากเท่าใดเจ้าสามารถถามกัวกัวได้ เขาเป็นคนที่มาก่อน!” เฒ่าเหมาไปที่สนามเพื่อเตือนกัวกัวให้ระวังอย่าท้าทายผู้มาใหม่และเตือนเย่ว์หยางว่าผู้มาใหม่ควรถ่อมตัวและเรียนรู้จากผู้ใหญ่กว่า
“ขอรับ, ท่านผู้เฒ่า” มีเฒ่าเหมาอยู่ที่นี่กัวกัวหันไปยิ้มให้เย่ว์หยาง “ท่านลูกจ้างเทพ โปรดตามข้ามา!”
“ใช้ได้” เย่ว์หยางเริ่มส่ายหน้าและไม่ได้รู้สึกว่าผู้มาใหม่ถูกคุมขัง เขาทำเหมือนกับคุณชายรูปงามถือกรงนกเขาเดินชมตลาดได้รับการยกย่องเอาใจจากกัวกัว
เฒ่าเหมามองดูและลอบส่ายหัว
ถ้ามีตัวเลือกอื่นเขาจะไม่มีทางเลือกเย่ว์ไตตันนี้
อย่างไรก็ตามผู้มีพรสวรรค์ยังขาดแคลน ตอนนี้ที่สถานีต้อนรับเขาสามารถหาผู้มีพรสวรรค์ได้หรือ? นอกจากเย่ว์ไตตันเด็กคนนี้ยังมีพลังยิ่งใหญ่หนุนหลังอยู่ในความมืด ความสำเร็จในอนาคตอยู่รอบตัวลงทุนกับเขาตอนนี้ย่อมไม่มีทางไม่ได้รับผลตอบแทน
ถ้าไม่ใช่เพราะความรับผิดชอบเป็นเทวทูตต้อนรับก็คงไม่สามารถออกไปจากสถานีแรกรับนี้ได้ เขาต้องการพาผู้มาใหม่แปลกประหลาดนี้ไปพักที่สถานีก่อน
ใครคือสุดยอดนักสู้ที่ส่งเย่ว์ไตตันมาก่อนที่จะได้รับเชิญ?
จะเป็นเบื้องบนชั้นสูงสุดหรือไม่... ถ้าตอบว่าใช่ อย่างนั้นเขานับว่าได้สร้างคุณูปการที่ยิ่งใหญ่หรือเปล่า?
น่าเสียดายที่คำพูดของเย่ว์ไตตันไม่ค่อยชัดเจนและเขาไม่สามารถแน่ใจได้สักพักแล้ว มันยากจะหารายละเอียดข้อมูลภายใน ช่างเถอะ เอาไว้คุยกันทีหลัง บางทีพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่ที่อยู่เบื้องหลังเขาต้องการทำอย่างลับๆไม่ต้องการเปิดเผย
เฒ่าเหมามองดูเย่ว์ไตตันอย่างอารมณ์ดีขณะที่กัวกัวพาเขาออกไป อย่างน้อยในท้ายสุดของความรับผิดชอบหน้าที่ของเขานี่คือตอนจบที่สมบูรณ์แบบที่สุด
สามชั่วโมงต่อมา
ในท้องฟ้ามีแสงสีทองฉายประกาย
มีเทวทูตประจำสถานีต้อนรับหลายคนแต่งตัวงดงามภายใต้การนำของขุนพลเทพคนแรกซึ่งสวมเกราะทองเฒ่าเหมาดูตกใจและมีความสุข เขาเข้าใจได้อย่างรวดเร็วและตะโกนเสียงดัง “จี้จง, เจ้ามาทำอะไรที่นี่? เดือนนี้เป็นวาระของอาณาจักรเทพอาคเนย์พวกเจ้าอาณาจักรเทพประจิมยังห่างวาระประจำ อีกสองเดือนจึงจะถึงวาระของอาณาจักรของเจ้าตอนนี้เจ้ามาเพื่อสกัดกั้นผู้คนเจ้าต้องการทำลายพันธสัญญาสันติภาพที่เทพทั้งแปดร่วมก่อร่างสร้างขึ้นหรือ?”
“เหมาพั่วตี้! เจ้าเลอะเลือนใหญ่แล้ว!” เป็นขุนพลเกราะทองเดินเข้ามาและดูถูกเฒ่าเหมาเขากล่าว “ด้วยศักดิ์ศรีของอาณาจักรเทพประจิมของเรา ผู้คนในหุบเขาโลกธาตุมีใครบ้างที่ไม่รู้?ใครไม่รู้จัก? ผู้มีพรสวรรค์ที่จะมาสมัครใจรับใช้เจ้านายข้าและทำไมเจ้าต้องตะเกียกตะกายขัดขวางผู้มีพรสวรรค์ นอกจากนี้เจ้ายังมีผู้มีพรสวรรค์เข้าร่วมอีกหรือ? ไม่สามารถรอให้หมดเดือนได้หรือไง?ฮ่าฮ่าฮ่า หุบเขาโลกธาตุนี้กว้างใหญ่แต่จะมีที่ไหนให้ผู้มีพรสวรรค์ชั้นสูงได้แสดงความสามารถเท่ากับอาณาจักรเทพประจิมของเรา? ต่อให้มีข้าเกรงว่าคงเป็นกลุ่มขยะสิ้นเปลืองเปล่าๆ ข้าขอบอกข่าวดีแก่ตาแก่ผู้น่าสงสาร เจ้าจะไม่ได้ผู้มีพรสวรรค์คนใดให้อาณาจักรเทพอาคเนย์ เนื่องจากผู้มีพรสวรรค์ทั้งหมดได้ลงนามทำสัญญากับอาณาจักรเทพประจิมไม่เพียงแต่เจ้าเท่านั้น เว้นแต่อาณาจักรเทพบูรพาแล้วอาณาจักรเทพที่เหลือทั้งหมดจะไม่มีผู้มีพรสวรรค์ในรอบร้อยปีเจ้าจะไม่ได้รับยอดฝีมือผู้มีพรสวรรค์อีก!”
“เจ้าฝ่าฝืนพันธสัญญาเทพ! เจ้าชิงคนในหุบเขาโลกธาตุโดยไม่คาดคิดจากความคิดของพวกเจ้าเองหรือไม่?” หน้าของเฒ่าเหมาแดง
“พวกเขาลงนามทำสัญญากับเราด้วยความสมัครใจและโดยอัตโนมัติจะถือว่าเราบังคับหรือไม่? เราไม่ได้ละเมิดพันธสัญญาเทพหรือชิงคนแต่เงื่อนไขของเจ้าไม่ดีพอจะดึงดูดยอดฝีมือชั้นสูงผู้มีพรสวรรค์ให้เข้ามาร่วมฮ่าฮ่าฮ่า!” ขุนพลเทพจี้จงเอื้อมมือไปผลักเฒ่าเหมาออก
“จี้จง เจ้าบัดซบ!” เฒ่าเหมาตัวสั่นด้วยความโกรธ แต่เขาไม่สามารถทำอะไรฝ่ายตรงข้ามได้ กลเม็ดนี้เป็นช่องโหว่ที่มีความหมายอย่างยิ่งแต่ก็ไม่มีข้อบกพร่องใดๆ
“เรามีจุดเริ่มต้นคล้ายกันวันนี้ข้าเป็นขุนพลเทพ แล้วเจ้าเล่า?” จี้จงแค่นเสียงเจ้าเล่ห์ “เจ้าไม่มีคุณสมบัติมาสอนข้า!”
“ในอดีต ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้า...” เฒ่าเหมากัดฟันแน่น พยายามข่มใจ
“เฮ้, เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีกหรือในอดีตมีกี่คนที่ต้องตายไปเพราะความขี้ขลาดและความหน้าซื่อใจคดของเจ้า?”จี้จงสะบัดมือใหญ่อย่างแรง พลังอัดกระแทกเฒ่าเหมาถอยไปมากกว่าสิบเมตรเขาเหวี่ยงร่างเฒ่าเหมาลงกับพื้น “เจ้าเกลียดข้า ข้ายิ่งเกลียดเจ้ามากกว่า ถ้าไม่ใช่เพราะสวะอย่างเจ้า นางคงไม่ตายสวะอย่างเจ้ามีชีวิตเป็นอยู่อย่างดี ข้าเห็นเจ้ามาตลอด ตอนนี้ มันเพิ่งเริ่ม!”
“เกิดอะไรขึ้น?”
เสียงกึกก้องดังราวกับเทพดังผ่านประตูเทเลพอร์ต
รัศมีฉายไกลถึงหมื่นเมตร
แสงและราศีที่สง่างามของเทพฉายเต็มสถานีต้อนรับเหมือนรัศมีดวงอาทิตย์
ไม่เพียงแต่เทวทูตผู้ผยองเท่านั้นแม้แต่ขุนพลเทพจี้จงในชุดเกราะทองก็ยังต้องคุกเข่าข้างหนึ่งเกือบเท่าเทียมกับการเคารพเทพแห่งอาณาจักรเทพประจิม เฒ่าเหมาเริ่มคิดว่าผู้มาถึงนี้คือเจ้าปกครองอาณาจักรเทพประจิมเขากลัวจนต้องคุกเข่าและคิดจะไถ่ถอนบาป แต่เนื่องจากสถานะของทูตต้อนรับแห่งอาณาจักรเทพอาคเนย์เขายังคงต้องฝืนต้าน เขาพยายามระงับความตระหนกและถ่อมตน ถึงกระนั้นเขาก็ยังต้องก้มหน้าไม่กล้ามองดูผู้มาถึงโดยตรง
เสียงของจี้จงเต็มไปด้วยความยินดี “ยินดีต้อนรับคุณชาย จี้จงรอมาเป็นพันปีแล้วยินดีต้อนรับการมาเยือนของคุณชายในวันนี้!”
เสียงของผู้มาถึงเหมือนกับเทพเจ้านุ่มชัดใสแต่เข้าตรงถึงก้นบึ้งหัวใจได้ง่าย และทรงพลังยิ่งกว่ายิงธนูใส่ “ข้ายังคงถูกเรียกด้วยสถานะใหม่ คุณชาย แม้ว่าข้าจะโดดเดี่ยว แต่คนนอกได้ยิน คงยากจะป้องกันไม่ให้เกิดความสงสัย”
“ได้เลยคุณชาย! จี้จงมิกล้าเสียมารยาท” จี้จงเกราะทองใช้มือทั้งสองประคองสัญญาจ้างเทพเจ้า “เพื่อเป็นการปิดบังสถานะของคุณชายเป็นการชั่วคราวและอำนวยความสะดวกในการทำงานของท่านชั่วคราวจี้จงขอมอบสถานะผู้รับใช้เทพชั่วคราวให้คุณชาย...ต่อไปในอนาคตคุณชายถือสถานะหลานของครอบครัวจี้จง การรับรองสถานะของหุบเขาโลกธาตุและการจัดการในขุนเขาเหนือขุนเขากระทำได้ไวเช่นกัน
“ได้ท่านจัดการเรื่องต่างๆ ข้าก็วางใจแล้ว”
คนที่ทำสัญญาตกลงกับเทพกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใครต้องการบ้าง ข้าจีอู๋ลี่มาถึงหุบเขาโลกธาตุแล้ว เทพปีศาจ เจ้าเด็กตระกูลเย่ว์ ไคเทียนหนี่ฉางเทียน หลานฟง ว่านหมอ ทุกคนคือหมากของข้า ฮ่าฮ่าพวกเจ้าจะไม่มีทางหนีออกมาจากหุบเขามนุษย์ได้! ต่อไปข้าจีอู๋ลี่จะพิชิตที่นี่ขุนเขาเหนือขุนเขา!”
จี้จงและคนอื่นทุกคนยืนอยู่ด้านหลังต่างมีความรู้สึกคลั่งไคล้และนับถือ
เฒ่าเหมากลัวจนร่างเย็นชาเหมือนก้อนหิน
ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
ไม่มีใครมองเขารวมทั้งจี้จงผู้อยู่ฝั่งตรงข้าม ทุกคนติดตามหลังบุรุษผู้เหมือนเทพอย่างใกล้ชิดและกลายเป็นแสงหายไปกับความว่างเปล่า
“ข้า...ต้องรายงานเรื่องนี้กับท่านเทพ!” เฒ่าเหมาลุกขึ้นมาจากพื้นยังไม่สามารถข่มใจให้หายกลัวได้อยู่นาน
แสงแปลกประหลาดข้างหลังเขาไม่รู้ว่ามีอสูรร่างมนุษย์ที่ดูแคลนทุกชีวิตในโลกปรากฏตั้งแต่เมื่อใดเมื่อเฒ่าเหมาหันกลับมาด้วยความหวาดกลัว ฝ่ามือเรียวของมันกดลงที่หน้าผากเฒ่าเหมาและยิงแสงสีขาวหุ่นอสูรนั้นมีตาสีม่วง มันดูแคลนเหยียดหยามเฒ่าเหมา “นี่เป็นลูกผู้ชายที่แข็งแกร่งหรือเปล่า?มนุษย์เป็นเผ่าพันธุ์ขยะจริงๆ ที่นี่หุบเขาโลกธาตุข้าไม่ต้องถ่อมตัวเหมือนหุบเขามนุษย์ เพื่อฉลองอิสรภาพที่ได้มายาก ข้าจะต้องฆ่านักสู้มนุษย์ให้ได้สักหมื่นคน!”
พลังของอสูรร่างมนุษย์ยากจะหยั่งคาดมันใช้เท้าเหยียบศีรษะของเฒ่าเหมา
แม้ว่าจะเหยียบให้หัวแหลกได้อย่างง่ายดายก็ตาม
แต่มันไม่ทำเช่นนั้น
บางทีมันคงรู้สึกว่าฆ่ามดแมลงเช่นนั้นไปก็ไม่มีความหมาย บางทีเพราะความตายของทูตต้อนรับแห่งอาณาจักรเทพอาคเนย์จะเป็นเหตุให้เกิดความยุ่งยาก นอกจากความทรงจำของเฒ่าเหมาถูกล้างและลืมไปแล้ว อสูรตาสีทองเงินยกเท้าขึ้นจากนั้นหายไปกับสายลมโดยไม่เหลือร่องรอย
เย่ว์ไตตันกำลังพักอยู่เงียบๆในเตียงใหญ่ในห้องต้อนรับ จู่ๆ เขาลืมตาและยิ้มมุมปาก “ชีวิตที่ไม่ได้พบโดยบังเอิญ นี่ชักจะสนุก”
เขาไม่รู้ว่าเป็นเพราะการมาถึงของจีอู๋ลี่หรือต้องการจะฝึกกันแน่
ในโลกไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีสีสัน มีสิ่งลี้ลับได้จับเขาโยนเข้ามาในหุบเขาโลกธาตุ ขุนเขาเหนือขุนเขาซึ่งนับเป็นความเคลื่อนไหวที่โชคดี ถ้าไม่ใช่เพราะรู้สถานการณ์ในที่นี้ แม้ว่าตัวเขาจะกลับไปยังหุบเขามนุษย์ เขาก็ต้องระมัดระวังและค้นหาจีอู๋ลี่ในหุบเขามนุษย์ ตอนนี้มุ่งหน้าตรงไปยังขุนเขาเหนือขุนเขา ตรงนี้มีความสะดวกสบาย ไม่ต้องถูกมัดมือมัดเท้าเหมืออนกับหุบเขามนุษย์
แต่ใครเล่าอยู่ในโลกไร้ที่สิ้นสุด?
คนผู้นั้นมีความสามารถโยนตัวเขาออกจากโลกไร้ที่สิ้นสุดและเข้ามาในหุบเขาโลกธาตุขุนเขาเหนือขุนเขาได้อย่างไร?
การทำเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้จีอู๋ลี่พบโดยบังเอิญ พลังลึกลับต้องการมาที่นี่เพื่อค้นหาวัตถุโบราณหรือเปล่า?
เย่ว์หยางคิดอยู่เป็นเวลานานเขาไม่สามารถเข้าใจได้
โง่ไปได้จะคิดมากไปทำไม ไปถามนางพญาเฟ่ยเหวินหลีดีกว่า
ในโลกไร้ที่สิ้นสุดเขาเพิ่งตระหนักถึงการสร้าง การทำลายความนิรันดร์ในนี้ รู้สึกถึงขอบเขตเทพก็ถามนาง หากไม่ใช่เพราะพลังลึกลับที่ทำให้ตัวเขาเองหนีผ่านโลกไร้ที่สิ้นสุด ทั้งยังทำความเข้าใจและดูดซับพลังที่ไม่รู้จักของของโลกไร้ที่สิ้นสุดกลัวว่าเขาจะเลื่อนเป็นระดับเทพโดยตรง!ถ้าไม่ใช่กรณีนี้ไม่จำเป็นต้องมีสิ่งดีหลังจากนั้น ที่สำคัญเทพธิดากระบี่ฟ้าร้องขอให้เขาให้ความสำคัญกับพื้นฐานที่ดีไม่ต้องรีบบรรลุพลังระดับใหม่
หลังจากเขม่นกับกัวกัวผู้ริษยาเล็กน้อยเขากลับเข้าไปแกล้งนอน เย่ว์หยางกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ทันที หลังจากเย่ว์หวี่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพักแล้วเขาไม่รอช้าเข้าไปในมิติผนึกหลุมดำเพื่อเยี่ยมนางพญาเฟ่ยเหวินหลี