ตอนที่ 1132 หุบเขาโลกธาตุ, ขุนเขาเหนือขุนเขา
หุบเขาโลกธาตุขุนเขาเหนือขุนเขา
แม้ว่าคนผู้มีพรสวรรค์จะได้รับความนิยมในทุกที่ แต่เชื่อได้ว่าไม่มีที่ใดในโลกที่ให้ความสำคัญกับคนผู้มีพรสวรรค์มากไปกว่าขุนเขาเหนือขุนเขา
ขุนเขาเหนือขุนเขาปกครองโดยเทพทั้งสิบแต่เดิมมีเทพที่ทรงพลังที่สุดสองคน เพราะการต่อสู้แย่งอำนาจปกครองตลอดเวลาหลายปีทำให้หุบเขาโลกธาตุและขุนเขาเหนือขุนเขาเกิดความสูญเสียที่มิอาจนับคำนวณได้ เพราะเหตุนี้เองเทพทั้งแปดที่ร่วมสงครามหมื่นปีที่แล้วตัดสินใจผนึกกำลังกัน ขณะที่สองเทพผู้แข็งแกร่งที่สุดถูกโจมตีทำร้ายอย่างรุนแรงจนอยู่ในสภาพอ่อนแอทันใดนั้นพวกเขาตัดสินใจเผาร่างเทพเป็นจุล และผนึกสำนึกเทพไว้ในขุนเขาเหนือขุนเขา...เมื่อสุดยอดนักสู้ทั้งสองตาย แปดเทพที่ผนึกกำลังกันต่อสู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสพวกเขาตัดสินใจที่จะดูแลปกครองโลกทั้งแปดคนด้วยกันและแนะนำเสาะหาอัจฉริยะในหุบเขาโลกธาตุหวังว่าจะฟื้นฟูขุนเขาเหนือขุนเขาจากหายนะให้ได้โดยเร็ว
เป็นเวลาหลายพันปีไม่ว่าจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์แบบไหน ตราบใดที่พวกเขามาถึงขุนเขาเหนือขุนเขาแห่งหุบเขาโลกธาตุพวกเขาจะได้รับการจ้างงาน
เทพทั้งแปดอยู่ในทิศทั้งแปดในยุคแห่งสันติภาพพวกเขาตัดสินใจสร้างอาณาจักรศักดิ์สิทธิ์ซึ่งต้องการผู้มีพรสวรรค์จำนวนมาก
ดังนั้นผู้มีพรสวรรค์ทุกคนที่มาถึงที่นี่ในเมืองนี้จะมีคุณค่าเป็นร้อยเท่า ทุกฝ่ายจะแย่งกันนัดหมายจองตัว
สถานีแรกรับหุบเขาเหนือหุบเขา
เฒ่าเหมาผู้ทำหน้าที่ต้อนรับนั่งทอดถอนหายใจยาวทั้งวัน
ตามกฎของที่นี่ในแต่ละปีตัวแทนของเทพแต่ละฝ่ายจะอยู่ประจำการที่นี่เป็นเวลาหนึ่งเดือนผู้มีพรสวรรค์ที่รับเข้ามาในช่วงเวลานี้จะต้องลงนามทำสัญญาว่าจ้างกับเทพฝ่ายของตน มิฉะนั้นผู้มีพรสวรรค์ทั้งหมดจะตกไปอยู่ในความครอบครองของเทพบางคนทั้งหมด
สำหรับส่วนที่เหลืออีกสี่เดือนของทุกปีเทพทั้งแปดฝ่ายจะรวมตัวกันรับสมัครงานในราคาค่าจ้างที่สูงขึ้น
ปัญหาก็คือเฒ่าเหมาเทวทูตรับสมัครงานซึ่งเป็นตัวแทนของอาณาจักรเทพอาคเนย์ปฏิบัติหน้าที่มา28 วันแล้ว ยังไม่มีผู้เปี่ยมพรสวรรค์เข้ามาสมัคร และยังห่างไกลจากภารกิจเป้าหมายส่งมอบ‘สามอัจฉริยะ’ เฒ่าเหมาไม่คาดหวังอีกแล้วเขาแค่หวังจะได้รับสมัครผู้มีพรสวรรค์สักคน จะได้ไม่ต้องกลับไปมือเปล่า
“ตอนนี้ผู้มีพรสวรรค์ชักจะน้อยลงทุกทีนี่ไม่เหมือนกับเมื่อหกพันปีก่อนไม่ว่าจะเป็นแดนสวรรค์หรือหอทงเทียนจะมีกระแสผู้มีพรสวรรค์หลั่งไหลเข้ามาหุบเขาโลกธาตุของเรามิได้ขาด แม้ว่าหลายคนจะไม่เต็มใจอยู่ประจำการเป็นเวลานาน แต่อย่างน้อยก็ยังไม่มีปัญหาในช่วงเวลาหนึ่ง เดี๋ยวนี้มีคนรุ่นหลังมาฝึกฝนที่ขุนเขาเหนือขุนเขาเพียงไม่กี่คนเฮ้อ.. ทั้งปีก็ยังไม่มีสักคน!” เฒ่าเหมาส่ายหัวและถอนหายใจยกขวดเหล้ากรอกปาก เขาคาดว่าคงไม่สามารถยึดอาชีพนี้ในฐานะผู้นำได้ เขาคิดจะเกษียณและออกจากงานตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน และตอนนี้ไม่มีอะไรรับประกันชีวิตเลย!
“ท่านขอรับ! ดูเหมือนจะมีคนอยู่ตรงนั้น!” เฒ่าเหมาในฐานะเทวทูต ในขุนเขาเหนือขุนเขาถือว่ามีสถานะใหญ่ระดับกลาง อาจมีคนรับใช้หลายคนเป็นลูกมือ แต่คนที่เพิ่งจะพูดนั้นเป็นเด็กหนุ่มฉลาดมีไหวพริบสายตายาวไกลเหมือนตาเหยี่ยว
ปีศาจน้อยนี้เรียกว่า ‘กัวกัว’ ยังไม่มีความแข็งแกร่งพอจะเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่จะเข้าขุนเขาเหนือขุนเขาได้
แต่เขากะล่อนและมีสายตาดีเยี่ยม
อาจมองได้ว่าเป็นพรสวรรค์ก็ได้
แน่นอนว่าเฒ่าเหมาพาเด็กหนุ่มมาด้วยเมื่อเขาต้องทำธุรกิจในหุบเขาโลกธาตุและพาปีศาจน้อยผู้มีอายุ 300 ปี ซึ่งยอมตัวเป็นคนรับใช้มายังขุนเขาเหนือขุนเขา
เฒ่าเหมาเมื่อได้ยินเช่นนั้นมือที่กำลังกรอกเหล้าเข้าปากชะงักค้างทันที
มาจริงๆหรือ?
จะเป็นผู้มีพรสวรรค์มาถึงหรือเปล่า?
หรือว่าพระเจ้าทรงมีนัยน์ตาทนเห็นข้าเกษียณมือเปล่าไม่ได้จึงส่งผู้มีพรสวรรค์มาถึงในขณะที่ข้าอาจต้องกลับมือเปล่า?
“ดูให้ดีเขาอาจเป็นผู้รับใช้ที่กลับมาทำธุระในหุบเขามนุษย์ก็ได้ อย่าเข้าใจผิดพลาด!” เฒ่าเหมาพยายามข่มความตื่นเต้นในหัวใจของเขา เขาพยายามมองดูอย่างชัดเจนที่สุดบุคคลที่กำลังมาเป็นผู้มีพรสวรรค์ที่ไม่เคยลงทะเบียนมาก่อน ไม่ใช่ผู้รับใช้ทำงานให้คนอื่นในหุบเขาโลกธาตุ สิ่งที่ทำให้เฒ่าเหมางุนงงก็คือดูเหมือนเขายังอายุน้อยอย่างคาดไม่ถึงมองดูจากพลังผันผวนธรรมชาติในชีวิตของเขา เฒ่าเหมาพบว่าเด็กหนุ่มคนนี้อายุประมาณ20 ปี
20ปีเองหรือ?
อายุน้อยอย่างไม่น่าเชื่อ!
เขารู้ว่าในหุบเขาโลกธาตุอายุ 300 ปี ถือว่าเป็นวัยรุ่นกำลังเติบโตแต่ยี่สิบปีถือว่ายังอายุเยาว์เหมือนเด็กเพิ่งหย่านม แต่จะพูดอย่างนั้นกับเด็กหนุ่มอายุยี่สิบปีคนนี้ก็คงไม่ดี “ยินดีต้อนรับ” ไม่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะหย่านมแล้วหรือไม่ก็ตามเฒ่าเหมารู้สึกว่าเขาจะต้องแนะนำเด็กหนุ่มอายุน้อยนี้ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ได้เป็นระดับหัวหน้ามานานถึงพันปี เป็นไปไม่ได้เลยที่จะนึกวาดภาพตอนจบที่สมบูรณ์แบบยอดเยี่ยมเฒ่าเหมามักจะแนะนำผู้มีพรสวรรค์ มีความมั่นใจในตนเอง ผู้ติดต่อครั้งแรกมักจะส่งไปเป็นผู้รับใช้ แต่ตอนนี้โดยไม่คำนึงของตัวตนของเขาในฐานะเทวทูตเขาคว้าข้อมือของเด็กหนุ่มผู้ที่เพิ่งมาถึง
“นี่ที่ไหน?” เด็กหนุ่มผู้มาถึง ไม่เพียงแต่สับสนเท่านั้นแต่เขามาถึงขุนเขาเหนือขุนเขา เขายังไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน พูดไม่ออกลยจริงๆ
“สวัสดีที่นี่คือจุดแรกรับของขุนเขาเหนือขุนเขา ข้าคือเทวทูตแห่งอาณาจักรเทพอาคเนย์นามว่าเหมาพั่วตี้ หรือจะเรียกข้าว่าเฒ่าเหมาก็ได้” เฒ่าเหมาไม่ยอมไร้ผลงานเขายิ้มให้เย่ว์หยางและจับมือแน่นไม่ปล่อย ด้วยความกระตือรือร้น
“สถานีแรกรับขุนเขาเหนือขุนเขาหรือ?”
เมื่อเขาได้ยินถึงกับตกใจ
เป็นเวลานานเขาถึงพึมพำกับตนเอง “ความจริงข้าควรปล่อยให้เขาถูกโยนออกจากขุนเขาเหนือขุนเขาหรือไม่?”
ฝ่ายเฒ่าเหมาและกัวกัวมองดูรู้สึกไม่ถูกต้อง คนผู้นี้ยังเยาว์วัยเกินไปและดูเหมือนประสาทจำแนกทิศทางก็ไม่ดี เขาหลงทางเข้ามาในสถานีแรกรับแสดงว่าไม่ใช่ผู้มีพรสวรรค์ที่ถูกส่งเข้ามาหลังจากผ่านเงื่อนไขแล้ว
เขารีบเตือนเฒ่าเหมา “ท่านผู้เฒ่า! ดูเหมือนจะผิดปกติไปบ้าง”
เฒ่าเหมาเป็นคนแบบไหนกันแล้ว?
สุดยอดฝีมือที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อนเป็นเวลาหลายพันปีแล้ว
ในฐานะเทวทูตต้อนรับหากเขามองไม่เห็นสิ่งผิดปกติตั้งแต่ครั้งแรกออก อย่างนั้นเขาอยู่มาหลายพันปีอย่างไร้ประโยชน์เปล่าๆ และนัยน์ตาของเขาคือนัยน์ตาของเทวทูตปฏิสันถาร
อย่างไรก็ตามสำหรับสถิติที่น่าอายซึ่งกำลังจะเกิดขึ้นเขาตัดสินใจแกล้งทำเป็นตาบอด เด็กหนุ่มนี่ยังเด็กเกินไปที่จะต่อกรกับมัน แม้แต่ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังไม่ถึงระดับผู้มีพรสวรรค์! แต่มีค่าควรแก่การฝึกปรือ ไม่ต้องพูดหรอกว่าเด็กหนุ่มนี้มีศักยภาพยิ่งใหญ่ที่สุด! เขาโบกมือขัดจังหวะกัวกัว“ไม่มีอะไรผิดปกติในเรื่องนี้ นี่คือผู้มีพรสวรรค์! เด็กน้อย..โอไม่, น้องชาย เจ้าชื่ออะไร?”
“ข้าสกุลเย่ว์นามว่าไตตัน” เด็กหนุ่มที่ประสาทจำแนกหนทางไม่ดีแต่รูปร่างหล่อเหลาอดหัวเราะไม่ได้ เฒ่าเหมายินดีที่เขาไม่ใช่คนประเภทไม่หญิงไม่ชายมิฉะนั้นเจ้าเด็กนี่ต้องน่าหลงใหลเป็นแน่
“เย่ว์ไตตันหรือ? ข้าจะเรียกเจ้าว่าไตตันน้อย เจ้ามีความสามารถอะไรเป็นพิเศษบ้าง?” เฒ่าเหมาส่งสัญญาณให้กัวกัวจดบันทึกลงทะเบียน
“ความสามารถพิเศษ? รูปหล่อใช้ได้ไหม?” เย่ว์หยางกล่าวกัวกัวที่กำลังจดบันทึกทรุดลงกับพื้น แทบไม่เหลือเลือดในสมอง
“แค่กแค่ก, รูปหล่อ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงก็ได้ ทุกคนมองเห็นอยู่แล้ว นอกจากหล่อแล้วเจ้ามีความสามารถพิเศษอะไรอื่นอีกไหม?” เฒ่าเหมาไม่โกรธ เขาต้องการได้ข้อมูลความสามารถพิเศษของเย่ว์ไตตันเพื่อรักษาอาชีพของเขาให้สมบูรณ์แบบโดยไม่มีอะไรต้องอับอาย ประการที่สองคนหนุ่มสาวมักจะค่อนข้างโอ้อวดตัวเอง เด็กอายุยี่สิบคงจะหาเรื่องต่อรองกับเขา
“นอกจากหล่อแล้วข้ายังมีอีกหลายอย่าง ข้าไม่ใช่เด็กหนุ่มยอดเยี่ยม ยกเว้นแต่หน้าแล้วไม่มีจุดเด่นตรงไหน...” เย่ว์ไตตันเกาศีรษะไม่สามารถบอกได้ว่าตนเองเก่งด้านไหนอยู่นาน
“อย่างนั้นความสามารถพิเศษควรเขียนคำว่าหล่อลงไปก่อน!” เฒ่าเหมาไม่กังวลเรื่องนี้ เขาอายุเพียงยี่สิบปีเพิ่งหย่านมได้นับเป็นความสามารถยอดเยี่ยมแล้ว? แต่ถามถึงเรื่องนี้จะไม่เป็นการจงใจให้เขาอายหรือ? เฒ่าเหมาโบกให้กัวกัวบันทึกลงไปว่า ‘หล่อ’ ในระบบฐานข้อมูล กัวกัวเขียนลงไปอย่างไม่เต็มใจ เขาทำปากเบะหล่อดีแต่ผายลม หล่อกินได้หรือเปล่าวะ!
“ขอบคุณ,ถ้าข้านึกถึงความถนัดของข้าในอนาคตออกข้าจะบอกกับท่าน!” เย่ว์ไตตันขอบคุณผู้เฒ่าเหมาอย่างซาบซึ้ง
“ด้วยความยินดีความสามารถพิเศษเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว” เฒ่าเหมาตบไหล่เย่ว์ไตตัน ความสามารถพิเศษนี้มีค่ามาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งยิ้มที่สดใสยิ่งกว่าดวงอาทิตย์มีพลังฆ่าทำให้สตรีไม่สามารถต้านทานเสน่ห์ได้ และเฒ่าเหมารู้สึกว่าจะต้องระมัดระวังมากขึ้นในอนาคตจะเป็นการดีกว่าที่ไม่นำเย่ว์ไตตันกลับไปฉลองที่บ้านมิฉะนั้นสตรีในบ้านของเขาอาจต้องฟุ้งซ่านเพราะรอยยิ้มของเจ้าเด็กบ้านี่
“บอกเราได้ไหมว่าเจ้ามีถิ่นกำหนดอยู่ที่ไหน? ถ้าเจ้าต้องการเก็บรักษาไว้เป็นความลับ ไม่ต้องพูดก็ได้” กัวกัวรู้สึกอึดอัด เดิมทีเขาเป็นคนที่รูปหล่อที่สุดในสายตาท่านเหมาพั่วตี้เขาเป็นคนอายุเยาว์ผู้คนรอบตัวเขารวมทั้งครอบครัวของเฒ่าเหมามีผู้เยาว์อายุน้อยหลายคนบางคนพูดว่าเขาเป็นลูกนอกสมรสของเหมาพั่วตี้ พอตอนนี้เย่ว์ไตตันมาถึงแล้วอายุเยาว์กว่า สถานะของเขานับว่าไม่ปลอดภัยเลย
เทียบกันในเรื่องอายุแล้วเย่ว์ไตตันนี้อายุเยาว์กว่า เขาอายุเพียง20 นับว่าเยาว์วัยมาก
ยิ่งหน้าตายิ่งเทียบกันไม่ได้ เจ้าเด็กนี่รูปหล่อกว่า
เห็นแล้วน่าอิจฉา
รอยยิ้มของเขาทำให้ผู้คนอึดอัด!
ถ้าเหมาพั่วตี้ให้คำแนะนำเย่ว์ไตตันผู้นี้เป็นพิเศษเขากลัวว่าสถานะของเขาจะถูกเจ้าเด็กช่างพูดนี้แทนที่ได้.. แม้ว่าเขาจะมีความไม่สบายใจแต่เขาไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้า นั่นเป็นการพูดเพื่อหวังจะได้รับรู้ข้อมูลของกันและกันมากขึ้นและเป็นเรื่องของการรู้เรารู้เขารบร้อยครั้ง ชนะร้อยครา!
“คนที่สดใสเปิดเผยอย่างข้าไม่มีอะไรต้องเก็บเป็นความลับและไม่มีอะไรจะบอกคนอื่น” เย่ว์หยางตบอกรับประกันว่าเขาเป็นคนซื่อตรงและอ่อนโยนอดทนต่อการทดสอบขององค์กรโลกที่รักษาความเป็นกลาง อย่างไรก็ตามทัศนคติของเขาไม่ได้ลดความลำบากใจของกัวกัวแม้แต่ครึ่งหนึ่ง แต่เขากลับรู้สึกรำคาญมากขึ้น คิดว่าเจ้าผู้นี้เป็นแค่เด็กผายลมตัวน้อยอายุ20 ปี เพิ่งจะมีชีวิตได้ไม่กี่วันเองไม่ใช่หรือ? เขาผ่านอะไรมาบ้าง? แม้ว่าเขาต้องการความลับของเจ้าผู้นี้ แต่เจ้าผู้นี้เพิ่งผ่านคลื่นผ่านลมมาสักกี่ปีกันเชียว!
“หอทงเทียน?” หลังจากได้ยินคำตอบเย่ว์หยางเฒ่าเหมาขมวดคิ้ว “หอทงเทียนไม่ค่อยมีคนใหม่มาเยือนในรอบหลายพันปีมาแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”
“ไม่ว่าอะไรเกิดขึ้นก็ถือว่าดี!” เย่ว์ไตตันตอบว่าหอทงเทียนมีปัญหา
“เจ้าเข้ามาถึงขุนเขาเหนือขุนเขาได้อย่างไร?” กัวกัวถามคำถามนี้อย่างช่วยไม่ได้ในชั้นต้นนี้ไม่สามารถสอบสวนอย่างระมัดระวัง นั่นเกี่ยวข้องกับการฝึกฝนส่วนตัวแต่สำหรับเย่ว์ไตตัน คนโง่ที่หลงเข้ามาในขุนเขาเหนือขุนเขากัวกัวอดถามไม่ได้
“ไม่รู้เหมือนกันเดิมที ข้ากำลังฝึกฝนอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง เมื่อข้าพร้อมที่จะฝึกฝนเสร็จทันใดนั้นก็มีบุรุษที่ข้าไม่รู้จัก สันนิษฐานว่าไร้ความรู้สึกของมนุษย์ เห็นข้าดูดรับพลังงานได้ดีก็เลยจับข้าโยนมาที่นี่และขอให้ข้าทำอะไรบางอย่าง” เย่ว์หยางกางมือชี้โน่นชี้นี่ส่ายหน้ายิ่งกว่าแมลงที่สับสน “พระเจ้าคงรู้ดีว่านั่นหมายถึงอะไร แต่ยังไงก็ตามข้าก็ยังไม่เข้าใจชัดนัก...”
“อา..ไม่เลวเลย!” เฒ่าเหมายอมฟังอยู่ครึ่งค่อนวัน ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นหน้าที่ของเขา เขาคงไม่ยอมรับฟังเรื่องงี่เง่าแน่นอน แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือก ได้แต่ต้องเปิดตาข้างหนึ่งปิดตาข้างหนึ่งแม้ว่าอีกฝ่ายยังเป็นเด็ก แต่ก็มีศักยภาพ แม้ว่าประสาทจำแนกเส้นทางจะย่ำแย่ก็ตามแต่บางทีอาจมีผู้ยิ่งใหญ่หนุนหลัง ไม่อย่างนั้นจะส่งเขามาขุนเขาเหนือขุนเขาหรือ?
คนแบบนี้มีไม่มาก
และคนมีอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเขาอาจเป็นเทพบางทีแม้แต่อาณาจักรเทพอาคเนย์ หรือที่อื่นคงจะส่งเขามาขุนเขาเหนือขุนเขาเขารับหน้าที่มาตั้งแต่เมื่อไหร? ไม่ว่ายังไงก็ตาม เป็นเรื่องจำเป็นต้องรับเย่ว์ไตตันเพื่อคงความสัมพันธ์ระหว่างอำนาจที่หนุนหลังเขาไม้ต้องพูดถึงความช่วยเหลือชั่วคราวอย่างน้อยก็ยังมีพลังวิเศษที่สามารถส่งผู้คนไปยังขุนเขาเหนือขุนเขาได้จึงไม่ควรขัดแย้งกับเขา
กัวกัวเป็นเด็กฉลาดเขาก็มีแนวคิดด้านนี้เหมือนกัน
เขายังคงอิจฉาเย่ว์ไตตัน แต่เขาต้องกำจัดความคิดของเขาในการพยายามขัดแข้งขัดขา และหวาดกลัวทันที
“ไตตันน้อยดูตามอายุและความแข็งแกร่งของเจ้ายังต่ำกว่ามาตรฐานของเราไปเล็กน้อยแต่อาณาจักรเทพอาคเนย์ไม่กีดกันผู้มีพรสวรรค์ เจ้ามีศักยภาพ เราตัดสินใจจ้างเจ้าตราบเท่าที่เจ้าเห็นด้วย เจ้าสามารถลงชื่อในสัญญาได้ แน่นอนว่า นี่เป็นการจ้างงานชั่วคราวรอให้พลังของเจ้าได้รับการพิเศษ เจ้าได้คุณค่าพิเศษเจ้าจะได้รับค่าจ้างในระดับสูง” เฒ่าเหมาทำสัญญาจ้างเย่ว์ไตตัน แต่กัวกัวรอคอยมาหลายปีแล้วแต่ก็ยังไม่ได้สัญญา
“เด็กรับใช้ฝึกงานชั่วคราวหรือ?” เย่ว์ไตตันชำเลืองดูสัญญาแต่เขาส่ายหน้าไม่พอใจ “ข้าไม่เป็นคนใช้ให้คนอื่น ข้าอยู่บ้านก็เป็นคุณชายสบายๆ อยู่แล้ว!”
“....” กัวกัวทรุดกับพื้นอีกครั้ง เจ้าเป็นคุณชาย คนตาบอดก็มองออกว่าเจ้าควรจะอยู่ที่บ้าน เมื่อเจ้ามาถึงขุนเขาเหนือขุนเขาในหุบเขาโลกธาตุไม่ว่าเจ้าจะมีฐานะใดในที่บ้าน เจ้าจะมาโม้โดยไม่มีกำลังสนับสนุนไม่ได้! แม้ว่าจะเป็นคนฝึกงานชั่วคราวของเทพแต่ด้วยการทำงานหลายสิบปีของกัวกัว เทียบกันแล้วยังดีกว่าร้อยเท่า เจ้าเด็กนี่ยังไม่พอใจอีก เขาเห็นผีจริงๆ!
“เป็นผู้รับใช้เทพไม่ใช่เป็นทาสจริง แต่เป็นตำแหน่งที่ต้องรับคำสั่ง” เฒ่าเหมาฝืนยิ้ม “ผู้รับใช้ไม่มีในตอนแรก ผู้รับใช้เทพมีแต่ เทวทูตและขุนพลเทพเท่านั้น แต่เพราะมีผู้มีพรสวรรค์จำนวนมากยังไม่ถึงระดับผู้รับใช้เทพจึงต้องจัดสรรตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราวที่ต่ำลงมากว่าระดับหนึ่ง”
“ผู้รับใช้เทพหมายความว่าคนที่อยู่ในโลกเป็นตัวแทนของเทพแสดงให้เห็นถึงความปรารถนาของเทพ มีตรงไหนผิดด้วย?” กัวกัวอดขึ้นเสียงบ้างไม่ได้
“ยังไงก็ตามข้าไม่ยอมเป็นคนรับใช้ แม้ว่าจะเป็นผู้รับใช้เทพก็ตาม!” เย่ว์ไตตันกล่าวเช่นนั้นก็ไม่ต้องปรึกษากันต่อไป
“เจ้าไม่มีคุณสมบัติถึงเจ้าต้องการก็ตาม!” กัวกัวโมโห เด็กอย่างเจ้ามีความรู้นิดหน่อย? รู้สึกละอายบ้างไหม?
“อย่างนั้นข้าจะกลับ” เย่ว์ไตตันหันหลังเดินออกไป
“อย่าอย่าเพิ่งกลับ โชคชะตานำเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว!” เฒ่าเหมารีบหยุดเขาทันทีและเขาคิดถึงพลังพิเศษที่ส่งเย่ว์ไตตันมาที่นี่ ในกรณีที่มีคนอยู่เหนือเขาได้ส่งเมล็ดพันธุ์ที่มีศักยภาพมาให้แต่ถูกส่งคืนกลับ คาดว่างานไม่สามารถทำให้เสร็จสิ้นได้และเขาอาจถูกตำหนิอย่างหนักจากเบื้องบน นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาชดใช้ได้เขาคิดอย่างนี้แล้วรู้สึกหนาวสะท้านในใจ เขารีบยิ้ม “ข้าเฒ่าเหมาเป็นแค่เทวทูต มีอำนาจค่อนข้างจำกัดอย่างไรก็ตามข้าจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อให้เจ้าได้รับการฝึกงาน เจ้าคิดว่ายังไง?”
“ท่านผู้เฒ่า” กัวกัวเกือบคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว
“หุบปาก!” เฒ่าเหมาคิดว่าครั้งนี้ไม่สามารถปล่อยหมาป่าเข้าป่าได้เพื่อให้รั้งตัวเย่ว์ไตตันไว้ เขายอมกล้ำกลืน ไม่ว่ายังไงก็ต้องรับคนมีพรสวรรค์ให้ได้!