ตอนที่แล้วตอนที่ 1129 ไม่ต้องกลัว ยังมีพี่ชายทั้งคน!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1131 หัวใจ ความสว่าง ประกายเจิดจ้า

ตอนที่ 1130 โลกไร้ที่สิ้นสุด


โลกไร้ที่สิ้นสุด

สวรรค์และโลกน้อยในคัมภีร์เงินไม่เพียงแต่มีการทำลายและสร้างที่เป็นเอกลักษณ์เท่านั้น

ตรงจุดนี้ถึงแม้ว่าคนที่เข้าร่วมทดสอบจะรู้ก็ตาม แต่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะเข้าใจได้ทันที มิฉะนั้นจะไม่มีโศกนาฏกรรมเหมือนอย่างมังกรปีศาจที่ติดอยู่ในนั้นเป็นเวลาล้านปี  เย่ว์หยางเป็นคนที่มีพรสวรรค์หาตัวจับยากแต่หากไม่ได้แนวทางจากตั่วตั่วและช่วยคนอื่นไว้ก่อน เกรงว่าคงไม่อาจตอบสนองได้ทันทีเมื่อเห็นซวงเอ๋อลำบาก

เมื่อเขาหลับตายื่นมือทั้งสองออกไป

ที่เท้าของเขามีความชื้นนับไม่ถ้วนและกลายเป็นสะพานน้ำแข็งทอดยาวขวางเหวทั้งสองด้าน

ใต้เท้าของเย่ว์หยางมีเมล็ดไม้พันธุ์ขนาดเล็กเริ่มแตกต้นอ่อนงอกเติบโตออกกิ่งก้านสาขายืดขยายไปในความว่างเปล่า

มันขยายลึกลงไปในเหวไม่มีที่สิ้นสุด

บนเถาวัลย์ที่เหนียวสีเขียวสดมีดอกไม้ผลิบานจนกระทั่งเต็มไปทั้งหุบเหวขณะที่ยืดขยายกิ่งไล่ตามหนูน้อยเย่ว์ซวงที่ส่งเสียงกรีดร้องตลอดเวลาที่ร่วงตกและรองรับร่างหนูน้อยไว้อย่างอ่อนโยน

ความอ่อนหยุ่นช่วยกำจัดแรงตกไม่ให้ลงไปกระแทกพื้นเบื้องล่าง

เมื่อยืดถึงขีดจำกัดก็เด้งกลับคืน

สิ่งนี้กลายเป็นชิงช้าดอกไม้ที่งดงามส่งกลิ่นหอมจรุงใจและเสียงกรีดร้องของหนูน้อยซวงเอ๋อหลังจากที่ตกใจกลับสะท้อนกลับเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของเย่ว์หยางโดยไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

เด็กหญิงกอดคอเย่ว์หยางไว้แน่นและเรียกเขาด้วยความรักทันที  “พี่เสี่ยวซาน ข้าอยากนั่งชิงช้าบินได้ข้าอยากนั่งชิงช้าที่บินได้สูงๆ เหมือนอย่างเมื่อครู่นี่อีก”

เย่ว์หยางลืมตาและมือเขายังกอดแม่หนูน้อยซุกซนอยู่

เขาลูบศีรษะและจูบหน้าผากหนูน้อย  “แม่เล่า?”

“ท่านแม่อยู่ข้างหลัง!”  ซวงเอ๋อชี้มือไปข้างหลัง  เย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องหันกลับไปดู ฉากหลังที่เป็นสะพานน้ำแข็งเปลี่ยนไปเป็นเส้นทางคดเคี้ยวขึ้นเขาในภูเขาปกคลุมไปด้วยหมอกในท่ามกลางหมอกเป็นปราสาทตระกูลเย่ว์ที่ไม่ได้พบเจอมานานแล้วและด้านหลังเย่ว์หยางมีรถม้าที่ชำรุด ไม่มีม้าสำหรับพ่วงพื้นดินกระจัดกระจายไปด้วยเชือก ใกล้กันนั้นมีรถม้าที่มีม่านกั้นกางเอาไว้

“ใช่แล้ว”เย่ว์หยางมองกลับไป และปากของเขาสั่นเล็กน้อย เขาจะไม่มีทางลืมภาพนี้ นั่นคือวิธีการที่เขาพาแม่สี่กลับบ้าน!

“ครืน...ครืนน.. ครืน....”

ขณะที่เย่ว์หยางหันกลับไปมีลูกเหล็กกำลังกลิ้งลงมาตามเส้นทางที่คดเคี้ยว

ลูกเหล็กกลมขนาดใหญ่เพียงพอจะบดขยี้ทุกอย่างที่ขวางหน้ามัน

เทียบขนาดกันแล้วรถม้าที่กำลังจะถูกบดขยี้มีขนาดเล็กมาก

ตอนนี้เขาวางซวงเอ๋อในอ้อมแขนลงเพื่อช่วยแม่สี่ผู้คอยให้กำลังใจและยิ้มให้เขาทุกครั้งและนางมักออกหน้าทุกครั้งเพื่อปกป้องพวกเขา

เย่ว์หยางไม่มีทางเลือกเขาอุ้มเด็กหญิงด้วยมือข้างหนึ่งและเดินไปข้างหน้าช้าๆ

เกิดกำแพงน้ำแข็งมากมาย

โครม...

ลูกเหล็กบดกระแทกกำแพงน้ำแข็งแตกเป็นเสี่ยงสะเก็ดน้ำแข็งกระเด็นกระจายไปทั่ว

กำแพงน้ำแข็งมากมายไม่สามารถหยุดลูกเหล็กไม่ให้กลิ้งมาข้างหน้าได้  อย่างไรก็ตามภายใต้การนำทางของเย่ว์หยางเส้นทางกลิ้งของลูกเหล็กเปลี่ยนไป ลูกเหล็กเพียงชนขอบรถม้าเมื่อเห็นรถม้าปลอดภัย เด็กหญิงร้องตกใจกลัว จากนั้นโบกมือและปรบมือชอบใจให้กำลังใจพี่ชายของเธอ

ก่อนที่เย่ว์หยางจะได้ทันถอนหายใจโล่งอกปรากฏทางลาดชันหน้าลูกเหล็กที่กำลังกลิ้ง

แรงเหวี่ยงมหาศาลทำให้ลูกเหล็กยักษ์พุ่งไปตามทางลาดขึ้น

ม้วนวนเหมือนกับรถไฟเหาะ

จะกระทั่งถึงขีดจำกัดความสูงจึงกลิ้งกลับมาอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ยังมีเปลวไฟปะทุออกมาจากลูกเหล็กยักษ์ทั้งหมดและพื้นดินก็ถูกแผดเผาด้วยเสียงดังตามเส้นทางที่ลูกเหล็กไฟกลิ้งผ่านทั้งหินและทรายถูกแผดเผาจนแดง

แย่แล้ว เย่ว์หยางอยากกระอักเลือด

เขาใช้แขนข้างหนึ่งอุ้มเด็กหญิงและมือข้างหนึ่งดึงเชือกลากรถโดยสารแม่สี่ไปทางปราสาทตระกูลเย่ว์

เย่ว์หยางรีบฉุดลากรถขึ้นเขาโดยมีลูกเหล็กเพลิงยักษ์ไล่ตามมาข้างหลัง

เขารีบลากรถม้าไปถึงในที่ปลอดภัยลูกเหล็กยักษ์ไม่สามารถไล่ตามได้ทันอีกต่อไป

ทันใดนั้นลูกเหล็กไฟยักษ์พลันมีหลาวแหลมงอกขึ้น

หนามเหล็กตรึงอยู่ในทางลาดครึ่งทาง

เย่ว์หยางรู้สึกประหลาดใจและสายเกินไปเมื่อเขาพบว่าเชือกลากรถนั้นขาด

รถม้าที่เพิ่งหลบอันตรายมาได้หลังจากหยุดชั่วคราวก็สูญเสียแรงฉุดดึงค่อยๆ เลื่อนถอยหลังและเพิ่มความเร็วขึ้นอย่างต่อเนื่องตรงไปที่ลูกเหล็กไฟที่มีหนามแหลมร้อนแดง

ขอเพียงแล่นเร็วขึ้นเชื่อได้ว่าในรถม้าคงจะไม่มีใครรอดด้วย

ในท่ามกลางความสิ้นหวัง

เย่ว์หยางหลับตาอีกครั้งมือข้างหนึ่งอุ้มซวงเอ๋อ อีกข้างหนึ่งยื่นออกไปข้างหน้า.. แต่ครั้งนี้ไม่มีอะไรที่เขาสร้างอีกต่อไป แต่เป็นการทำลาย

รถม้าชนลูกเหล็กร้อนเต็มที่และแตกเป็นชิ้นเล็กชินน้อย

อย่างไรก็ตามในขณะนั้น

เปลวไฟทั้งหมดและชิ้นส่วนทั้งหมดถูกทำลายพลังงานถูกเปลี่ยนไปเป็นกลีบดอกไม้

ท่ามกลางแรงเหวี่ยงขนาดมากมายราวกับมีชีวิตนับไม่ถ้วนไหลหลากระบายออกมาแล้วหายไป  สตรีชุดขาวนั่งอยู่เงียบๆในรถม้าโดยสารหายไปอย่างไร้ร่องรอย กลับปรากฏค่อยๆร่วงลงกับพื้นที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้วิญญาณและยืนกับพื้นอย่างมั่นคงนางไม่ได้รับอันตรายแต่อย่างใด

นางยิ้มให้เย่ว์หยางที่กำลังอุ้มเย่ว์ซวงอย่างอ่อนโยน  “ข้ารู้ว่าไม่มีการทดสอบใดในโลกที่สามารถหยุดเจ้าได้”

ขณะที่เอื้อมมือไปรับเด็กหญิงน้อยที่ไม่เต็มใจจะกลับนางพยักหน้าให้เย่ว์หยาง  “เจ้าก็รู้เรารอเจ้าอยู่เสมอดังนั้นไม่ต้องกลัวว่าเจ้าจะเดียวดาย เรารอเจ้าอยู่ที่นั่นเสมอ!”

เย่ว์หยางไม่กล้าเอ่ยปากเพราะเขาเกรงว่าเมื่อเอ่ยปากแล้ว นัยน์ตาที่ร้อนผ่าวของเขาจะแสดงความรู้สึกออกมา

แม้แต่อยู่ต่อหน้านางเขาก็ไม่ยินดีเปิดเผยอารมณ์ความรู้สึกภายในของตัวเอง

นางค่อยๆ อุ้มเด็กหญิงเดินจากไป

โดยไม่พูดอะไร

อย่างไรก็ตามคำพูดก่อนนี้และความคิดเห็นของนางแสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนเขาอยู่เสมอนางจะรออยู่ที่บ้านและรอให้เขากลับมาหานาง จะไม่ปล่อยให้เขาไปตามลำพังจะไม่ปล่อยให้เขาไร้ที่พึ่งพิงอาศัย ไม่ใช่คนร่อนเร่ผู้น่าสงสาร

“พี่เสี่ยวซาน, มาเถอะ!” แต่เด็กหญิงผู้น่ารักหันมองหันกลับหลังผ่านไหล่มารดาโบกมือให้พี่ชาย

“.....”  เย่ว์หยางพบว่าดวงตาของเขาคลุมเครือ

นี่ไม่ใช่ความอายอึดอัด

แต่เป็นความคะนึงคิดถึงชนิดหนึ่งความคิดถึงของผู้ที่หลงทางไปนาน แม้ว่าจะไม่ได้กลับไปยังบ้านเกิดของเขา  แต่ที่นี่การได้เห็นพวกนางในใจเป็นเวลานาน  นับเป็นการดีต่อใจ

เย่ว์หยางค่อยๆ หลับตาและสูดหายใจลึก

ต่อไป ไม่สำคัญแล้วว่าจะทดสอบอะไร

เขาจะไม่ลังเลและจะไม่สะดุ้งกลัวเพราะเขาได้รับการสนับสนุนที่ยิ่งใหญ่

อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะพร้อมสำหรับความคิดที่เลวร้ายที่สุดเมื่อเขาลืมตาขึ้นและมองฉากภาพข้างหน้าเขาก็ยังอดตกใจไม่ได้

นี่คือสถานที่พิเศษ

ในสถานที่นี้เย่ว์หยางต้องทดสอบกับความไม่แน่ใจที่สุดในชีวิต

ถ้าไม่มีแม่สาวหิมะผู้รักการอ่านอยู่เสมอมือซ้ายมีพลังสายฟ้าโจมตี มือขวามีพลังน้ำแข็ง เย่ว์หยางไม่คิดว่าเขาจะผ่านด่านนี้ได้ เพราะที่นี่ตั้งแต่เริ่มต้นประวัติศาสตร์ ไม่เคยมีใครผ่านด่านได้สำเร็จอย่างแท้จริงในบรรดาวิหารสิบสองนักษัตร  วิหารเทพสตรี!

เป็นด่านที่ยากมากกว่าการผ่านประตูเป็นตาย!

หนักหนาสาหัสกว่าการท้าทายใดๆ!

วิหารเทพสตรีทดสอบจุดอ่อนในหัวใจมนุษย์   ไม่มีใครสามารถเอาชนะความอ่อนแอทางจิตใจตนเองได้อย่างเดียว  แม้แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ไม่สามารถทำได้

วันนั้นเย่ว์หยางผ่านด่านได้สำเร็จเพราะเขามีสหายที่ดีสามคนคืออี้หนานสาวผู้ลึกลับที่ไม่เต็มใจจะเปิดเผยตัวตนของนางในเวลานั้น  อี้หนานมีความสามารถทางจิตที่ยอดเยี่ยมและสาวน้อยเย่ว์ปิงผู้กล้าและกระตือรือร้นมากที่สุด เมื่อทั้งสามคนช่วยกันเย่ว์หยางก็เอาชนะจิตปีศาจและเอาชนะจุดอ่อนของเขาในวิหารเทพสตรีได้ทำให้ผ่านด่านได้อย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน

อย่างไรก็ตามตอนนี้

เด็กหนุ่มจากโลกอื่นพบว่าตัวของเขาเองกลับมาที่วิหารเทพสตรี

มีเสียงที่ไม่มีตัวตนและเสียงเบาดังขึ้นเบาๆในหูของเขาดูเหมือนหญิงสาวกระซิบรักด้วยความผิดหวัง  “คนโง่! เจ้าคิดว่าเจ้าผ่านด่านวิหารเทพสตรีได้จริงๆ หรือ? ความจริงกระบวนการทั้งหมดก่อนหน้านั้นเป็นเพียงภาพลวงตา!”

“รวมถึงการต่อสู้ในแดนสวรรค์การทดสอบประตูเป็นตาย และมิติฝึกปรือฝีมือเหล่านี้ก็เป็นภาพลวงตาด้วยใช่ไหม?” เย่ว์หยางยิ้ม

“เจ้าคิดว่านั่นเป็นเรื่องจริงหรือ?”  เสียงที่ไม่มีตัวตนเย้ยหยันไม่เกรงใจ  “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใคร? สิ่งที่ดีที่สุดในโลกกองอยู่ในหัวของเจ้าอย่างนั้นหรือ?”

“นั่นคือรางวัลจากความพยายามหนักของข้าไม่ใช่หรือ?”  เย่ว์หยางยักไหล่

“ในภาพลวงตาของชีวิต  เจ้ายังจะคงดื่มด่ำต่อไปแทนที่จะตื่นขึ้นอย่างนั้นหรือ?” เสียงนั้นถามในทำนองนี้

“เจ้าบอกว่าชีวิตเดิมเป็นภาพลวงตาและมันก็เป็นเรื่องจริง  ต้องสนใจทำไมว่าใครจะมองอย่างไร หากใครบางคนรู้สึกว่าชีวิตของเขาเป็นเรื่องจริง   มันก็เป็นเรื่องจริง  ถ้าเขาคิดว่าเป็นเรื่องเท็จก็ต้องแสวงหาเรื่องจริงอย่างยากลำบาก ไม่มีความจริงเด็ดขาดในโลกความจริงบางทีก็มีพื้นฐานมาจากความเท็จแล้วก็มีความจริงรวมอยู่ด้วย  ตัวอย่างเช่นคนที่ดูเหมือนคนแต่เขามีรูปร่างแปลก ประกอบด้วยโมเลกุลหลวมๆ เหมือนทรายเม็ดเล็กนับไม่ถ้วน อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือดอกไม้ที่ดูสวยงามมากแต่เป็นรูปแบบที่ประกอบด้วยอนุภาคขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วน หากเจ้าขยายภาพดูมันเต็มไปด้วยจุลินทรีย์ที่น่าเกลียดทุกชนิดรวมถึงสีที่งดงาม  หากเจ้ามองผ่านกระจกสีที่แตกต่างกันมันอาจดูน่าเกลียดน่ากลัวมากกว่าก็ได้...นั่นคือสัจธรรมที่แท้จริงของทุกชีวิต” เย่ว์หยางตอบด้วยวิธีนี้

“นี่คือเหตุผลที่ทำให้เจ้ายินดีอยู่ในภาพลวงตาใช่ไหม?”  เสียงคลุมเครือถาม

“แม้ว่าข้าไม่ต้องการแต่ข้าไม่มีสิทธิ์และความสามารถในการเลือก!” เย่ว์หยางส่ายหน้าและถอนหายใจ“ข้าเกิดมาไม่ได้เป็นเทพผู้มีพลานุภาพทุกอย่าง จะให้ข้าทำอย่างไรได้? ข้าต้องกินเมื่อร่างกายหิว ต้องสวมเสื้อผ้าเมื่ออากาศเย็นเจ็บปวดเมื่อร่างกายถูกทำร้าย มีความรู้สึกท้อแท้และเศร้า...  แม้ว่าข้าต้องพากเพียรอย่างหนักข้าก็พยายามเต็มที่เพื่อเปลี่ยนโชคชะตา ข้าจะทำอะไรได้บ้างเล่า  ข้าไม่รู้ว่าทางเลือกนั้นถูกต้องหรือว่าผิดพลาด  บางครั้งข้ารู้ตัวว่าเลือกผิดแต่ข้ายังต้องทำ ข้าสามารถเลือกได้อย่างอิสระหรือ? เป็นไปไม่ได้! ข้ามีความสามารถในการเลือกได้อย่างอิสระหรือไม่?  ไม่เลย! ดังนั้น...มนุษย์ ไม่มีอะไรดี” เย่ว์หยางถามกลับ “เจ้าคิดว่าข้ายินดีจะทำเช่นนี้หรือ?”

“แม้ว่าเจ้าจะผ่านวิหารเทพสตรีผ่านประตูเป็นตาย ผ่านมิติดินแดนทดสอบฝีมือ และได้รับคัมภีร์เทพ  ด้วยพลังอย่างเจ้าเจ้าคิดว่าคัมภีร์เทพจะเลือกเจ้าหรือ?” เสียงที่ไม่มีตัวตนถามอย่างไม่มีความรู้สึก

“ถ้าไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร?”  เย่ว์หยางไม่ให้คำตอบ

“รู้สึกว่าห่างไกลจากความเข้าใจ เจ้าผู้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับการสร้างและทำลายทำไมเจ้าถึงไม่สามารถออกจากโลกไร้ที่สิ้นสุดนี้ได้?”  ทันใดนั้นมีเสียงคลุมเครือถาม “ทำไมเจ้าถึงคิดว่าเทวทูตสาวทั้งสามเป็นผู้แนะนำที่ดี?  พวกนางอาจเป็นผู้รับใช้ของเทพปีศาจ ทำงานอย่างหนักเพื่อฟื้นคืนชีพของเทพปีศาจ  และพยายามทำร้ายความเป็นไปได้ในการคืนชีพเทพปีศาจ เจ้าเข้ามาในกรงโลกไร้ที่สิ้นสุดในคัมภีร์เงินทำไม?”

“ความจริงข้าถูกหลอกบ่อยมากจนตอนนี้เลิกสนใจแล้ว” เย่ว์หยางหัวเราะลั่น

“ถ้าพวกนางไม่ปล่อยเจ้าไปเล่าจะเกิดอะไรขึ้น? เจ้าจะฝันอยู่ในโลกนี้ตลอดหรือไม่? อย่างเช่นตอนนี้ เจ้าฝันถึงคนที่เจ้ารักคนที่เจ้ารักจะเข้ามาอยู่ข้างเจ้าไม่ใช่หรือ?” เสียงคลุมเครือถาม

“หนึ่งล้านปีถ้าไม่มีความต่างกับหนึ่งวินาที” เย่ว์หยางพยักหน้าและพูดต่อ “อย่างนั้นก็ไม่เป็นไร”

“อย่างนั้นก็นอนต่อไป ฝันและตายไป  หลังจากล้านปี ค่อยมาพูดกันอีกครั้ง”  เสียงคลุมเครือค่อยๆจางหายไปอย่างไร้ร่องรอยเหมือนกับไม่เคยปรากฏมาก่อน

“หนึ่งล้านปีใช่ไหม?”  เย่ว์หยางหลับตาและเหยียดมือ  “พอเถอะ พอได้แล้ว สำหรับข้าข้าจะสร้างโลกไร้ที่สิ้นสุดโลกความฝันในใจของข้า!”

สายเกินกว่าจะเริ่มสร้าง

ทันใดนั้น

เขารู้สึกจิตใจถูกชักจูง

เย่ว์หยางลืมตาและเห็นว่ามีเด็กหญิงที่ตัวเล็กกว่าซวงเอ๋อกำลังนั่งอยู่ข้างหน้ามองดูเองอย่างสงสัยและลูบหน้าตัวเองว่าบวมหรือไม่?

เด็กหนุ่มจากโลกอื่นสร้างถาดขนมหลากสีสันและส่ายร่อนหลอกล่ออยู่ข้างหน้า  “บอกพี่ได้ไหมน้อง พวกหนูๆ ชื่ออะไรใครตอบเร็วที่สุด พี่จะให้ขนมเป็นรางวัล” เดิมทีนี่เป็นลูกเล่นหลอกเด็กเกลี้ยกล่อมเด็กให้ทำทุกอย่าง  แต่ไม่มีผลต่อเด็กหญิงน้อยสามคนพวกเธอมองดูเย่ว์หยางด้วยสายตางงงวย

เด็กหญิงตัวเล็กหน้ากลมแดงพูดเสียงแหลมเล็ก  “มีคนโง่เคยใช้วิธีนี้หลอกเด็กมาก่อน!”

เย่ว์หยางเมื่อได้ยินก็หงุดหงิดและพูดอย่างเย็นชา  “เหลวไหล,มีคนมากมายหลอกเด็กอย่างไร้ยางอาย พวกเจ้ามั่นใจได้เลยว่าพี่ชายไม่เป็นแบบนั้นแน่!”

เด็กหญิงผมสั้นทางขวามือปิดปากอย่างมีความสุข

เด็กหญิงคนกลางที่มีรูปลักษณ์จับตาท่าทางสงบใจเย็นชี้ไปทางเด็กหญิงทางซ้ายมือ  “นางคือ ‘ผู้สร้าง’”

และชี้มือไปทางขวา  “นางคือ ‘ผู้ทำลาย’”

ทั้งสองมือกลับมาชี้ตนเอง  “ส่วนข้าคือ ‘ผู้นิรันดร์’ เมื่อเจ้ารู้ว่าอะไรคือการสร้าง การทำลาย และความนิรันดร์ อย่างนั้นเจ้าสามารถแยกออกมาจากโลกไร้ที่สิ้นสุดนี้ได้!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด