ตอนที่ 1129 ไม่ต้องกลัว ยังมีพี่ชายทั้งคน!
สามวันต่อมา
เย่ว์หยางพักอยู่ในโลกคัมภีร์สามวันเต็มแล้วกลับออกมายังเกาะมรกต หุบเขามนุษย์ มองอย่างผิวเผินไม่มีอะไรแตกต่างราวกับว่าการรู้แจ้งของตั่วตั่วไม่ทำให้เขาหลงระเริงในความคิด แต่น่าแปลกที่เทวทูตสาวทั้งสามคนที่นั่งอยู่ในกระโจมที่พักเมื่อพวกนางมองเห็นเย่ว์หยางต่างพากันประหลาดใจลุกขึ้นยืนราวกับพบเห็นเสือเดินอยู่ในถนนใหญ่ในที่สุดเทวทูตสาวที่เป็นหัวหน้าเอ่ยปากขึ้นก่อน “แค่เพียงสามวัน เจ้าดูแตกต่างจากก่อนไปอย่างสิ้นเชิง”
“แตกต่างตรงไหน?” เย่ว์หยางถาม
“แน่ใจได้เลยว่าเจ้าไม่ต้องอยู่ในโลก-สวรรค์น้อยถึงล้านปีแน่ข้ากล้าพนันได้” สำหรับการเปลี่ยนแปลงของเย่ว์หยางเทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักดูมีความสุขที่สุด
“มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่การทดสอบในโลกไม่สิ้นสุดแตกต่างอย่างสิ้นเชิง” เทวทูตสาวผู้ห้าวหาญพยักหน้ายืนยันและให้คำแนะนำเย่ว์หยาง
“ในขณะที่ข้ายังมีความมั่นใจ ข้าจะลองเดี๋ยวนี้เลย” เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าเขาลังเล เขาอาจพลาดได้
“สวรรค์และโลกน้อยในคัมภีร์เงินโลกไร้ที่สิ้นสุด
ต้องยากกว่าการทดสอบประตูเป็นตายแน่นอน
เมื่อไม่สามารถรู้แจ้งได้ก็จะติดอยู่ภายในเป็นล้านปีเหมือนกับมังกรปีศาจ
แม้ว่าจะมีเสี่ยวเหวินหลีอยู่ด้วยตลอดแต่บางครั้ง ปล่อยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไว้สักสิบวันหรือครึ่งเดือนเขารู้สึกว่าคิดถึงจนยากจะควบคุมตนเอง เมื่อมีเสวี่ยอู๋เสียอยู่ข้างๆ เขาไม่ได้จมอยู่กับความรักแต่เมื่อนางหลับ เขาหวังว่านางจะกลับมาได้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
เข้าสู่โลกไร้ที่สิ้นสุด
หมายถึงแยกจากคนอื่นทุกคนและอยู่คนเดียวอย่างสมบูรณ์
ถ้าเขาอยู่ในนั้นเพียงเดือนเดียวก็ยังอาจทนอยู่ได้ ถ้าเขาอยู่หลายเดือนหรือหนึ่งปี เย่ว์หยางไม่สามารถคิดได้ว่าเขาจะเป็นอย่งไร ในกรณีที่โชคร้าย ถ้าเขาติดอยู่ร้อยปีพันปีเขาไม่จำเป็นต้องหลับเหมือนมังกรปีศาจนานเป็นล้านปี แม้ว่าจะอยู่ร้อยปีเย่ว์หยางคาดว่าเขาคงเป็นบ้าเพราะความเปลี่ยวเหงาเป็นแน่
เขาไม่กังวลเกี่ยวกับความเข้าใจของตนเอง เขาไม่กังวลใจเกี่ยวกับการทดสอบ เขากังวลแต่เวลา
เขากลัวว่าเขาจะติดอยู่ในโลกไร้ที่สิ้นสุดนานเกินไป
รบกวนใจเขาเกินไป
แม้ว่าเขาจะอยู่ในโลกไม่สิ้นสุดเป็นเวลานานเท่ากับอยู่ภายนอกเพียงวินาทีเดียวอย่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตามปกติจะรู้สึกว่าไม่นานถึงอย่างนั้นเย่ว์หยางยังกังวลว่าพวกนางจะได้รับผลสะท้อนทางวิญญาณทำให้เขารู้สึกปวดใจไม่รู้จบ
“เจ้าแน่ใจนะว่าจะเข้าไปฝึก?” เทวทูตหญิงผู้ถือคัมภีร์เงินถาม
“แน่นอน” เย่ว์หยางพยักหน้า
“ขอให้โชคดี” เทวทูตหญิงผู้ห้าวหาญพยักหน้าเล็กน้อยปรารถนาให้เขากลับออกมาโดยเร็ว
“ต้องสำเร็จแน่นอน” เทวทูตหญิงผู้น่ารักชูกำปั้นให้กำลังใจเย่ว์หยางนางดูน่าสนิทที่สุดและใจดีที่สุดต่อเย่ว์หยาง
เมื่อเปิดคัมภีร์เงินออกแสงรัศมีเจิดจ้าและขณะที่เทเลพอร์ตเย่ว์หยางยิ้มกว้างให้เทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักตอบรับคำเชียร์ของนาง
วินาทีสุดท้ายยังเป็นใบหน้าหนุ่มน้อยน่ารักแท้ๆ
วินาทีต่อมากลายเป็นใบหน้าที่น่าเกลียดเหยเกที่เย่ว์หยางไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น บุรุษผู้นี้อยู่ในเมืองไป๋ฉือ เป็นคนแรกที่เขาฆ่ามีพลังอ่อนแอแค่นักรบสามัญระดับสองตราบเท่าที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็สามารถฆ่าเจ้าผู้นี้ได้เหมือนฆ่ามดแมลงโดยตรง ตอนนี้เจ้าผู้นี้จ้องมองเย่ว์หยางอย่างดุร้ายมือใหญ่คว้าคอเสื้อเย่ว์หยางและส่งเสียงหัวเราะลั่น “เจ้าเด็กน้อย เจ้าก็มีวันนี้กับเขาได้ อา...”
เย่ว์หยางตะลึง “เจ้าโง่ เจ้าตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?”
เจ้าหินพยักหน้ายืนยัน “ใช่แล้ว, ตายไปแล้วและกลายเป็นอาหารของต้นดอกหนามของเจ้า กลายเป็นปุ๋ยที่น่าสมเพช”
เพราะตอบอย่างนี้ เย่ว์หยางพูดว่าเขาไม่เข้าใจ “ในเมื่อเจ้าโง่อย่างเจ้ากลายเป็นปุ๋ยไปแล้วทำไมเจ้าถึงมาพูดคุยกับข้าในตอนนี้เล่า? ดูเหมือนวิญญาณร้าย เจ้าดูเหมือนต้องการทุบตีข้าใช่ไหม?”
บึ้ม
คำพูดของเย่ว์หยางยังไม่ทันจบหมัดที่หนักหน่วงของเจ้าหินกระแทกหน้าเขาทันที
เลือดกระจาย
เป็นหยด
เลือดสาดอยู่บนพื้นน่าตกใจ
เย่ว์หยางพบว่าร่างกายของเขาเปราะบางจริงๆถูกหมัดธรรมดาต่อยใส่ก็ได้เลือดเสียแล้ว
เจ้าหินตะคอกใส่หูเย่ว์หยางด้วยความรู้สึกหยิ่งยโสและผยอง “เด็กน้อย! ที่นี่เป็นอีกโลกหนึ่ง ไม่มีหอทงเทียนที่เจ้าประสบความสำเร็จอีกต่อไปเข้าใจไหม? ในโลกนี้เจ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น ในโลกนี้ถ้าข้าพอใจข้าสามารถฉีกเจ้าเป็น 18 ชิ้นแล้วจัดท่าให้เจ้าได้อีก 36ท่าเพื่อให้เจ้าตายในท่าที่ดูดีเช่นกัน”
เสียงของเขาดังเหมือนฟ้าผ่าสะท้านแก้วหู่เย่ว์หยาง
จากนั้นมีอีกเสียงร้องดังลั่น “รอเดี๋ยว อย่าเพิ่งรีบฆ่ามันให้ข้าเล่นงานมันก่อน บังอาจส่งนังแพศยามาวางยาสลบในเหล้าของข้าทำให้ให้ข้าต้องตายกลายเป็นปีศาจงามงาย ถ้าศัตรูนี้ไม่ไปรายงานพระยายมก็อย่าเรียกข้าว่าเถี่ยขวง”
บุรุษคนที่สองที่ถูกเย่ว์หยางฆ่ากลายเป็นปุ๋ยปรากฏตัวอีกเถี่ยขวงนักรบสามัญระดับสาม
เดิมทีบุรุษผู้แข็งแกร่งเหมือนมดอย่างเขากับเจ้าหินต้องการลงมือกับเย่ว์หยางคาดว่าเขาจะไม่ทำร้ายภายในล้านปี แต่ตอนนี้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เถี่ยขวงกระโดดหมุนตัวกลางอากาศฟาดส้นเท้าที่ก้านคอเย่ว์หยาง เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนก้านคอหักเจ็บปวดเสียดแทงใจ เขากระอักเลือดออกมาและพยายามข่มความเจ็บปวดอย่างยากลำบาก
เถี่ยขวงและเจ้าหินรุมทำร้ายเย่ว์หยางบนพื้น
ทุบตีอย่างทารุณ
เจ็บปวด
พวกเขาหัวเราะเยาะเย่ว์หยางและแก้แค้นที่ถูกเย่ว์หยางจับทำปุ๋ยในอดีต
ขณะที่พวกเขาไม่รู้ว่าจะหาเชือกได้จากที่ไหนเพื่อเอามาแขวนคอเย่ว์หยางทั้งเป็น จู่ๆ เย่ว์หยางก็พูดเสนอ “ใช้เชือกแขวนคอ ความคิดไม่สร้างสรรค์เลยเจ้าควรจะมีเครื่องมือสักอย่าง เช่นขวาน หรือเลื่อยสองมือ และมีดทำครัว”
“อะไรนะ?” เจ้าหินและเถี่ยขวงเมื่อได้ยินก็ตะลึง
“เจ้าไม่รู้สึกอยากแขวนคอข้าทั้งเป็นมันไร้ค่าเกินไปสำหรับข้าใช่ไหม? เจ้าควรถลกหนังข้าเสียก่อน แล้วค่อยหั่นเป็นชิ้นใหญ่สี่ชิ้นกระดูกเอาไว้ทำซุป ไขมันเอาไว้ปรุงอาหารหั่นเนื้อเป็นรูปลูกเต๋าเอาไว้ทำบะหมี่หรือซาลาเปา จากนั้นกลืนกินลงท้องหรือให้เป็นอาหารปลา สุดท้ายก็ตกปลาขึ้นมาแล้วค่อยแขวนกับเชือก ความเกลียดข้าจะได้ลดลงบ้าง” เย่ว์หยางเสนออย่างจริงใจ
“ทำไมข้าต้องเอาปลามาแขวนด้วย?” เจ้าหินถามอย่างไม่แน่ใจ
“ถ้าเจ้าไม่แขวนปลา เจ้าสามารถกดหัวปลาลงในน้ำทำให้มันจมน้ำตายทั้งเป็น” เย่ว์หยางคิดว่าการจมน้ำเป็นความคิดที่แย่
“ปลา..จมน้ำตายหรือ?” เถี่ยขวงโง่ทันทีดูเหมือนว่าเขาไม่เข้าใจข้อเสนอนี้ เขากับเจ้าหินยืนงง จากนั้นแตกสลายและระเบิดหายไปในมิติเป็นพันๆ ชิ้นต่อหน้าเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางลุกขึ้นมาจากพื้นลูบเลือดบนใบหน้าและพึมพำ“เหมือนจริงยิ่งกว่าประตูเป็นตายเสียอีก”
มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านหลังของเขา
และส่งผ้าเช็ดหน้าผื่นหนึ่งให้เขา
เมื่อเย่ว์หยางกล่าวขอบคุณเขาและรับผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่ใบหน้าเจ้าของมือปรากฏตัวขึ้นช้าๆ ด้านหลังเย่ว์หยางและเขาคือคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวคนแรกของเย่ว์หยาง สือจินโหว ดูเหมือนว่าเขายังคงเป็นเหมือนเดิมหยิ่งยโสราวกับไม่แคยพ่ายแพ้เย่ว์หยางเหมือนกับว่าไม่เคยถูกเย่ว์หยางก้าวข้าม แต่เหมือนกับครั้งแรกที่พบกันและมีพลังเหนือกว่าเย่ว์หยางเต็มที่
เขายังคงวางมาดดูแคลนเย่ว์หยาง “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าหินงี่เง่าและเถี่ยขวงไม่สามารถรบกวนจิตใจเจ้าได้ อย่างไรก็ตามเจ้ายังขาดความมั่นใจในตัวเองไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บและหลั่งเลือดเป็นแน่..ที่นี่จะต้องมีข้อบกพร่องในใจของเจ้า และมันสามารถขยายออกได้เป็นสิบเท่า และที่นี่เจ้าเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอที่สุด ไม่มีความสามารถทำอะไรได้ เจ้าสามารถทำลายตนเองภายใต้ข้อบกพร่องในใจของเจ้า เจ้าเห็นเลือดของเจ้าหรือไม่นั่นคือจุดบกพร่องของเจ้า สิ่งที่เจ้าเห็นล้วนเป็นจริงรวมทั้งอาการบาดเจ็บที่เจ้าได้รับ ในโลกไร้ที่สิ้นสุดนี้ไม่มีการปลอมแปลงใดๆ อยู่เลย ดังนั้นเจ้าพร้อมจะตายหรือยัง?”
เย่ว์หยางพับผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดอย่างระมัดระวังเป็นอย่างดี
ก่อนหน้านี้ถ้าไม่ใช่เพราะการสะสมผ้าเช็ดหน้าเป็นงานอดิเรกอย่างนั้นเขาคงคิดว่าตนเองมีนิสัยที่ผิดปกติแล้ว
หลังจากสือจินโหวพูดจบเย่ว์หยางไตร่ตรองครู่หนึ่งและยิ้มขึ้นทันใด “ข้าเป็นมนุษย์ แน่นอนว่าย่อมต้องมีข้อบกพร่องในใจ ถ้าข้าเป็นเทพเจ้าข้าจะลองเข้ามาฝึกในสถานที่น่ากลัวแห่งนี้หรือ? ในใจข้าไม่มีอะไรต้องกลัว ข้าเข้ามาก็ได้พบเจ้าหินและเถี่ยขวงเป็นเพราะข้ายังมีความทรงจำเกี่ยวกับการฆ่าครั้งแรกในเวลานั้นข้ายังเป็นมนุษย์ที่ไม่สามารถควบคุมชะตาชีวิตตนเองได้ข้าต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดต้องใช้ความสามารถและเงื่อนไขที่จำกัดในการฆ่าศัตรูและเหยียบย่ำศัตรู แม้ว่าข้าจะฆ่าคู่ต่อสู้ของข้าแต่ข้าก็ยังมีพื้นฐานคุณธรรมอยู่บ้าง ข้ารู้สึกว่าการฆ่านั้นผิดจริงๆ แต่ข้าไม่มีวิธีอื่นในเวลานั้น ถ้าข้าไม่พยายามให้หนักขึ้นเรื่อยๆ ข้าจะไม่มีทุกอย่างในอนาคตทั้งจะไม่มีความสุขในอนาคต ดังนั้นในที่สุดข้าจึงต้องหาคนอื่นเพื่อก้าวไปข้างหน้าและพวกเขาก็ต้องมองไปข้างหน้าด้วย ไม่ว่าเจ้าจะทำถูกหรือผิดในอดีตที่ผ่านมาเจ้าไม่จำเป็นต้องจำเอาไว้ตลอดเวลา และเจ้าต้องไม่มามัวเสียใจ เจ้าก็สามารถทำดีได้ในอนาคตตราบใดที่ความผิดพลาดจะไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองนั่นถือเป็นความก้าวหน้า และเป็นความสำเร็จในชีวิต”
“เจ้าพูดแบบนี้ อาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเจ้าและอาจทำให้ชีวิตของเจ้ามีค่ามาก” สื่อจินโหวแหงนหน้าหัวเราะ “อย่างไรก็ตาม จะไม่มีใครช่วยเจ้าได้! ที่นี่เจ้าไม่สามารถทำอะไรได้ เจ้าจะต้องตายอย่างอนาถเพราะข้อบกพร่องในใจเจ้า..... อย่าเพิ่งรีบเร่งปฏิเสธการปรากฏตัวของข้าเหมือนกับเจ้าหินและเถี่ยขวง นั่นเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่ายังมีข้อบกพร่องในใจของเจ้า ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงไหนเจ้าไม่สามารถโกงกฎสวรรค์ได้”
“ข้าไม่เคยคิดปฏิเสธอยู่แล้ว” เย่ว์หยางดึงผ้าเช็ดหน้าของเขาที่พับเก็บไว้อย่างดี และส่ายหน้ากล่าว“ข้าแค่ไม่ใส่ใจถึง”
“ว่าไงนะ?” สื่อจินโหวมีสีหน้าสงสัย
“เหตุผลที่มนุษย์เป็นมนุษย์พวกเขาจึงต้องมีจุดอ่อน ใจคนเราต้องมีจุดอ่อนกันทั้งนั้น จะเกี่ยวข้องสัมพันธ์อย่างไร? ข้าไม่สนใจว่าข้ามีจุดอ่อนข้าไม่สนใจว่าใจว่ามีข้อบกพร่อง ข้ายังไม่สมบูรณ์พร้อมก็ต้องมีปัญหากันบ้าง นั่นคือสิ่งที่เกี่ยวข้องใช่ไหม?” เย่ว์หยางเหมือนพูดยอมรับกับตนเอง
เขาส่งผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดที่พับอย่างดีให้สื่อจินโหวที่กำลังยกมือเตรียมฆ่าเขา
สื่อจินโหวพยายามฟาดทำลายศีรษะของเย่ว์หยางซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ในที่สุดเขารับผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดกลับไป “โลกไม่มีที่สุดเป็นของจริง แต่ข้าไม่จริงไม่จริงแน่นอน เจ้าไม่สามารถใช้จุดอ่อนในใจข้าเพื่อล้างแค้นแต่เมื่อข้าคิดว่าตัวข้าจริง ข้าเองก็สามารถทำอะไรทุกอย่างได้รวมทั้งเติมเต็มความปรารถนาตนเอง รวมทั้งทำให้ศัตรูอย่างเจ้าต้องตายไป แต่ข้าผิดแล้ว ของไม่จริงก็เป็นเพียงภาพลวงตา เมื่อเจ้าไม่ยอมรับ ข้าก็คงไม่มีการคืนชีพพระเจ้า ข้าไม่เคยมีอยู่อย่างนั้นหรือ?”
สื่อจินโหวมองดูมือทั้งสอง
มือและผ้าเช็ดหน้าที่เขาถือกลายเป็นควันสว่างสีขาวและลอยหายไปในความว่างเปล่า.... “เจ้ายังมีความคงอยู่อย่างน้อยก็เป็นจุดอ่อนในใจของข้า ได้เกิดใหม่อีกครั้ง อาจจะอยู่เป็นจุดอ่อนในใจข้าได้สักวันแล้วก็หายไป แต่เจ้ามีความคงอยู่แน่นอนนี่เป็นเรื่องที่เกินคาดแน่นอน” สีหน้าของเย่ว์หยางเหมือนกับกล่าวอำลาสหายเก่าที่ไม่ได้พบกันมานาน
“ใช่, ข้าไม่สามารถบอกความแตกต่างได้ แต่ก็มีอยู่ในลักษณะนี้ แม้ว่าจะเป็นภาพความอ่อนแอทางจิตใจของเจ้าแต่ข้าก็พอใจแล้ว ชีวิตข้าไม่ได้ไร้ความหมายเลย อย่างน้อยก็เป็นความทรงจำเกี่ยวกับการเติบโตของศัตรูและได้รับการช่วยเหลือให้คงอยู่ได้ เมื่อคิดถึงชีวิตของข้าสือจินโหว แม้ว่าข้าจะไม่สามารถทำสิ่งใดได้สำเร็จแต่ข้าก็สามารถสร้างคนอื่นได้สำเร็จ มิได้เปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างว่างเปล่าฮ่าฮ่าฮ่า” ในขณะหัวเราะร่างของสือจินโหวสลายเป็นควันและหายไปไม่เหลือร่องรอยราวกับว่าไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน นอกจากนี้ความรู้สึกนึกคิดของเย่ว์หยางก็เป็นเหมือนกับไม่เคยพบเจอเจ้าหินและเถี่ยขวงกับสือจินโหวมาก่อน
เมื่อสัมผัสใบหน้าปรากฏว่าไม่มีคราบเลือด
ปรากฏว่ารอยปากเจ่อเพราะหมัดเจ้าหินเหมือนไม่เคยปรากฏมาก่อนไม่มีแม้แต่รอยเลือด
ทุกอย่างดูเหมือนจริงทุกอย่างเหมือนกับภาพลวงตา..เย่ว์หยางเงยหน้ามองและพบว่าเด็กหญิงผู้น่ารักอยู่ข้างหน้าเขา เธอยืนอยู่บนเก้าอี้ง่อนแง่นพยายามใช้ตะเกียบคีบปลาย่างควันบนโต๊ะและโต๊ะก็เอนไปข้างหน้าขณะคีบปลาย่างก้นน้อยเธอกระดกหน้าคะมำไปข้างหน้าพยายามคีบปลาย่างด้วยมือเดียวอย่างงุ่มง่าม
เย่ว์หยางจำได้ว่าเธอคีบปลาย่างได้สำเร็จ แต่แม่สี่ตีเธอและสอนให้นั่งไม่ให้ผิดมารยาท
แต่เธอกลับตกใจร่วงจากเก้าอี้
วันนั้น
จากวันที่เขาโถมตัวเข้าไปกอดสาวน้อยเธอกลับช่วยเติมส่วนที่ขาดหายไปในใจของเขาจนเต็ม
ที่นี่ไม่มีแม่สี่ไม่มีห้องน้อยในเมืองไป๋ฉือปีนั้น
ขณะที่เด็กหญิงคีบปลาย่างในจานได้โลกไร้ที่สิ้นสุดกลายเป็นห้วงเหวลึกไร้ก้น
เย่ว์หยางเห็นเด็กหญิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจแต่ยังไม่ทันจะยืนขึ้นเธอก็ร่วงลงไปในเหวลึกครั้งนี้ไม่มีเวลาจะกระโจนเหมือนในอดีต ก่อนที่เธอจะร่วงเจ็บตัว เขากอดศีรษะน้อยๆ ของเธอไว้เป็นการปกป้องเธอ
ข้าจะทำอะไรได้?
ด้วยร่างมนุษย์ที่อ่อนแอจะมองดูเด็กหญิงร่วงลงไปอย่างนั้นหรือ?
เขาต้องทำอะไรจริงๆ กับภาพที่เหมือนจริงนี้หรือ? หรือว่าล้มตัวรับร่างเธอไว้เหมือนที่เกิดขึ้นในอดีต?
“ซวงเอ๋อ! ไม่ต้องกลัว เจ้ามีพี่ชายอยู่ทั้งคน” เย่ว์หยางไม่วิ่งออกไปเหมือนอย่างเคย แต่ค่อยๆหลับตาและเหยียดแขนออกไปข้างหน้า