ตอนที่แล้วตอนที่ 1128 หนึ่งชีวิต หนึ่งจิต หนึ่งวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1130 โลกไร้ที่สิ้นสุด

ตอนที่ 1129 ไม่ต้องกลัว ยังมีพี่ชายทั้งคน!


สามวันต่อมา

เย่ว์หยางพักอยู่ในโลกคัมภีร์สามวันเต็มแล้วกลับออกมายังเกาะมรกต หุบเขามนุษย์ มองอย่างผิวเผินไม่มีอะไรแตกต่างราวกับว่าการรู้แจ้งของตั่วตั่วไม่ทำให้เขาหลงระเริงในความคิด  แต่น่าแปลกที่เทวทูตสาวทั้งสามคนที่นั่งอยู่ในกระโจมที่พักเมื่อพวกนางมองเห็นเย่ว์หยางต่างพากันประหลาดใจลุกขึ้นยืนราวกับพบเห็นเสือเดินอยู่ในถนนใหญ่ในที่สุดเทวทูตสาวที่เป็นหัวหน้าเอ่ยปากขึ้นก่อน “แค่เพียงสามวัน เจ้าดูแตกต่างจากก่อนไปอย่างสิ้นเชิง”

“แตกต่างตรงไหน?”  เย่ว์หยางถาม

“แน่ใจได้เลยว่าเจ้าไม่ต้องอยู่ในโลก-สวรรค์น้อยถึงล้านปีแน่ข้ากล้าพนันได้”  สำหรับการเปลี่ยนแปลงของเย่ว์หยางเทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักดูมีความสุขที่สุด

“มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก แต่การทดสอบในโลกไม่สิ้นสุดแตกต่างอย่างสิ้นเชิง” เทวทูตสาวผู้ห้าวหาญพยักหน้ายืนยันและให้คำแนะนำเย่ว์หยาง

“ในขณะที่ข้ายังมีความมั่นใจ ข้าจะลองเดี๋ยวนี้เลย”  เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าเขาลังเล เขาอาจพลาดได้

“สวรรค์และโลกน้อยในคัมภีร์เงินโลกไร้ที่สิ้นสุด

ต้องยากกว่าการทดสอบประตูเป็นตายแน่นอน

เมื่อไม่สามารถรู้แจ้งได้ก็จะติดอยู่ภายในเป็นล้านปีเหมือนกับมังกรปีศาจ

แม้ว่าจะมีเสี่ยวเหวินหลีอยู่ด้วยตลอดแต่บางครั้ง ปล่อยองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไว้สักสิบวันหรือครึ่งเดือนเขารู้สึกว่าคิดถึงจนยากจะควบคุมตนเอง เมื่อมีเสวี่ยอู๋เสียอยู่ข้างๆ เขาไม่ได้จมอยู่กับความรักแต่เมื่อนางหลับ เขาหวังว่านางจะกลับมาได้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้

เข้าสู่โลกไร้ที่สิ้นสุด

หมายถึงแยกจากคนอื่นทุกคนและอยู่คนเดียวอย่างสมบูรณ์

ถ้าเขาอยู่ในนั้นเพียงเดือนเดียวก็ยังอาจทนอยู่ได้ ถ้าเขาอยู่หลายเดือนหรือหนึ่งปี เย่ว์หยางไม่สามารถคิดได้ว่าเขาจะเป็นอย่งไร  ในกรณีที่โชคร้าย ถ้าเขาติดอยู่ร้อยปีพันปีเขาไม่จำเป็นต้องหลับเหมือนมังกรปีศาจนานเป็นล้านปี   แม้ว่าจะอยู่ร้อยปีเย่ว์หยางคาดว่าเขาคงเป็นบ้าเพราะความเปลี่ยวเหงาเป็นแน่

เขาไม่กังวลเกี่ยวกับความเข้าใจของตนเอง  เขาไม่กังวลใจเกี่ยวกับการทดสอบ  เขากังวลแต่เวลา

เขากลัวว่าเขาจะติดอยู่ในโลกไร้ที่สิ้นสุดนานเกินไป

รบกวนใจเขาเกินไป

แม้ว่าเขาจะอยู่ในโลกไม่สิ้นสุดเป็นเวลานานเท่ากับอยู่ภายนอกเพียงวินาทีเดียวอย่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตามปกติจะรู้สึกว่าไม่นานถึงอย่างนั้นเย่ว์หยางยังกังวลว่าพวกนางจะได้รับผลสะท้อนทางวิญญาณทำให้เขารู้สึกปวดใจไม่รู้จบ

“เจ้าแน่ใจนะว่าจะเข้าไปฝึก?”  เทวทูตหญิงผู้ถือคัมภีร์เงินถาม

“แน่นอน” เย่ว์หยางพยักหน้า

“ขอให้โชคดี” เทวทูตหญิงผู้ห้าวหาญพยักหน้าเล็กน้อยปรารถนาให้เขากลับออกมาโดยเร็ว

“ต้องสำเร็จแน่นอน” เทวทูตหญิงผู้น่ารักชูกำปั้นให้กำลังใจเย่ว์หยางนางดูน่าสนิทที่สุดและใจดีที่สุดต่อเย่ว์หยาง

เมื่อเปิดคัมภีร์เงินออกแสงรัศมีเจิดจ้าและขณะที่เทเลพอร์ตเย่ว์หยางยิ้มกว้างให้เทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักตอบรับคำเชียร์ของนาง

วินาทีสุดท้ายยังเป็นใบหน้าหนุ่มน้อยน่ารักแท้ๆ

วินาทีต่อมากลายเป็นใบหน้าที่น่าเกลียดเหยเกที่เย่ว์หยางไม่เคยคิดว่าจะได้เห็น บุรุษผู้นี้อยู่ในเมืองไป๋ฉือ เป็นคนแรกที่เขาฆ่ามีพลังอ่อนแอแค่นักรบสามัญระดับสองตราบเท่าที่เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดก็สามารถฆ่าเจ้าผู้นี้ได้เหมือนฆ่ามดแมลงโดยตรง  ตอนนี้เจ้าผู้นี้จ้องมองเย่ว์หยางอย่างดุร้ายมือใหญ่คว้าคอเสื้อเย่ว์หยางและส่งเสียงหัวเราะลั่น  “เจ้าเด็กน้อย เจ้าก็มีวันนี้กับเขาได้ อา...”

เย่ว์หยางตะลึง  “เจ้าโง่ เจ้าตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

เจ้าหินพยักหน้ายืนยัน  “ใช่แล้ว, ตายไปแล้วและกลายเป็นอาหารของต้นดอกหนามของเจ้า กลายเป็นปุ๋ยที่น่าสมเพช”

เพราะตอบอย่างนี้ เย่ว์หยางพูดว่าเขาไม่เข้าใจ  “ในเมื่อเจ้าโง่อย่างเจ้ากลายเป็นปุ๋ยไปแล้วทำไมเจ้าถึงมาพูดคุยกับข้าในตอนนี้เล่า?  ดูเหมือนวิญญาณร้าย  เจ้าดูเหมือนต้องการทุบตีข้าใช่ไหม?”

บึ้ม

คำพูดของเย่ว์หยางยังไม่ทันจบหมัดที่หนักหน่วงของเจ้าหินกระแทกหน้าเขาทันที

เลือดกระจาย

เป็นหยด

เลือดสาดอยู่บนพื้นน่าตกใจ

เย่ว์หยางพบว่าร่างกายของเขาเปราะบางจริงๆถูกหมัดธรรมดาต่อยใส่ก็ได้เลือดเสียแล้ว

เจ้าหินตะคอกใส่หูเย่ว์หยางด้วยความรู้สึกหยิ่งยโสและผยอง  “เด็กน้อย! ที่นี่เป็นอีกโลกหนึ่ง ไม่มีหอทงเทียนที่เจ้าประสบความสำเร็จอีกต่อไปเข้าใจไหม? ในโลกนี้เจ้าเป็นมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น ในโลกนี้ถ้าข้าพอใจข้าสามารถฉีกเจ้าเป็น 18 ชิ้นแล้วจัดท่าให้เจ้าได้อีก 36ท่าเพื่อให้เจ้าตายในท่าที่ดูดีเช่นกัน”

เสียงของเขาดังเหมือนฟ้าผ่าสะท้านแก้วหู่เย่ว์หยาง

จากนั้นมีอีกเสียงร้องดังลั่น  “รอเดี๋ยว อย่าเพิ่งรีบฆ่ามันให้ข้าเล่นงานมันก่อน บังอาจส่งนังแพศยามาวางยาสลบในเหล้าของข้าทำให้ให้ข้าต้องตายกลายเป็นปีศาจงามงาย ถ้าศัตรูนี้ไม่ไปรายงานพระยายมก็อย่าเรียกข้าว่าเถี่ยขวง”

บุรุษคนที่สองที่ถูกเย่ว์หยางฆ่ากลายเป็นปุ๋ยปรากฏตัวอีกเถี่ยขวงนักรบสามัญระดับสาม

เดิมทีบุรุษผู้แข็งแกร่งเหมือนมดอย่างเขากับเจ้าหินต้องการลงมือกับเย่ว์หยางคาดว่าเขาจะไม่ทำร้ายภายในล้านปี แต่ตอนนี้แตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง เถี่ยขวงกระโดดหมุนตัวกลางอากาศฟาดส้นเท้าที่ก้านคอเย่ว์หยาง  เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนก้านคอหักเจ็บปวดเสียดแทงใจ  เขากระอักเลือดออกมาและพยายามข่มความเจ็บปวดอย่างยากลำบาก

เถี่ยขวงและเจ้าหินรุมทำร้ายเย่ว์หยางบนพื้น

ทุบตีอย่างทารุณ

เจ็บปวด

พวกเขาหัวเราะเยาะเย่ว์หยางและแก้แค้นที่ถูกเย่ว์หยางจับทำปุ๋ยในอดีต

ขณะที่พวกเขาไม่รู้ว่าจะหาเชือกได้จากที่ไหนเพื่อเอามาแขวนคอเย่ว์หยางทั้งเป็น  จู่ๆ เย่ว์หยางก็พูดเสนอ  “ใช้เชือกแขวนคอ ความคิดไม่สร้างสรรค์เลยเจ้าควรจะมีเครื่องมือสักอย่าง เช่นขวาน หรือเลื่อยสองมือ และมีดทำครัว”

“อะไรนะ?” เจ้าหินและเถี่ยขวงเมื่อได้ยินก็ตะลึง

“เจ้าไม่รู้สึกอยากแขวนคอข้าทั้งเป็นมันไร้ค่าเกินไปสำหรับข้าใช่ไหม? เจ้าควรถลกหนังข้าเสียก่อน แล้วค่อยหั่นเป็นชิ้นใหญ่สี่ชิ้นกระดูกเอาไว้ทำซุป ไขมันเอาไว้ปรุงอาหารหั่นเนื้อเป็นรูปลูกเต๋าเอาไว้ทำบะหมี่หรือซาลาเปา จากนั้นกลืนกินลงท้องหรือให้เป็นอาหารปลา สุดท้ายก็ตกปลาขึ้นมาแล้วค่อยแขวนกับเชือก ความเกลียดข้าจะได้ลดลงบ้าง”  เย่ว์หยางเสนออย่างจริงใจ

“ทำไมข้าต้องเอาปลามาแขวนด้วย?”  เจ้าหินถามอย่างไม่แน่ใจ

“ถ้าเจ้าไม่แขวนปลา เจ้าสามารถกดหัวปลาลงในน้ำทำให้มันจมน้ำตายทั้งเป็น” เย่ว์หยางคิดว่าการจมน้ำเป็นความคิดที่แย่

“ปลา..จมน้ำตายหรือ?”  เถี่ยขวงโง่ทันทีดูเหมือนว่าเขาไม่เข้าใจข้อเสนอนี้ เขากับเจ้าหินยืนงง จากนั้นแตกสลายและระเบิดหายไปในมิติเป็นพันๆ ชิ้นต่อหน้าเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางลุกขึ้นมาจากพื้นลูบเลือดบนใบหน้าและพึมพำ“เหมือนจริงยิ่งกว่าประตูเป็นตายเสียอีก”

มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านหลังของเขา

และส่งผ้าเช็ดหน้าผื่นหนึ่งให้เขา

เมื่อเย่ว์หยางกล่าวขอบคุณเขาและรับผ้าเช็ดหน้าเช็ดเลือดที่ใบหน้าเจ้าของมือปรากฏตัวขึ้นช้าๆ ด้านหลังเย่ว์หยางและเขาคือคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวคนแรกของเย่ว์หยาง สือจินโหว  ดูเหมือนว่าเขายังคงเป็นเหมือนเดิมหยิ่งยโสราวกับไม่แคยพ่ายแพ้เย่ว์หยางเหมือนกับว่าไม่เคยถูกเย่ว์หยางก้าวข้าม แต่เหมือนกับครั้งแรกที่พบกันและมีพลังเหนือกว่าเย่ว์หยางเต็มที่

เขายังคงวางมาดดูแคลนเย่ว์หยาง  “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าหินงี่เง่าและเถี่ยขวงไม่สามารถรบกวนจิตใจเจ้าได้  อย่างไรก็ตามเจ้ายังขาดความมั่นใจในตัวเองไม่เช่นนั้นเจ้าจะไม่ได้รับบาดเจ็บและหลั่งเลือดเป็นแน่..ที่นี่จะต้องมีข้อบกพร่องในใจของเจ้า และมันสามารถขยายออกได้เป็นสิบเท่า  และที่นี่เจ้าเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอที่สุด ไม่มีความสามารถทำอะไรได้  เจ้าสามารถทำลายตนเองภายใต้ข้อบกพร่องในใจของเจ้า  เจ้าเห็นเลือดของเจ้าหรือไม่นั่นคือจุดบกพร่องของเจ้า สิ่งที่เจ้าเห็นล้วนเป็นจริงรวมทั้งอาการบาดเจ็บที่เจ้าได้รับ ในโลกไร้ที่สิ้นสุดนี้ไม่มีการปลอมแปลงใดๆ อยู่เลย  ดังนั้นเจ้าพร้อมจะตายหรือยัง?”

เย่ว์หยางพับผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดอย่างระมัดระวังเป็นอย่างดี

ก่อนหน้านี้ถ้าไม่ใช่เพราะการสะสมผ้าเช็ดหน้าเป็นงานอดิเรกอย่างนั้นเขาคงคิดว่าตนเองมีนิสัยที่ผิดปกติแล้ว

หลังจากสือจินโหวพูดจบเย่ว์หยางไตร่ตรองครู่หนึ่งและยิ้มขึ้นทันใด “ข้าเป็นมนุษย์ แน่นอนว่าย่อมต้องมีข้อบกพร่องในใจ ถ้าข้าเป็นเทพเจ้าข้าจะลองเข้ามาฝึกในสถานที่น่ากลัวแห่งนี้หรือ? ในใจข้าไม่มีอะไรต้องกลัว ข้าเข้ามาก็ได้พบเจ้าหินและเถี่ยขวงเป็นเพราะข้ายังมีความทรงจำเกี่ยวกับการฆ่าครั้งแรกในเวลานั้นข้ายังเป็นมนุษย์ที่ไม่สามารถควบคุมชะตาชีวิตตนเองได้ข้าต้องดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดต้องใช้ความสามารถและเงื่อนไขที่จำกัดในการฆ่าศัตรูและเหยียบย่ำศัตรู  แม้ว่าข้าจะฆ่าคู่ต่อสู้ของข้าแต่ข้าก็ยังมีพื้นฐานคุณธรรมอยู่บ้าง ข้ารู้สึกว่าการฆ่านั้นผิดจริงๆ แต่ข้าไม่มีวิธีอื่นในเวลานั้น ถ้าข้าไม่พยายามให้หนักขึ้นเรื่อยๆ ข้าจะไม่มีทุกอย่างในอนาคตทั้งจะไม่มีความสุขในอนาคต ดังนั้นในที่สุดข้าจึงต้องหาคนอื่นเพื่อก้าวไปข้างหน้าและพวกเขาก็ต้องมองไปข้างหน้าด้วย ไม่ว่าเจ้าจะทำถูกหรือผิดในอดีตที่ผ่านมาเจ้าไม่จำเป็นต้องจำเอาไว้ตลอดเวลา และเจ้าต้องไม่มามัวเสียใจ เจ้าก็สามารถทำดีได้ในอนาคตตราบใดที่ความผิดพลาดจะไม่เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สองนั่นถือเป็นความก้าวหน้า และเป็นความสำเร็จในชีวิต”

“เจ้าพูดแบบนี้ อาจเป็นแค่ส่วนหนึ่งของชีวิตเจ้าและอาจทำให้ชีวิตของเจ้ามีค่ามาก” สื่อจินโหวแหงนหน้าหัวเราะ “อย่างไรก็ตาม จะไม่มีใครช่วยเจ้าได้! ที่นี่เจ้าไม่สามารถทำอะไรได้ เจ้าจะต้องตายอย่างอนาถเพราะข้อบกพร่องในใจเจ้า..... อย่าเพิ่งรีบเร่งปฏิเสธการปรากฏตัวของข้าเหมือนกับเจ้าหินและเถี่ยขวง นั่นเป็นข้อพิสูจน์ได้ว่ายังมีข้อบกพร่องในใจของเจ้า  ไม่ว่าจะเล็กน้อยเพียงไหนเจ้าไม่สามารถโกงกฎสวรรค์ได้”

“ข้าไม่เคยคิดปฏิเสธอยู่แล้ว” เย่ว์หยางดึงผ้าเช็ดหน้าของเขาที่พับเก็บไว้อย่างดี และส่ายหน้ากล่าว“ข้าแค่ไม่ใส่ใจถึง”

“ว่าไงนะ?” สื่อจินโหวมีสีหน้าสงสัย

“เหตุผลที่มนุษย์เป็นมนุษย์พวกเขาจึงต้องมีจุดอ่อน ใจคนเราต้องมีจุดอ่อนกันทั้งนั้น จะเกี่ยวข้องสัมพันธ์อย่างไร?  ข้าไม่สนใจว่าข้ามีจุดอ่อนข้าไม่สนใจว่าใจว่ามีข้อบกพร่อง ข้ายังไม่สมบูรณ์พร้อมก็ต้องมีปัญหากันบ้าง  นั่นคือสิ่งที่เกี่ยวข้องใช่ไหม?”  เย่ว์หยางเหมือนพูดยอมรับกับตนเอง

เขาส่งผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดที่พับอย่างดีให้สื่อจินโหวที่กำลังยกมือเตรียมฆ่าเขา

สื่อจินโหวพยายามฟาดทำลายศีรษะของเย่ว์หยางซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในที่สุดเขารับผ้าเช็ดหน้าเปื้อนเลือดกลับไป  “โลกไม่มีที่สุดเป็นของจริง แต่ข้าไม่จริงไม่จริงแน่นอน เจ้าไม่สามารถใช้จุดอ่อนในใจข้าเพื่อล้างแค้นแต่เมื่อข้าคิดว่าตัวข้าจริง ข้าเองก็สามารถทำอะไรทุกอย่างได้รวมทั้งเติมเต็มความปรารถนาตนเอง รวมทั้งทำให้ศัตรูอย่างเจ้าต้องตายไป  แต่ข้าผิดแล้ว ของไม่จริงก็เป็นเพียงภาพลวงตา  เมื่อเจ้าไม่ยอมรับ ข้าก็คงไม่มีการคืนชีพพระเจ้า ข้าไม่เคยมีอยู่อย่างนั้นหรือ?”

สื่อจินโหวมองดูมือทั้งสอง

มือและผ้าเช็ดหน้าที่เขาถือกลายเป็นควันสว่างสีขาวและลอยหายไปในความว่างเปล่า....  “เจ้ายังมีความคงอยู่อย่างน้อยก็เป็นจุดอ่อนในใจของข้า ได้เกิดใหม่อีกครั้ง อาจจะอยู่เป็นจุดอ่อนในใจข้าได้สักวันแล้วก็หายไป    แต่เจ้ามีความคงอยู่แน่นอนนี่เป็นเรื่องที่เกินคาดแน่นอน” สีหน้าของเย่ว์หยางเหมือนกับกล่าวอำลาสหายเก่าที่ไม่ได้พบกันมานาน

“ใช่, ข้าไม่สามารถบอกความแตกต่างได้  แต่ก็มีอยู่ในลักษณะนี้  แม้ว่าจะเป็นภาพความอ่อนแอทางจิตใจของเจ้าแต่ข้าก็พอใจแล้ว ชีวิตข้าไม่ได้ไร้ความหมายเลย อย่างน้อยก็เป็นความทรงจำเกี่ยวกับการเติบโตของศัตรูและได้รับการช่วยเหลือให้คงอยู่ได้ เมื่อคิดถึงชีวิตของข้าสือจินโหว แม้ว่าข้าจะไม่สามารถทำสิ่งใดได้สำเร็จแต่ข้าก็สามารถสร้างคนอื่นได้สำเร็จ  มิได้เปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างว่างเปล่าฮ่าฮ่าฮ่า”  ในขณะหัวเราะร่างของสือจินโหวสลายเป็นควันและหายไปไม่เหลือร่องรอยราวกับว่าไม่เคยปรากฏตัวมาก่อน นอกจากนี้ความรู้สึกนึกคิดของเย่ว์หยางก็เป็นเหมือนกับไม่เคยพบเจอเจ้าหินและเถี่ยขวงกับสือจินโหวมาก่อน

เมื่อสัมผัสใบหน้าปรากฏว่าไม่มีคราบเลือด

ปรากฏว่ารอยปากเจ่อเพราะหมัดเจ้าหินเหมือนไม่เคยปรากฏมาก่อนไม่มีแม้แต่รอยเลือด

ทุกอย่างดูเหมือนจริงทุกอย่างเหมือนกับภาพลวงตา..เย่ว์หยางเงยหน้ามองและพบว่าเด็กหญิงผู้น่ารักอยู่ข้างหน้าเขา  เธอยืนอยู่บนเก้าอี้ง่อนแง่นพยายามใช้ตะเกียบคีบปลาย่างควันบนโต๊ะและโต๊ะก็เอนไปข้างหน้าขณะคีบปลาย่างก้นน้อยเธอกระดกหน้าคะมำไปข้างหน้าพยายามคีบปลาย่างด้วยมือเดียวอย่างงุ่มง่าม

เย่ว์หยางจำได้ว่าเธอคีบปลาย่างได้สำเร็จ  แต่แม่สี่ตีเธอและสอนให้นั่งไม่ให้ผิดมารยาท

แต่เธอกลับตกใจร่วงจากเก้าอี้

วันนั้น

จากวันที่เขาโถมตัวเข้าไปกอดสาวน้อยเธอกลับช่วยเติมส่วนที่ขาดหายไปในใจของเขาจนเต็ม

ที่นี่ไม่มีแม่สี่ไม่มีห้องน้อยในเมืองไป๋ฉือปีนั้น

ขณะที่เด็กหญิงคีบปลาย่างในจานได้โลกไร้ที่สิ้นสุดกลายเป็นห้วงเหวลึกไร้ก้น

เย่ว์หยางเห็นเด็กหญิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจแต่ยังไม่ทันจะยืนขึ้นเธอก็ร่วงลงไปในเหวลึกครั้งนี้ไม่มีเวลาจะกระโจนเหมือนในอดีต ก่อนที่เธอจะร่วงเจ็บตัว  เขากอดศีรษะน้อยๆ ของเธอไว้เป็นการปกป้องเธอ

ข้าจะทำอะไรได้?

ด้วยร่างมนุษย์ที่อ่อนแอจะมองดูเด็กหญิงร่วงลงไปอย่างนั้นหรือ?

เขาต้องทำอะไรจริงๆ กับภาพที่เหมือนจริงนี้หรือ? หรือว่าล้มตัวรับร่างเธอไว้เหมือนที่เกิดขึ้นในอดีต?

“ซวงเอ๋อ! ไม่ต้องกลัว เจ้ามีพี่ชายอยู่ทั้งคน” เย่ว์หยางไม่วิ่งออกไปเหมือนอย่างเคย แต่ค่อยๆหลับตาและเหยียดแขนออกไปข้างหน้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด