ตอนที่ 1127 แม่ผู้ฉลาดที่สุดในประวัติศาสตร์
“ทำไม?” เย่ว์หยางไม่สามารถข่มความโกรธได้เขาตะโกนใส่เทวทูตสาวผู้ถือคัมภีร์เงิน “ทำไมเป็นแบบนี้? อธิบายให้ข้าฟัง!”
“พลังความแข็งแกร่งของนางใกล้ระดับเทพมากอยู่แล้วแต่นางยังไม่ฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บ และนางยังไม่ฟื้นฟูเต็มที่ นางยังขาดพลังเทพตอนนี้พอพลังนางฟื้นฟูนางจึงเลื่อนไปเป็นระดับเทพและต้องออกจากหุบเขามนุษย์ไปโดยอัตโนมัติ” เทวทูตสาวชุดขาวอธิบายอย่างเฉยเมย “ในปีที่ผ่านมาประสบการณ์ของนางในหุบเขามนุษย์ทำให้นางได้ผลรับที่ดีมากมาย ความจริงหลังจากสู้กับเทพปีศาจครั้งแรกนางอาจเห็นแสงสว่างและเลื่อนระดับได้ทันทีจากนั้นออกไปจากหุบเขามนุษย์ แต่ใจนางยังไม่อยากจากไปแม้จะพบกับความยากลำบากนางยืนกรานจะอยู่กับเจ้าต่อ อย่างไรก็ตามเจ้าควรทราบว่าผนึกในตัวนางมีขีดจำกัด เป็นไปไม่ได้ที่นางจะรักษาสิ่งนี้ไว้ตลอดไป และสำหรับนางการข่มบังคับพลังเอาไว้เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ตอนนี้นางเลื่อนเป็นระดับเทพแล้ว การออกจากหุบเขามนุษย์นั่นเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ?”
“อย่างน้อยพวกเจ้าก็น่าจะให้พวกเราได้เตรียมตัวเตรียมใจกันบ้าง!” เย่ว์หยางรู้สึกว่าเขามีความในใจเป็นพันคำที่อยากจะบอกกับนาง ดังนั้นเขาได้แต่ดูนางจากไปโดยทำอะไรไม่ได้
“ความจริงแล้ว คนที่ข้าต้องการให้เข้าใจคือเจ้าไม่ใช่นาง!” เทวทูตหญิงชุดขาวผู้เป็นหัวหน้ายิ้ม
“ความสามารถในการผนึกของนางแข็งแกร่งมาก แต่ในความเป็นจริงนางสามารถคงอยู่ได้ไม่เกินสองสามวัน พลังเทพอยู่เหนือการควบคุมของนางไม่ว่าเราจะปรากฏตัวหรือไม่ก็ตาม ทันทีที่นางไม่สามารถควบคุมได้ผนึกจะแตกทำลายและนางจะถูกขับออกจากหุบเขา” เทวทูตสาวผู้ห้าวหาญรู้สึกว่าเย่ว์หยางไม่ควรจะพิรี้พิไรเรื่องอย่างนี้ หลังจากที่นางพูดคำนี้เย่ว์หยางค่อยรู้สึกว่าหลายวันมานี้ คุณชายหมิงจูดีต่อเขามาก เมื่อคืนที่ผ่านมานางแสดงอาการผิดปกติมากขึ้นเหมือนนางจะรู้ว่าผนึกของนางนั้นยากจะควบคุมเสียแล้ว
“เลื่อนเป็นระดับเทพเป็นเรื่องที่ดี เจ้าควรจะยินดีกับนาง” เทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักปลอบเย่ว์หยาง
“เมื่อนางออกจากหุบเขามนุษย์ นางจะกลับไปที่ไหน?” เย่ว์หยางถาม
“กลับสู่โลกคัมภีร์ ก่อนที่ประกายเทพของนางจะเกิดขึ้นอย่างสมบูรณ์นางยังต้องการเวลาอีกนานในการทำความคุ้นเคยและเสริมสร้างพลังในระดับนี้ ไม่ใช่ว่าพอเจ้าเลื่อนเป็นระดับเทพแล้ว เจ้าจะได้เป็นเทพทันที ในกิจที่ต้องทำหลายอย่างนี้จำเป็นต้องสร้างขึ้นอาทิ ร่างเทพ สำนึกเทพ ประกายเทพ ฯลฯ พลังเทพ บุคลิกของเทพ รวมทั้งความเชี่ยวชาญความเข้าใจอีกหลายด้านในที่สุดสิ่งเหล่านี้จะถูกสร้างในคัมภีร์เทพ สิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีวิธีการที่เรียกว่าเทพแท้ ขณะที่การเปลี่ยนไปเป็นเทพอย่างสมบูรณ์แบบจะมีพลังที่ยิ่งใหญ่และสมบูรณ์สามารถไปในทุกที่ที่นางต้องการ จะห่างเป็นพันไมล์ล้านไมล์ก็ไม่ถูกจำกัดห้ามอีกต่อไป” เทวทูตหญิงชุดขาวพูดเสียงอ่อนโยนอธิบายถึงการเลื่อนเป็นระดับเทพ
“พวกเจ้าบอกได้ไหมอีกนานเท่าใดกว่าข้าจะพบนางได้” เย่ว์หยางต้องการรู้คำถามนี้ที่สุด
“บางคนจำเป็นต้องใช้เวลาหลายพันปีกว่าจะพบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ บางคนใช้เวลาไม่กี่ร้อยปีและบางคนอาจจะสำเร็จได้ในเวลาไม่กี่สิบปี” เทวทูตสาวผู้ห้าวหาญอธิบาย
“อย่างน้อยก็หลายสิบปี...” เย่ว์หยางพูดอะไรไม่ออกอีกเลย
คิดดูแล้วนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเปลี่ยนมิติหลุมดำให้เป็นโลกหิมะน้ำแข็งก็ต้องใช้เวลาอีกมาก แม้ว่าจะยากลำบากอยู่บ้างในการเปลี่ยนมิติหลุมดำให้เป็นโลกน้ำแข็ง เขาคงยากที่จะเห็นหมิงเยี่ยกวงผู้ปลอมตัวเป็นคุณชายหมิงจูในช่วงเวลาสั้นๆ
ต้องบอกลากันอย่างยากลำบาก ใครจะรู้กันว่าอยู่ด้วยกันเพียงไม่กี่วันแต่กฎสวรรค์ต้องมาพรากทั้งสองให้แยกจากกัน
คิดแล้วอยากจะบ้าจริงๆ!
ที่น่าจนใจที่สุดก็คือนางกลับเข้าไปในโลกคัมภีร์ไม่ได้กลับไปยังแดนสวรรค์ เป็นไปไม่ได้ที่จะส่งจดหมายรักไปหานางอีก
เย่ว์หยางหดหู่ใจอยู่นานแต่ก็ยังไม่ยอมหยุดถาม “ข้าอยากพบนางยังมีหนทางอื่นบ้างไหม?”
เทวทูตสาวใบหน้ากลมน่ารักพยักหน้าให้ความหวังกับเขา แต่ประโยคต่อไปของนางทำให้เขาพูดไม่ออกอีก เพราะนางบอกเย่ว์หยางขณะยิ้ม“ตราบเท่าที่เจ้าเลื่อนชั้นเป็นระดับเทพ จากนั้นเชื่อมสำนึกเทพของนางด้วยสำนึกเทพของเจ้าเข้าด้วยกันสำนึกเทพของนางจะนำทางสำนึกเทพของเจ้า จากนั้นเจ้าก็สามารถเข้าไปยังดินแดนคัมภีร์อัญเชิญของนางได้” คำพูดนี้แทบไม่ให้เย่ว์หยางลุกขึ้นจากพื้น พูดดีๆถ้าเลื่อนเป็นระดับเทพมันง่ายเหมือนอย่างที่พูดคงไม่ต้องมานั่งทำความเข้าใจอย่างลำบากแน่
เย่ว์หยางไม่มีทางเลือกแต่ก็ยังถาม “จะเลื่อนเป็นระดับเทพให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ทำอย่างไร?”
เทวทูตสาวผู้เป็นหัวหน้ายิ้มเล็กน้อย “ข้าไม่รู้เรื่องคนอื่น แต่เจ้าเป็นข้อยกเว้นเล็กน้อย บางทีเจ้าสามารถลองฝึกพิเศษได้...เจ้าเห็นคัมภีร์เงินในมือของข้าไหม? นี่คือคัมภีร์สวรรค์และโลกน้อยที่มีความจริงภายในไม่สิ้นสุด ถ้าเจ้าคิดว่าปลอมอย่างนั้นทุกอย่างจะเป็นภาพลวงตา ถ้าเจ้าคิดว่าจริง อย่างนั้นทุกอย่างจะกลายเป็นจริง”
เย่ว์หยางสงสัยคัมภีร์เงินในมือของนางมานานแล้วว่าเป็นทางเข้าหุบเขาสวรรค์โลกธาตุและมนุษย์!
พอได้ยินเช่นนี้ก็มีความมั่นใจมากขึ้น
เขาอยากเข้าไปข้างในและลองฝึกดู แต่เย่ว์หยางไม่ใช่คนบ้าบิ่น
แน่นอนเขาต้องถามเรื่องสถานการณ์ภายในคัมภีร์เงินมิฉะนั้นจะเกิดอะไรขึ้น?
ในบรรดาเทวทูตสาวทั้งสามคนเทวทูตสาวผู้น่ารักจะไม่ทำให้เขาผิดหวังแน่นอน ส่วนเทวทูตสาวผู้ห้าวหาญอาจจะไม่ แต่เทวทูตสาวผู้ยิ้มอ่อนโยนนี้จะต้องระวังเขาอาจจะกลายเป็นคนตายโดยไม่รู้ตัว ถ้าเขาไม่ถามเขาไม่อาจลงมือทำได้
เย่ว์หยางคิดแล้วคิดอีกและถามอย่างระมัดระวัง “ข้ามีประสบการณ์ผ่านประตูเป็นตายซึ่งเป็นบททดสอบภาพจริงในความลวงตาและภาพลวงตาที่กลายเป็นจริงข้าสามารถรู้วิธีแยกแยะถึงความแตกต่าง อะไรคือเงื่อนไขของการเข้าสู่โลกที่ไม่มีที่สิ้นสุดของคัมภีร์เงิน หลังจากเข้าไปแล้วจะต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขอะไรบ้าง เพื่อแลกกับการกลับมาได้อย่างสำเร็จ
“หลังจากเข้าไปแล้วจะไม่สำเร็จและจะไม่สามารถกลับมาได้” เทวทูตสาวผู้เป็นหัวหน้าให้คำตอบที่เย็นชา พี่สาว!โหดร้ายอะไรขนาดนั้น
“โลกไร้ที่สิ้นสุดในคัมภีร์เงินไม่มีแนวคิดเรื่องเวลาและมิติพื้นที่ เจ้าอาจอยู่ในนั้นเป็นเวลาหมื่นปีโดยไม่ได้ออกมาข้างนอกแม้แต่วินาทีเดียวหรืออาจใช้เวลาล้านปีหรือสิบล้านปีในนั้นเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเจ้าและกลับสู่ข้างนอกโดยเวลาไม่แตกต่างจากตอนที่เจ้าเข้าไปก็ได้” เทวทูตสาวผู้ห้าวหาญอธิบาย
“ตราบใดที่เจ้าประสบความสำเร็จเจ้าสามารถออกมาได้ง่ายมาก” นี่คือคำพูดที่เทวทูตสาวหน้ากลมพูด
“แล้วจะทำให้สำเร็จได้อย่างไร?” เย่ว์หยางอยากอาเจียนกับสิ่งที่พวกนางบอกว่าง่าย!
“เข้าใจตัวเองได้มาก ความหมายของการทำลายและการสร้าง”เทวทูตสาวชุดขาวผู้เป็นหัวหน้าพูดเงื่อนไขการผ่านการฝึกฝนช้าๆ
“นี่ไม่ใช่เงื่อนไขของการผ่านด่านทั้งสามหุบเขามนุษย์ หุบเขาโลกธาตุ และหุบเขาสวรรค์หรอกหรือ?” เย่ว์หยางหมดแรงจะถ่มน้ำลาย หุบเขาทั้งสามอยู่ในความควบคุมของเทวทูตสาวทั้งสาม นักรบทุกคนในโลกนี้ล้วนแต่เขลา พวกเขายังคงคิดว่าพวกเขาประสบความสำเร็จ แต่ในความเป็นจริงพวกเขาเป็นคนโง่ไม่ได้สัมผัสกับหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ที่แท้จริงก็ยังไม่รู้ตัว
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไม่มีใครสามารถได้คัมภีร์เทพได้ในช่วงหลายพันปีมานี้
เทวทูตสาวทั้งสามไม่ได้เอาคัมภีร์เงินออกมาแล้วให้ผู้คนเข้าไปฝึก กฎเทพเจ้าดั้งเดิมไม่ต้องคำนึงถึงชีวิตนี้ ไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงผลของการผ่านด่าน!
แม้แต่พวกที่เรียกว่าเทพปีศาจก็ยังถูกหลอกได้ สามสาวเทวทูตผ่านประสบการณ์มามากเขาไม่เคยคิดว่าการฝึกในสามหุบเขามนุษย์ โลกธาตุสวรรค์ที่น่าประทับใจจะกลายเป็นของปลอม และสามหุบเขาที่แท้กลับอยู่ในมือของผู้อื่น!
เย่ว์หยางอยากให้รางวัลด้วยการตบหน้าตัวเองดูสิว่าเขายังกล้าประเมินสามสาวเทวทูตนี้ต่ำเกินไปอีกหรือไม่...หากเขาไม่เข้าไปฝึก เขาคงไม่กล้าพูดถามเหตุผล “อะแฮ่ม.. ข้าอยากทราบเหตุผลจริงๆ ทำไมพวกเจ้าถึงบอกแต่ข้าคนเดียว?”
เทวทูตสาวผู้ห้าวหาญชื่นชมเขานางชำเลืองมองเขา “เรากำลังเชิญชวนคนที่มีแนวโน้มว่าจะประสบความสำเร็จ ไม่ใช่แค่เจ้า สิบห้าปีที่ผ่านมาผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเจ้าได้เดินทางมาที่นี่และนางประสบความสำเร็จในการผ่านด่าน แต่นางจากไปโดยไม่ยอมไปถึงระดับที่สิบบางทีนางอาจมีคัมภีร์เทพอยู่แล้วและต้องการให้โอกาสเจ้า!”
เทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักพยักหน้าเห็นด้วย “ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว!”
เย่ว์หยางอ้าปากค้างมีคัมภีร์เทพอยู่แล้ว?
เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินว่าบางคนมีคัมภีร์อยู่แล้ว เขาไม่อยากเชื่อว่าคนที่มีคัมภีร์เทพอยู่แล้วจะเป็นพี่สาวของแม่สี่ซึ่งมีฐานะเป็นมารดาของเขา
“นางพญาเฟ่ยเหวินหลี และจักรพรรดิอวี้จ้านฟงก็ผ่านการฝึกฝนด้วยไม่ใช่หรือ?” เย่ว์หยางข่มความตื่นเต้นและถามกลับ
“นางพญาผู้พิชิตผ่านด่านได้ แต่จ้านฟงไม่ได้ท้าทายผ่านด่านต่อเขาตั้งใจจะเข้าไปฝึกในหุบเขาสวรรค์ แต่ทำไมเขาไม่เข้าไปฝึกในหุบเขาโลกธาตุ? เขาต่อต้านความหมายของการทำลายที่แท้จริงจึงถอนตัวจากการทดสอบในตอนแรกเขาบอกว่าเขาจะมาทดสอบผ่านด่านอีกครั้ง แต่เขาไม่เคยกลับมา!” เทวทูตหญิงผู้กล้าหาญรู้สึกประทับใจเขา
“เขาตายแล้ว ไม่มีทางกลับมาอีกแน่นอน!” เย่ว์หยางไม่กล้าจินตนาการถึงขอบเขตโลกไร้ขีดจำกัดว่าน่ากลัวแค่ไหน จักรพรรดิอวี้ถึงไม่กล้าท้าทายผ่านด่าน
หรือคิดๆดูแล้วนางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็คงผ่านโลกไร้ที่สิ้นสุดที่น่ากลัวมาแล้ว
มิน่าเล่านางไม่พูดอะไรเกี่ยวกับความเป็นความตายของนางยังคงมีความลับเช่นนี้เอง
เย่ว์หยางชะงักและต้องการทำการเปรียบเทียบ “นางพญาเฟ่ยเหวินหลีและท่านแม่คนไหนฝึกได้เร็วกว่ากัน”
เทวทูตหญิงผู้น่ารักใช้มือลูบคางทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเล็กน้อย “เวลาของนางพญาผู้พิชิตใช้เวลานานจนลืมแต่น่าจะสามพันกว่าปี แม้ว่านางจะต้องทนทุกข์ทรมานอย่างหนักในโลกไร้ที่สิ้นสุดแต่ความเร็วโดยรวมก็นับว่าค่อนข้างเร็ว!”
เย่ว์หยางถามต่อ “แล้วท่านแม่ข้าเล่า?”
เทวทูตหน้ากลมผู้น่ารักชูนิ้วสามนิ้ว
“สามร้อยปี?” เย่ว์หยางถามอย่างไม่แน่ใจ
“งี่เง่า” เทวทูตหญิงผู้ห้าวหาญแค่นเสียงเย็นชา
“งั้นก็สามปี? ไม่ ไวเกินไป!” เย่ว์หยางร้องลั่น
“สามวัน! นางเป็นผู้ที่ผ่านการทดสอบเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยภูมิปัญญาอันยอดเยี่ยมของนางไม่มีอะไรในโลกที่สามารถเอาชนะนางได้ในความเป็นจริงนางสามารถออกเดินทางได้ในสามชั่วโมงแต่เพื่อจะส่งต่อความรู้ให้กับคนรุ่นหลังนางใช้เวลาอยู่ต่อสามวัน รวมแล้วนางใช้เวลาแค่สามวันเท่านั้น” เทวทูตสาวผู้เป็นหัวหน้าตอบเย่ว์หยาง เขาตกใจมากจนแทบทรุดหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
ยอดเยี่ยมเกินไปแล้วมีแม่แบบนี้ไร้เทียมทานจริงๆ
นางพญาเฟ่ยเหวินหลียังต้องใช้เวลาสามพันปีถึงจะผ่านด่านได้นางสามารถทำได้ในสามวัน แถมยังมีเวลาเตรียมสมบัติให้คนรุ่นหลังนางด้วยนี่มันสติปัญญาแบบไหนกัน?
เย่ว์หยางรู้สึกเวียนหัวอยู่นานและในที่สุดเขารู้สึกว่าเขาถ้าเข้าไปข้างในและได้รับการบันทึกว่าช้าที่สุดในประวัติศาสตร์คงน่าละอายที่กลายเป็นลูกชายของนาง ดังนั้นเขาถามต่อ “สถิติช้าสุดล่ะเท่าไหร่?”
เทวทูตสาวผู้ห้าวหาญตอบอย่างไม่พอใจ “เจ้างั่งนั่นชื่อว่ามังกรปีศาจใช้เวลาล้านปี! ข้ากับพี่น้องพยายามโยนเขาออกนอกโลกไร้ที่สิ้นสุดไปหลายครั้ง แต่น้องข้าใจดี ให้โอกาสเขาอยู่เรื่อย...”
เจ้างั่งนั่นเรียกว่ามังกรปีศาจหรือ?
เย่ว์หยางอดหัวเราะก๊ากไม่ได้ เจ้าผู้นี้ เขาอยากพบอีกครั้งดูซิว่าเขาจะทำหน้ายังไง!
ตอนนี้เริ่มตั้งไข่แล้ว เย่ว์หยางรู้สึกว่าจะคงเป็นคนงี่เง่าอีกครั้ง และเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะทดสอบนานถึงล้านปีในโลกที่ไม่มีสิ้นสุด
ถ้ามังกรปีศาจอยู่ใกล้ๆเขาจะถามความรู้สึกว่าอยู่ในโลกไร้ที่สิ้นสุดถึงล้านปี รู้สึกอย่างไรบ้าง!
มิน่าเล่าเทพมังกรทองผนึกเขาไว้แสนปีมังกรปีศาจออกมาก็ยังใจเย็นอยู่ได้
ปรากฏว่าเขาคุ้นเคยอยู่ก่อนแล้ว
เย่ว์หยางอดยิ้มไม่ได้และในที่สุดเขาโบกมือให้สามสาวเทวทูต “ข้าจะเข้าไป แต่รอให้ข้าคิดและเตรียมตัวก่อน อย่างไรก็ตามถ้าทำลายสถิติเร็วที่สุดจะมีรางวัลอะไรพิเศษหรือไม่?”
“เจ้าไม่มีทางทำลายสถิติที่เร็วที่สุดได้!” เทวทูตหญิงผู้ห้าวหาญบอกกับเขาโดยตรงอย่างไม่เกรงใจ
“....” เย่ว์หยางคิดว่าแม่สาวนี่ดูถูกเหยียดหยามผู้คนเกินไป ไม่จำเป็นต้องพูดอย่างนั้นเลยไม่ใช่หรือ?
“เป็นไปไม่ได้จริงๆที่เจ้าจะทำสถิติเหนือแม่เจ้าได้ แต่ข้าคิดว่ามีปัญญาแน่นอน บางทีอาจไม่นานข้าเชื่อว่าเจ้าใช้เวลาไม่ถึงล้านปี!” เทวทูตสาวน่ารักใช้คำพูดดีๆ ปลอบโยนเย่ว์หยาง
“.......” เย่ว์หยางพูดไม่ออก สติปัญญาเขาอยู่ในระดับเดียวกับมังกรปีศาจหรอกหรือ?