ตอนที่ 1126 ข้ากลัวว่าเจ้าจะลืมข้า!
รอจนเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูหายตกใจเทวทูตสามสาวก็กลับเข้าไปพักผ่อนในกระโจมพักแรมแล้ว
แม้ว่าเย่ว์หยางจะได้รู้ความหมายที่แท้จริงของสามหุบเขาคือหุบเขามนุษย์หุบเขาโลกธาตุ และหุบเขาสวรรค์ จะทำให้เขาสับสนมากขึ้น ถ้าต้องการได้รับคัมภีร์เทพมันยากจริงๆหรือ? จากคนธรรมดาเลื่อนขึ้นไปเป็นเทพต้องผ่านระดับและการทดสอบหลายพันระดับ ด้วยเหงื่อและความพยายามไม่รู้จบสิ้น สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องปกติ แต่ทำไมการทดสอบในหุบเขามนุษย์ หุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ในมิติดินแดนฝึกฝีมือถึงได้ยากกว่าที่จินตนาการไว้? ความหมายที่แท้จริงของหุบเขามนุษย์เกินกว่าการส่งเสริมตนเองไปยังขอบเขตแห่งเทพซึ่งนับว่ายากพอแล้วและยังมีการทำลายและการสร้างใหม่ที่เหลือเชื่อมากขึ้น...มิติฝึกฝีมือนั้นต้องการใช้ฝึกฝนนักสู้ระดับเทพ ไม่ได้ฝึกผู้เชี่ยวชาญในการสร้างโลกนั่นเป็นเรื่องยากจริงๆ หรือ?
ผู้ทำสัญญากับคัมภีร์เทพควรเป็นคนเดียวกับผู้สร้างโลกอย่างนั้นหรือ?
แม้กระทั่งหุบเขาสวรรค์ที่ถูกสร้างด้วยความหมายที่แท้จริงก็เป็นเพียงด่านที่เก้า ไม่ใช่ด่านสุดท้าย
เขาไม่รู้จริงๆว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีผ่านไปถึงด่านที่เก้าได้อย่างไร
“ตอนนี้ใจของข้าว้าวุ่นเล็กน้อยข้าต้องการพัก เรากลับไปคิดกันก่อน พรุ่งนี้เช้าค่อยมาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน”คุณชายหมิงจูไม่ได้มีความสับสนเกี่ยวกับความเปลี่ยนแปลงในหุบเขามนุษย์อย่างไรก็ตาม การทำลายของหุบเขาโลกธาตุและการสร้างของหุบเขาสวรรค์ไม่สามารถอธิบายได้
“....”เย่ว์หยางอยากจะบอกว่าปล่อยให้เขาจัดการแต่เขารู้ว่าคุณชายหมิงจูจะผ่านด่านนี้ได้ในอีกไม่นาน ดังนั้นเขาได้แต่พยักหน้า
วันต่อมา
ไม่รอให้เย่ว์หยางเริ่มเอ่ยปาก ทันใดนั้นคุณชายหมิงจูยิ้มให้ทันที “ข้าคิดออกแล้ว หลังจากผ่านด่านหุบเขามนุษย์ได้ข้าจะกลับสามารถรู้แจ้งเข้าใจขอบเขตระดับเทพได้คือเป้าหมายหลักของข้าสำหรับการเข้าหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ ข้าจะยังไม่คิดตอนนี้ขออภัยด้วยตอนแรกข้าคิดว่าจะสามารถเดินไปด้วยกันกับเจ้าจนจบ แต่ตอนนี้... บางทีนี่อาจเป็นชะตากรรม ชะตากรรมเลือกเรา คนที่ดีที่สุดสามารถไปได้จนจบ”
ตาของคุณชายหมิงจูมองดูเย่ว์หยางราวกับจะบอกว่าเขาจะเป็นคนโชคดีในท้ายที่สุด เขาไม่อาจเทียบกับเย่ว์หยางได้
เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อ“พูดตอนนี้ยังเร็วไป บางทีข้าอาจจะถึงขีดจำกัดในครั้งต่อไปก็ได้”
เมื่อเห็นท่าทางของเขาคุณชายหมิงจูอดหัวเราะไม่ได้
หมิงจูตบไหล่ของเขาและยิ้มกล่าว“ถ้าเจ้าต้องถึงขีดจำกัดจริงๆ ข้าคงไม่ยอมรับเจ้าเป็นสหายแน่ แม้ว่าเจ้าจะได้คัมภีร์เทพ ข้าก็ไม่อิจฉาเจ้ามีอะไรต้องกังวล”
“คัมภีร์เทพไม่ใช่ว่าจะได้กันง่ายๆ” เย่ว์หยางไม่คิดไปไกลขนาดนั้น เขาเปลี่ยนหัวข้อถาม “หลังจากผ่านด่านหุบเขามนุษย์ได้ เจ้าจะไม่ไปต่อจริงๆ หรือ?”
“ข้าตัดสินใจแล้ว” คุณชายหมิงจูพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าตั้งใจจะทำอะไรต่อไป?” เย่ว์หยางถามไม่ลดละ
“ทำเรื่องที่เจ้าต้องการทำแต่ยังไม่มีเวลาได้ทำ” คุณชายหมิงจูพูดคลุมเครือ
“ทำสิ่งที่เจ้าต้องการทำแต่ไม่มีเวลาได้ทำ? เจ้าต้องการบอกความลับอะไรข้าหรือ? เจ้ากำลังจะออกไปถึงได้พูดอย่างนี้ใช่ไหม?” เย่ว์หยางมองคุณชายหมิงจูด้วยความหวังดี
“เมื่อข้าจะจากไป ข้าจะพิจารณาว่าจะบอกเจ้าหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการแสดงออกของเจ้า” คุณชายหมิงจูยิ้มและส่ายหน้าปฏิเสธคำขอเย่ว์หยาง
“บ้าจริงๆ อย่าบังคับให้ข้าใช้กำลังนะ”เย่ว์หยางมีความอดทนจำกัด
“ข้าต้องกลัวเจ้าด้วยหรือ?” คุณชายหมิงจูกับเย่ว์หยางจ้องหน้ากันทั้งสองคนต่างจ้องกันเหมือนไก่ชนจนจมูกใกล้ชนกันจนรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ เย่ว์หยางตัดสินใจจะจูบหน้าคุณชายหมิงจูให้เต็มปาก ทันใดนั้นประตูกระโจมเปิดออก เทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักมองดูข้างๆด้วยความสงสัย
เย่ว์หยางกับคุณชายหมิงจูรีบผละจากกันสามเมตร
เด็กหนุ่มจากโลกอื่นหัวเราะแก้เก้อ“อา... วันนี้อากาศดี ไร้เมฆหมอก ท้องฟ้าใส น่าแต่งบทกวีรำพึงถึงอากาศยิ่งนัก”
คุณชายหมิงจูเหงื่อตก พี่ชายเจ้าไม่ดูท้องฟ้าก่อนที่จะโกหกเลยหรือไง? วันนี้มีพายุฝน เมฆครึ้มราวกับวันสิ้นโลก ไปเอาท้องฟ้าใสไร้เมฆหมอกมาจากไหน? แล้วจะแต่งบทกวีรำพึงถึงอากาศดีได้อย่างไร?
ไม่มีทางเขาไม่ต้องการร่วมมือกับคนที่พูดโดยไม่รู้จักคิด
หลังจากนั้นต้องแสร้งทำเป็นไม่รู้จักเจ้าผู้นี้
เพื่อเลี่ยงความอับอายขายหน้า
เทวทูตสาวหน้ากลมมองดูท้องฟ้าและทำสีหน้าสับสน
ในที่สุดนางเลิกตรวจสอบและโบกมือให้กับเย่ว์หยางกับหมิงจู“ฝนกำลังจะมา พวกเจ้าต้องการเข้ามาหลบฝนหรือเปล่า?”
เย่ว์หยางโน้มตัวมาข้างหน้าเทวทูตสาวหน้ากลมน่ารักและแสยะยิ้ม “ข้าเป็นคนอันตรายมาก เจ้าเชิญข้าเข้าไปหลบฝนไม่กลัวหรือ?”
“ใช่,คนมีความตั้งใจดีต้องการให้เจ้าผู้เหมือนกับหมาป่าได้หลบฝนถ้าเจ้าไม่ก่อเรื่องแย่ๆ สักวันหนึ่ง เจ้าจะไม่มีแรงใช่ไหม?” คุณชายหมิงจูเกลียดท่าทางกระด้างของเจ้าเด็กจากโลกอื่นและฉุดลากเขาเข้าไปหลบฝน เทวทูตสาวหน้ากลมหลั่งเหงื่อพรั่งพรู
“ถ้าข้ามีพลังเหมือนกับเทพ เมื่อเผชิญหน้ากับพายุลมแรงมันคงจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่ออกคำสั่งว่า ‘หยุด’หรือ ‘สงบ’ ก็ได้” เย่ว์หยางกล่าว
“อย่าฝันเลย” คุณชายหมิงจูคิดว่าเจ้าผู้นี้ยังฝันกลางวัน
“ความจริงเจ้าสามารถทำได้...” เทวทูตสาวผู้ถือคัมภีร์สีเงินกล่าว นางยังคงนั่งและยิ้มให้เขา “ถ้าเจ้าทำได้อย่างนั้นเจ้าจะผ่านการฝึกฝนในหุบเขามนุษย์ได้เลย ถ้าเจ้าทำไม่ได้ แม้ว่าเจ้าจะผ่านด่านได้สำเร็จและออกจากหุบเขามนุษย์ ก็เป็นได้แค่นักรบที่มีความสำเร็จเพียงผิวเผินและเสี่ยงต่อการล้มเหลวของตนเอง”
“อะไรนะ?” เย่ว์หยางเพิ่งพูดเรื่องเหลวไหลไร้สาระแต่คาดไม่ถึงว่าจะได้รับคำตอบแบบนี้
“หุบเขามนุษย์ได้ห้ามทุกอย่างไม่มีการใช้ทักษะแฝงเร้น ไม่มีสนามพลัง ไม่มีการช่วยเหลือใดๆ แล้วจะหยุดพายุฝนได้อย่างไร?” คุณชายหมิงจูรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้
“ความจริงหุบเขามนุษย์ทำไมเราต้องทำแบบนี้ ก็แค่ต้องการจำกัดผู้เข้าทดสอบให้มากที่สุดเปลี่ยนผู้เข้าทดสอบที่แข็งแกร่งที่สุดให้กลายเป็นบุคคลที่ต่ำที่สุดต้องเอาชนะในสภาพแวดล้อมที่ตนเองอ่อนแอและไร้พลังมากที่สุดหากความคิดนี้มิได้กลั่นออกมา อย่างนั้นผู้ฝึกจะเป็นคนอยู่เสมอ ไม่ใช่เทพ” เทวทูตสาวผู้ดูห้าวหาญตอบ
“แม้ว่าใจจะอ่อนกำลังลงแต่ไม่มีพลังวิเศษที่หยุดพายุฝนได้” คุณชายหมิงจูยังคงรู้สึกยากจะจินตนาการ
“นั่นเพราะเจ้ายังคงเป็นมนุษย์คนหนึ่ง หากเจ้าทำได้เหนือมนุษย์ เลื่อนไปเป็นเทพกฎขีดจำกัดจะเข้มงวดเพียงไหนก็ไม่สามารถจำกัดเจ้าได้อีกต่อได้ แต่พลังทั้งหมดของหุบเขามนุษย์จะติดตามเจ้าไปและเจ้าสามารถใช้พลังนี้ได้” เทวทูตสาวชุดขาวผู้สงบพูดบางอย่างที่ทำให้คุณชายหมิงจูและเย่ว์หยางเปลี่ยนแปลงใหญ่ทั้งคู่
เย่ว์หยางดูเหมือนจะตระหนักรู้อยู่ในใจ
กำลังจะเปลี่ยนไปเป็นสภาวะรู้แจ้ง
ทันใดนั้นเขาเห็นความเปลี่ยนแปลงใหญ่ของคุณชายหมิงจูตัวเขาโงนเงนเหมือนกับจะล้มลงกับพื้นได้ทุกเมื่อ
เขารีบข่มความปั่นป่วนในใจที่เหมือนกับคลื่นทะเลและรีบเข้าไปประคองคุณชายหมิงจู เมื่อมือเขาใกล้จะสัมผัสร่างคุณชายหมิงจูก็มีพลังระเบิดออกมาจากร่างคุณชายหมิงจูทันที
ท้องฟ้าและพื้นดินรวมถึงพายุฝนที่หวีดหวิวอยู่ข้างนอกสงบลงทันที
พลังที่ไม่สิ้นสุดก่อตัวเป็นวงคลื่นขยายตัวออกไปอย่างบ้าคลั่งทั่วทุกที่เป็นพลังเจตจำนงที่ไม่รู้จัก
แม้แต่พลังที่ถูกจำกัดอยู่ในหุบเขามนุษย์
ได้แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
เศษมิติในอากาศกระจายออกเหมือนเลนส์ที่แตก มือของเย่ว์หยางถูกพลังที่ไม่รู้จักสะท้อนใส่อย่างรุนแรงทำให้ตัวเขากระเด็นห่างออกไปร้อยเมตร
เทวทูตสามสาวดูเหมือนจะเตรียมตัวอยู่นานแล้วพวกนางกางโล่พลังแสงศักดิ์สิทธิ์และลอยตัวขึ้น
ไม่ได้ตื่นเต้นตกใจกับมิติที่สั่นสะเทือนเลย
ยังคงสงบเหมือนเดิม
ร่างคุณชายหมิงจูมีรัศมีนวลตานับไม่ถ้วนฉายออกเหมือนกับแสงจันทร์
เหมือนกับว่ามีวิธีการลับบางอย่างและผนึกนั้นกำลังยกตัวขึ้น
ตุ้บ!
เกลียวแสงสีขาวนับไม่ถ้วนรวมตัวอยู่ด้านบนศีรษะของคุณชายหมิงจูรวมตัวเป็นลำแสงฉายพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า
ขณะเดียวกันคัมภีร์อัญเชิญที่คุณชายหมิงจูไม่อาจแสดงที่นี่ในหุบเขามนุษย์ได้ ลอยออกมาอย่างคาดไม่ถึงเป็นคัมภีร์อัญเชิญระดับศักดิ์สิทธิ์ที่หาได้ยากมาก พลังผนึกนับไม่ถ้วนต่างพังสลายในเวลาที่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ปรากฏขึ้นและแม้แต่ร่างของคุณชายหมิงจูก็มีรัศมีฉายกระจายออกมาระยิบระยับแสงสว่างเหมือนกลุ่มดวงจันทร์
ภายในกลุ่มแสงดูเหมือนมีร่างสตรีคนหนึ่ง
รูปลักษณ์เหมือนเอลฟ์จันทราผมสีบรอนด์ทิ้งตัวลงเหมือนสายน้ำตก คิ้วโก่งดังวงจันทร์ ขนตางอนยาว เหมือนกับจะไม่รู้ว่าโลกกำลังเปลี่ยนแปลงทุกทิศ
รอจนกระทั่งนางลืมตาที่สุกใสเหมือนดวงดาวช้าๆ เย่ว์หยางรู้สึกงุนงง ใจของเขาเปิดแต่ร่างกายตอนนี้ถูกพลังอีกฝ่ายหนึ่งจำกัดไว้อย่างสิ้นเชิงไม่สามารถขยับหรืออ้าปากได้
ภายใต้พลังผนึกลับและสนามพลังซ่อนตัวไม่เหมือนใคร ใครจะคิดกันว่านั่นคือหญิงงามไม่มีใครเทียบ
หญิงงามผู้มีปลายหูแหลมและเท้าเปล่ามีรัศมีศักดิ์สิทธิ์คลุมไปทั้งร่างดูเหมือนต้องการยื่นมือเข้ามากอดเย่ว์หยาง
อย่างไรก็ตามสุดยอดพลังปณิธานที่นางยังไม่สามารถควบคุมได้ผลักร่างเย่ว์หยางออกห่าง
และพลังกฎสวรรค์ของหุบเขามนุษย์เริ่มสะท้อนกลับ
แม้ว่าจะไม่ทำร้ายนางแต่นางจะขับออกไปจากข้อจำกัดนี้ทันที เพราะตอนนี้นางไม่อยู่ภายใต้กฎสวรรค์ของหุบเขามนุษย์อีกต่อไปไม่สมควรอยู่ที่นี่อีกต่อไป
หญิงงามตอบสนองทันทีนางแทบจะหมดพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่นางควบคุมได้ในขณะนี้ แสงจันทร์สว่างขึ้น สนามพลังจันทราผสานเข้ากับผนึกที่แตก มิติที่แตกผสานเข้ากันชั่วคราวและหยุดการทำลายตนเองวินาทีนั้นนางพุ่งเข้ามาหาเย่ว์หยางใบหน้าที่งดงามของนางเต็มไปด้วยความกังวลสายเกินกว่าจะโอบกอดเย่ว์หยาง นางได้แต่ประทับริมฝีปากเย่ว์หยางพื้นที่มิติซึ่งซบเซาของหุบเขามนุษย์ และกฎสวรรค์ที่แข็งแกร่งกลับมาทำงานอีกครั้ง
“ความจริงข้า...” หญิงงามไม่มีเวลาบอกความลับนางขีดจำกัดหุบเขามนุษย์กีดกันนางออกจากหุบเขามนุษย์
มิติแตกสลายปิดทันที
เย่ว์หยางที่ยืนนิ่งค่อยรู้สึกตัวในที่สุด
เขาเอื้อมมือไปรับหยดน้ำตาหญิงงามที่หยดลงมือฝ่ามือเขาขณะที่นางจากไป
ในน้ำตามีความอบอุ่นเป็นพิเศษแฝงพลังเจตจำนงและข้อความสุดท้ายที่ส่งให้เย่ว์หยาง ‘ข้าไม่ได้ดุร้ายป่าเถื่อน ข้าทุบตีเจ้าเพราะกลัวว่าเจ้าจะลืมข้าง่ายดาย.....”