ตอนที่แล้วตอนที่ 1124 ฐานลับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1126 ข้ากลัวว่าเจ้าจะลืมข้า!

ตอนที่ 1125 ความจริงที่คาดไม่ถึง


“มีสถานที่สำหรับส่งเสริมประสบการณ์พิเศษให้เจ้าถ้าเจ้าสามารถทำได้...อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม” คนที่กล่าวคนแรกคือสตรีผู้ถือคัมภีร์สีเงินชุดขาวนางพูดไม่จบเหมือนกับว่าสงวนคำพูดไว้

“นั่นก็ดีแล้ว ข้าเชื่อว่าเราจะปฏิบัติตามข้อกำหนดตามวันเวลาที่กำหนดไว้และจะไม่สายเกินไปแน่” เย่ว์หยางยิ้มเล็กน้อย

เขารู้มานานแล้วว่าการทดสอบขั้นสุดท้ายไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

ถ้าการทดสอบง่ายมากอย่างนั้นหมื่นปีที่ผ่านมานักรบผู้มีความสามารถของรุ่นก่อนที่ได้ปฏิบัติตามข้อกำหนดคงบรรลุเป้าหมายไปมากมายแล้ว

นอกจากนี้ จากมุมมองของฝ่ายตรงข้ามยิ่งการทดสอบยากยิ่งขึ้น รางวัลความสำเร็จย่อมเป็นของที่ดีที่สุดแน่นอน  เทวทูตทั้งสามสามารถอยู่และรอเวลาที่จะมาถึง  สำหรับเย่ว์หยางถือว่าสิ่งนี้ประสบความเร็จไปมากกว่าครึ่งเมื่อเทียบกับจีอู๋ลี่ผู้แสวงหาผลลัพธ์โดยการแลกเปลี่ยนกับเทพปีศาจ เย่ว์หยางกับหมิงจูกำลังก้าวหน้าไปถูกทางอย่างมิต้องสงสัย    เฉพาะการทดสอบสุดท้ายการฟื้นคืนชีพของเทพปีศาจ

คุณชายหมิงจูรู้ว่าพวกนางจะไม่พูดตอนนี้ แต่พวกนางทั้งไม่เต็มใจและไม่สามารถช่วยได้  ได้แต่ถามปัญหาขึ้น  “ท่านช่วยบอกเราได้ไหมเกี่ยวกับหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์?”

เทวทูตหญิงคนกลางยิ้มโดยไม่พูดอะไรเพียงแต่ลูบคัมภีร์ในมือ

เทวทูตคนที่หยิ่งและกล้าหาญหยุดพูด

เทวทูตหญิงหน้ากลมน่ารักเห็นเย่ว์หยางต้องทำเป็นเหมือนไม่ให้ความร่วมมือกับคุณชายหมิงจูนางอดปลอบใจเขามิได้ “ที่จริงสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ว่าจะเป็นความลับ เราจะบอกเจ้าเร็วๆนี้หรือต่อจากนั้น แต่ตอนนี้ยังไม่เหมาะสมที่จะบอกเจ้า มันจะส่งผลต่ออารมณ์และสถานะของเจ้า

เย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูมองหน้าและพยักหน้าให้กันและขอบคุณเทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารัก

นางมิได้ระบุไว้ให้ชัดเจน

แต่เย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูพยายามคาดเดานิดหน่อย

ก่อนหน้านี้พวกนางบอกว่าเทพปีศาจกลับมาและถ้าไม่มีใครหยุดมันได้พวกนางจะออกมาเอง...เย่ว์หยางสงสัยว่าถึงเวลานั้นคงมีแต่เทพปีศาจผู้เดียวเท่านั้น ไม่อาจจะรักษาหุบขามนุษย์ไว้ได้และล่มสลายในที่สุด  จากนั้นจะมีเทพปีศาจนับไม่ถ้วนในหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์

ถ้าการใช้ชีวิตในหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ยังเอาตัวไม่รอดแล้วพวกเขาจะไปที่ไหน?

ความปลอดภัยที่แท้จริงอยู่ตรงไหน?

นอกจากนี้เย่ว์หยางยังมีข้อสงสัยเกี่ยวสถานที่เร้นลับอย่างหอคอยเหนือหอคอแห่งหุบเขามนุษย์  ขุนเขาเหนือขุนเขาแห่งหุบเขาโลกธาตุและฟ้าเหนือฟ้าแห่งหุบเขาสวรรค์ ไม่ใช่ว่าสถานที่เหล่านี้ไม่มีอยู่จริง แต่หลังจากการต่อสู้ในหอคอยเหนือหอคอยเป็นการยืนยันข้อสันนิษฐานในใจของเย่ว์หยาง  หลังจากคุยกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและจักรพรรดินีเทียนฟาในโลกคัมภีร์แล้วเย่ว์หยางก็ได้ข้อสรุปตามจากการเสนอแนวคิดของทุกคน จากนั้นแบ่งปันแนวคิดสันนิษฐานให้กับหมิงจู  นั่นคือ ตอนนี้ในหอคอยโบราณแห่งหุบเขามนุษย์ความจริงก็คือหอคอยเหนือหอคอย และหอคอยเหนือหอคอยซึ่งเป็นสถานที่ต่อสู้กับเทพปีศาจนั้นก็คือหอคอยโบราณแห่งหุบเขามนุษย์

ทั้งสองที่สลับตำแหน่งกันโดยไม่ทราบสาเหตุ

วิญญาณของเทพปีศาจหลุดออกจากร่างและถูกผนึกไว้ในหอคอยเหนือหอคอย

ซึ่งความจริงก็คือหอคอยโบราณนั่นเอง

อาจเป็นเพราะผู้แข็งแกร่งทรงพพลังยุคโบราณสลับช่องว่างมิติระหว่างหอคอยโบราณกับหอคอยเหนือหอคอย

นั่นคือหนึ่งในเหตุผลที่ทุกคนจะเห็นได้ว่ารูปแบบอาคารโบราณหลังจากเข้าไปในอาคารจะมีขนาดใหญ่โดยเฉพาะอย่างยิ่งใหญ่กว่าอาคารด้านนอกถึงสิบเท่า อีกเหตุผลหนึ่งก็คือเมื่อเย่ว์หยางนำหินเทพเจ้าออกมาที่ยอดเขาทั้งสี่ของหอคอยโบราณเพื่อเข้าสู่พื้นที่ผนึกโบราณและค้นหาสมบัติโบราณ หินวิเศษเหล่านี้รู้จักกันในนามของพลังงานอนันต์เดิมทีไม่ได้มีอยู่หลังจากที่เทพปีศาจถูกผนึกเพื่อใช้วัตถุโบราณนั้นยับยั้งเทพปีศาจไม่ให้ออกมาจากผนึก  นักรบโบราณที่แข็งแกร่งจงใจสร้างประตูเทเลพอร์ตและหินพลังงานในยอดเขาทั้งสี่ทิศ เย่ว์หยางใช้ตาทิพย์ตรวจสอบพบว่ายอดเขาทั้งสี่ทิศยังไม่ได้รับหินพลังงาน

ยิ่งกว่านั้น แม้ว่าจะมีประตูเทเลพอร์ตแต่ไม่จำเป็นต้องใช้พลังงานจากศิลาศักดิ์สิทธิ์

ทุกอย่างถูกเปิดเผย

เกี่ยวกับการทดสอบสติปัญญา สำหรับการทดสอบคนรุ่นหลัง  นักเรียนที่ฉลาดที่สุดและยอดเยี่ยมที่สุดสามารถค้นหาโบราณวัตถุได้  คนธรรมดาไม่มีทางได้รู้ความลับฟ้าและแม้แต่ไม่มีโอกาสร่วมในการทดสอบค้นหาโบราณวัตถุ

หอคอยเหนือหอคอยเป็นหอคอยโบราณดั้งเดิมของแท้ และเย่ว์หยางรู้สึกว่ายังมีเหตุผลอื่นสนับสนุนอยู่

นั่นคือพลังเทพ

ในการต่อสู้กับเทพปีศาจพลังที่น่าหวาดหวั่นพรั่นพรึงที่เทพปีศาจแสดงออกมานั้นไม่มีใดเทียบได้ แต่ยังเป็นพลังที่อ่อนแอเพียงหนึ่งในร้อยของพลังเทพเดิมแต่ก็ยังเล่นงานเย่ว์หยางจนทุลักทุเล เด็กหนุ่มจากโลกอื่นอาจพูดได้ว่า เป็นสุดยอดฝีมือที่สั่นสะท้านจักรวาลได้  ในท้ายที่สุดแล้ว เขาก็แทบเอาตัวไม่รอดเพียงแต่เทพปีศาจไม่มีโอกาสโจมตีครั้งที่สอง ในทางตรงกันข้าม เมื่อแข่งขันกันที่ยอดเขาตะวันตกที่เขาเผชิญกับจินฉีและว่านหมอ จินฉีได้พลังปีศาจมาหนึ่งในหมื่นและว่านหมอได้พลังเทพปีศาจมาหนึ่งในพัน   แม้ว่าดูเหมือนจะได้ความสามารถมามาก แต่ในความเป็นจริงเย่ว์หยางรู้สึกว่าการต่อสู้ง่ายกว่าที่เขาคิด

หากสลับไปสู้กับเทพปีศาจที่หอคอยเหนือหอคอยพลังเทพหนึ่งในพันก็ทำให้เขาลำบากได้

ทำไมความแตกต่างระหว่างทั้งสองจึงมากมายขนาดนั้น?

เหตุผลก็คือหอคอยโบราณก็คือหอคอยเหนือหอคอยที่แท้จริงซึ่งเทพสร้างให้สำหรับเป็นที่ฝึกฝนและกฎสวรรค์ที่จำกัดห้ามมีพลังรุนแรง

ดังนั้นจินฉีและว่านหมอที่ต่อสู้กับเย่ว์หยางในยอดเขาตะวันตก  พลังเทพปีศาจของพวกเขาถูกสกัดกั้นโดยกฎสวรรค์และอ่อนแอลงอย่างมาก ไม่เช่นนั้นพลังที่พวกเขาใช้จะต้องมากมายยิ่งกว่านั้น

ถ้าจินฉีกับว่านหมอเปลี่ยนที่สู้กับเย่ว์หยาง

ไม่ว่าที่ใดในหุบเขามนุษย์

แม้ว่าพวกเขาจะพ่ายแพ้ก็ตาม

แต่คงไม่พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถ

หากพลังเทพที่ทำการแลกเปลี่ยนกันโดยเทพปีศาจไม่มีผลเลย เทพปีศาจจะรู้ว่ามันจะไร้ประโยชน์ถ้าเขาเล่นงานเย่ว์หยาง?แน่นอนว่าเขาต้องการกำจัดเย่ว์หยาง แต่น่าเสียดายที่เทพปีศาจไม่ได้คิดว่าจินฉีและว่านหมอจะต่อสู้กับเย่ว์หยางที่ยอดเขาตะวันตก  ดังนั้นผลลัพธ์ของพลังเทพบางอย่างก็ไร้ประโยชน์และเย่ว์หยางถูกโจมตี

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเย่ว์หยางได้รับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความลับของเทพปีศาจ

เขาไม่สับสนเหมือนเมื่อก่อนที่ไม่รู้อะไร

เพราะการสลับระหว่างหอคอยโบราณและหอคอยเหนือหอคอยเป็นเพราะทัศนคติก่อนหน้านี้ของเทวทูตสาวชุดขาวทั้งสามเช่นเดียวกับข้อมูลเล็กน้อยที่เย่ว์หยางรวบรวมไว้จากนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและเหตุผลขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน  เย่ว์หยางได้ทำการคาดเดาที่กล้าหาญมาก  หากหุบเขามนุษย์ล่มสลายไปเฉยๆอย่างนั้นหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ก็ไม่สำคัญ ดังนั้นพวกเขาต้องพูดเท็จ...มิฉะนั้นเทพโบราณคงไม่สามารถสร้างดินแดนมิติฝึกฝีมือที่จะทำให้คนรุ่นหลังไม่มีความหวังไม่มีทางสำเร็จเป้าหมายได้เลย!

หุบเขามนุษย์ หุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์มีแนวโน้มว่าจะตกอยู่ในมือของเทวทูตชุดขาวสามสาว

จากนั้นพวกนางเลือกเป็นการส่วนตัว

มีแต่ผู้มีคุณสมบัติที่ดีที่สุดถึงจะเข้าไปได้

เป็นไปไม่ได้ที่เทพโบราณจะให้การส่งเสริมทดสอบฝึกฝนเทพที่มีความทะเยอทะยานรุ่นหลังหรือเทพปีศาจชั่วร้าย ที่ไม่มีทางควบคุมบังคับได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้กองกำลังป่าเถื่อนควบคุมคนที่มีความหวังที่แท้จริงให้หลงทาง

ดังนั้นกุญแจสำคัญสำหรับไขทุกอย่างอยู่ที่เทวทูตสตรีชุดขาวทั้งสาม

พวกนางแสดงถึงประสงค์ของเทพเจ้าโบราณในระดับหนึ่ง

อย่างน้อยก็อยู่ในยุคเดียวกันกับเทพโบราณจะเลือกผู้สืบทอดเจ้าของคัมภีร์เทพที่แท้จริง... หากหุบเขามนุษย์เป็นของปลอมอย่างนั้นหุบเขาโลกาและหุบเขาสวรรค์ที่จำเป็นต้องผ่านไปให้ได้ก็เป็นของปลอมเช่นกัน จริงๆ แล้วมันอยู่ที่ไหน?

“เจ้ายิ้มค่อนข้างน่ากลัว อย่าตีข้านะข้าจะไม่พูดอะไรเลยในตอนนี้” เทวทูตสาวหน้ากลมผู้น่ารักกลัวที่จะมองเย่ว์หยางเพราะเด็กหนุ่มหัวเราะน่ากลัวพร้อมกับจ้องมองนาง ใบหน้าของสาวเทวทูตผู้น่ารักบ่งบอกว่ามีจิตใจอ่อนโยนที่สุด  และนางชอบหยอกล้อเย่ว์หยางมากที่สุดนางจึงเป็นคนที่น่าบอกความลับได้มากที่สุด

“ก็ได้ อย่ามองข้าเหมือนกับหมาป่าเห็นลูกแกะ  เจ้าเช็ดน้ำลายที่ปากก่อน!”  คุณชายหมิงจูทนดูไม่ไหวเขาใช้วิธีอย่างสุภาพ เจ้าหมอนี่ดีแต่จะใช้กำลังหรือไง?

“ข้าเหมือนคนช่างกระวนกระวายอย่างนั้นหรือ?”  เย่ว์หยางทำตัวกร่างคุณชายหมิงจูยืนอยู่ด้วยอย่างนี้เขาหักหน้าได้อย่างไร

“ไม่ใช่ว่าดูเหมือน แต่ว่าใช่เลย!” คุณชายหมิงจูรู้สึกว่าการป้องกันอย่างเข้มงวดไม่มีอะไรผิดจะเป็นยังไงถ้าเจ้าเด็กนี่ ทำงานเพื่อผลประโยชน์ตัวเองภายใต้หน้ากากทำงานเพื่อสาธารณะเป็นแค่เพียงไม่จริงใจอย่างนั้นหรือ

“ก็ได้เจ้าชนะ” เย่ว์หยางทำเป็นก้มหน้าขีดเขียนแก้เก้อ เขาไม่ต้องการทะเลาะกับคุณชายหมิงจู

คุณชายหมิงจูเชิดหน้าภูมิใจเหมือนนกยูง

มันยากที่จะเอาชนะเขาได้สักครั้ง  และเอามาอวดเมื่อใดก็ได้!

เทวทูตสตรีที่ถือคัมภีร์สีเงินนั่งเงียบๆในกระโจมชั่วคราวที่เย่ว์หยางสร้างให้ นางทรุดตัวนั่งลงไม่ว่าเย่ว์หยางและหมิงจูจะทำอะไร นางไม่สนใจส่วนเทวทูตสตรีที่ดูห้าวหาญมองเย่ว์หยางและหมิงจูจากนั้นเดินเข้าไปพักในกระโจมเหลือแต่เทวทูตหญิงหน้ากลมน่ารักเอียงคอมอง ดูเหมือนนางจะชอบมองภาพลักษณ์ย่ำแย่ของเย่ว์หยางเป็นรูปลักษณ์เหมือนขโมยที่ถูกจับได้ เห็นแล้วมีความสุข

ในเวลากลางคืน เย่ว์หยางก่อกองไฟ

เขาจับปลาและกุ้งในทะเลมาทำกับข้าวมื้อค่ำ

เทวทูตสามสาวไม่สนใจอาหาร แต่นางดื่มน้ำพุวิญญาณที่เย่ว์หยางนำมาจากหอทงเทียน

คุณชายหมิงจูวิพากษ์วิจารณ์งานฝีมือของเย่ว์หยาง  แต่ในความเป็นจริงเขาพอใจมากเขายิ้มและถามเกี่ยวกับกิจการของเย่ว์หยางในแดนสวรรค์ แน่นอนสิ่งที่อย่างถามมากที่สุดก็คือหอทงเทียน   น่าเสียดายที่เย่ว์หยางแค่สนทนาสั้นๆนอกจากเป็นหัวข้อที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้

“หอทงเทียน กล่าวกันว่ามีสุสานเทพเจ้า สุสานเทพเจ้าจริงๆใช่ไหม?” เทวทูตหน้ากลมผู้น่ารักมีความรู้ดีมาก

“และคัมภีร์เทพด้วย!” เทวทูตหญิงผู้หยิ่งจิบน้ำพุวิญญาณและพูดคุยสนทนาด้วย

“เจ้าเคยเห็นคัมภีร์เทพมาก่อนไหม?”  เย่ว์หยางเหลือบตาถาม

“คัมภีร์เทพจะอยู่ในใจของผู้ที่มองเห็นได้..ผู้ที่ถูกลิขิตไว้ว่าจะได้มาจึงจะเห็นได้ ผู้ที่ไม่มีชะตาได้รับก็จะมองไม่เห็นแน่!”  เทวทูตผู้ถือคัมภีร์เงินยิ้มอ่อนโยนราวกับจะถามเย่ว์หยางเงียบๆ ว่าเจ้าคิดว่าตนเองมีวาสนาหรือไม่?  ประโยคนี้ของนางก็มีความหมายว่าคัมภีร์เทพไม่ใช่สิ่งที่จะรับได้ตามต้องการ ไม่ว่าจะใช้ความพยายามมากเพียงไหนทุ่มเทราคามากเพียงไหนก็ไม่มีทางได้รับ เพราะคัมภีร์เทพเลือกเจ้าของเอง

คัมภีร์เทพจะเลือกเจ้านายของตนเอง

แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่กองกำลังภายนอกจะบังคับเอามาได้ไม่ว่าจะมีพลังมากขนาดไหนก็เป็นไปไม่ได้

ความจริงเย่ว์หยางไม่คิดถึงปัญหาเรื่องนี้  เด็กหนุ่มจากโลกอื่นยังมีคัมภีร์เทพฤทธิ์ที่เขายังไม่มีโอกาสได้ใช้ สำหรับคัมภีร์เทพเขาต้องการได้มาเพื่อป้องกันไม่ให้คนอื่นได้ไปไม่ใช่เพื่อตัวเขาเอง

แน่นอนว่าถ้าคัมภีร์เทพเลือกเขา อย่างนั้นเย่ว์หยางก็ไม่ต้องเกรงใจ

เย่ว์หยางไม่ต้องการสนทนาหัวข้อนี้มากเกินไปเนื่องจากคัมภีร์เทพฤทธิ์ที่ไม่สามารถเรียกใช้งานได้ทำให้เขากังวลอย่างมากว่าความลับจะรั่วไหลโดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อหน้าคุณชายหมิงจู และสามเทวทูตสาวชุดขาวถ้าพูดไปโดยไม่ตั้งใจอย่างนั้นก็จบกัน ดังนั้นเย่ว์หยางเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็นเรื่องหุบเขาทั้งสาม หุบเขามนุษย์หุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์ “ถ้าประสบการณ์ในหุบเขามนุษย์คือการเกิดใหม่จากนั้นพัฒนาตนจนเลื่อนไปเป็นเทพ อย่างนั้นประสบการณ์ในหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์จากนั้นจะเป็นยังไง?”

คำถามนี้เขาถามโดยไม่ตั้งใจ  และไม่ได้ถามเพื่อลองใจ

เป็นปฏิกิริยาตามธรรมชาติอย่างสมบูรณ์

เขาต้องการพูดคุยเรื่องนี้ หลังจากพูดเรื่องนี้แล้วเย่ว์หยางรู้ตัวทันทีก็รีบเปลี่ยนหัวข้อคุย

คาดไม่ถึงว่าเทวทูตหญิงผู้ถือคัมภีร์สีเงินเปลี่ยนทัศนคติและตอบเขาโดยตรง  “จริงๆ แล้วมันไม่สำคัญ  สำหรับเจ้าความหมายที่แท้จริงของหุบเขาโลกธาตุก็คือทำลายและหุบเขาสวรรค์ก็คือการสร้าง”

“....” เย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูตกตะลึง มองหน้ากันเองและพวกเขาพูดไม่ออกชั่วครู่

ทำไมนางถึงบอกความจริง?

แต่สิ่งที่น่าสงสัยที่สุดก็คือการสร้างของหุบเขาสวรรค์ไม่มีอะไร  แต่ความหมายที่แท้จริงของหุบเขาโลกธาตุคือการทำลายนั้น...การทำลายคือการทดสอบชนิดหนึ่งหรือ?

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด