(ฟรี) บทที่ 340 ศิษย์น้องหลี่ ข้าต้องการคำอธิบาย!
ยักษ์สีทองพยายามพยุงเพดานขึ้น
เมื่อเห็นฉากตรงหน้า ดวงตาของเยว่เจียนหลี่ก็กลายเป็นพร่ามัว
มันเหมือนกับตอนที่อยู่ในอาณาจักรลับของจักรพรรดิผลาญสวรรค์
เพลิงสวรรค์ ยักษ์สีทองที่ปกป้องนาง… แน่นอนว่ามีเจ้าตัวเลวร้ายคนนั้นอยู่ด้วย!
นางจ้องไปที่หลี่หรานอย่างแผ่วเบา
หลี่หรานเกาหัวอย่างกระอักกระอ่วน
เมื่อรู้ว่าเขาถูกเปิดโปงไปแล้ว เขาก็ไม่อยากเสแสร้งอีกต่อไป
“เพลิงสวรรค์อยู่ที่ไหน? เจ้าปรับแต่งมันเสร็จสิ้นหรือยัง?”
เยว่เจียนหลี่ยังรู้ว่าไม่ใช่เวลาที่จะพูดถึงเรื่องนี้
แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะหยิกเขาและตะคอกว่า “ฮึ่ม! เดี๋ยวได้เห็นดีกัน!”
หลี่หราน: “……”
เยว่เจียนหลี่ผายมือออก ทันใดนั้นลูกไฟสีฟ้าน้ำแข็งก็ปรากฏขึ้น มันดูคล้ายกับดอกบัว
เปลวไฟลุกโชนราวกับสายน้ำและกลีบดอกไม้ที่กำลังผลิบาน
“เพลิงศักดิ์สิทธิ์บัวบริสุทธิ์ได้รับการปรับแต่งอย่างสมบูรณ์”
พลังของเพลิงสวรรค์นี้เกินจินตนาการของนางอย่างแท้จริง
นางได้สร้างเส้นชีพจรของนางขึ้นใหม่โดยตรง ในเวลานี้ พลังวิญญาณในร่างกายของนางเพิ่มขึ้นราวกับแม่น้ำสายใหญ่ โดยไม่มีร่องรอยของความเหนื่อยอ่อน
แม้แต่การบ่มเพาะของนางก็ทะลวงมาถึงขั้นกลางของขอบเขตกำเนิดจิตวิญญาณ!
ที่สำคัญที่สุดคือในที่สุดนางก็ได้แก้ไขข้อบกพร่องของเทคนิคผลาญสวรรค์
เทคนิคผลาญสวรรค์เป็นเทคนิคการบ่มเพาะของจักรพรรดิอมตะโบราณและแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ มันเพียงพอแล้วสำหรับการบ่มเพาะไปจนถึงขอบเขตจักรพรรดิ
แต่แม้ว่าเทคนิคการบ่มเพาะนี้จะทรงพลัง มันก็ต้องการความช่วยเหลือจากเพลิงสวรรค์ มิฉะนั้นมันจะไม่สารถปลดปล่อดพลังได้อย่างเต็มที่
ดังนั้น แม้ว่านางจะได้รับเทคนิคการบ่มเพาะนี้มาตั้งนานแล้ว แต่ความแข็งแกร่งของนางก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก
ตอนนี้เพลิงศักดิ์สิทธิ์บัวบริสุทธิ์ได้นำนางมาสู่ขอบเขตใหม่อย่างสมบูรณ์!
แม้จะเป็นผู้ฝึกตนขอบเขตกำเนิดจิตวิญญาณเหมือนกัน นางก็ยังสามารถฆ่าพวกเขาได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว!
หลี่หรานพยักหน้า “เป็นเรื่องดีที่เจ้าได้รับมัน การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้มาเสียเที่ยวจริงๆ”
ตัวเขาเองได้รับรูปปั้นผู้พิทักษ์ทั้งสิบ เยว่เจียนหลี่ได้รับเพลิงสวรรค์ และเขายังมีรางวัลจากภารกิจของระบบที่รออยู่ ควรจะกล่าวว่าเขาได้รับมาไม่น้อย
ในขณะนี้ เยว่เจียนหลี่นึกถึงบางสิ่ง “โอ้ ใช่แล้ว เพลิงศักดิ์สิทธิ์บัวบริสุทธิ์มีความสามารถอีกอย่างหนึ่ง”
เปลวไฟในฝ่ามือของนางสั่นไหวขณะที่ดอกบัวที่แผดเผาค่อยๆสลายตัวออกเป็นเพลิงสวรรค์สองกลมๆสองลูก
หนึ่งในนั้นค่อยๆลอยไปหาหลี่หรานและเข้าไปในหน้าอกของเขา
หลี่หรานตกตะลึง
เขารู้สึกได้ถึงกระแสน้ำอุ่นที่พุ่งผ่านร่างกาย ทั่วร่างของเขาผ่อนคลายและแม้แต่จิตวิญญาณก็ถูกฟื้นฟู
“นี่คือ...?”
“การแบ่งแยก” เยว่เจียนหลี่อธิบายว่า “ความสามารถพิเศษอย่างหนึ่งของเพลิงศักดิ์สิทธิ์บัวบริสุทธิ์คือสามารถแยกออกเป็นบอลเพลิงหลายลูกได้ เช่นเดียวกับที่เราเห็นในตอนแรก”
“และสิ่งที่ข้าให้เจ้าก่อนหน้านี้คือเมล็ดเพลิงของเพลิงศักดิ์สิทธิ์บัวบริสุทธิ์ มันสามารถแบ่งออกเป็นสองส่วนเท่านั้น ตราบใดที่เจ้ามีมัน เจ้าสามารถใช้เพลิงสวรรค์นี้และเติบโตไปพร้อมกับเมล็ดเพลิงได้”
หลี่หรานเข้าใจทันที
เปลวไฟสีน้ำเงินเย็นปรากฏขึ้นที่ฝ่ามือของเขา มันเหมือนกับของเยว่เจียนหลี่
อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มึความสุขมากนักและขมวดคิ้ว “แต่สิ่งนี้จะส่งผลต่อเพลิงสวรรค์ของเจ้าหรือไม่?”
เยว่เจียนหลี่ยิ้มและพูดว่า “เพียงเล็กน้อย… อย่างไรก็ตาม ควบคู่ไปกับเทคนิคผลาญสวรรค์ เพลิงสวรรค์นี้จะไม่เพียงฟื้นตัวเท่านั้น แต่ยังจะค่อยๆแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย ไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้”
หลี่หรานกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อนางปิดปากเขา “ถ้าเจ้ากล้าปฏิเสธ ข้าก็จะไม่เอามันเช่นกัน ข้าจะโยนเพลิงสวรรค์นี้ทิ้งไป”
“……” หลี่หรานส่ายหัวและถอนหายใจ “เอาล่ะ ตามที่เจ้าว่าก็แล้วกัน”
“ฮิฮิ” ได้ยินดังนั้นนางก็เผยรอยยิ้ม
ในขณะนี้เอง เสียง “กึก” ดังขึ้นในหูของพวกเขา
หลี่หรานเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าภายใต้ผลกระทบของค่ายกลเพดานยังคงกดลงมาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายของยักษ์ดวงดาวโค้งงอเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันไม่สามารถยืนหยัดได้อีกต่อไป
“ข้าเกือบลืมเรื่องนี้ไปเลย”
ร่างกายของหลี่หรานปกคลุมด้วยหมอกสีดำขณะที่มันควบแน่นอย่างรวดเร็วเป็นร่างปีศาจขนาดมหึมา แขนหนาทั้งหกของมันชูขึ้นไปบนฟ้า
ด้วยการร่วมมือกันระหว่างปีศาจหกกรและยักษ์ดวงดาว ไม่ว่าค่ายกลจะทำงานอย่างไร เพดานก็ไม่สามารถเคลื่อนลงมาได้อีกเลย
แคร่ก
พร้อมกับเสียงเบาๆ รอยแตกที่หนาแน่นปรากฏขึ้นบนเพดาน
หินก้อนใหญ่ร่วงลงมาราวกับอุกกาบาต ทันใดนั้นควันและฝุ่นผงก็ลอยเต็มอากาศ ทั้งพระราชวังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
หลี่หรานสร้างม่านด้วยปราณดาบเพื่อป้องกันฝุ่นผงและเศษหิน
บูม!
หลังจากยืนยันว่าไม่มีกับดักนอกพระราชวัง หลี่หรานก็เหาะออกไปพร้อมกับเยว่เจียนหลี่
ห้องโถงใหญ่และห้องอื่นๆค่อยกลายเป็นซากปรักหักพังเรียงกันไปราวกับโดมิโน่
นี่เป็นเพราะพวกเขาทั้งสองทำการทดสอบล้มเหลว แต่พวกเขายังได้รับเพลิงสวรรค์ สิ่งนี้ทำให้อาณาจักรลับทั้งหมดพังทลายลง
เยว่เจียนหลี่ยิ้มกว้างขณะที่นางมองดูฉากตรงหน้า “อาณาจักรลับกำลังพังทลายลงอีกครั้ง? มันเหมือนกับครั้งที่แล้วมาก”
หลี่หรานส่ายหัวและยิ้มอย่างมีเลศนัย “พวกเรากำลังจะโดนมันทับตายนะ เจ้าไม่กลัวเลยเหรอ?”
“แน่นอนว่าไม่” เยว่เจียนหลี่พูดอย่างจริงจัง “มีเจ้าอยู่เคียงข้าง ข้าไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น”
นอกจากนี้ ถ้านางสามารถตายไปพร้อมกับเขาได้จริงๆ ก็ดูเหมือนจะค่อนข้างดีทีเดียว...
ดวงตาของหลี่หรานกลายเป็นอ่อนโยน “ไม่ต้องห่วง จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
แสงในมือขวาของเขาสว่างวาบ ค่ายกลที่ซับซ้อนและลึกซึ้งปรากฏขึ้น มันเหมือนกับที่ทางเข้าอาณาจักรลับ
นี่คือของสินสงครามที่เขาได้รับจากทางเดินหลังจากต่อสู้กับรูปปั้นผู้พิทักษ์
ในเวลานั้นเขารู้สึกว่าสิ่งนี้ไม่ง่ายเหมือนสมบัติวิเศษธรรมดา
แท้จริงแล้วมันคือค่ายกลวิญญาณ มันเป็นเหมือน ‘ช่อง’ ที่เชื่อมต่อกับทางเข้า มันสามารถนำคนออกจากอาณาจักรลับได้
ต่อให้เขาไม่สามารถกำราบเพลิงสวรรค์ได้สำเร็จ เขาก็ยังใช้สิ่งนี้เพื่อเอาชีวิตรอดได้
อาณาจักรลับนี้อาจดูไร้ความปรานี แต่จริงๆแล้วมันได้ทิ้งเศษเสี้ยวแห่งความหวังไว้
หลี่หรานได้ค้นพบสิ่งนี้ตอนอยู่ในโถงใหญ่ ซึ่งเป็นสาเหตุที่เขาไม่รีบร้อน
เขาถ่ายเทพลังวิญญาณลงไปในตราประทับและแสงสีขาวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า สร้างประตูที่สูงพอๆกับตัวคน
จากนั้นทั้งสองก็ก้าวเข้าไปข้างใน
—
ที่ก้นทะเลตะวันออก ค่ายกลบนกำแพงหินสว่างขึ้นอีกครั้ง แสงสีขาวสว่างวาบขณะที่หลี่หรานและเยว่เจียนหลี่กลับสู่ทะเลลึก
แรงดันน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างกะทันหันทำให้ทั้งคู่อึดอัดเล็กน้อย
ในขณะนี้ กำแพงหินเริ่มสั่นสะเทือน เนินเขาทั้งลูกพังทลายลงมา ค่ายกลและกุญแจถูกฝังอยู่ใต้ท้องทะเลเรียบร้อยแล้ว
อาณาจักรลับพระราชวังมังกรได้หายไปอย่างสมบูรณ์
หลี่หรานมองไปที่ค่ายกลทางขวามือที่ยังคงกระพริบด้วยแสงสีฟ้าและรู้สึกแปลกๆในใจ
ค่ายกลนี้ดูเหมือนจะมีความลับอื่น แต่เขายังไม่สามารถถอดมันได้... หรือบางทีโอกาสอาจยังมาไม่ถึง
“พระราชวังมังกร…”
ขณะที่เขากำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ความเจ็บปวดอันรุนแรงก็ส่งผ่านมาจากเอวของเขา
เยว่เจียนหลี่หยิกเอวของเขาและกัดฟัน “ศิษย์น้องหลี่ ข้าต้องการคำอธิบาย!”
/////