ตอนที่ 1123 แนะนำขัดเกลาเขาให้เปล่งประกาย
หลังจากพักผ่อนมาทั้งคืนให้จักรพรรดินีเทียนฟาปรนนิบัติเย่ว์หยางเขากลับไปหอพักนักศึกษาอย่างมีความสุข
พอออกมา
ปรากฏว่าพบเห็นคุณชายหมิงจูกำลังนั่งอยู่หน้าเตียงของเขา
หน้าของเขาแย่ราวกับว่ามีคนติดหนี้สักสามล้าน
เย่ว์หยางเพิกเฉยต่อสายตาอำมหิตและยิ้มให้เขาเข้ามานั่งข้างคุณชายหมิงจูเหยียดแขนโอบไหล่สหายผู้ซึ่งกล่าวกันว่าสามารถไปเที่ยวผู้หญิงด้วยกันได้เพื่อทำให้อุดมคติของชีวิตสมบูรณ์ คุณชายหมิงจูหันมาจับมือของเขาและปัดออกไปทันที เย่ว์หยางหัวเราะและกล่าวขอโทษ “ข้าผิดเองข้าไม่ควรปล่อยให้เจ้าอยู่คนเดียวและแอบไปหาความสุขแต่เจ้าก็รู้ใช่ไหมว่าข้าไม่ใช่คนเคร่งครัดธรรมเนียมเพียงแต่เจ้าไม่มีประสบการณ์ชีวิตของมนุษย์ หน้าของเจ้าก็บางข้าก็อยากพาเจ้าไปเที่ยวด้วยนะ แต่เจ้าไม่เต็มใจ.. ก็ได้ ไม่ต้องโกรธแล้ว ข้ายอมรับว่าข้าผิดไม่เป็นไรตราบเท่าที่เจ้าไม่โกรธ จะให้ข้าทำอะไรก็ได้”
“จริงหรือ?” คุณชายหมิงจูหันกลับมาทันที ดวงตาสุกใสจ้องมองเย่ว์หยาง
“อะแฮ่ม.. แน่นอนถ้าเจ้าต้องการดวงจันทร์บนฟากฟ้านภากาศ ข้าไขว่คว้ามาให้เจ้า” เพื่อให้คุณชายหมิงจูพอใจเย่ว์หยางตัดสินใจทุ่มเททุกอย่าง
“ถ้าอย่างนั้นเจ้าไปเก็บดวงจันทร์มาให้ข้า!” คุณชายหมิงจูแค่นเสียงเขาพูดอย่างนั้นได้ยังไง?
“เจ้าไปเอาบันไดสวรรค์มาให้ข้าก่อนข้าจะได้ไต่ขึ้นไปหยิบมาให้เจ้า” เย่ว์หยางกางมือและพูดว่าแม้เขาจะมีความสามารถในการเก็บดวงจันทร์ แต่เขาไม่มีบันไดไต่ขึ้นฟ้าไม่อาจช่วยทำตามคำขอคุณชายหมิงจูได้ หมิงจูเห็นเขาเจ้าเล่ห์ก็หายโกรธไปส่วนใหญ่แต่ก็ยังโกรธอยู่
“บันไดไต่สวรรค์ข้าไม่มี ต่อให้เจ้าโม้ เจ้าก็ไม่สามารถทำอะไรได้ แม้เจ้าจะพูดเป็นหมื่นเรื่องก็ตาม” คุณชายหมิงจูยังอารมณ์เสีย
“ดูถูกกันเกินไปแล้ว!” เย่ว์หยางทำท่าเหมือนต้องการดวลกับคุณชายหมิงจู จากนั้นจ้องมองกลับแสร้งทำเป็นโกรธ “ถ้าพูดแบบนี้อีก ข้าต้องโกรธข้าอุตส่าห์ยินดีทำเพื่อเจ้าที่เป็นสหาย แม้ว่าเจ้าจะขอข้าเรื่องภาพลับที่ข้าสะสมไว้ ข้าก็ไม่ลังเลยินดีเอาออกมาอวดกัน.. เจ้าอย่ามาโทษข้าก็แล้วกันนี่คือสิ่งที่ข้าชอบมากที่สุด เจ้าจะขอยืมไปศึกษาข้าก็ไม่ว่านี่จะช่วยให้เจ้ามีอารมณ์ร่วมในอนาคต ข้าดีต่อเจ้าแค่ไหน เจ้าเข้าใจผิดข้าไปเอง!”
คุณชายหมิงจูดูภาพสาวฮาเร็มและมองหน้าเย่ว์หยาง
เขาพูดไม่ออกอยู่นาน
เย่ว์หยางเอาภาพลับวังที่มีน้ำพุให้คุณชายหมิงจูดู“ระวังด้วยเวลาศึกษาอย่าทำยับ อย่าทำหายแม้แต่หน้าเดียว เราต้องใช้...”
ปฏิกิริยาแรกของคุณชายหมิงจูโกรธต้องการฉีกหนังสือแล้วใส่จมูกเย่ว์หยาง
แต่กลับเปลี่ยนใจและยิ้ม
ตอนแรกเขาเก็บรวมฉบับที่ไม่ได้แก้ไขทั้งหมด
จากนั้นจับไหล่ของเด็กหนุ่มจากโลกอื่นและยิ้มให้เขา “ไม่เลว เจ้าทำได้ดีแล้วแต่แค่นี้ยังไม่พอ เจ้าต้องเอามาอวดมากกว่านี้”
คุณชายสามรู้สึกว่าเหมือนเขากำลังหลั่งเลือดเมื่อเขาได้ยินเขาตกใจและถามด้วยความวิตก “เจ้าต้องการอะไร? ข้าผ่านหนาวผ่านร้อนมาก็ย่อมทำเช่นนั้น”
คุณชายหมิงจูรีบปลอบโยนเขา “ไม่มีใครต้องการให้เจ้าไปผ่านร้อน ข้ารู้สึกอึดอัดเล็กน้อยกับใบหน้าที่ยิ้มไม่จริงใจตลอดทั้งวัน มันยังจะดีกว่าถ้าสีหน้าของเจ้าจริงจังมากที่สุดทำอย่างนั้นจะดูดี และข้าจะยอมอภัยให้เจ้า”
“ไม่!” คุณชายสามปฏิเสธเด็ดขาด “ซื่อสัตย์เป็นการแสดงออกที่ดีที่สุดต้องแสดงความรู้สึกที่แท้จริงออกมา กล่าวอีกอย่างหนึ่ง เมื่อข้าเอาจริงจังข้าจะมีสง่าราศีจับใจ หล่อเกินไปก็ไม่ดีมักจะมีคนอิจฉาเสมอที่สำคัญก็คือต้องทำตัวให้สำคัญน้อยและรู้จักวิธีอำพรางตัวตน ข้าขอบอกเจ้าเลยว่าเมื่อข้าอยู่ในวัยเด็กไปโรงเรียน พวกคุณครูวิพากษ์วิจารณ์ข้าต่อหน้านักเรียนทำให้ข้าอดหัวเราะไม่ได้เพราะความหล่อของข้าส่งผลต่อการสอนของนางและยิ่งส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กๆสำหรับการเติบโตก้าวหน้าของเด็กที่เป็นอนาคตของประเทศ ข้าต้องทำตัวให้มีความสำคัญน้อยลงและยิ่งมีชื่อเสียงมากขึ้นข้าจะยิ้มได้ทุกวันหรือ แต่สำหรับอนาคตบ้านเกิดเมืองนอนและความสุขของเด็กๆ ข้าเสียสละได้คนที่ยอดเยี่ยมอย่างข้าเจ้าคงไม่เคยเห็น?”
“ข้าไม่เคยเห็นคนหน้าด้านอย่างเจ้า!”
เมื่อได้ยินเรื่องไร้สาระของเย่ว์หยางความหงุดหงิดในใจของคุณชายหมิงจูหายไปเกินกว่าครึ่งโดยไม่รู้ตัว
ในที่สุดคุณชายหมิงจูอดหัวเราะไม่ได้ เขาอยากจะโกรธ แต่ก็โกรธไม่ลงเจ้าผู้นี้เป็นคนแบบนี้ หากไม่ทำให้คนอื่นหัวเราะได้ นับว่าไม่ใช่ตัวดี
หลังจากคุณชายหมิงจูโกรธแล้วเขาอารมณ์ดีและออกไปที่ประตู เห็นคุณชายฉีมู่หัวเราะเต็มที่
จึงถีบเขากระเด็น
บุรุษผู้เป็นเหมือนแมลงสาบนี้ยากจะฆ่าได้มีรอยรองเท้าประทับอยู่บนหน้าของเขา แต่เขายังคงยิ้มไม่เปลี่ยน เขาวิ่งกลับมากอดเย่ว์หยางไว้แน่น “ข้ารู้ว่าเจ้าสามารถเอาชนะได้ และข้าไม่กลัวที่จะบอกเจ้าว่าข้าเป็นผู้ชมเพียงคนเดียวที่สนับสนุนเจ้าอย่างยากลำบากเต็มร้อย เจ้าผู้ที่ถูกเรียกว่าเจ้าชายอินทรีน้อยล้อเล่นน่า ข้าคิดว่าคนอื่นมองเจ้าผิดข้าบอกว่าเจ้าสามารถคว้าตำแหน่งชะเลิศได้ เจ้าจะเป็นผู้ชนะเลิศ อีกอย่างหนึ่ง เนื่องจากว่าเจ้ามีวิธีใช้เงิน ข้ารู้จักที่ที่มีสตรีต้องการเงินทำไมเราไม่ไปกันเล่า”
ทันทีที่เขาเห็นคุณชายหมิงจูเดินออกมาจากห้องเขาตะลึงปิดปากกล้ำกลืนคำพูดที่เหลือทันที
คุณชายหมิงจูชำเลืองมองดูเขาแมลงสาบที่ตายยากผู้นี้ถึงกับสั่นสะท้าน
โชคดีที่อาจารย์ใหญ่ออกมาฉีมู่ถอนหายใจโล่งอก
ผู้คนจำนวนมากได้ทราบข่าว
พวกเขาส่งเสียงเชียร์และปรบมือให้เสียงดังราวกับสายฝน
พิธีมอบรางวัลดำเนินไปตามกำหนดเวลา แต่หลานฟงผู้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศรู้สึกไม่สบายใจเกรงว่าทุกคนจะพบความลับของเขา หลังจากได้รับรางวัลเขาไม่พูดมากและรีบออกไปอย่างรวดเร็ว ในทางตรงข้ามเป็นชิงหมอรองชนะเลิศอันดับสองถูกมิกหมาป่าแห่งหอสูงและคุณชายหยางฉวนรายล้อมถามปัญหาเรื่องพลังโจมตีต่อเนื่องร้อยแปดท่าเขาหวังว่าจะเรียนรู้และได้รับประโยชน์มาบ้าง
สำหรับเย่ว์หยางผู้ชนะเลิศนักเรียนทั่วไปไม่มีโอกาสเข้าใกล้พวกเขา
ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าและอาจารย์ใหญ่และผู้อาวุโสอื่นหลังจากมอบรางวัลแล้วได้ถามเรื่องพลังของเทพปีศาจ แม้ว่าพวกเขาจะไม่พูดเช่นนั้น แต่พวกเขาต้องรู้เรื่องความลับของเทพปีศาจแน่นอน
เย่ว์หยางไม่ได้ปิดบังยกเว้นแต่ความลับของฝ่ายเขา การตื่นขึ้นมาของเทพปีศาจและพลังของเทพปีศาจต้องให้ผู้อาวุโสเหล่านี้จัดการ
แบกทุกอย่างไว้บนบ่าตัวเองมันเหนื่อยเกินไป
ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้ากับอาจารย์ใหญ่และกลุ่มผู้อาวุโสพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นกันเบาๆ ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้ากล่าว “เทพปีศาจฟื้นฟูพลังจะไม่ถูกประกาศออกไปในเวลานี้เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนวุ่นวายในหุบเขามนุษย์ทั้งหมดและจะทำให้สาวกเทพปีศาจใช้ประโยชน์จากการนี้ เวลาหนึ่งปีไม่สั้นไม่ยาว เราจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อหยุดยั้ง ในกรณีนี้เราจะคงสถานะเดิมในขณะนี้ และนี่แผนที่หุบเขามนุษย์เจ้าได้รับรางวัลการประเมินผล นอกจากชื่อเสียงแล้ว เจ้าควรได้รับอาณาเขตปกครองเล็กๆ ในแผนที่นี้ เจ้าดูแล้วพึงพอใจที่ใด?”
เขาไม่ได้พูดอย่างชัดเจนแต่อาจารย์ใหญ่ที่อยู่ข้างเขาพูดเป็นนัยน์ “เด็กน้อย, เจ้าต้องคิดให้ถี่ถ้วน”
เย่ว์หยางฉลาดมาก
เมื่อมองดูอาจารย์ใหญ่บอกใบ้เขารู้ว่าจะต้องเลือกที่ไหน
คุณชายหมิงจูกลัวว่าเย่ว์หยางจะมองไม่เห็นเขารีบก้าวออกมาข้างหน้าและตอบแทนเขา “ท่านประธานสมาคม ผู้เยาว์ตัดสินใจเลือกเกาะมรกต!”
“เลือกเกาะมรกต? แต่ไม่มีคนอยู่ที่นั่น นั่นเป็นเกาะที่อยู่โพ้นทะเลเจ้าอธิบายได้ไหมว่าทำไมเจ้าถึงเลือกที่นั่น?” ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าลอบพยักหน้ากับอาจารย์ใหญ่ พวกเขาแอบยิ้มให้กันแต่ปากก็ถามเพื่อให้เย่ว์หยางกับคุณชายหมิงจูให้เหตุผลโน้มน้าวใจชาวโลก
“ข้าได้ยินมาว่าที่นั่นอุดมไปด้วยแร่ธาตุมากมาย” เย่ว์หยางโกหกได้โดยไม่กระพริบตาหน้าไม่แดง
“ตกลงในกรณีนี้พื้นที่ส่วนกลางของเกาะมรกตเป็นของเจ้า แต่นักเรียนไตตันดินแดนของเจ้ามีเพียงหนึ่งเมืองไม่ถึง 1% ของเกาะมรกตไม่อาจรุกล้ำข้ามเขตแดนได้!” ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าทำวงกลมเล็กๆบนแผนที่เกาะมรกต จากนั้นมอบให้เย่ว์หยางที่กำลังยืนยิ้ม
“โปรดมั่นใจได้ ท่านประธานสมาคมฯข้าจะปฏิบัติตามกฎไม่ทำการผนวกดินแดนรอบเกาะแน่นอน” ถ้าเย่ว์หยางเป็นพิน็อคคิโอ จมูกของเขาคงยืดยาวอย่างน้อยสองฟุต
“ดีมาก” ประธานสมาคมกลุ่มโรงเรียนฯ ตบไหล่เย่ว์หยาง “เจ้าเด็กน้อย, เราทำอะไรได้ไม่มากเจ้าต้องเข้าใจพวกเราคนแก่ด้วย”
“พวกเจ้าไปเตรียมตัวเถอะ!” อาจารย์ใหญ่ลูบไหล่เย่ว์หยางและจับมือคุณชายหมิงจูวางไว้บนมือของเย่ว์หยาง “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นข้าหวังว่าพวกเจ้าทุกคนจำคำของข้าไว้ พวกเจ้าต้องรักษาตัวเองให้ดี หุบเขามนุษย์มีความสำคัญมาก แต่แม้จะสำคัญแต่ก็ยังไม่เท่าพวกเจ้า...ถ้าหลายอย่างไม่เป็นไปราบรื่นด้วยดี ข้าหวังว่าพวกเจ้าจะออกจากหุบเขาให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้ ปล่อยให้ต้นกล้าเผชิญกับลมแรงเป็นความน่าละอายของเราเหล่าผู้อาวุโส น่าเสียดาย เราอ่อนแอเกินไปไม่สามารถปกป้องพวกเจ้าได้มาก”
“พายุรุนแรงจะผ่านไป ข้าสัญญาว่าไม่ว่ามันจะรุนแรงเพียงไหนก็ไม่อาจหยุดยั้งพลังชีวิตได้” เย่ว์หยางพาคุณชายหมิงจูคำนับผู้อาวุโสผู้อยู่ในหุบเขามนุษย์มานานอย่างเงียบๆ
ประธานสมาคมกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้ามองเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูจากไป
เป็นเวลานานพวกเขามองหน้ากันและหัวเราะ
พวกท่านเข้าใจกันโดยปริยาย
พวกเขากล่าวคำอำลาและจากไปตามลำดับพยายามอย่างดีเพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดและพบกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของหุบเขามนุษย์
“หุ่นบินรบ แม้ว่าไม่อาจสู้กับเทพปีศาจได้แต่มันสามารถหยุดสาวกของเทพปีศาจไม่ให้ออกมาอาละวาดได้”ประธานกลุ่มโรงเรียนถอนหายใจมองดูฟ้า “บรรพบุรุษที่มองเราจากฟากฟ้า,ท่านคงจะรู้ว่าหุบเขามนุษย์เราใกล้จะพบจุดจบถึงได้ส่งไตตันน้อยมาให้เรา? หรืออันที่จริงอาจเป็นเมื่อสิบห้าปีที่แล้วที่คุณหนูมาถึงก็ได้ ข้ามีลางสังหรณ์เช่นนี้คาดไม่ถึงเลยว่าเด็กน้อยผู้นี้มาได้เร็วนัก! ข้าแต่บรรพบุรุษ โปรดชี้นำทางเราต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นทางเติบโตของเจ้าเด็กน้อยโปรดช่วยขัดเกลาเขาให้เปล่งประกายด้วยเถิด!”