ตอนที่ 1120 ไม่รอด ไม่ตาย
เย่ว์หยางรายล้อมไปด้วยนักรบกระดูกหลายหมื่นพยัคฆ์ทองของเขาบุกฝ่าทะลวงไม่หยุดหย่อน
ศัตรูที่ถูกโจมตีกระเด็นไปร้อยเมตร
ชั่วขณะหนึ่งไม่มีใครเป็นคู่ต่อกรได้
หุ่นพยัคฆ์ร้ายตกอยู่ในกลุ่มศัตรูที่ย่ามใจ ถามดูว่าใครสามารถต้านทานอยู่
อย่างไรก็ตามในทุกทิศทางศัตรูที่แข็งแกร่งทรงพลังหลายตัวทะลักเข้ามาเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวกรากภายใต้การต่อต้านอย่างเข้มแข็งดุร้าย มีกระดูกหักพังแต่ว่าการสู้หนึ่งต่อหมื่นเป็นศึกที่เป็นไปไม่ได้เลย!
ในช่วงเวลานี้ดวงตาของเย่ว์หยางเฉียบคมและหน้าของเขาเคร่งขรึมซึ่งพบเห็นได้ยาก
ถ้าไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งยอดเยี่ยมเป็นไปไม่ได้แลยที่จะบังคับเด็กหนุ่มจากโลกอื่นให้ต่อสู้เต็มที่
เขาร่วมกับหุ่นพยัคฆ์ทองยืนอยู่บนพื้นและกระทืบเท้าเบาๆ
“บึ้ม...” เขากระโดดขึ้น
เขาพยายามอย่างดีที่สุดโดดขึ้นไปถึงร้อยเมตร
เมื่อมองลงมาเห็นนักรบโครงกระดูกเหล็กจากด้านบนนักรบกระดูกเหมือนทะเล ศัตรูโหมหลากเข้ามามืดฟ้ามัวดิน ยอดเขาตะวันตกที่สูงใหญ่แทบไม่มีที่ว่างให้ลงพื้น
นักรบเผ่ากระดูกหลายร้อยหลายพันก่อตัวเป็นบันไดกระดูกเพื่อสหายพวกมันไต่ขึ้นมาสกัดหุ่นพยัคฆ์ทองอย่างบ้าคลั่ง พวกมันตั้งใจโจมตีหุ่นพยัคฆ์ทองที่ร่วงลงมาและขุนพลกระดูกขาวหกสิบยื่นกรงเล็บพยายามจับเย่ว์หยางลงมา
เย่ว์หยางคุมพยัคฆ์ทองหลีกเลี่ยงนักรบกระดูกและกระโจนไปตามบนหลังของพวกมัน
การกระโดดแต่ละครั้งโดดได้สูงกว่าสามร้อยเมตร
จากนั้นขุนพลกระดูกขาวใช้หอกกระดูกพุ่งใส่
ขณะที่จะโดนหอกกระดูก
พยัคฆ์ทองไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อยจนกระทั่งหอกกระดูกไม่มีผลคุกคามอย่างสิ้นเชิงหุ่นรบพยัคฆ์ทองกระโดดได้สูงถึงห้าร้อยหรือหกร้อยเมตร นักรบกระดูกที่ตั้งใจไล่ตามแต่เดิมหมดหวังอย่างสิ้นเชิง ความสูงระดับนี้เกรงว่านักรบกระดูกต่อร่างเป็นบันไดหลายพันก็ยังไม่สามารถติดตามได้ หรือจะกล่าวว่าโจมตีได้เล็กน้อยแต่กลับทำอะไรหุ่นพยัคฆ์ร้ายไม่ได้
แน่นอนว่าเมื่อศัตรูทะยานบินหลบออกจากวงล้อมได้ก็ไม่มีจุดอ่อนอะไรอีก
นักรบกระดูกรีบลงไปอยู่ที่พื้นอย่างรวดเร็ว
และกระจายวงล้อมออกไป
เมื่อเย่ว์หยางกับพยัคฆ์ทองขึ้นไปจนสุดแรงกระโดดพวกเขาก็ตกลงมา และเมื่อพยัคฆ์ทองร่วงลงมาก็จะถูกนักรบกระดูกนับหมื่นบดขยี้เป็นผุยผง
นอกจากนี้ที่ความสูงระดับ 500-600 เมตรเป็นไปไม่ได้ที่พยัคฆ์ทองจะลงสู่พื้นได้อย่างปลอดภัยอาจเป็นไปไม่ได้
ตราบใดที่มันตกลงมาจากที่สูงขาหักไปแล้วยังจะมีพลังกระโดดกลับไปอีกหรือไม่?
“กระโดดสูงหรือ? ไม่ว่าเจ้าจะกระโดดได้สูงแค่ไหน เจ้าก็แค่มดที่กำลังจะตายเจ้าไม่มีทางหลบซ่อนได้ตลอดชีวิต” ว่านหมอเยาะเย้ย
“โอวน่ากลัวจริงๆ” กลุ่มนักเรียนรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาตกวูบ
นักรบกระดูกพยายามถอยออกห่างเท่าที่เป็นไปได้
พวกมันขยายวงล้อม
แยกเขี้ยวกางเล็บ
รอให้ศัตรูตกมาแข้งขาหักแล้วค่อยรุมฉีกศัตรูเป็นชิ้นๆ...อย่างไรก็ตามความต้องการของพวกมันสูญสิ้นไปหมดและหุ่นพยัคฆ์ร้ายที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่ได้ร่วงลงมาแต่เปิดห้องควบคุมที่มีเย่ว์หยางอยู่ข้างใน ในขณะที่สายตาทุกคนจ้องมองดู หุ่นรบเปลี่ยนร่างอย่างรวดเร็วรูปร่างแปลกประหลาดไม่คล้ายพยัคฆ์ร้าย แต่กลับกลายเป็นอินทรีศึกแทน
เท้าของอินทรีศึกมีเปลวไฟสี่สายพ่นเป็นไอขับดันมันพุ่งขึ้นไปอีกถึงหนึ่งกิโลเมตร
ขณะที่มองอยู่ในท้องฟ้ามันกลายเป็นจุดดำเล็กๆเหลือเชื่อ พวกนักเรียนตกตะลึง
เป็นไปไม่ได้
หุ่นรบของไตตันน้อยจะบินหรือนี่?
หุ่นรบบินมีอยู่จริงๆหรือนี่?
พยัคฆ์ทองเปลี่ยนร่างเป็นรูปทรงมนุษย์จากนั้นก็กลายเป็นอินทรีศึก? ไม่มีอะไรที่กลายเป็นอินทรีศึกได้ แต่มันจะบินได้หรือ?บินเหมือนกับอินทรีบินจริงๆ หรือ?
ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าและอาจารย์อื่นๆรู้ว่าเย่ว์หยางค้นคว้าหุ่นรบบิน แม้กระทั่งเคยเห็นของจริงมาก่อน
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าลักษณะของหุ่นรบบินจะน่าตกใจขนาดนี้
อย่าว่าแต่พวกเขาเลยแม้แต่อาจารย์ใหญ่และครูบาอาจารย์สาขาเมืองไม้เงินก็ตกใจเช่นกัน
ตอนนี้ไตตันน้อยกลับแสดงไพ่ใบสุดท้ายเพราะสถานการณ์บังคับ
ไม่มีใครเทียบได้ในเรื่องการเก็บรักษาความลับของเขาเป็นอย่างดี
“เจ้าปกปิดความจริงไว้อย่างดีทำให้เราผู้เฒ่าลำบากใจนัก!” ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าตบไหล่อาจารย์ใหญ่และพยักหน้าด้วยความเห็นใจ เพียงแค่วิจารณ์เพียงผิวเผินแต่ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าเรื่องน่าทึ่งนี้นำความสุขมาให้มากมายเพียงไหน
“เราก็แค่ต้องการปกป้องเด็กของเรา” อาจารย์ใหญ่กล่าวอย่างถ่อมตัวแต่หน้าของเขาแดงเป็นประกายเหมือนกับจะหนุ่มขึ้นยี่สิบสามสิบปี ต่อหน้าสหายเก่าทั้งหลายเขาภูมิใจมุมปากของเขายิ้มกระหยิ่มแสดงให้ทุกคนเห็นโดยไม่รู้ตัว ดูสิ เขาคือศิษย์ข้านักเรียนของข้า!
“ร้ายมากร้ายจกาจริงๆ” สหายเก่าของเขาอดอิจฉาไม่ได้ แต่ละคนส่ายหน้าถอนหายใจ
“รางวัลเป็นของเล็กน้อยสำหรับเด็ก แต่ในความเป็นจริงเขาต้องลับสติปัญญาให้คม ที่ไม่สรรเสริญก็เพื่อไม่ให้เขาเหลิงเกินไป”อาจารย์ใหญ่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า
ครั้งนี้พวกนักเรียนส่งเสียงเชียร์
เพราะเป็นเรื่องยากที่จะหยุดความตื่นเต้นจากก้นบึ้งหัวใจได้ เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วสนามราวกับฝนตกและดังอยู่นาน
คุณชายหมิงจูแค่นเสียงเบาๆแต่หน้าบานเพราะใจของเขามีความสุขมาก ขณะที่ฉีมู่กำลังส่งเสียงร้องอย่างมีความสุขเขาส่งเสียงร้องเชียร์อย่างคลั่งไคล้ดุเดือด เริ่นเทียนเกอและบัณฑิตตาเงินมองหน้ากันเองแล้วหัวเราะ หมาป่าแห่งหอสูงมิกและคุณชายหยางฉวนที่ยืนอยู่ไม่ไกลปากอ้าค้างด้วยอารมณ์เหลือเชื่อ มันน่าตลกมาก
นักเรียนจำนวนน้อยที่เชียร์ว่านหมอรู้สึกหดหู่ราวกับญาติเสีย
นอกจากตัวพวกเขาเองไม่กี่คนแล้วคนอื่นมีความสุขกันหมด
ขณะที่ยืนดูเย่ว์หยางอยู่ในสนามต่อสู้ว่านหมอมองดูหุ่นบินด้วยความอึดอัด เขาสบถด่า “หุ่นบินบัดซบ นรกแท้ๆ ในหุบเขามนุษย์มีหุ่นบินรบได้อย่างไร?บัดซบ..มีความกล้าก็ลงมาสู้กัน มิฉะนั้นเจ้าก็หดหัวตลอดไปเถอะ.. ข้าจะดูว่าเจ้าจะบินอยู่ได้นานเพียงไหน!”
ว่านหมอมีนักรบเผ่ากระดูกหกหมื่นแต่ตอนนี้เขาได้แต่มองเย่ว์หยางบินอยู่ในท้องฟ้า
ไม่ว่ากองกำลังภาคพื้นดินจะมีเท่าใดจะใช้ประโยชน์อะไรได้?
ในสนามรบใครก็ตามถ้าควบคุมท้องฟ้าได้ก็ดำรงอยู่ในสถานะไม่พ่ายแพ้!
ตอนนี้คนที่ควบคุมท้องฟ้าคือเย่ว์หยางที่บินอย่างอิสระเหนือศีรษะของเขา อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบนี้มีความสามารถไกลเกินกว่าเขาจะไล่ทัน!
“เจ้าก็แค่แมลงตัวน้อยเหมือนกับแมลงวันเจ้าบินได้สูงแล้วจะทำอะไรได้? เจ้ามีเพียงหุ่นบินรบหนึ่งตัว ส่วนข้ามีนักรบหกหมื่น เจ้าจะเอาชนะข้าได้อย่างไร? ข้าจะรออยู่ข้างล่างรอให้หุ่นของเจ้าหมดพลังงานแล้วค่อยทำลาย และเจ้าต้องตายด้วย” ว่านหมอโกรธ แต่ไม่ถึงกับขาดสติ แม้ว่าเขาจะไม่มีหุ่นบินรบ แต่เขาไม่มีทางเลือกเนื่องจากเย่ว์หยางมี แต่เขามีนักรบกระดูกหกหมื่น กระจายกำลังแน่นหนาทั่วสนามรบยอดเขาตะวันตก แม้ว่าหุ่นรบของฝ่ายตรงข้ามจะบินได้ก็ตาม หากว่านหมอยังมีสติเขาจะไม่แพ้ อย่างไรก็ตามการคว้าชัยชนะเป็นเรื่องของเวลา!
“มีทหารมากก็ไร้ประโยชน์!”
เย่ว์หยางเยาะเย้ยครั้งแล้วครั้งเล่า
เขามองลงมาที่ว่านหมอและนักรบกระดูกหกหมื่นด้วยความรู้สึกเหยียดหยามและยืนขึ้นอย่างภูมิใจ “ก่อนอื่นข้าต้องแก้ไขความเข้าใจผิดของเจ้าก่อน หุ่นรบบินของข้าไม่เพียงแต่เป็นเวอร์ชันประหยัดพลังงานเท่านั้น แต่ยังใช้ศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังอนันต์ใช้ได้ไม่มีหมด ต่อให้ข้าบินอยู่ในท้องฟ้าสักร้อยปีมันก็ไม่ร่วง และหุ่นบินรบมีพลังเพียงพอทำให้เจ้าต้องแหงนคอมองดูไปทั้งชีวิต ประการที่สองถ้าเจ้าคิดว่านักรบทั้งหกหมื่นของเจ้ามีประโยชน์ ถือว่าเจ้าเข้าใจผิดไปมากข้าแค่ต้องการให้เจ้าได้รับผลกระทบหนักและเจ็บปวดในขณะที่เจ้าภูมิใจ ถ้าเจ้าคิดว่าบรรพบุรุษทั้งหกหมื่นของเจ้าไร้เทียมทานไม่มีใครคลี่คลายสถานการณ์ได้นั่นเป็นเรื่องตลก แน่นอนว่าเป็นเพราะสติปัญญาของเจ้า แต่คนที่ฉลาดกว่าเจ้าตัวอย่างเช่นข้าที่มองดูอยู่แถวๆ นี้ก็ยังเห็นความบกพร่องเจ้าใช้พลังของเทพปีศาจทำลายกฎสวรรค์ชั่วคราวและเรียกพวกโครงกระดูกออกมาเพื่อเอาชนะข้าไม่ใช่หรือ? มันเป็นการกระทำที่โง่เขลาความจริงในเวทีแห่งความตาย เผ่ากระดูกที่ไม่รู้จักตายนี้ ในสายตาของข้าก็คือขยะในขยะ”
ในที่สุดเย่ว์หยางตะโกนด้วยน้ำเสียงมั่นใจ “พลังที่ยากที่สุดในโลกก็คือพลังชีวิตแม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจส่วนใหญ่ แต่อย่างน้อยเจ้ามันโง่ที่ไม่รู้จักเข้าใจ!”
ว่านหมอโกรธ
ถ้าไม่ใช่เพราะหุบเขามนุษย์ห้ามใช้วิทยายุทธ์ เขาคงเหาะขึ้นท้องฟ้าและสู้กับเย่ว์หยาง
เย่ว์หยางโบกมือเหมือนกับชาวไร่หว่านเมล็ดถั่วจุดดำเล็กๆ สิบกว่าจุดขนาดเท่าลูกหินอ่อน
จุดดำเล็กเหมือนหินอ่อนลอยละลิ่วลงมาทันที
รวดเร็วหมือนแสง
เมื่อร่วงลงมาที่ระดับพันเมตรก็เปลี่ยนเส้นทางบินอย่างชัดเจน
เพราะเป้าหมายเหล่านี้เล็กมากและมีความเร็วราวกับประกายไฟ นักรบกระดูกโจมตีแต่ทำอะไรไม่ได้ พวกมันตกอยู่ในความวุ่นวาย
ว่านหมอร้องโหยหวนในใจแย่แน่ และกระโดดขึ้นไปในอากาศ ดวงที่ตี่แคบเบิกกว้างเท่าตาโค เขาเห็นภาพที่น่าหวาดกลัว เมื่อหุ่นรบรูปหินอ่อนเล็กๆบินในวิถีที่ผสมผสานสร้างเป็นรูปผังภูมิอักขระรูนที่เขาไม่รู้จัก แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน
ถอย
แม้ว่าจะออกคำสั่งทันทีแต่นักรบเผ่ากระดูกก็ต้องถอนตัวออกมาจากผังวงเวทรูนขนาดยักษ์นี้
แต่สายเกินไปผังอักขระรูนขยายตัวต่อเนื่อง และในที่สุดก็คลุมไปทั้งสนามรบยอดเขาตะวันตกนักรบเผ่ากระดูกบริวารของว่านหมอเหมือนกับสายน้ำปั่นป่วนรอการจัดการ
เย่ว์หยางกดมือขวาลง
หุ่นเล็กขนาดเท่าลูกหินมีการเปลี่ยนแปลงร่างพวกมันยิงแสงออกมาเชื่อมอักขระรูนให้เชื่อมเข้ากัน
พลังธรรมชาติแห่งฟ้าและดินที่แผ่กระจายออกมาจากอักขระรูนเป็นพลังแห่งชีวิตชนิดหนึ่งทุกชีวิตที่ได้สัมผัสจะรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย แม้แต่ผู้ป่วยติดเตียงเป็นเวลานานก็ลืมความเจ็บป่วยชั่วคราวและมีรอยยิ้มเปี่ยมสุขอยู่บนใบหน้า อย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตามพลังงานนี้เป็นพลังงานแห่งชีวิตเป็นปราณสวรรค์ที่บริสุทธิ์ ทันทีที่สัมผัสนักรบเผ่ากระดูก กลับกลายเป็นอาญาสวรรค์ที่รุนแรงที่สุด เชื่อได้ว่าแม้แต่พลังกฎฟ้าก็ไม่รุนแรงกว่านี้แล้ว...นักรบกระดูกทั้งหลายหมื่นตัวเหมือนถูกแผดเผาอยู่ในนรก
เกลือกกลิ้งดิ้นรนเจ็บปวดทุกข์ทรมาน
สำหรับพวกมันพลังชีวิตเจ็บปวดยิ่งกว่ากรดที่กัดกร่อนผิวหนังมนุษย์ ที่น่ากลัวยิ่งกว่าเผ่ากระดูกไม่สามารถทนได้ถึงขีดจำกัดอย่างมนุษย์เพราะพวกมันไม่มีพลังและเลือดเนื้อหนัง ไม่ได้รับทุกข์ปกติของมนุษย์เช่น ความหิวความเหนื่อยล้า เป็นลมหมดสติ ฯลฯ หากแต่พวกมันจะตื่นรับรู้อยู่เสมอ แม้ว่าพวกมันจะเจ็บปวดที่สุดในโลกแต่พวกมันจะไม่ล้มหมดสติ นักรบเผ่ากระดูกหวาดกลัวพยายามล้างพลังชีวิตปนเปื้อนออกไปจากกระดูกแต่ก็ทำไม่ได้
เพราะพวกมันอยู่ในอาณาบริเวณวงเวทอักขระรูนน้ำพุแห่งชีวิต
พลังแห่งชีวิตนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลแค่กระดูกเท่านั้นแต่ยังส่งผลไปถึงจิตวิญญาณด้วยกัน
นักเรียนที่กำลังมองดูการต่อสู้อยู่ข้างนอกต่างสั่นสะท้านหวาดกลัว พวกเขาไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อนในชีวิต มีการทรมานที่น่ากลัวเจ็บปวดเหมือนที่เผ่ากระดูกนี้กำลังอาบน้ำพุแห่งชีวิตจากวงเวทรูนนี้หรือ
ไม่อนุญาตให้รอด
ไม่ยอมให้ตาย!
นี่คือสถานการณ์ของนักรบกระดูกทั้งหกหมื่น
“ตอนนี้เจ้ายังกล้าพูดว่ามั่นใจในพลังของนักรบเผ่ากระดูกทั้งหกหมื่นว่าทรงพลังอีกหรือไม่?ว่านหมอ ข้าขอใช้ภาษิตเตือนใจที่ใช้กันบ่อยกับเจ้า คนฉลาดมักตายอย่างน่าอนาถจดจำประโยคเด็ดนี้ไว้ให้ดี มันเข้ากันได้ดีกับเจ้า!” เย่ว์หยางมีความสามารถในการใช้วงเวทรูนน้ำพุแห่งชีวิตฆ่านักรบเผ่ากระดูกทั้งหกหมื่นได้ทันที แต่เขาไม่ทำเช่นนั้น เขาแค่ค่อยๆ มองดูเจ้าพวกนี้เจ็บปวดทรมานเพื่อเย้ยหยันว่านหมอที่ได้รับพลังจากเทพปีศาจแล้วนำมาใช้แหกกฎสวรรค์