ตอนที่แล้วตอนที่ 1119 หนึ่งต่อหมื่น
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 1121 เด็กน้อย เจ้าไปได้ไกล

ตอนที่ 1120 ไม่รอด ไม่ตาย


เย่ว์หยางรายล้อมไปด้วยนักรบกระดูกหลายหมื่นพยัคฆ์ทองของเขาบุกฝ่าทะลวงไม่หยุดหย่อน

ศัตรูที่ถูกโจมตีกระเด็นไปร้อยเมตร

ชั่วขณะหนึ่งไม่มีใครเป็นคู่ต่อกรได้

หุ่นพยัคฆ์ร้ายตกอยู่ในกลุ่มศัตรูที่ย่ามใจ  ถามดูว่าใครสามารถต้านทานอยู่

อย่างไรก็ตามในทุกทิศทางศัตรูที่แข็งแกร่งทรงพลังหลายตัวทะลักเข้ามาเหมือนกระแสน้ำเชี่ยวกรากภายใต้การต่อต้านอย่างเข้มแข็งดุร้าย มีกระดูกหักพังแต่ว่าการสู้หนึ่งต่อหมื่นเป็นศึกที่เป็นไปไม่ได้เลย!

ในช่วงเวลานี้ดวงตาของเย่ว์หยางเฉียบคมและหน้าของเขาเคร่งขรึมซึ่งพบเห็นได้ยาก

ถ้าไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งยอดเยี่ยมเป็นไปไม่ได้แลยที่จะบังคับเด็กหนุ่มจากโลกอื่นให้ต่อสู้เต็มที่

เขาร่วมกับหุ่นพยัคฆ์ทองยืนอยู่บนพื้นและกระทืบเท้าเบาๆ

“บึ้ม...”  เขากระโดดขึ้น

เขาพยายามอย่างดีที่สุดโดดขึ้นไปถึงร้อยเมตร

เมื่อมองลงมาเห็นนักรบโครงกระดูกเหล็กจากด้านบนนักรบกระดูกเหมือนทะเล ศัตรูโหมหลากเข้ามามืดฟ้ามัวดิน ยอดเขาตะวันตกที่สูงใหญ่แทบไม่มีที่ว่างให้ลงพื้น

นักรบเผ่ากระดูกหลายร้อยหลายพันก่อตัวเป็นบันไดกระดูกเพื่อสหายพวกมันไต่ขึ้นมาสกัดหุ่นพยัคฆ์ทองอย่างบ้าคลั่ง   พวกมันตั้งใจโจมตีหุ่นพยัคฆ์ทองที่ร่วงลงมาและขุนพลกระดูกขาวหกสิบยื่นกรงเล็บพยายามจับเย่ว์หยางลงมา

เย่ว์หยางคุมพยัคฆ์ทองหลีกเลี่ยงนักรบกระดูกและกระโจนไปตามบนหลังของพวกมัน

การกระโดดแต่ละครั้งโดดได้สูงกว่าสามร้อยเมตร

จากนั้นขุนพลกระดูกขาวใช้หอกกระดูกพุ่งใส่

ขณะที่จะโดนหอกกระดูก

พยัคฆ์ทองไต่ระดับสูงขึ้นไปเรื่อยจนกระทั่งหอกกระดูกไม่มีผลคุกคามอย่างสิ้นเชิงหุ่นรบพยัคฆ์ทองกระโดดได้สูงถึงห้าร้อยหรือหกร้อยเมตร นักรบกระดูกที่ตั้งใจไล่ตามแต่เดิมหมดหวังอย่างสิ้นเชิง  ความสูงระดับนี้เกรงว่านักรบกระดูกต่อร่างเป็นบันไดหลายพันก็ยังไม่สามารถติดตามได้ หรือจะกล่าวว่าโจมตีได้เล็กน้อยแต่กลับทำอะไรหุ่นพยัคฆ์ร้ายไม่ได้

แน่นอนว่าเมื่อศัตรูทะยานบินหลบออกจากวงล้อมได้ก็ไม่มีจุดอ่อนอะไรอีก

นักรบกระดูกรีบลงไปอยู่ที่พื้นอย่างรวดเร็ว

และกระจายวงล้อมออกไป

เมื่อเย่ว์หยางกับพยัคฆ์ทองขึ้นไปจนสุดแรงกระโดดพวกเขาก็ตกลงมา  และเมื่อพยัคฆ์ทองร่วงลงมาก็จะถูกนักรบกระดูกนับหมื่นบดขยี้เป็นผุยผง

นอกจากนี้ที่ความสูงระดับ 500-600 เมตรเป็นไปไม่ได้ที่พยัคฆ์ทองจะลงสู่พื้นได้อย่างปลอดภัยอาจเป็นไปไม่ได้

ตราบใดที่มันตกลงมาจากที่สูงขาหักไปแล้วยังจะมีพลังกระโดดกลับไปอีกหรือไม่?

“กระโดดสูงหรือ?  ไม่ว่าเจ้าจะกระโดดได้สูงแค่ไหน  เจ้าก็แค่มดที่กำลังจะตายเจ้าไม่มีทางหลบซ่อนได้ตลอดชีวิต” ว่านหมอเยาะเย้ย

“โอวน่ากลัวจริงๆ” กลุ่มนักเรียนรู้สึกว่าหัวใจของพวกเขาตกวูบ

นักรบกระดูกพยายามถอยออกห่างเท่าที่เป็นไปได้

พวกมันขยายวงล้อม

แยกเขี้ยวกางเล็บ

รอให้ศัตรูตกมาแข้งขาหักแล้วค่อยรุมฉีกศัตรูเป็นชิ้นๆ...อย่างไรก็ตามความต้องการของพวกมันสูญสิ้นไปหมดและหุ่นพยัคฆ์ร้ายที่พุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าไม่ได้ร่วงลงมาแต่เปิดห้องควบคุมที่มีเย่ว์หยางอยู่ข้างใน ในขณะที่สายตาทุกคนจ้องมองดู หุ่นรบเปลี่ยนร่างอย่างรวดเร็วรูปร่างแปลกประหลาดไม่คล้ายพยัคฆ์ร้าย แต่กลับกลายเป็นอินทรีศึกแทน

เท้าของอินทรีศึกมีเปลวไฟสี่สายพ่นเป็นไอขับดันมันพุ่งขึ้นไปอีกถึงหนึ่งกิโลเมตร

ขณะที่มองอยู่ในท้องฟ้ามันกลายเป็นจุดดำเล็กๆเหลือเชื่อ พวกนักเรียนตกตะลึง

เป็นไปไม่ได้

หุ่นรบของไตตันน้อยจะบินหรือนี่?

หุ่นรบบินมีอยู่จริงๆหรือนี่?

พยัคฆ์ทองเปลี่ยนร่างเป็นรูปทรงมนุษย์จากนั้นก็กลายเป็นอินทรีศึก? ไม่มีอะไรที่กลายเป็นอินทรีศึกได้ แต่มันจะบินได้หรือ?บินเหมือนกับอินทรีบินจริงๆ หรือ?

ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าและอาจารย์อื่นๆรู้ว่าเย่ว์หยางค้นคว้าหุ่นรบบิน แม้กระทั่งเคยเห็นของจริงมาก่อน

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าลักษณะของหุ่นรบบินจะน่าตกใจขนาดนี้

อย่าว่าแต่พวกเขาเลยแม้แต่อาจารย์ใหญ่และครูบาอาจารย์สาขาเมืองไม้เงินก็ตกใจเช่นกัน

ตอนนี้ไตตันน้อยกลับแสดงไพ่ใบสุดท้ายเพราะสถานการณ์บังคับ

ไม่มีใครเทียบได้ในเรื่องการเก็บรักษาความลับของเขาเป็นอย่างดี

“เจ้าปกปิดความจริงไว้อย่างดีทำให้เราผู้เฒ่าลำบากใจนัก!” ประธานกลุ่มโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้าตบไหล่อาจารย์ใหญ่และพยักหน้าด้วยความเห็นใจ เพียงแค่วิจารณ์เพียงผิวเผินแต่ทุกคนสามารถเห็นได้ว่าเรื่องน่าทึ่งนี้นำความสุขมาให้มากมายเพียงไหน

“เราก็แค่ต้องการปกป้องเด็กของเรา”  อาจารย์ใหญ่กล่าวอย่างถ่อมตัวแต่หน้าของเขาแดงเป็นประกายเหมือนกับจะหนุ่มขึ้นยี่สิบสามสิบปี  ต่อหน้าสหายเก่าทั้งหลายเขาภูมิใจมุมปากของเขายิ้มกระหยิ่มแสดงให้ทุกคนเห็นโดยไม่รู้ตัว ดูสิ เขาคือศิษย์ข้านักเรียนของข้า!

“ร้ายมากร้ายจกาจริงๆ” สหายเก่าของเขาอดอิจฉาไม่ได้ แต่ละคนส่ายหน้าถอนหายใจ

“รางวัลเป็นของเล็กน้อยสำหรับเด็ก  แต่ในความเป็นจริงเขาต้องลับสติปัญญาให้คม  ที่ไม่สรรเสริญก็เพื่อไม่ให้เขาเหลิงเกินไป”อาจารย์ใหญ่มองขึ้นไปบนท้องฟ้า

ครั้งนี้พวกนักเรียนส่งเสียงเชียร์

เพราะเป็นเรื่องยากที่จะหยุดความตื่นเต้นจากก้นบึ้งหัวใจได้ เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วสนามราวกับฝนตกและดังอยู่นาน

คุณชายหมิงจูแค่นเสียงเบาๆแต่หน้าบานเพราะใจของเขามีความสุขมาก ขณะที่ฉีมู่กำลังส่งเสียงร้องอย่างมีความสุขเขาส่งเสียงร้องเชียร์อย่างคลั่งไคล้ดุเดือด เริ่นเทียนเกอและบัณฑิตตาเงินมองหน้ากันเองแล้วหัวเราะ หมาป่าแห่งหอสูงมิกและคุณชายหยางฉวนที่ยืนอยู่ไม่ไกลปากอ้าค้างด้วยอารมณ์เหลือเชื่อ มันน่าตลกมาก

นักเรียนจำนวนน้อยที่เชียร์ว่านหมอรู้สึกหดหู่ราวกับญาติเสีย

นอกจากตัวพวกเขาเองไม่กี่คนแล้วคนอื่นมีความสุขกันหมด

ขณะที่ยืนดูเย่ว์หยางอยู่ในสนามต่อสู้ว่านหมอมองดูหุ่นบินด้วยความอึดอัด  เขาสบถด่า  “หุ่นบินบัดซบ นรกแท้ๆ ในหุบเขามนุษย์มีหุ่นบินรบได้อย่างไร?บัดซบ..มีความกล้าก็ลงมาสู้กัน มิฉะนั้นเจ้าก็หดหัวตลอดไปเถอะ.. ข้าจะดูว่าเจ้าจะบินอยู่ได้นานเพียงไหน!”

ว่านหมอมีนักรบเผ่ากระดูกหกหมื่นแต่ตอนนี้เขาได้แต่มองเย่ว์หยางบินอยู่ในท้องฟ้า

ไม่ว่ากองกำลังภาคพื้นดินจะมีเท่าใดจะใช้ประโยชน์อะไรได้?

ในสนามรบใครก็ตามถ้าควบคุมท้องฟ้าได้ก็ดำรงอยู่ในสถานะไม่พ่ายแพ้!

ตอนนี้คนที่ควบคุมท้องฟ้าคือเย่ว์หยางที่บินอย่างอิสระเหนือศีรษะของเขา อัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบนี้มีความสามารถไกลเกินกว่าเขาจะไล่ทัน!

“เจ้าก็แค่แมลงตัวน้อยเหมือนกับแมลงวันเจ้าบินได้สูงแล้วจะทำอะไรได้? เจ้ามีเพียงหุ่นบินรบหนึ่งตัว ส่วนข้ามีนักรบหกหมื่น เจ้าจะเอาชนะข้าได้อย่างไร? ข้าจะรออยู่ข้างล่างรอให้หุ่นของเจ้าหมดพลังงานแล้วค่อยทำลาย และเจ้าต้องตายด้วย”  ว่านหมอโกรธ แต่ไม่ถึงกับขาดสติ  แม้ว่าเขาจะไม่มีหุ่นบินรบ แต่เขาไม่มีทางเลือกเนื่องจากเย่ว์หยางมี แต่เขามีนักรบกระดูกหกหมื่น กระจายกำลังแน่นหนาทั่วสนามรบยอดเขาตะวันตก  แม้ว่าหุ่นรบของฝ่ายตรงข้ามจะบินได้ก็ตาม  หากว่านหมอยังมีสติเขาจะไม่แพ้  อย่างไรก็ตามการคว้าชัยชนะเป็นเรื่องของเวลา!

“มีทหารมากก็ไร้ประโยชน์!”

เย่ว์หยางเยาะเย้ยครั้งแล้วครั้งเล่า

เขามองลงมาที่ว่านหมอและนักรบกระดูกหกหมื่นด้วยความรู้สึกเหยียดหยามและยืนขึ้นอย่างภูมิใจ “ก่อนอื่นข้าต้องแก้ไขความเข้าใจผิดของเจ้าก่อน   หุ่นรบบินของข้าไม่เพียงแต่เป็นเวอร์ชันประหยัดพลังงานเท่านั้น  แต่ยังใช้ศิลาศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังอนันต์ใช้ได้ไม่มีหมด  ต่อให้ข้าบินอยู่ในท้องฟ้าสักร้อยปีมันก็ไม่ร่วง และหุ่นบินรบมีพลังเพียงพอทำให้เจ้าต้องแหงนคอมองดูไปทั้งชีวิต  ประการที่สองถ้าเจ้าคิดว่านักรบทั้งหกหมื่นของเจ้ามีประโยชน์ ถือว่าเจ้าเข้าใจผิดไปมากข้าแค่ต้องการให้เจ้าได้รับผลกระทบหนักและเจ็บปวดในขณะที่เจ้าภูมิใจ ถ้าเจ้าคิดว่าบรรพบุรุษทั้งหกหมื่นของเจ้าไร้เทียมทานไม่มีใครคลี่คลายสถานการณ์ได้นั่นเป็นเรื่องตลก แน่นอนว่าเป็นเพราะสติปัญญาของเจ้า แต่คนที่ฉลาดกว่าเจ้าตัวอย่างเช่นข้าที่มองดูอยู่แถวๆ นี้ก็ยังเห็นความบกพร่องเจ้าใช้พลังของเทพปีศาจทำลายกฎสวรรค์ชั่วคราวและเรียกพวกโครงกระดูกออกมาเพื่อเอาชนะข้าไม่ใช่หรือ?  มันเป็นการกระทำที่โง่เขลาความจริงในเวทีแห่งความตาย เผ่ากระดูกที่ไม่รู้จักตายนี้ ในสายตาของข้าก็คือขยะในขยะ”

ในที่สุดเย่ว์หยางตะโกนด้วยน้ำเสียงมั่นใจ  “พลังที่ยากที่สุดในโลกก็คือพลังชีวิตแม้ว่าข้าจะไม่เข้าใจส่วนใหญ่ แต่อย่างน้อยเจ้ามันโง่ที่ไม่รู้จักเข้าใจ!”

ว่านหมอโกรธ

ถ้าไม่ใช่เพราะหุบเขามนุษย์ห้ามใช้วิทยายุทธ์  เขาคงเหาะขึ้นท้องฟ้าและสู้กับเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางโบกมือเหมือนกับชาวไร่หว่านเมล็ดถั่วจุดดำเล็กๆ สิบกว่าจุดขนาดเท่าลูกหินอ่อน

จุดดำเล็กเหมือนหินอ่อนลอยละลิ่วลงมาทันที

รวดเร็วหมือนแสง

เมื่อร่วงลงมาที่ระดับพันเมตรก็เปลี่ยนเส้นทางบินอย่างชัดเจน

เพราะเป้าหมายเหล่านี้เล็กมากและมีความเร็วราวกับประกายไฟ นักรบกระดูกโจมตีแต่ทำอะไรไม่ได้ พวกมันตกอยู่ในความวุ่นวาย

ว่านหมอร้องโหยหวนในใจแย่แน่ และกระโดดขึ้นไปในอากาศ ดวงที่ตี่แคบเบิกกว้างเท่าตาโค  เขาเห็นภาพที่น่าหวาดกลัว เมื่อหุ่นรบรูปหินอ่อนเล็กๆบินในวิถีที่ผสมผสานสร้างเป็นรูปผังภูมิอักขระรูนที่เขาไม่รู้จัก  แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน

ถอย

แม้ว่าจะออกคำสั่งทันทีแต่นักรบเผ่ากระดูกก็ต้องถอนตัวออกมาจากผังวงเวทรูนขนาดยักษ์นี้

แต่สายเกินไปผังอักขระรูนขยายตัวต่อเนื่อง และในที่สุดก็คลุมไปทั้งสนามรบยอดเขาตะวันตกนักรบเผ่ากระดูกบริวารของว่านหมอเหมือนกับสายน้ำปั่นป่วนรอการจัดการ

เย่ว์หยางกดมือขวาลง

หุ่นเล็กขนาดเท่าลูกหินมีการเปลี่ยนแปลงร่างพวกมันยิงแสงออกมาเชื่อมอักขระรูนให้เชื่อมเข้ากัน

พลังธรรมชาติแห่งฟ้าและดินที่แผ่กระจายออกมาจากอักขระรูนเป็นพลังแห่งชีวิตชนิดหนึ่งทุกชีวิตที่ได้สัมผัสจะรู้สึกปลอดโปร่งโล่งสบาย แม้แต่ผู้ป่วยติดเตียงเป็นเวลานานก็ลืมความเจ็บป่วยชั่วคราวและมีรอยยิ้มเปี่ยมสุขอยู่บนใบหน้า  อย่างไรก็ตาม อย่างไรก็ตามพลังงานนี้เป็นพลังงานแห่งชีวิตเป็นปราณสวรรค์ที่บริสุทธิ์ ทันทีที่สัมผัสนักรบเผ่ากระดูก กลับกลายเป็นอาญาสวรรค์ที่รุนแรงที่สุด เชื่อได้ว่าแม้แต่พลังกฎฟ้าก็ไม่รุนแรงกว่านี้แล้ว...นักรบกระดูกทั้งหลายหมื่นตัวเหมือนถูกแผดเผาอยู่ในนรก

เกลือกกลิ้งดิ้นรนเจ็บปวดทุกข์ทรมาน

สำหรับพวกมันพลังชีวิตเจ็บปวดยิ่งกว่ากรดที่กัดกร่อนผิวหนังมนุษย์ ที่น่ากลัวยิ่งกว่าเผ่ากระดูกไม่สามารถทนได้ถึงขีดจำกัดอย่างมนุษย์เพราะพวกมันไม่มีพลังและเลือดเนื้อหนัง ไม่ได้รับทุกข์ปกติของมนุษย์เช่น ความหิวความเหนื่อยล้า เป็นลมหมดสติ ฯลฯ หากแต่พวกมันจะตื่นรับรู้อยู่เสมอ  แม้ว่าพวกมันจะเจ็บปวดที่สุดในโลกแต่พวกมันจะไม่ล้มหมดสติ  นักรบเผ่ากระดูกหวาดกลัวพยายามล้างพลังชีวิตปนเปื้อนออกไปจากกระดูกแต่ก็ทำไม่ได้

เพราะพวกมันอยู่ในอาณาบริเวณวงเวทอักขระรูนน้ำพุแห่งชีวิต

พลังแห่งชีวิตนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลแค่กระดูกเท่านั้นแต่ยังส่งผลไปถึงจิตวิญญาณด้วยกัน

นักเรียนที่กำลังมองดูการต่อสู้อยู่ข้างนอกต่างสั่นสะท้านหวาดกลัว พวกเขาไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อนในชีวิต  มีการทรมานที่น่ากลัวเจ็บปวดเหมือนที่เผ่ากระดูกนี้กำลังอาบน้ำพุแห่งชีวิตจากวงเวทรูนนี้หรือ

ไม่อนุญาตให้รอด

ไม่ยอมให้ตาย!

นี่คือสถานการณ์ของนักรบกระดูกทั้งหกหมื่น

“ตอนนี้เจ้ายังกล้าพูดว่ามั่นใจในพลังของนักรบเผ่ากระดูกทั้งหกหมื่นว่าทรงพลังอีกหรือไม่?ว่านหมอ ข้าขอใช้ภาษิตเตือนใจที่ใช้กันบ่อยกับเจ้า  คนฉลาดมักตายอย่างน่าอนาถจดจำประโยคเด็ดนี้ไว้ให้ดี มันเข้ากันได้ดีกับเจ้า!”  เย่ว์หยางมีความสามารถในการใช้วงเวทรูนน้ำพุแห่งชีวิตฆ่านักรบเผ่ากระดูกทั้งหกหมื่นได้ทันที  แต่เขาไม่ทำเช่นนั้น  เขาแค่ค่อยๆ มองดูเจ้าพวกนี้เจ็บปวดทรมานเพื่อเย้ยหยันว่านหมอที่ได้รับพลังจากเทพปีศาจแล้วนำมาใช้แหกกฎสวรรค์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด