949 - แบกโลงศพเข้าสู่แดนรกร้าง
949 - แบกโลงศพเข้าสู่แดนรกร้าง
นี่คือเขตหวงห้ามของชีวิต ตั้งแต่สมัยโบราณ มีคนไม่กี่คนที่กล้าเข้าไป จักรพรรดิผู้ไร้เทียมทานจะถูกกำจัดหากเขาเข้าไปในนั้น ไม่มีใครสามารถต้านทานพลังของ “ความรกร้าง” ได้
นอกพื้นที่ต้องห้าม มีต้นไม้โบราณสูงตระหง่าน ภูมิทัศน์ที่บริสุทธิ์แต่ทุกสิ่งทุกอย่างกลับเงียบสงัดไม่มีแม้แต่เสียงดังออกมาอย่างแผ่วเบา
เย่ฟ่านหยิบน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ออกมาดื่มอยู่ตลอดเวลา กลิ่นหอมจะแทรกซึมเข้าไปในกระดูกและทะลุเข้าไปในจิตวิญญาณ ตอนนี้น้ำพุของเขาเหลือไม่มากนักดังนั้นจึงไม่สามารถใช้สุรุ่ยสุร่ายได้
ในท้ายที่สุด เขาพุ่งเข้าไปข้างหน้าราวกับสายฟ้าฟาด และมุ่งตรงเข้าสู่ดินแดนอันคุ้นเคยอีกครั้ง
มีเสียงสั่นสะเทือนอย่างแผ่วเบาดังขึ้นบนยอดเขา ศพมังกรเก้าตัววางเรียงกันในแนวนอน และในโลงศพทองแดงขนาดใหญ่ยังคงตั้งอยู่ที่นั่น
เย่ฟ่านไม่ได้แบกเอาโลงศพทองแดงขนาดใหญ่ไว้ทั้งหมด แต่เขาเลือกที่จะแบกโลงศพขนาดเล็กที่อยู่ด้านในออกมาแทน
“กระจกโบราณแห่งความว่างเปล่า... ข้าอยากรู้จริงๆว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน!”
เย่ฟ่านค้นหาทุกวิธีเพื่อช่วยจี้จื่อเยว่สุดท้ายในเมื่อเขาไม่มีอาวุธเต๋าสุดขั้ว เขาก็ทำได้เพียงแบกโลงศพทองแดงซึ่งเป็นสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่เขาเคยพบไปด้วย
โลงศพขนาดเล็กนี้หนักมาก เขามีความรู้สึกราวกับแบบจักรวาลขนาดใหญ่ไว้บนหลัง แม้ว่าเย่ฟ่านจะแข็งแกร่งอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ใบหน้าของเขายังคงชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ
อย่างไรก็ตามเขายังคงมุ่งหน้าไปที่ตาน้ำพุเพื่อเติมเต็มน้ำพุแห่งชีวิตอีกครั้ง ไม่เช่นนั้นคงเป็นเรื่องยากที่เขาจะออกจากดินแดนต้องห้ามโบราณนี้ได้
ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้งเก้านั้นตั้งตระหง่านตระหง่านงดงามเหมือนในอดีต พวกมันเงียบงัน ไร้ร่องรอยการเคลื่อนไหว
ระหว่างทางมีต้นไม้โบราณสูงตระหง่าน มีเศษซากกระดูกกระจัดกระจายอยู่ทุกที่ ทำให้ผู้คนรำลึกถึงเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่ในอดีต
เย่ฟ่านคุกเข่าลงกับพื้นหลายครั้ง แต่เขาก็ยังปีนขึ้นไปบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์อย่างยากลำบาก ในขณะเดียวกันเขาก็ดื่มน้ำพุและกัดกินผลไม้ศักดิ์สิทธิ์เพื่อต่อต้านความรกร้างในบริเวณโดยรอบ
บนยอดเขามีแอ่งน้ำเล็กๆ ที่ใสสะอาดและมีกลิ่นหอม เย่ฟ่านดื่มน้ำจากน้ำพุ จากนั้นก็เติมขวดที่ว่างเปล่าของเขาให้เต็มก่อนจะเดินทางไปยังภูเขาศักดิ์สิทธิ์ลูกอื่นๆ เพื่อค้นหาของวิเศษทั้งหมดที่อยู่ที่นี่
ในที่สุดเขาก็มาถึงขอบหน้าผาพร้อมกับโลงศพทองแดงขนาดเล็กบนหลังของเขาและมองลงไปที่เหวลึกที่ไม่มีที่สิ้นสุด ที่นั่นมีแท่นบูชาห้าสีที่ทำให้เขาจิตใจสั่นไหวเป็นอย่างมาก
แท่นบูชาที่ชำรุดทรุดโทรม ทำจากหินห้าสี มีรอยมีดและรูกระบี่ บอกเล่าเกี่ยวกับเวลาอันไร้ขอบเขต ปีที่ยาวนาน และปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่บนท้องฟ้า
“คน!”
เย่ฟ่านตกตะลึง เขาเห็นร่างหนึ่งนั่งอยู่ตรงกลางแท่นบูชาห้าสี คนๆนี้ไม่เคลื่อนไหว ราวกับกลายเป็นหินไปแล้ว
หัวใจของเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ นั่นใครกัน ทำไมเขาถึงนั่งอยู่เหนือแท่นบูชาห้าสี เขาเป็นทาสรกร้างหรือเปล่า?
ระยะทางไกลเกินไปและมีความมืดอยู่ใต้เหวที่ไม่มีที่สิ้นสุด แม้ว่าเขาจะมีดวงตาศักดิ์สิทธิ์ แต่เย่ฟ่านก็มองเห็นเพียงโครงร่างที่ไม่ชัดเจนเท่านั้น
เย่ฟ่านเดินลงจากภูเขาทีละขั้นและเขาไม่กล้าอยู่นาน มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่าหากคนคนนั้นตื่นขึ้นมันจะเกิดเหตุการณ์อะไรตามมา
เมื่อโลงศพทองแดงถูกใส่กลับเข้าไปในโลงศพยักษ์อีกครั้ง เย่ฟ่านก็ปาดเหงื่อบนใบหน้าก่อนจะเริ่มดูน้ำพุและนั่งสมาธิลงกับพื้น
ทางออกยังคงยาวไกลอย่างยิ่ง เกรงว่าก่อนที่เขาจะแบกโลงศพทองแดงขนาดเล็กออกไปได้ เขาอาจจะเหนื่อยจนตายก่อน
หลังจากพักผ่อนเป็นเวลานาน เย่ฟ่านยืนขึ้นและมองดูภาพแกะสลักที่อยู่ภายในโลงศพขนาดใหญ่อีกครั้ง เขารู้สึกมึนงงและเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ภาพเหล่านี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่?
สัตว์อสูรที่ถูกแกะสลักอยู่ในโลงศพล้วนเป็นภาพของสิ่งมีชีวิตใน “ซานไห่จิง”(คัมภีร์ขุนเขาทะเล) ราวกับว่าพวกมันกำลังจะโผล่ออกมาจากกำแพง
“เทพหลั่งน้ำตา เส้นทางของท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว” เย่ฟ่านครุ่นคิดเป็นเวลานาน
ในที่สุดเขาก็มาถึงแผนที่ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวอีกครั้ง รอยแกะสลักของที่นี่คลุมเครือมาก พวกมันปกคลุมด้วยสนิม และดวงดาวที่ไม่มีที่สิ้นสุดนั้นเล็กมาก ราวกับว่าโลกที่แท้จริงถูกตรึงไว้ที่นี่
มือของเย่ฟ่านส่องประกายแวววาว และเขาหยิบสมบัติเซียนที่ได้รับจากรังมังกรออกมา สมบัติชิ้นนี้มีลักษณะคล้ายกับแผนที่ดวงดาวฉบับย่อ
“ทั้งสองคล้ายกันมาก อาจเป็นแผนที่เดียวกัน จักรพรรดิโบราณคนไหนเป็นคนบันทึกสิ่งนี้ขึ้นมา”
ใจของเขาตกตะลึง และเขาก็นึกถึงความเป็นไปได้บางอย่าง
ในสมัยโบราณ บิดาของวานรศักดิ์สิทธิ์มักจะเฝ้าดูท้องฟ้ายามดึก เขาจะต้องสัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างแน่นอน
ด้วยซากศพมังกรทั้งเก้าที่อยู่ข้างนอกเย่ฟ่านมีความต้องการที่จะแบกมังกรเหล่านี้ออกไปด้วยจริงๆ แต่น้ำหนักของมันมากมายมหาศาลเหลือเกิน มันไม่มีทางที่เขาจะขยับมังกรเหล่านี้ได้
ศพมังกรเย็นและหนัก เกล็ดเป็นสีดำและแวววาวราวกับภูเขาเหล็กเก้าลูกที่จะคงอยู่ตลอดกาล การเข้าใกล้พวกมันก็แทบจะทำให้เขาหายใจไม่ออกแล้ว
เย่ฟ่านกระตุกหนวดของมังกรด้วยแรงทั้งหมดที่มี แต่ทันใดนั้นคลื่นพลังอันน่าสะพรึงกลัวก็กระแทกร่างกายของเขาให้ปลิวกระเด็นออกไปกว่าร้อยวา
“ข้าแค่ต้องการเลือดมังกรนิดหน่อย มันเป็นสิ่งมีชีวิตระดับจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่หรือไม่?”
เขาอารมณ์เสียจริงๆ และในที่สุดก็ตระหนักได้ว่าต่อให้เขาออกแรงจนกลายเป็นคนพิการก็ไม่มีทางสร้างรอยขีดข่วนให้กับมังกรเหล่านี้ได้เลย
หนึ่งชั่วยามต่อมาเย่ฟ่านเดินด้วยความยากลำบากและในที่สุดก็ออกมาจากดินแดนต้องห้ามโบราณได้สำเร็จ
เขาดื่มน้ำพุศักดิ์สิทธิ์มากมาย กินผลไม้ศักดิ์สิทธิ์ และส่วนหนึ่งของราก ลำต้น และใบของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์เก้าชนิด ล้วนถูกเขาเก็บมาทั้งหมด
“ข้ากินผลไม้เซียนไปหนึ่งผล และมันเกือบจะสูญเปล่าไปแล้ว”
เย่ฟ่านกล่าวกับตัวเอง มันยากที่จะมีของแบบนี้อีก และถ้าใช้หมดมันจะเป็นการเดินทางอย่างไร้ประโยชน์แน่นอน
…
นอกเหมืองโบราณต้นกำเนิดจักรพรรดิดำเดินไปรอบๆ เป็นเวลาหลายวัน แต่มันไม่กล้าผลีผลามเดินเข้าสู่ประตูหนานเทียน
“เจ้าหมา อย่าเอาแต่วิ่งไปมาได้หรือไม่”
เด็กหญิงตัวเล็กๆ รู้สึกรำคาญกับปฏิกิริยาของมันเป็นอย่างมาก
“ว่ากันว่าเมื่อหมื่นปีที่แล้วจักรพรรดิอสูรเคยเดินทางเข้าสู่ดินแดนแห่งนี้พร้อมกับยาเซียนสองต้น หากเราโชคดีเราอาจได้รับยาเซียนเหล่านั้น”
“เจ้ามันตะกละ ลืมไปแล้วหรือว่าครั้งสุดท้ายเจ้าก็เกือบตายอยู่ในสุสานเซียน” เด็กหญิงตัวเล็กย่นจมูกน้อยๆ ที่น่ารักของนาง
“คราวนี้เราจะไม่เข้าไปข้างใน แต่จะเข้าไปที่ประตูหนานเทียนเพื่อค้นหาอย่างระมัดระวัง ถ้าคิดว่ามันคงไม่เป็นไร” สุนัขสีดำตัวใหญ่กระตือรือร้นที่จะลอง
“ไปหาพี่ใหญ่กันเถอะ อย่าเพิ่งเข้าไปตอนนี้ รอพี่ใหญ่ไปด้วยจะดีกว่า” เด็กหญิงตัวเล็กๆ ดึงหูสุนัขสีดำตัวใหญ่เบาๆ
“ข้ามาที่นี่แล้ว ข้าจะต้องค้นหาความลับโบราณในประตูหนานเทียนให้ได้”
…
นอกวังโบราณของตระกูลจี้ชายผู้สง่างามปรากฏตัวราวกับเทพอสูรกลับชาติมาเกิด ดวงตาของเขาเฉียบคมราวกับกระบี่และมีร่างกายสูงใหญ่ไม่ธรรมดา แน่นอนว่าเขาคือหนานเหยา
ด้วยการปะทะกันของยอดฝีมือรุ่นยาวที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก แน่นอนว่าผู้คนมากมายต่างให้ความสนใจในเรื่องนี้
ถัดจากเขาคือสาวงามที่ไม่มีใครเทียบได้ นางคือฉีฟู่ซุยน้องสาวของเขา
หลังจากนั้นไม่นานท้องฟ้าก็สั่นสะเทือน และรถม้าสีม่วงที่มีอสูรโบราณเก้าตัวคอยลากรถม้าได้เพื่อนตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ที่ด้านหลังของรถม้าคันนี้ประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตโบราณมากมายนับไม่ถ้วน นี่คือราชาโบราณน้อยแห่งภูเขาสีม่วงนั่นเอง
นอกจากนี้ยังมีหญิงสาวผมสีม่วงที่นั่งร่วมรถคันเดียวกับเขา นางงดงามไร้ที่ติราวกับเทพธิดาจากสรวงสวรรค์ หญิงสาวคนนี้คือน้องสาวของราชาโบราณน้อยแห่งภูเขาสีม่วง
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา ตระกูลจี้เต็มไปด้วยผู้คนและยอดฝีมือทั่วทั้งโลกแทบจะมาชุมนุมกันอยู่ที่นี่แล้ว
“เจ้าอยู่ที่ไหนเย่ฟ่าน เจ้าต้องไม่ตาย!”
ผังป๋อเป็นกังวลอย่างมาก เขามาที่นี่ในฐานะทายาทของจักรพรรดิอสูร
...