บทที่ 96: ปลูกเฟื่องฟ้ากระถางสำเร็จ! สูตรจากนอกเกมเลเวล 1!
โรงพยาบาลโหยวเฉิง
จ้าวโม่ชิงนั่งรออยู่กับหลินเฟินในพื้นที่รอเรียก
ฉินหลินเดินมาพร้อมกับใบรายงานผลการตรวจของหลินเฟิน “ปะ ไปพบหมอกัน”
หลังจากที่พ่อเสียแม่ก็สุขภาพไม่ดีต้องกินยา พักฟื้น และมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเป็นประจำ
ซึ่งวันนี้เป็นวันที่หมอนัดพอดี
ทั้งสามได้มาถึงที่หน้าห้องตรวจของหัวหน้าแพทย์
โรงพยาบาลในอำเภอเล็ก ๆ ไม่เป็นที่นิยมดังนั้นเลยไม่มีการมานั่งรอคิวยาวเหยียดเหมือนในเขตเมืองซึ่งเป็นเขตปกครองใหญ่กว่า แถวที่รอนั้นไม่ได้มีคนไข้มากนักจึงใช้เวลาไม่นานก็ถึงคิวของทั้งสามคน
“คุณหมอซู นี่เป็นผลตรวจของแม่ผมครับ ช่วยดูให้หน่อย” ฉินหลินส่งรายงานให้หมอทันที
หมอซูจำหลินเฟินได้ เป็นเคสเข้ารับการตรวจร่างกายตามปกติ
“คุณหมอซู สถานการณ์ของฉันตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ?” หลินเฟินรู้สึกได้ว่าตัวเองมีสุขภาพดีขึ้นมากในช่วงนี้ แต่เมื่อนึกถึงอาการที่ผ่าน ๆ มาแล้วมันก็ยังเป็นกังวลจนต้องเข้ามาเช็คให้แน่ใจ
“เฮ่ย!” หมอซูอ่านผลการตรวจของหลินเฟินอย่างประหลาดใจ
“หายแล้วหนิ! เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ ช่วงนี้คุณพักฟื้นยังไงกันเนี่ย?”
“แม่ผมก็ดูแลตัวเองอย่างดีและกินยาตรงตามที่หมอบอกอะครับ” ฉินหลินชมเชยหมอด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า ทว่าในใจนั้นรู้ชัดอยู่แล้วว่าเพราะอะไร
ฉันให้แม่กินปลาตะเพียนป่าเลเวล 2 กับข้าวหลวงเสียงสุ่ยเลเวล 2 ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการ +2 มากมายต่อเนื่องหลายวันติดต่อกัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่สุขภาพของแม่จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แถมข้าวหลวงเสียงสุ่ยยังมีคุณสมบัติวิตามินวีพีพี +2 ซึ่งช่วยชะลอความแก่ทำให้ตอนนี้ผมขาวบนหัวของแม่หายไปบางส่วนแล้วด้วย
ทางด้านหมอซูที่ได้ยินคำตอบของฉินหลินก็หัวเราะดีใจ เพราะเข้าใจไปว่าใบสั่งยาของตัวเองล่าสุดนี่ดูจะได้ผลดีอย่างน่าตกใจจริง ๆ ดังนั้นเลยกะจะทำการศึกษามันอย่างละเอียดอีกรอบ
เพราะจากผลตรวจตรงหน้านี้เมื่อเทียบกับผลตรวจจากครั้งก่อนแล้วผลการรักษานั้นน่าทึ่งเป็นที่สุด
ดังนั้นหลังจากที่พวกฉินหลินทั้งสามออกจากห้องตรวจแล้วหมอซูก็ใช้คอมพิวเตอร์เปิดดูประวัติการรักษาของหลินเฟินเพื่อหาใบสั่งยาที่เขาสั่งให้หลินเฟินและเริ่มศึกษามันอย่างละเอียด
ฉินหลินพาคู่แม่ผัวลูกสะใภ้เดินไปยังลานจอดรถโรงพยาบาล หลินเฟินนั้นมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า เพราะก่อนหน้านี่สุขภาพของเธอย่ำแย่เหลือเกิน ทว่าตอนนี้กลับหายดีและไม่ต้องกินยาอีกต่อไปแล้ว
ก่อนที่ทั้งสามจะเดินไปถึงที่รถของตนก็เห็นคู่รักวัยกลางคนคู่หนึ่งลงจากรถคันหนึ่งมาพอดี
“เอ้อฮุย!” หลินเฟินร้องทักชายวัยกลางคนด้วยสีหน้าลำบากใจ
“น้องพี่ เธอมาตรวจร่างกายอีกงั้นเหรอ?” หลินเอ้อฮุยเห็นว่าเป็นหลินเฟินที่ร้องทักก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
และหลังจากที่พูดจบก็ดูเหมือนจะกลัวจนไม่ให้โอกาสหลินเฟินพูดตอบและรีบตัดบทว่า “ลูกฉันไม่สบายเข้าโรงบาลน่ะ ฉันต้องรีบไปดูก่อน”
พูดเสร็จก็เดินจากไปเลย เมื่อเดินห่างออกไปแล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเดินเข้าตึกโรงพยาบาลไป
เจ้าหมอนี่มันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของน้องสาวตัวเองเลย เพราะมันกับพี่ชายเคยบอกไปแล้วว่าถ้าได้แต่งกับคนขายผักแล้วชีวิตจะลำบาก ก็พิสูจน์แล้วมั้ยว่าที่บอกตอนนั้นน่ะเรื่องจริง?
ญาติแบบนี้จะทำอะไรได้อีกนอกจากมาขอยืมเงินจนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของครอบครัว? ไม่ดีเท่าลูกค้าในมือถือด้วยซ้ำ เพราะอย่างน้อย ๆ เวลาลูกค้าสั่งซื้อของเงินส่วนนั้นก็ยังมีปันมาเป็นค่าคอมมิชชั่นได้บ้าง
ในลานจอดรถ
“เฮ่อ~” หลินเฟินถอนหายใจ
ตอนนี้เธอกับพี่ชายทั้งสองนั้นทำได้แค่ทักทายเมื่อเจอหน้ากันโดยบังเอิญเท่านั้น
จ้าวโม่ชิงเห็นได้ชัดว่ารู้สึกได้ถึงอารมณ์หดหู่ของหลินเฟินดังนั้นจึงจับแขนและปลอบใจว่า “แม่คะ เดี๋ยวเราไปอาข้าวเช้าอร่อย ๆ กินกันเนอะ เห็นแม่หนูบอกว่าจะมาชวนแม่ไปช้อปปิ้งที่ RT-Mart ตอนบ่ายด้วย”
“งั้นตอนบ่ายเดี๋ยวแม่โทรหาทางนั้นละกัน” หลินเฟินได้ยินก็อารมณ์เปลี่ยนเป็นพยักหน้ายิ้ม
เมื่อเห็นแบบนี้จ้าวโม่ชิงก็โล่งใจเช่นกัน
สิ่งที่เสียไปไม่มีวันได้คืนมา หรือต่อให้ได้กลับมาก็ไม่มีวันเหมือนเดิม หากยังยึดติดกับสิ่งเหล่านี้ก็รังแต่จะเสียเวลาไปเปล่า ๆ สู้เอาเวลามาทะนุถนอมสิ่งที่ยังมีอยู่จะดีซะกว่า
ตั้งแต่วินาทีที่ฉินหลินเห็นหลินเอ้อฮุยจนถึงตอนนี้เขายังคงมีใบหน้าสงบนิ่งเฉยเมยไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ก็นะ เวลาเจอกับ ‘คนแปลกหน้า’ จะให้ทำหน้ายังไงล่ะหืม?
“วันนี้แม่อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย?” ฉินหลินถามหลังจากขึ้นรถแล้ว ก่อนตรวจร่างกายจำเป็นต้องงดอาหารตามเวลาซึ่งทำให้ตอนนี้แม่ท้องว่าง
หลินเฟินกล่าวว่า “เอาเปี่ยนโร่วก็พอละ” (扁肉)
“มีร้านนึงที่สุ่ยหนาน เปี่ยนโร่วที่นั่นจ้าวเด็ดเลยเชียวล่ะ แถมยังเป็นทางผ่านไปบ้านไร่พอดีด้วย” จ้าวโม่ชิงแนะนำ
“โอเค!” ฉินหลินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
ร้านเด็ดที่จ้าวโม่ชิงว่านั้นเป็นร้านสแน็คบาร์เล็ก ๆ ที่เปิดโดยคู่สามีภรรยาสูงวัยซึ่งเธอเคยพาเขาไปโดนมาก่อนแล้ว
เมื่อถึงสุ่ยหนานฉินหลินก็หาที่จอดรถและพาครอบครัวไปยังร้านสแน็คบาร์ที่ดูเก่า ๆ หน่อยร้านหนึ่ง
ในช่วงสิบกว่าปีมานี้ความก้าวหน้าของสแน็คบาร์ชาเฉิงถูกตัดขาดไปแล้วและแทนที่ด้วยการแปรรูปอาหารจากเครื่องจักรกล ทำให้ของแท้ค่อย ๆ น้อยลงไปเรื่อย ๆ
คู่สามีภรรยาสูงอายุคู่นี้สามารถเปิดร้านมาได้หลายสิบปีได้ก็เพราะคำร่ำลือแบบปากต่อปากและซอสประจำตระกูลที่คู่สามีภรรยาสูงวัยทำเองซึ่งนี่แหล่ะของเด็ด
“สามท่านสั่งอะไรดีครับ?” ชายชราเดินออกมาถาม
“เอาเปี่ยนโร่วสามกับเกี๊ยวนึ่งหนึ่งค่ะ” จ้าวโม่ชิงรู้ว่าฉินหลินต้องสั่งเกี๊ยวนึ่งทุกครั้งที่มาที่นี่และเขาก็มักจะพูดอยู่เสมอว่าซอสนี่เด็ดจริง
ฉินหลินจึงยิ้มให้ภรรยา เธอจำได้ตลอดว่าเขาชอบกินอะไร ถึงขนาดจำเบอร์เสื้อผ้าเขาได้ด้วยซ้ำ
ไม่นานอาหารที่ทั้งสามสั่งก็มาเสิร์ฟ
ฉินหลินเทซอสลงในชามใบเล็กแล้วหยิบเกี๊ยวนึ่งมาจิ้มใส่ปากเคี้ยวกลืนอย่างสุขสม
เฮ่อ~ กินทีไรก็เด็ดทุกที
ถ้าให้เขาที่กินวัตถุดิบจากเกมเป็นประจำประเมินล่ะก็ ซอสนี่ไม่เกือบ ๆ เลเวล 1 ก็ถึงเลเวล 1 แล้วล่ะ
เมื่อก่อนมากินกับจ้าวโม่ชิงก็คิดแค่ว่ามันอร่อยและไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น ตอนนี้เขาเห็นน้ำจิ้มนี้แล้วก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมากเลยเอ่ยปากถามชายชราไปโดยไม่รู้ตัว “เถ้าแก่ สูตรน้ำจิ้มนี่ขายมั้ย?”
ชายชราส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “ไม่ขาย งานฝีมือที่สืบทอดกันเฉพาะในครอบครัวไม่ได้ส่งต่อจากชายสู่หญิงและคนภายนอก”
“โห!” ฉินหลินตกตะลึงเพราะชายชราค่อนข้างจะหัวโบราณ
ภรรยาของชายชราพูดติดตลกว่า “แล้วแกจะไปส่งต่อให้ใครได้ล่ะตาเฒ่าเอ๊ย ลูกชายก็กะลังปรับปรุงบ้าน หลานชายก็กะลังเข้ามหาลัย จะมีใครมาเปิดสแน็คบาร์ต่อจากเราเล่า”
“งั้นฉันก็จะเอามันลงโลงไปด้วย” ชายชราพึมพำ
เมื่อได้ยินแบบนี้ฉินหลินก็ส่ายหัวอย่างอดไม่ได้
ประเทศของพวกเขามีที่ดินที่กว้างใหญ่และทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ แต่หลายสิ่งหลายดังกล่าวกลับลบเลือนหายไป ซึ่งสาเหตุบางส่วนก็นี่เลยใช่มั้ย?
ทุกวันนี้การทำร้านสแน็คบาร์นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากแถมครอบครัวของชายชราก็ไม่เต็มใจที่จะสานต่อธุรกิจนี้ด้วย ดังนั้นเมื่อชายชราไม่สามารถไหวแล้วล่ะก็จะแปลว่าสูตรของน้ำจิ้มนี้จะสูญหายไปจริง ๆ
“น้ำจิ้มเถ้าแก่อร่อยจริง ๆ ผมซื้อสองขวดนะ” ฉินหลินพูดอีก ที่ซื้อสองขวดกลับบ้านไม่ใช่แค่จะเอาไปกินเท่านั้น แต่เขาจะเอามันเข้าไปในโลกแห่งเกมเพื่อเช็คดูว่ามันจะเป็นซอสเลเวล 1 อย่างที่เขาประเมินจริง ๆ หรือไม่
ชายชราไม่ปฏิเสธและขายให้เขา 2 ขวดในราคา 5 หยวน โดยขวดละประมาณ 100 กรัมซึ่งถูกเกินไปกับรสชาติขนาดนี้
ฉินหลินไม่อยากจะเห็นซอสนี่ต้องสูญหายไปจริง ๆ ดังนั้นเขาเลยหยิบนามบัตรของตนออกมาวางไว้บนโต๊ะ เผื่อว่าหากชายชราเปลี่ยนใจก็มีเบอร์ติดต่อเขาอยู่
เติ้งกวงได้เตรียมนามบัตรให้เขาโดยเขียนชื่อเขาและตำแหน่งประธานชิงหลินฟู้ดคอร์เปอร์เรชั่น
ที่ได้แต่ทำแบบนี้ก็เพราะเห็นความแน่วแน่ของชายชราเขาเลยไม่ตื๊อต่อ เขามีระบบเกมซึ่งตอนนี้ซอสมะเขือเทศสูตรลับกำลังไปได้สวย ซึ่งนี่ยังแค่สูตรเปรี้ยวหวานเท่านั้น สูตรเผ็ดยังไม่ได้ทำขายเลย
และในเกมจะมีสูตรลับอื่น ๆ ตามมาอีกเรื่อย ๆ ในอนาคต
ฉินหลินพาแม่กับจ้าวโม่ชิงไปที่บ้านไร่ และเมื่อเขามาถึงบ้านไร่เขาเห็นพนักงานคนหนึ่งวิ่งมา “เถ้าแก่ครับ เราตัดเรือนยอดต้นเฟื่องฟ้าพวกนั้นแล้ว” (ตัดเรือนยอดคือตัดแต่งกิ่งเพื่อคุมความสูงและกระตุ้นให้แตกพุ่ม)
ชายคนนี้ชื่ออวี้สุ่ยเป็นหนึ่งในคนสวนที่ทางบ้านไร่จ้างให้มาคอยดูแลทะเลเฟื่องฟ้า
“เข้าไปดูซิ” ฉินหลินตามอวี้สุ่ยไปที่ลานหลังโถงต้อนรับซึ่งตอนนี้กลายเป็นสวนไปแล้ว ที่นั่นมีกระถางเฟื่องฟ้าที่เขาปักชำไว้ประมาณโหลหนึ่งตั้งวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเมื่อมีการตัดเรือนยอดแล้วยิ่งดูสวยงาม
เพราะไม้กระถางเหล่านี้มีดอกตูมชุดใหม่ผุดขึ้นมาบ้างแล้ว แปลว่าการปักชำประสบความสำเร็จ มันสามารถงอกรากออกมาใหม่และอยู่รอดจนออกดอกต่อไปได้
ต้นเฟื่องฟ้าจากเกมมีคุณสมบัติปลูกถ่ายง่ายและอัตราการรอดชีวิตอยู่ที่ 100% อย่างเห็นได้ชัด ทว่าแม้ไม้กระถางนี่จะสวยก็จริง
แต่สุดท้ายแล้วเมื่อเห็นแค่แวบแรกก็สามารถจับความแตกต่างได้อย่างง่ายดาย
ฉินหลินไปหยิบกระถางที่สองกับสามออกมา
ต้นเฟื่องฟ้าเหล่านี้เขาเอากิ่งจากต้นเลเวล 2 กับ 3 มาชำซึ่งได้ทำเครื่องหมายกำกับไว้หมดแล้ว และที่หยิบมาคืออย่างละหนึ่ง
จากนั้นเขาก็ไปหาที่ที่ไม่มีคนเห็นแล้วเข้าโลกในเกมไปพร้อมกับกระถางต้นไม้ทั้งสองใบและซอสจากชายชราเพื่อจะหาอ่านคุณสมบัติ
[ซอส: เลเวล 1!]
[เป็นหนึ่งในซอสที่สืบทอดของอำเภอโหยวเฉิง ซอสตระกูลกัวซึ่งอร่อยเพราะฝีมือที่ประณีต และยังมีคุณสมบัติความอยากอาหาร +1]
นั่นปะไรซอสนี่เลเวล 1 จริง ๆ ด้วย ทว่าคุณสมบัติน้อยไปหน่อยเพราะมีแค่ความอยากอาหาร +1 เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ทว่ามันก็เป็นหน้าที่ของซอสแต่เดิมอยู่แล้วมั้ย?
ซึ่งน่าเสียดายมากเพราะตอนนี้สูตรมันได้เก่าจนฝุ่นจับไปหมดแล้ว ถ้ามีใครเอาสูตรนี้ไปพัฒนาต่อล่ะก็ต่อให้ไปไม่ถึงระดับเหล่ากันมา (老干妈) แต่ก็ยังไปได้ไกลกว่านี้อีกเยอะ
ประวัติศาสตร์ 5,000 ปีมานี้น่าจะมีสิ่งที่สูญหายไปมากมายนับไม่ถ้วน
ต่อมาฉินหลินได้อ่านรายละเอียดของกระถางเฟื่องฟ้าทั้งสอง
[เฟื่องฟ้ากระถาง: เลเวล 1]
[เฟื่องฟ้ากระถางชนิดพิเศษ 7 สี, สวยงาม +1, ไม้ประดับ +1]
[เฟื่องฟ้ากระถาง: เลเวล 2]
[เฟื่องฟ้ากระถางชนิดพิเศษ 7 สี สวยงาม +2, ไม้ประดับ +2, ขึ้นกล้อง +1!]