ตอนที่แล้วบทที่ 95: คุณสมบัติ +3 ที่ทำเองกับมือ! เถ้าแก่ฉินก็เป็นคนแปลก ๆ ด้วย!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 97: ของที่ระลึกแด่นักท่องเที่ยว! เกาะแข้งขาของบ้านไร่ชิงหลินให้แน่น ๆ ไว้!

บทที่ 96: ปลูกเฟื่องฟ้ากระถางสำเร็จ! สูตรจากนอกเกมเลเวล 1!


โรงพยาบาลโหยวเฉิง

จ้าวโม่ชิงนั่งรออยู่กับหลินเฟินในพื้นที่รอเรียก

ฉินหลินเดินมาพร้อมกับใบรายงานผลการตรวจของหลินเฟิน “ปะ  ไปพบหมอกัน”

หลังจากที่พ่อเสียแม่ก็สุขภาพไม่ดีต้องกินยา  พักฟื้น  และมาตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเป็นประจำ

ซึ่งวันนี้เป็นวันที่หมอนัดพอดี

ทั้งสามได้มาถึงที่หน้าห้องตรวจของหัวหน้าแพทย์

โรงพยาบาลในอำเภอเล็ก ๆ ไม่เป็นที่นิยมดังนั้นเลยไม่มีการมานั่งรอคิวยาวเหยียดเหมือนในเขตเมืองซึ่งเป็นเขตปกครองใหญ่กว่า  แถวที่รอนั้นไม่ได้มีคนไข้มากนักจึงใช้เวลาไม่นานก็ถึงคิวของทั้งสามคน

“คุณหมอซู  นี่เป็นผลตรวจของแม่ผมครับ  ช่วยดูให้หน่อย” ฉินหลินส่งรายงานให้หมอทันที

หมอซูจำหลินเฟินได้  เป็นเคสเข้ารับการตรวจร่างกายตามปกติ

“คุณหมอซู  สถานการณ์ของฉันตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ?” หลินเฟินรู้สึกได้ว่าตัวเองมีสุขภาพดีขึ้นมากในช่วงนี้  แต่เมื่อนึกถึงอาการที่ผ่าน ๆ มาแล้วมันก็ยังเป็นกังวลจนต้องเข้ามาเช็คให้แน่ใจ

“เฮ่ย!” หมอซูอ่านผลการตรวจของหลินเฟินอย่างประหลาดใจ

“หายแล้วหนิ!  เดี๋ยว ๆ ๆ ๆ ช่วงนี้คุณพักฟื้นยังไงกันเนี่ย?”

“แม่ผมก็ดูแลตัวเองอย่างดีและกินยาตรงตามที่หมอบอกอะครับ” ฉินหลินชมเชยหมอด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า  ทว่าในใจนั้นรู้ชัดอยู่แล้วว่าเพราะอะไร

ฉันให้แม่กินปลาตะเพียนป่าเลเวล 2 กับข้าวหลวงเสียงสุ่ยเลเวล 2 ซึ่งมีคุณค่าทางโภชนาการ +2 มากมายต่อเนื่องหลายวันติดต่อกัน  ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจอะไรที่สุขภาพของแม่จะดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด  แถมข้าวหลวงเสียงสุ่ยยังมีคุณสมบัติวิตามินวีพีพี +2 ซึ่งช่วยชะลอความแก่ทำให้ตอนนี้ผมขาวบนหัวของแม่หายไปบางส่วนแล้วด้วย

ทางด้านหมอซูที่ได้ยินคำตอบของฉินหลินก็หัวเราะดีใจ  เพราะเข้าใจไปว่าใบสั่งยาของตัวเองล่าสุดนี่ดูจะได้ผลดีอย่างน่าตกใจจริง ๆ ดังนั้นเลยกะจะทำการศึกษามันอย่างละเอียดอีกรอบ

เพราะจากผลตรวจตรงหน้านี้เมื่อเทียบกับผลตรวจจากครั้งก่อนแล้วผลการรักษานั้นน่าทึ่งเป็นที่สุด

ดังนั้นหลังจากที่พวกฉินหลินทั้งสามออกจากห้องตรวจแล้วหมอซูก็ใช้คอมพิวเตอร์เปิดดูประวัติการรักษาของหลินเฟินเพื่อหาใบสั่งยาที่เขาสั่งให้หลินเฟินและเริ่มศึกษามันอย่างละเอียด

ฉินหลินพาคู่แม่ผัวลูกสะใภ้เดินไปยังลานจอดรถโรงพยาบาล  หลินเฟินนั้นมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า  เพราะก่อนหน้านี่สุขภาพของเธอย่ำแย่เหลือเกิน  ทว่าตอนนี้กลับหายดีและไม่ต้องกินยาอีกต่อไปแล้ว

ก่อนที่ทั้งสามจะเดินไปถึงที่รถของตนก็เห็นคู่รักวัยกลางคนคู่หนึ่งลงจากรถคันหนึ่งมาพอดี

“เอ้อฮุย!” หลินเฟินร้องทักชายวัยกลางคนด้วยสีหน้าลำบากใจ

“น้องพี่  เธอมาตรวจร่างกายอีกงั้นเหรอ?” หลินเอ้อฮุยเห็นว่าเป็นหลินเฟินที่ร้องทักก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

และหลังจากที่พูดจบก็ดูเหมือนจะกลัวจนไม่ให้โอกาสหลินเฟินพูดตอบและรีบตัดบทว่า “ลูกฉันไม่สบายเข้าโรงบาลน่ะ  ฉันต้องรีบไปดูก่อน”

พูดเสร็จก็เดินจากไปเลย  เมื่อเดินห่างออกไปแล้วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกและเดินเข้าตึกโรงพยาบาลไป

เจ้าหมอนี่มันไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของน้องสาวตัวเองเลย  เพราะมันกับพี่ชายเคยบอกไปแล้วว่าถ้าได้แต่งกับคนขายผักแล้วชีวิตจะลำบาก  ก็พิสูจน์แล้วมั้ยว่าที่บอกตอนนั้นน่ะเรื่องจริง?

ญาติแบบนี้จะทำอะไรได้อีกนอกจากมาขอยืมเงินจนส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของครอบครัว?  ไม่ดีเท่าลูกค้าในมือถือด้วยซ้ำ  เพราะอย่างน้อย ๆ เวลาลูกค้าสั่งซื้อของเงินส่วนนั้นก็ยังมีปันมาเป็นค่าคอมมิชชั่นได้บ้าง

ในลานจอดรถ

“เฮ่อ~” หลินเฟินถอนหายใจ

ตอนนี้เธอกับพี่ชายทั้งสองนั้นทำได้แค่ทักทายเมื่อเจอหน้ากันโดยบังเอิญเท่านั้น

จ้าวโม่ชิงเห็นได้ชัดว่ารู้สึกได้ถึงอารมณ์หดหู่ของหลินเฟินดังนั้นจึงจับแขนและปลอบใจว่า “แม่คะ  เดี๋ยวเราไปอาข้าวเช้าอร่อย ๆ กินกันเนอะ  เห็นแม่หนูบอกว่าจะมาชวนแม่ไปช้อปปิ้งที่ RT-Mart ตอนบ่ายด้วย”

“งั้นตอนบ่ายเดี๋ยวแม่โทรหาทางนั้นละกัน” หลินเฟินได้ยินก็อารมณ์เปลี่ยนเป็นพยักหน้ายิ้ม

เมื่อเห็นแบบนี้จ้าวโม่ชิงก็โล่งใจเช่นกัน

สิ่งที่เสียไปไม่มีวันได้คืนมา  หรือต่อให้ได้กลับมาก็ไม่มีวันเหมือนเดิม  หากยังยึดติดกับสิ่งเหล่านี้ก็รังแต่จะเสียเวลาไปเปล่า ๆ สู้เอาเวลามาทะนุถนอมสิ่งที่ยังมีอยู่จะดีซะกว่า

ตั้งแต่วินาทีที่ฉินหลินเห็นหลินเอ้อฮุยจนถึงตอนนี้เขายังคงมีใบหน้าสงบนิ่งเฉยเมยไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว  ก็นะ  เวลาเจอกับ ‘คนแปลกหน้า’ จะให้ทำหน้ายังไงล่ะหืม?

“วันนี้แม่อยากกินอะไรเป็นพิเศษมั้ย?” ฉินหลินถามหลังจากขึ้นรถแล้ว  ก่อนตรวจร่างกายจำเป็นต้องงดอาหารตามเวลาซึ่งทำให้ตอนนี้แม่ท้องว่าง

หลินเฟินกล่าวว่า “เอาเปี่ยนโร่วก็พอละ” (扁肉)

“มีร้านนึงที่สุ่ยหนาน  เปี่ยนโร่วที่นั่นจ้าวเด็ดเลยเชียวล่ะ  แถมยังเป็นทางผ่านไปบ้านไร่พอดีด้วย” จ้าวโม่ชิงแนะนำ

“โอเค!” ฉินหลินพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

ร้านเด็ดที่จ้าวโม่ชิงว่านั้นเป็นร้านสแน็คบาร์เล็ก ๆ ที่เปิดโดยคู่สามีภรรยาสูงวัยซึ่งเธอเคยพาเขาไปโดนมาก่อนแล้ว

เมื่อถึงสุ่ยหนานฉินหลินก็หาที่จอดรถและพาครอบครัวไปยังร้านสแน็คบาร์ที่ดูเก่า ๆ หน่อยร้านหนึ่ง

ในช่วงสิบกว่าปีมานี้ความก้าวหน้าของสแน็คบาร์ชาเฉิงถูกตัดขาดไปแล้วและแทนที่ด้วยการแปรรูปอาหารจากเครื่องจักรกล  ทำให้ของแท้ค่อย ๆ น้อยลงไปเรื่อย ๆ

คู่สามีภรรยาสูงอายุคู่นี้สามารถเปิดร้านมาได้หลายสิบปีได้ก็เพราะคำร่ำลือแบบปากต่อปากและซอสประจำตระกูลที่คู่สามีภรรยาสูงวัยทำเองซึ่งนี่แหล่ะของเด็ด

“สามท่านสั่งอะไรดีครับ?” ชายชราเดินออกมาถาม

“เอาเปี่ยนโร่วสามกับเกี๊ยวนึ่งหนึ่งค่ะ” จ้าวโม่ชิงรู้ว่าฉินหลินต้องสั่งเกี๊ยวนึ่งทุกครั้งที่มาที่นี่และเขาก็มักจะพูดอยู่เสมอว่าซอสนี่เด็ดจริง

ฉินหลินจึงยิ้มให้ภรรยา  เธอจำได้ตลอดว่าเขาชอบกินอะไร  ถึงขนาดจำเบอร์เสื้อผ้าเขาได้ด้วยซ้ำ

ไม่นานอาหารที่ทั้งสามสั่งก็มาเสิร์ฟ

ฉินหลินเทซอสลงในชามใบเล็กแล้วหยิบเกี๊ยวนึ่งมาจิ้มใส่ปากเคี้ยวกลืนอย่างสุขสม

เฮ่อ~  กินทีไรก็เด็ดทุกที

ถ้าให้เขาที่กินวัตถุดิบจากเกมเป็นประจำประเมินล่ะก็  ซอสนี่ไม่เกือบ ๆ เลเวล 1 ก็ถึงเลเวล 1 แล้วล่ะ

เมื่อก่อนมากินกับจ้าวโม่ชิงก็คิดแค่ว่ามันอร่อยและไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น  ตอนนี้เขาเห็นน้ำจิ้มนี้แล้วก็มีความคิดบางอย่างผุดขึ้นมากเลยเอ่ยปากถามชายชราไปโดยไม่รู้ตัว “เถ้าแก่  สูตรน้ำจิ้มนี่ขายมั้ย?”

ชายชราส่ายหัวอย่างแน่วแน่ “ไม่ขาย  งานฝีมือที่สืบทอดกันเฉพาะในครอบครัวไม่ได้ส่งต่อจากชายสู่หญิงและคนภายนอก”

“โห!” ฉินหลินตกตะลึงเพราะชายชราค่อนข้างจะหัวโบราณ

ภรรยาของชายชราพูดติดตลกว่า “แล้วแกจะไปส่งต่อให้ใครได้ล่ะตาเฒ่าเอ๊ย  ลูกชายก็กะลังปรับปรุงบ้าน  หลานชายก็กะลังเข้ามหาลัย  จะมีใครมาเปิดสแน็คบาร์ต่อจากเราเล่า”

“งั้นฉันก็จะเอามันลงโลงไปด้วย” ชายชราพึมพำ

เมื่อได้ยินแบบนี้ฉินหลินก็ส่ายหัวอย่างอดไม่ได้

ประเทศของพวกเขามีที่ดินที่กว้างใหญ่และทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์  มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยโบราณ  แต่หลายสิ่งหลายดังกล่าวกลับลบเลือนหายไป  ซึ่งสาเหตุบางส่วนก็นี่เลยใช่มั้ย?

ทุกวันนี้การทำร้านสแน็คบาร์นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากแถมครอบครัวของชายชราก็ไม่เต็มใจที่จะสานต่อธุรกิจนี้ด้วย  ดังนั้นเมื่อชายชราไม่สามารถไหวแล้วล่ะก็จะแปลว่าสูตรของน้ำจิ้มนี้จะสูญหายไปจริง ๆ

“น้ำจิ้มเถ้าแก่อร่อยจริง ๆ ผมซื้อสองขวดนะ” ฉินหลินพูดอีก  ที่ซื้อสองขวดกลับบ้านไม่ใช่แค่จะเอาไปกินเท่านั้น  แต่เขาจะเอามันเข้าไปในโลกแห่งเกมเพื่อเช็คดูว่ามันจะเป็นซอสเลเวล 1 อย่างที่เขาประเมินจริง ๆ หรือไม่

ชายชราไม่ปฏิเสธและขายให้เขา 2 ขวดในราคา 5 หยวน  โดยขวดละประมาณ 100 กรัมซึ่งถูกเกินไปกับรสชาติขนาดนี้

ฉินหลินไม่อยากจะเห็นซอสนี่ต้องสูญหายไปจริง ๆ ดังนั้นเขาเลยหยิบนามบัตรของตนออกมาวางไว้บนโต๊ะ  เผื่อว่าหากชายชราเปลี่ยนใจก็มีเบอร์ติดต่อเขาอยู่

เติ้งกวงได้เตรียมนามบัตรให้เขาโดยเขียนชื่อเขาและตำแหน่งประธานชิงหลินฟู้ดคอร์เปอร์เรชั่น

ที่ได้แต่ทำแบบนี้ก็เพราะเห็นความแน่วแน่ของชายชราเขาเลยไม่ตื๊อต่อ  เขามีระบบเกมซึ่งตอนนี้ซอสมะเขือเทศสูตรลับกำลังไปได้สวย  ซึ่งนี่ยังแค่สูตรเปรี้ยวหวานเท่านั้น  สูตรเผ็ดยังไม่ได้ทำขายเลย

และในเกมจะมีสูตรลับอื่น ๆ ตามมาอีกเรื่อย ๆ ในอนาคต

ฉินหลินพาแม่กับจ้าวโม่ชิงไปที่บ้านไร่  และเมื่อเขามาถึงบ้านไร่เขาเห็นพนักงานคนหนึ่งวิ่งมา “เถ้าแก่ครับ  เราตัดเรือนยอดต้นเฟื่องฟ้าพวกนั้นแล้ว” (ตัดเรือนยอดคือตัดแต่งกิ่งเพื่อคุมความสูงและกระตุ้นให้แตกพุ่ม)

ชายคนนี้ชื่ออวี้สุ่ยเป็นหนึ่งในคนสวนที่ทางบ้านไร่จ้างให้มาคอยดูแลทะเลเฟื่องฟ้า

“เข้าไปดูซิ” ฉินหลินตามอวี้สุ่ยไปที่ลานหลังโถงต้อนรับซึ่งตอนนี้กลายเป็นสวนไปแล้ว  ที่นั่นมีกระถางเฟื่องฟ้าที่เขาปักชำไว้ประมาณโหลหนึ่งตั้งวางเรียงกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเมื่อมีการตัดเรือนยอดแล้วยิ่งดูสวยงาม

เพราะไม้กระถางเหล่านี้มีดอกตูมชุดใหม่ผุดขึ้นมาบ้างแล้ว  แปลว่าการปักชำประสบความสำเร็จ  มันสามารถงอกรากออกมาใหม่และอยู่รอดจนออกดอกต่อไปได้

ต้นเฟื่องฟ้าจากเกมมีคุณสมบัติปลูกถ่ายง่ายและอัตราการรอดชีวิตอยู่ที่ 100% อย่างเห็นได้ชัด  ทว่าแม้ไม้กระถางนี่จะสวยก็จริง

แต่สุดท้ายแล้วเมื่อเห็นแค่แวบแรกก็สามารถจับความแตกต่างได้อย่างง่ายดาย

ฉินหลินไปหยิบกระถางที่สองกับสามออกมา

ต้นเฟื่องฟ้าเหล่านี้เขาเอากิ่งจากต้นเลเวล 2 กับ 3 มาชำซึ่งได้ทำเครื่องหมายกำกับไว้หมดแล้ว  และที่หยิบมาคืออย่างละหนึ่ง

จากนั้นเขาก็ไปหาที่ที่ไม่มีคนเห็นแล้วเข้าโลกในเกมไปพร้อมกับกระถางต้นไม้ทั้งสองใบและซอสจากชายชราเพื่อจะหาอ่านคุณสมบัติ

[ซอส: เลเวล 1!]

[เป็นหนึ่งในซอสที่สืบทอดของอำเภอโหยวเฉิง  ซอสตระกูลกัวซึ่งอร่อยเพราะฝีมือที่ประณีต  และยังมีคุณสมบัติความอยากอาหาร +1]

นั่นปะไรซอสนี่เลเวล 1 จริง ๆ ด้วย  ทว่าคุณสมบัติน้อยไปหน่อยเพราะมีแค่ความอยากอาหาร +1 เพียงอย่างเดียวเท่านั้น

ทว่ามันก็เป็นหน้าที่ของซอสแต่เดิมอยู่แล้วมั้ย?

ซึ่งน่าเสียดายมากเพราะตอนนี้สูตรมันได้เก่าจนฝุ่นจับไปหมดแล้ว  ถ้ามีใครเอาสูตรนี้ไปพัฒนาต่อล่ะก็ต่อให้ไปไม่ถึงระดับเหล่ากันมา (老干妈) แต่ก็ยังไปได้ไกลกว่านี้อีกเยอะ

ประวัติศาสตร์ 5,000 ปีมานี้น่าจะมีสิ่งที่สูญหายไปมากมายนับไม่ถ้วน

ต่อมาฉินหลินได้อ่านรายละเอียดของกระถางเฟื่องฟ้าทั้งสอง

[เฟื่องฟ้ากระถาง: เลเวล 1]

[เฟื่องฟ้ากระถางชนิดพิเศษ 7 สี, สวยงาม +1, ไม้ประดับ +1]

[เฟื่องฟ้ากระถาง: เลเวล 2]

[เฟื่องฟ้ากระถางชนิดพิเศษ 7 สี สวยงาม +2, ไม้ประดับ +2, ขึ้นกล้อง +1!]

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด