บทที่ 57 : เส้นทางวิวัฒนาการทั้งสามสาย
บทที่ 57 : เส้นทางวิวัฒนาการทั้งสามสาย
ฐานการทดลองขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในภูเขาปรากฏต่อสายตาของชูโจวและคนอื่นๆ
ฐานการวิจัยที่อยู่ตรงหน้านี้, บนผนังของฐานมีแผ่นโลหะสีขาวจำนวนมากที่ส่องแสงสีน้ำเงิน และมีเครื่องมือขั้นสูงมากมายอยู่ในนั้น
เเละในขณะนี้ ฐานการทดลองนี้กำลังอยู่ในความตื่นตระหนกและนักวิจัยหลายคนในชุดขาวก็วิ่งกันอย่างยุ่งเหยิง
"ฆ่าให้หมด" เฉินปาโจวออกคำสั่งโจมตีอย่างโหดเหี้ยม
"ฆ่า!" นักรบหลายร้อยคนรีบเข้าไปในฐานการทดลองตามทางแยก
"ระวังตัวกันด้วยนะ" ลูโจวพูดคุยกับ หลิงซาน, หลี่ชิงฉี, ซีเหมิง และ เซียวเตี๋ยที่อยู่ข้างๆเขาจากนั้นรีบพุ่งเข้าพร้อมๆกับทุกคน
"วู้ววว..."
ในเวลานี้ เสียงไซเรนยังคงโหยหวนในฐานการทดลองภายในเนินเขา เเละในตอนนั้นเองร่างในชุดทหารจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากส่วนลึกของฐานการทดลองพร้อมปืน และสาดกระสุนตรงไปที่ชูโจวและคนอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่กระสุนจำนวนนับไม่ถ้วนจะพุ่งเข้าใส่ร่างของชูโจวและคนอื่นๆ พวกมันทั้งหมดกลับถูกหยุดอยู่กลางอากาศ แล้วบังคับให้ย้อนกลับไปด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม ทันใดนั้นก็มีเสียงกรีดร้องแและร่างในชุดทหารจำนวนมากที่รีบวิ่งออกจากฐานการทดลองก็ถูกกระสุนของตัวเองยิงตายในทันที
“ฮึ่ม……กล้าใช้ปืนต่อหน้านักรบพลังจิต, หาเรื่องตาย” เสียงเยาะเย้ยของฟูหยานดังมาจากบนท้องฟ้า
นักรบของโรงยิมศิลปะการต่อสู้หลักสามแห่งและนักรบหลายร้อยคนจากกองทัพที่กำลังเผชิญกับพายุกระสุนในขณะนี้ต่างรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย……แม้ว่าพวกเขาจะปลุกพลังของยีนได้แล้ว แต่มันก็ยังยากที่จะต้านทานการยิงที่รุนแรงเเละมีจำนวนมากในเวลาเดียวกัน, เเต่เมื่อพวกเขาเห็นเหตุการณ์นี้พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจทันที
พวกเขาตระหนักเเล้วว่ามีนักรบพลังจิตที่ทรงพลังมากอยู่เคียงข้างพวกเขา เเละด้วยนักรบพลังจิตผู้ทรงพลังคนนี้ พวกเขาไม่จำเป็นต้องกลัวกระสุนอีกต่อไป
ในช่วงเวลาสั้นๆ ขวัญกำลังใจของนักรบของโรงยิมศิลปะการต่อสู้หลักทั้งสามและนักรบของกองทัพได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
"นักรบพลังจิตนั้นทรงพลังมาก" ชูโจวแอบอุทาน
……
สำหสำหรับนักรบเเล้ว ผู้ที่ปลดล็อกยีนขั้นที่หนึ่งคือนักรบระดับผู้ปลุกพลัง, หลังจากหกลายเป็นนักรบผู้ปลุกเเล้วพลังชีวิตของเเต่ละบุคคลจะเพิ่มขึ้นอย่างมากและสามารถเริ่มใช้สนามพลังได้ซึ่งสิ่งนี้ทำให้สมรรถภาพทางกายของพวกเขา (พละกำลัง ความว่องไว การตอบสนองทางความคิด สัญชาตญาณการต่อสู้ การรับรู้ถึงอันตราย) และแง่มุมอื่นๆได้พัฒนาจนทำให้เกิดช่องว่างขนาดใหญ่เมื่อเทียบกับระดับผู้ฝึกหัด
จากนั้นเมื่อสนามพลังของนักรบผู้ปลุกพลังพัฒนาไปถึงอีกระดับหนึ่ง พวกเขาก็จะมีโอกาสในการปลดล็อคยีนขั้นที่สองเเละหากปลดล็อกยีนขั้นที่สองสำเร็จ กฌจะกลายเป็นนักรบระดับพิเศษทันที
เมื่อเทียบกับนักรบระดับปลุกพลังเเล้วนักรบระดับพิเศษนั้นจะได้รับการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพเพิ่มขึ้นอย่างมาก, พลังดั้งเดิมของนักรบระดับพิเศษนั้น, ไม่ใช่เเค่สามารถปลดปล่อยออกมาภายนอกร่างกายได้เท่านั้น แต่ยังสามารถแข็งแกร่งขึ้นในทิศทางที่แน่นอนอีกด้วย, นั่นคือหลังจากที่นักรบได้รับการเลื่อนระดับเป็นนักรบระดับพิเศษแล้ว……. นักรบเเต่ละคนจะได้รับเส้นทางวิวัฒนาการสามเส้นทางซึ่งได้เเก่ ระบบยอดนักรบ, ระบบพลังธาตุ และระบบพลังจิต
ระบบยอดนักรบ, คือเส้นทางวิวัฒนาการที่ช่วยให้นักรบวิวัฒนาการความสามารถด้านร่างกายเป็นส่วนใหญ่
ระบบพลังธาตุ, คือเส้นทางวิวัฒนาการเพื่อควบคุมพลังงานธรรมชาติต่างๆ เช่น ลม, ฝน, สายฟ้า และไฟ
ระบบพลังจิต, คือเส้นทางวิวัฒนาการที่มุ่งเน้นไปที่การเสริมสร้างพลังทางจิตวิญญาณและการเเปรเปลี่ยนทางจิตวิญญาณ
ในหมู่นักรบระดับพิเศษของมนุษยชาติ, มีจำนวนของ"สุดยอดนักรบ"มากที่สุด, รองลงมาคือนักรบพลังธาตุที่มีประมาณครึ่งหนึ่งของสุดยอดนักรบ
เเต่ในทางกลับกัน นักรบพลังจิตนั้นมีจำนวนน้อยมาก พวกเขามีจำนวนน้อยกว่าหนึ่งในหมื่นของสุดยอดนักรบ….. แต่เส้นทางวิวัฒนาการทั้งสามนั้นไม่ได้เหนือกว่าหรือด้อยกว่ากัน เเละเเน่นอนมันไม่ได้หมายความว่ายิ่งจำนวนคนในเส้นทางการวิวัฒนาการนั้นน้อยลงเท่าใดก็ยิ่งมีพลังมากขึ้นเท่านั้น
อันที่จริงแล้ว คนที่ทรงพลังที่สุดสามคนในโลกอย่าง ดราก้อน, ธอร์, และอาปาซา นั้นต่างก็เป็นสุดยอดนักรบ, นักรบพลังธาตุ และนักรบพลังจิตตามลำดับ
แต่ในบรรดาสามคนนั้น ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดไม่ใช่นักรบพลังจิตอาปาซา, แต่เป็นดราก้อนสุดยอดนักรบต่างหาก
เเต่ความเเข็งเเกร่งอย่างเดียวไม่ได้เป็นข้อกำหนดในการเเพ้ชนะ, อย่างตอนนี้ นักรบพลังจิตมีประโยชน์อย่างมากในสถานการณ์ที่ต้องหยุดกระสุนทั้งหมดและสะท้อนมันกลับไป
…..
"ดูเหมือนว่าฉันจะต้องประสบความสำเร็จในการฝึกทักษะการทำสมาธิรูปแบบเจดีย์ให้ได้โดยเร็วที่สุด!"
หลังจากได้เห็นพลังของนักรบพลังจิตด้วยตาของตัวเองแล้ว, ชูโจวก็ตัดสินใจที่จะตั้งใจทักษะการฝึกสมาธิรูปแบบเจดีย์ให้สำเร็จโดยเร็วที่สุด
…..
"ฆ่าพวกผู้บุกรุก"
ชูโจวและคนอื่นๆที่กำลังพุ่งเข้าไปในฐานการทดลอง, ในที่สุดก็ได้พบกับกลุ่มนักรบของอีกฝ่ายพุ่งสวนออกมา
เเละเกือบจะพริบตาเดียว ชูโจวได้ใช้ดาบฟันมังกรสังหารนักรบฝ่ายศัตรูไปสามคนในทันที
หลิงซาน, ซีเหมิง และ หลี่ชิงฉีก็ไม่แสดงความเมตตาเช่นกัน พวกเขาทำการตัดหัวนักรบในชุดขาวทีละคน
แต่ทางด้านเซียวเตี๋ยที่ตามหลังชูโจวมา, เมื่อเธอนักรบชุดขาวคนหนึ่งพุ่งมาหาเธอ…. เธอก็เกิดอาการหน้าซีดและตัวสั่น, ตกใจมากจนหลับตาปี๋
“อย่าเข้ามานะ…อย่าเข้ามา…”
เธอจับนักรบชุดขาวด้วยมือทั้งสองข้าง, จากนั้นมีดสั้นนับสิบเล่มก็พุ่งออกจากร่างของเธอ แทงทะลุร่างของนักรบชุดขาวราวกับสายฟ้า
พวกชูโจวทั้งสี่ต่างตกตะลึงเมื่อเห็นความน่ากลัวของเซียวเตี๋ย
“พอเเล้ว…มันตายเเล้ว” ชูโจวเดินเข้าไปเรียกสติของเซียวเตี๋ยที่ยังโจมตีศพของนักรบชุดขาวอยู่
“ชูโจว ฉันกลัวมากเลย” เซียวเตี๋ยกรีดร้องและรีบไปซ่อนตัวอยู่ข้างหลังชูโจว, จากนั้นค่อยๆโผล่หัวออกมาเล็กน้อยและมองไปที่ศพของนักรบชุดขาวที่ถูกฆ่าโดยฝีมือของเธอ
“กลัวหรอ…..ทำไมฉันรู้สึกว่าเธอน่ากลัวมากกว่าอีกฝ่ายอีก” ซีเหมิงเดินไปดูร่างของนักรบชุดขาวที่ถูกแทงจนเหมือนเม่นแล้วพูดด้วยท่าทางแปลกๆว่า “เพื่อนคนนี้…น่าสงสารไม่น้อยเลย”
"เอาล่ะ ไปต่อกันเถอะ…. การฆ่าศัตรูเป็นเรื่องสำคัญอย่างที่สอง...เรื่องสำคัญที่สุดคือการคอยสังเกตว่าที่นี่มีของดีอะไรอีกไหม, เพราะฐานการทดลองขนาดใหญ่เช่นนี้ต้องมีทรัพยากรที่มีค่าอย่างเเน่นอน"
หลังจากที่ชูโจวกล่าวจบ ดวงตาของเขาก็เริ่มสแกนไปรอบๆเพื่อดูว่าเขาจะสามารถหาแหล่งทรัพยากรได้หรือไม่
อีกด้าน, เมื่อได้ยินคำเตือนของหลินเป่ย ดวงตาของพวกหลิงซานก็เป็นประกายทันที…..พวกเขาล้วนมีเหตุผลที่จะแข็งแกร่งขึ้น ดังนั้นย่อมไม่มีใครยอมพลาดโอกาสที่จะได้รับทรัพยากรการฝึกฝนเเบบฟรีๆ
"หืม? อันที่อยู่ในกล่องโลหะนั่นคือสารอาหารเสริมพันธุกรรมขั้นสูงงั้นหรอ?" ทันใดนั้นชูโจวก็สังเกตุเห็นกล่องโลหะที่เปิดอยู่เเละในกล่องโลหะนั้นมีสารอาหารเสริมพันธุกรรมคุณภาพสูงอย่างน้อยห้าสิบขวด….. สารอาหารเสริมพันธุกรรมคุณภาพสูงมีมูลค่าขวดละ 10 ล้าน, ดังนั้นทรัพยากรในกล่องโลหะผสมนั้นมีมูลค่าทั้งหมด 500 ล้านเหรียญ
หัวใจของชูโจวเต้นไม่เป็นจังหวะ จาดนั้นเขาใช้ทักษะการเคลื่อนไหวก้าวย่างลวงตาโดยไม่ลังเล และพุ่งเข้าไปหากล่องโลหะด้วยความเร็วสูงสุด
อย่างไรก็ตาม, ไม่ใช่แค่ชูโจวคนเดียวที่รีบพุ่งไปที่กล่องโลหะ…..แต่มันยังมีอีกสองร่างที่พุ่งมาพร้อมๆกันกับเขา
เเละหนึ่งในนั้นคือจินจิงหวู!
……………………