ตอนที่ 951 ไว้หน้าคุณนะเหรอ?
พอผู้หญิงคนนั้นนั่งลง เธอก็ได้พูดออกมาว่า : “แม่เฒ่าอย่างฉันจะไม่ไปไหน คุณมันจะมาทำอะไรฉันได้ คุณมันคนจนที่ตายไปแล้ว ยังกล้าดีมาทำกับฉันได้ วันนี้ฉันจะขอดูสิว่าคุณมันกล้าที่จะแตะต้องฉันไหม!”
หลินฟาน รู้สึกพูดไม่ออกจริงๆ ดูเหมือนว่าการใช้เหตุผลกับผู้หญิงที่ปากร้ายเช่นนี้ มันเสียเวลาเปล่าจริงๆ ส่วนสาเหตุที่ถูกเรียกว่า ผู้หญิงปากร้ายนั่นก็เพราะพวกเธอปากร้ายจริงๆ ทั้งไม่มีเหตุผลในคำพูด…
“โอ้.. เอาล่ะ พี่สาว ผู้หญิงคนนี้ไร้ยางอายขนาดนี้ ผมเองขอแนะนําให้คุณแจ้งตํารวจให้เข้ามาจัดการจะดีกว่า” หลินฟาน ได้ยิ้ม
“โทรแจ้งตํารวจเหรอ? แล้วนี่ฉันทําอะไรให้พวกคุณต้องถึงกับแจ้งตํารวจ? ฉันแค่มากินข้าวที่นี่ แล้วเอาอาหารให้สุนัขของฉันกิน แล้วนี่มันผิดตรงไหน? คุณจะไปโทรแจ้งตํารวจ แจ้งความอะไรก็ช่าง ฉันเองก็ไม่ได้ทําอะไรผิด แล้วก็นะพอตํารวจมาถึงแล้ว ก็มาดูกันว่าพวกเขาจะทําอะไรกับฉันได้ เมื่อนั้นฉันก็จะฟ้องคุณที่ก่อปัญหาโดยไร้เหตุผล ทั้งนี้ยังก่อเรื่องให้เกิดการทะเลาะวิวาทขึ้น!” ผู้หญิงคนนั้น ได้พูดอย่างมั่นใจ
เมื่อเห็นแบบนี้ หยางฮ่าว ก็ได้ออกมาเพื่อทำให้สิ่งต่างๆ ให้ราบรื่น เขาได้พูดไปว่า : “หลินฟาน พอได้แล้ว เชื่อฉันเถอะว่า พี่สาวหง ไม่ใช่คนที่นายยุ่งด้วยได้ รีบๆ ขอโทษ พี่สาวหง เถอะ เดี๋ยวเรื่องนี้ฉันจะช่วยขอร้องให้เอง และเรื่องนี้มันจะได้จบลง พี่สาวหง ต้องขอโทษด้วยที่เพื่อนร่วมงานเก่าของผมงี่เง่าไปหน่อย เห็นแก่ผม.. ผู้ใหญ่ไม่ถือสาผู้น้อย เมื่อเขาขอโทษพี่แล้ว เรื่องนี้ก็ปล่อยผ่านมันไป ลืมๆ มันไป ไม่จำเป็นต้อง โกรธสำหรับเรื่องนี้ พวกเราทั้งหมดมาที่นี่เพื่อทานข้าว ใช่ ไม่ดีที่จะอิ่มโดยไม่ได้กิน.. มาๆ พี่สาวหง”
ผู้หญิงคนนั้น ได้ยิ้มเย็นชา แล้วพูดว่า : “รู้ตัวอยู่แล้วว่าเป็นได้แค่ไอ้ตัวขี้ขลาด นี่ว่างมากสินะ ถึงได้มามัวยุ่งเรื่องของคนอื่น ทั้งยังไม่มองดูสถานะของตัวเองว่ามันเป็นยังไง! แล้วนี่แกมันมีสิทธิ์ที่จะมาพูดคุยกับฉันได้!?”
หยางฮ่าว ได้พูดพร้อมกับหัวเราะออกมาว่า : “สิ่งที่ พี่สาวหง สั่งสอนคือ หลินฟาน ถ้านายไม่รีบขอโทษ พี่สาวหง.. เรื่องนี้ ก็ช่างมันไปเถอะ พี่สาวหง เป็นคนใจกว้าง แล้วเดี๋ยวนายเองก็ต้องมาขอบคุณ พี่สาวหง อีกครั้งในภายหลัง”
หลินฟาน ไม่สนใจคำพูดของ หยางฮ่าว เขามองไปที่หญิงสาวพนักงานเสิร์ฟ และยิ้มก่อนพูดไปว่า “พี่สาว สิ่งที่ผมสามารถแนะนําได้ ก็ได้บอกคุณไปทั้งหมดแล้ว จะทําอย่างไรก็แล้วแต่คุณแล้ว เรื่องนี้ไม่สามารถพูดได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับผม ทั้งเรื่องนี้ก็ไม่สามารถพูดได้ว่าผมไม่ได้เข้ามายุ่ง การที่สุนัขตัวหนึ่งมาเลียจานอยู่ข้างๆ มันก็ส่งผลกระทบต่อความอยากอาหารของผม และผมในฐานะลูกค้า ย่อมมีคุณสมบัติที่จะยืนหยัดในเรื่องนี้ได้ แต่โดยพื้นฐานแล้ว เรื่องนี้ก็ต้องให้ทางร้านอาหารเป็นคนออกมาแก้ไขอยู่ดี”
หญิงสาวพนักงานเสิร์ฟ เข้าใจ.. ก่อนหน้านี้ หลินฟาน ได้ถูกเยาะเย้ยเพราะสถานะที่เขาเป็นคนส่งของ เธอจึงออกมาพูดแทน หลินฟาน..
มาตอนนี้ เธอรู้แล้วว่า หลินฟาน อยู่ข้างเธอ และคอยช่วยเหลือเธอ และเธอไม่สามารถทำให้ หลินฟาน ผิดหวังได้ ทั้งยังไม่สามารถประนีประนอมสำหรับเรื่องนี้ได้เช่นกัน..
หญิงสาวพนักงานเสิร์ฟ ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้าหาญ และได้พูดออกไปว่า : “คุณผู้หญิงคะ ตามกฎของร้านอาหารของเรา สุนัขไม่สามารถขึ้นมากินอาหารที่โต๊ะได้ ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้เกี่ยวข้องกับสาธารณสุขด้วย ทั้งมันยังไม่ถูกสุขลักษณะ สำหรับสุนัข ที่ได้มานั่งร่วมโต๊ะเดียวกันกับผู้คนนั้น มันก็ยิ่งไม่ถูกสุขอนามัยเป็นอย่างมาก จานชามต่างๆ ที่สุนัขได้ใช้ไปแล้ว เรายังให้ลูกค้าคนอื่นๆ ได้ใช่ต่อได้หรือไม่นั้น คาดว่าทางคุณคงทราบดีแล้ว คุณเป็นลูกค้า เราเองก็ยินดีต้อนรับคุณให้มารับประทานอาหารที่ร้านของเรา แต่คุณเองก็ควรปฏิบัติตามกฎระเบียบที่สมเหตุสมผลของเรา หากคุณไม่ปฏิบัติตาม ฉันต้องขอเชิญคุณออกไปเท่านั้น ดังนั้น ตอนนี้คุณมีสองทางเลือก ทางเลือกแรก คุณไม่สามารถให้สุนัขของคุณขึ้นมากินข้าวบนโต๊ะได้อีกต่อไป ช้อนส้อมที่สุนัขได้ใช้ไปแล้ว เราจะทิ้งลงถังขยะ และนับเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับค่าอาหารของคุณ ถ้าคุณยอมตอบตกลง ก็สามารถทานข้าวที่นี่ต่อไปได้ ไม่เช่นนั้นก็ต้องขอให้คุณออกไปได้เท่านั้น, ถ้าคุณไม่ยอมออกไป เราก็ทำได้แค่เลือกที่จะจัดการกับคุณ โดยการโทรแจ้งตำรวจได้เพียงเท่านั้น ดังนั้น คุณผู้หญิงค่ะ คุณอยากให้ทางเราโทรแจ้งตำรวจไหม?”
เมื่อผู้หญิงคนนั้นได้ฟังคําพูดเหล่านี้แล้ว ก็ได้รู้สึกไม่พอใจมาก และก็ได้โกรธมาก : “ไอ้เด็กบ้านี้ แกอยากตายอีกคนหรือยังไง! พนักงานเสิร์ฟอย่างแก กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้ต่อหน้าฉัน ไอ้พวกคนชั้นต่ำ! ตัวแกเองนะ สู้สุนัขของฉันยังไม่ได้ด้วยซ้ำ! ในสายตาของฉัน สุนัขของฉันมีค่ามากกว่าแกไม่รู้กี่เท่า และยังดูสูงส่งกว่าแกอีก สุนัขของฉันมันสมควรที่จะกินข้าวกับฉัน แต่แกล่ะ.. แกมันไม่สมควรได้รับ!”
คําพูดเหล่านี้ ไม่ใช่คำพูดด่าแล้ว.. แต่มันคือ การทำให้อีกฝ่ายต้องอับอาย และมันเป็นการเหยียดหยามศักดิ์ศรีของผู้อื่นโดยตรง
ไม่มีใครสามารถทนฟังได้ ..หลังจากได้ยินคำพูดเช่นนี้
หญิงสาวพนักงานเสิร์ฟ ก่อนหน้านี้เธออารมณ์ดีๆ อยู่ มาตอนนี้เธอก็ได้มีอารมณ์โกรธขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว และเธอได้พูดว่า : “โอเค ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้ว คุณหมายถึงให้ฉันโทรแจ้งตํารวจได้เลย?”
ผู้หญิงคนนั้น ก็ได้ดุด่าออกไปว่า “แกมันก็รีบๆ แจ้งตํารวจไปสิ ฉันห้ามแกเหรอไง แล้วฉันก็จะดูสิว่าตํารวจมาแล้ว จะทําอะไรกับฉันได้บ้าง!”
เย่อหยิ่ง คือเธอช่างเย่อหยิ่งจริงๆ
หญิงสาวพนักงานเสิร์ฟ ก็ได้เข้าใจในเวลานี้ ..ว่าการพูดอะไรออกไปกับผู้หญิงที่ปากร้ายเช่นนี้นั้น มันก็เท่ากับไร้ประโยชน์.. การโทรไปแจ้งความ ถึงจะเป็นเรื่องที่สมควรทำจริงๆ ในเวลานี้
ดังนั้น หญิงสาวพนักงานเสิร์ฟ จึงได้เลือกที่จะโทรแจ้งตํารวจอย่างเด็ดขาด และหลังจากที่โทรแจ้งกับทางตํารวจแล้ว ก็แค่รอให้ทางตํารวจมาถึง…
ตอนนี้ หยางฮ่าว ค่อนข้างอึดอัด เดิมทีเขาตั้งใจจะออกมาเพื่อทำสิ่งต่างๆ ให้ราบรื่น แต่ใครจะไปรู้ว่า หลินฟาน ไม่ได้ให้หน้าเขาเลย แล้วแบบนี้เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน!
หยางฮ่าว เมื่อพอได้คิดแบบนี้แล้ว เขาก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย และเมื่อนึกได้ว่า หลินฟาน คนนี้ เป็นเพียงแค่คนส่งของ แล้วแบบนี้เขาจะไปกังวลอะไรกับอีกฝ่ายล่ะ? แล้วนี่เขาจะมานั่งกังวลอะไร ก็แค่ลากอีกฝ่ายลงมาก็เท่านั้น!
เขาอดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆ หลินฟาน และวางแผนที่จะสั่งสอน หลินฟาน อย่างไรก็ตาม.. ในสายตาของเขา หลินฟาน ก็เป็นแค่คนส่งของ และเขาก็อยู่ภายใต้ห่วงโซ่แห่งการดูถูกของเขา มาตอนนี้เขาจะสั่งสอน หลินฟาน ให้รู้จักการวางตัวเอง
“หลินฟาน นายนี่มัน.. ทำไมนายถึงได้น่ารำคาญขนาดนี้ ทําไมไม่ฟังคำพูดฉันบ้าง! นายก็แค่ขอโทษ พี่สาวหง แค่นี้เรื่องมันก็จบแล้ว แล้วการที่นายทําแบบนี้ มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยจริงๆ ที่ตอนนี้ นายมันก็ยังเป็นได้แค่คนส่งของอยู่อีก!” หยางฮ่าว ได้กล่าวออกมา พร้อมทั้งได้หัวเราะออกมาเบาๆ
หลินฟาน ในตอนนี้ได้กลับไปนั่งที่โต๊ะเดิมของเขา และกินข้าวของเขาต่อ..
แต่เมื่อได้ยิน หยางฮ่าว พูดออกมาแบบนี้ หลินฟาน ก็ได้หัวเราะออกมาเบาๆ แล้วพูดว่า : “ดังนั้น ..คุณ คิดว่าฉันควรขอโทษเธอ? ฉันแค่พูดในสิ่งที่ฉันคิดว่ามันถูกต้อง แล้วทําไมฉันต้องเอาใจผู้หญิงปากร้ายคนนี้ด้วยล่ะ?”
หยางฮ่าว ได้พูดว่า : “นาย นายนี่มัน... ฉันไม่รู้จะพูดยังไงกับนายแล้วนะ นายไม่ไว้หน้า พี่สาวหง แต่นายจะไว้หน้าฉันไม่ได้บ้างหรือไง? พี่สาวหง เป็นเจ้านายของลูกค้าคนหนึ่งในบริษัทฉัน ฉันออกหน้าให้หมดแล้ว นายเองก็หัดไว้หน้าฉันบ้าง! ทั้งเรื่องนี้มันก็อาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทของฉัน นี่ทําไมนายมันถึงไม่เข้าใจ!”
หลินฟาน พูดไปอย่างลอยๆ ว่า : “นั่นสิ.. ทำไม?”
หยางฮ่าว พูดว่า : “อะไร.. ทำไมอะไร?”
หลินฟาน ได้เงยหน้าขึ้นมอง หยางฮ่าว ด้วยสายตาที่เย็นชา : “บริษัทของคุณมันมาเกี่ยวข้องอะไรกับฉัน? แล้วทําไมฉันต้องดูแลบริษัทของคุณด้วย? แล้วก็นะ.. ทำไมฉันต้องไปก้มหัวให้กับผู้หญิงปากร้ายคนนี้ด้วยล่ะ?”
หยางฮ่าว ได้โกรธมาก : “แก... ฉันเป็นเพื่อนร่วมงานเก่าของแกนะ ทำไมแกถึงไม่คิดไว้หน้าฉัน…”
หลินฟาน ได้ขัดจังหวะของเขา : “ไว้หน้าคุณนะเหรอ? ระหว่างคําพูดของคุณ ความรู้สึกที่เหนือกว่าที่คุณได้แสดงออกมานั้น ฉันเองก็ไม่ได้คิดว่าคุณจะไม่คิดไว้หน้าฉันขนาดนี้เช่นกัน คุณคิดว่าตอนนี้คุณนั่งอยู่ในออฟฟิศแล้ว และฉันที่ยังขับรถตากแดดตากฝนทำงานเป็นคนส่งของอยู่ คุณจะดูสูงส่งกว่าฉันแล้ว? ดังนั้นคุณจึงได้คิดว่าตัวคุณสามารถสอนฉันทําสิ่งต่างๆ ได้แล้ว?”
ประโยคคำพูดของ หยางฮ่าว ก็ได้ถูกทิ่มแทง และมันก็ได้ทำให้เขาโกรธ : “หลินฟาน แกพูดแบบนี้ได้อย่างไร นี่แกกําลังคิดใช้ความรู้สึกเอาใจคนต่ำต้อยมาวัดท้องสุภาพบุรุษ!(1)”
หลินฟาน กล่าวว่า : “โอ้.. ใช่ จริงสิ คุณบอกว่าคุณรอเพื่อนร่วมงานมากินข้าวด้วย ไหนขอถามหน่อยว่าเพื่อนร่วมงานของคุณอยู่ที่ไหน คุณไม่มีเพื่อนร่วมงานมาเลย คุณมันก็แค่หาข้ออ้าง และไม่อยากนั่งกินข้าวร่วมโต๊ะเดียวกันกับฉันก็เท่านั้น.. คุณคิดว่าสถานะคนส่งของ ..อย่างฉัน จะทําให้ต้องคุณอับอาย ใช่ไหมล่ะ?”
หยางฮ่าว กล่าวว่า : “นี่แกกำลังพูดอะไรนะ! แล้วแกมันไม่ใช่ว่ามานัดบอดเหรอไง? แล้วแบบนั้นฉันจะไปนั่งกินข้าวที่โต๊ะเดียวกันกับแกได้อย่างไร?”
หลินฟาน พูดไปว่า : “งั้นเหรอ? ฉันกินข้าวเกือบจะเสร็จแล้ว แล้วนี่คุณเห็นผู้หญิงคนไหนเข้ามาบ้าง? นี่ฉันนัดบอดอยู่หรือเปล่า คุณดูไม่ออกงั้นเหรอ?”
หยางฮ่าว : “…”
หลินฟาน ได้พูดต่อ “เพราะความเหนือกว่าของคุณ คิดเลยคิดว่าจะสอนฉันทําสิ่งต่างๆ ได้ คุณเห็นฉันกำลังขัดแย้งกับผู้หญิงปากร้ายคนนี้ เลยเข้ามาเพื่อขอให้ฉันขอโทษผู้หญิงปากร้ายคนนี้ และนั่นคุณก็ได้ถือใช้โอกาสนี่เพื่อเอาชนะใจผู้หญิงคนนี้ แล้วใครที่ไหนกันที่จะเอาเปรียบเพื่อนร่วมงานเก่าแบบนี้? คุณได้ทําเรื่องน่ารังเกียจแบบนี้ลงไป แล้วยังมาโทษฉันที่ไม่ไว้หน้าคุณ? ฉันเองเคยเห็นคนไร้ยางอายมาก็เยอะ แต่ฉันกลับไม่เคยเห็นใครที่มันไร้ยางอายได้ขนาดนี้มาก่อน! และก็ขอบอกตามตรงนะ จริงๆ แล้วฉันก็ไม่ค่อยสนิทอะไรกับคุณ เมื่อก่อนใช่ว่าฉันเคยทำงานส่งอาหารที่แพลตฟอร์มแห่งหนึ่ง และเวลาเจอกัน ..เราก็แค่พยักหน้าให้กันเท่านั้น ดังนั้น อย่าได้มาแสดงความรู้สึกของคุณต่อหน้าฉัน! ไสหัวออกไป!”
เดิมที หลินฟาน ก็ไม่ได้คิดที่จะให้ค่ากับผู้ชายคนนี้ตั้งแต่แรก เพราะนับตั้งแต่วินาทีแรก ..ที่ผู้ชายคนนี้ได้วิ่งเข้ามาหาเขา และแสร้งทำเป็นบังคับต่อหน้าเขา.. เขาก็ไม่คิดเกรงใจอะไรอีกฝ่ายอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินคําพูดเหล่านี้ หยางฮ่าว ก็ได้โกรธจนหน้าเขียวไปหมดแล้ว..
(1)[ใช้ความรู้สึกเอาใจคนต่ำต้อยมาวัดท้องสุภาพบุรุษ (以小人之心,度君子之腹)] - เป็นสำนวนที่ซับซ้อนซึ่งได้มาจากเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ การพาดพิงเกี่ยวกับสำนวนมีให้เห็นครั้งแรกใน ‘左传·昭公二十八年 (จั่วจ้วน : ปีที่ยี่สิบแปดแห่งจักรพรรดิ เจ้ากง)’
สำนวนเดิม “ใช้ความคิดที่คับแคบของคนร้าย เพื่อเดาใจสุภาพบุรุษ” หมายถึง การใช้ความคิดอันน่ารังเกียจมาคาดคะเนจิตใจของคนดี สำนวนนี้มักใช้เป็นภาคแสดง หรือในคุณลักษณะในประโยค มักจะมีความหมายไปในทางเสื่อมเสีย