ตอนที่ 70 ปะทะเดือดเชือดคนปล้นคน
ตอนที่ 70 ปะทะเดือดเชือดคนปล้นคน
เรนก้าวเดินไปด้านหน้าโดยแทรกผ่านไประหว่างตัวรถที่จอดอยู่เต็มถนน ห่างไปด้านหลังมีเบ็นถือปืนด้วยสีหน้าท่าทางที่ตึงเครียดขั้นสุด ส่วนหลินนั้นมาจากทางด้านข้างของถนน
รถเป้าหมายที่ส่งเสียงดังของสัญญาณกันขโมยเป็นรถเก๋งสีบอร์นคันหนึ่งที่จอดอยู่ห่างไป 50 เมตร
เรนและหลินหันมาสบตากัน ก่อนจะตรงไปที่รถทันที
เมื่อไปถึงเรนก็กวาดสายตามองรอบตัว ก่อนจะไม่เห็นใครจึงเดินไปที่รถหวังจะปิดสัญญาณเตือน
เนื่องจากรถมีกุญแจรถเสียบคาไว้อยู่
พอเรนปิดสัญญาณกันขโมยได้แล้วก็รู้สึกแปลกใจที่ว่าสัญญาณนั้นดังขึ้นมาได้อย่างไร
'หรือว่ามันดังขึ้นเอง' เรนกำลังคิดถึงปัญหาในใจ แต่แล้วตอนนั้นรูนิกลางสังหรณ์ก็เตือนเรน ทำให้เขารับรู้ได้ถึงเหตุการณ์อันตรายที่มาจากทางด้านหลัง
ความเจ็บปวดส่งมาที่หัวก่อนจะเกิดขึ้นสามวินาที
เรนรีบเบี่ยงตัวหลบออกไปด้านข้าง ก่อนจะหันไปเห็นว่าด้านหลังของตนมีคนวิ่งตรงเข้ามาหาพร้อมกับมีดดาบยาว 2 ศอกหวังจะฟันเขาให้ตาย
ในมือของเรนปรากฏรูนิกปืนลูกซอง เขาไม่คิดจะปรานีคนที่จ้องจะฆ่าตัวเอง
ปัง!
เรนลั่นไกปืนยิงใส่กลางหน้าอกของชายที่วิ่งเข้ามาโจมตีจนตัวกระเด็นหงายหลังล้มลงแน่นิ่งไป
ทุกอย่างนั้นเกิดขึ้นเร็วมาก แม้แต่หลินที่คิดจะเดินเข้ามาหาเรนยังตกใจไม่แพ้กัน
แต่แล้วเธอก็เห็นคนอีกสามสี่คนที่ลงมาจากฝากระโปรงท้ายรถพร้อมกับมีดและขวาน กับอีกหนึ่งในนั้นที่มีอาวุธปืนยาว 1 กระบอก
คนเหล่านี้แท้ที่จริงพากันแอบที่ท้ายรถจึงทำให้เรนและพวกหาไม่เจอในตอนแรก
"เรนด้านหลัง" หลินร้องเตือน ก่อนจะหันปืนไปยิงใส่คนพวกนั้น
"ฆ่ามัน!" คนที่ถือปืนร้องตะโกน ก่อนจะเล็งยิงไปใส่เรน
ปัง!
เสียงปืนดังขึ้น แต่เรนหาที่หลบอยู่ก่อนแล้ว กำลังจะยิงสวนกลับไปใส่คนที่ยิงมา แต่ว่าตอนนั้นคนที่ถือขวานก็วิ่งมาทางหลังคาของรถและกระโดดใส่เขา
เรนจึงหันเป้ามายิงขาของคนผู้นั้นจนขาขาดและล่วงลงกระแทกพื้น
"อ้า!" มันร้องด้วยความเจ็บปวด
แต่เรนไม่มีเวลาไปสนใจ เพราะอีกฝั่งนั้นยิงกดดันเรนอย่างต่อเนื่อง
เรนมองไปทางเบ็นที่ตอนนี้หาที่หลบอยู่และพยายามโผล่หน้าออกมา แต่ก็โดนยิงใส่จากทางด้านข้างอีกฝั่งด้วยปืนลูกซอง
ปรากฏแล้วไม่ได้มีแค่ 4 คน แต่มีถึง 5 คนและคนสุดท้ายแอบอยู่อีกทาง หวังจะใช้โอกาสนี้ล้อมฆ่าพวกเขา
หลินเองก็เจอปัญหามีคนจะวิ่งมาหวังฟันเธอด้วยดาบ แต่หลินนั้นมีปืนอยู่กับตัวจึงใช้มันยิงใส่โดนไปที่แขน แม้ไม่ตาย แต่ก็สร้างความกลัวให้จนอีกฝ่ายไม่กล้าวิ่งเข้ามา
เรนไม่เงยหน้าขึ้นมา แต่เขากลับก้มลงไปมองลอดผ่านท้องรถเห็นคนที่โดนยิงขาก่อนหน้ากำลังดิ้นด้วยความเจ็บอยู่ไม่ไกล จึงใช้ปืนลูกซองยิงฆ่าทิ้งทันที
ปัง!
เสียงกรีดร้องเงียบหายไป แต่เสียงสบถด่าดังขึ้นมาแทน
"ไอ้เชี้ยมันฆ่าเจคไปแล้ว"
"รีบฆ่ามัน ก่อนที่เราจะตายกันหมด"
ชายถือปืนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง แต่แล้วตอนนั้นก็ทีลูกศรยิงทะลุตาไฟท้ายรถเข้าไปที่ศีรษะที่แนบชิดแอบอยู่ท้ายรถข้างตาไฟท้ายรถพอดี
มันไม่รู้ว่าตายได้ยังไงด้วยซ้ำ แต่ถือว่ามันซวยเองที่เลือกมาปล้นเรน ชายที่ยิงหัวผู้ติดเชื้อแม่นในระยะ 50 เมตรด้วยคันธนู แล้วนับภาษาอะไรกับคนที่แอบห่างไปไม่ถึง 30 เมตร ที่เลือกจะแอบท้ายรถ เพราะขนาดลูกศรที่ยังไม่ยกระดับยังยิงทะลุแผ่นเหล็กตู้เซฟมาแล้ว แค่นี้จึงนับว่าธรรมดามาก
อีกสองคนที่อยู่ใกล้ ๆ ก็มองภาพเหตุการณ์นี้ด้วยความตื่นตกใจและหวาดกลัว โดยเฉพาะเมื่อพวกมันเห็นลูกธนูหายไป
"พลัง พวกมีพลังเศษ" อีกคนกล่าวอย่างตกใจจนหน้าซีด
"ตายซะ!" ส่วนอีกคนมองเห็นโอกาสความปืนมาและยิงใส่เรนที่วิ่งเข้ามาหา
ปัง!
เสียงปืนยิงดังสนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ แต่ว่ากลับไม่สามารถหยุดยั้งเรนได้
"ได้ยังไง" มันอยากจะถามใครสักคน แต่สิ่งที่ตอบกลับมากลับเป็นเรนที่วิ่งหลับและกระโดดขึ้นไปบนหลังคาเพื่อยึดพื้นที่มุมสูง จากนั้นก็วิ่งไปบนหลังคารถอีกคัน
ปัง!
ชายคนนั้นไม่ยอมแพ้ยังคงยิงส่วนหลังมา แต่เรนเบี่ยงตัวหลบได้อย่างน่าเหลือเชื่อ ก่อนจะง้างคันธนูยิงสวนกลับไปเข้ากลางที่หัวจนแรงกระแทกพาศีรษะของมันหงายหลังไปก่อนและตัวจึงกระเด็นตามไป
ตูบ!
เสียงร่างของศัตรูกระแทกใส่รถหัวยังคงมีลูกศรปักคาอยู่กับรถด้วยซ้ำ
"อ๊าก!!!"
เสียงร้องของชายอีกคนดังขึ้นมา ปรากฏว่ามันคิดจะหนีตอนที่เรนมัวแต่จ้องมองศพ แต่ก็โดนหลินที่เข้ามาล็อกจากด้านหลังและใช้ท่ากอดอันทรงพลังรัดจนกระดูกหน้าอกหักทิ่มแทงอวัยวะภายในจนเลือดไหลออกตามปาก จมูก ดวงตาและหูจนตาย
แม้มองภายนอกหลินจะเป็นหญิงสาวอ่อนแอ แต่เธอมีพลังของรูนิดอยู่งู แถมยังชื่นชอบใช้มันอีกด้วย
ตูบ!
หลินปล่อยร่างไร้วิญญาณลง ถึงจะเป็นการฆ่าคน แต่เธอนั้นคุ้นเคยกับความตายมามากจากช่วงเวลาที่ผ่านมา
แน่นอนว่าไม่ยินดีในการฆ่า แต่ถ้าไม่ฆ่าคนพวกนี้ก็จะฆ่าเธอ
เรนหันไปพยักหน้าให้กับเธอ แต่ตอนนั้นก็ทีเสียงร้องเรียกของเบ็นดังขึ้นมา
"มันหนีไปแล้ว"
เรนและหลินนึกขึ้นได้ยังเหลืออีกคน ทั้งสองรีบวิ่งไปรวมกับเบ็น
"มันไปทางไหน" เรนรีบตะโกนถาม
"ไปทางรถพวกเรา" เบ็นรีบตอบกลับไป
ตอนนั้นเสียงรถดังขึ้นมา มันมาจากชายคนที่หนีไปได้ขึ้นไปยังรถเก๋งคันหนึ่ง ก่อนจะสตาร์ทรถและขับมันลงไปข้างทางโดยไม่สนใจว่าจะลงไปตัดหรือไม่
แต่ดูเหมือนโชคและฝีมือจะยังเข้าข้างชายคนนั้นอยู่ ทำให้รถมันขับข้ามข้างทางขึ้นไปยังถนนหลักได้ แต่ยังไม่ทันได้ดีใจ ตอนนั้นเองก็มีคนวิ่งตามมาจากทางด้านหลังและกระโดดขึ้นบนหลังคา
“เชี้ย!!!”
ชายคนนั้นสบถด่าออกมาด้วยความโกรธและตื่นกลัว ใช้ปืนลูกซองตั้งฉากยิงขึ้นไปบนหลังคารถ
ปัง!
เกิดเป็นรูขนาดใหญ่ แต่กลับไม่โดนเรน เพราะเรนนั้นได้หลบออกมาข้างประตูรถ มือหนึ่งจับไปบนหลังคาจนเป็นรอยยุบแน่น ส่วนอีกมือได้ต่อยเข้าไปที่กระจกกระแทกเข้ากับศีรษะของคนขับ
เพล้ง!
แรงจากหมัดส่งผลให้มันสลบคาพวงมาลัย รถเริ่มเสียหลักเรนที่เกาะรถอยู่รีบกระโจนตัวหนีออกมา ก่อนรถจะชนเข้ากับต้นไม้เสียงดังตูม!...สนั่นไปทั่วทั้งบริเวณ
เรนลุกขึ้นยืนด้วยสภาพเปื้อนดิน แต่เขาไม่สนใจรีบเดินเข้าไปดูชายในรถ ก่อนจะเห็นว่ามันยังไม่ตาย แต่สภาพก็บางเจ็บสาหัส
“ได้โปรดอย่าฆ่าฉัน...พวกเรามีกองกำลัง ถ้าฆ่าฉันพวกเขาจะมาฆ่าแก...ไม่ ๆ อย่า!”
มันพยายามพูดขอร้องอ้อนวอนและใช้เบื้องหลังมาข่มขู่ แต่เรนไม่ได้มีความคิดที่จะปล่อยไป โดยเฉพาะเมื่อรู้ว่าอีกฝ่านั้นมีกองกำลังยิ่งต้องฆ่า เพราะถ้าปล่อยไปมันคงไปตามคนมาอีก
เรนใช้มีดสั้นแทงซ้ำเข้าไปที่หัวใจของมันจนขาดใจตาย จากนั้นก็แทงไปที่ศีรษะซ้ำอีกครั้งกันมันกลายร่าง ก่อนจะดึงมีดออกมาเช็ดเลือดที่ใบมีดกับศพและเก็บเข้าซองข้างเอวไปเหมือนเช่นเดิม
“เรนเป็นยังไงบ้าง” หลินร้องตะโกนเรียกด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นอะไรแล้ว” เรนกล่าวเอื้อมมือไปหยิบปืนลูกซองที่ยังไม่พังด้านในรถมา เพราะทิ้งไว้ที่นี่ก็เสียของเปล่า
หลินพยักหน้ารับรู้ เธอยังเอาปืนยาวติดลำกล้องของโจรอีกคนที่โดนฆ่าตายไปก่อนหน้านั้นมาด้วย
เรนและหลินวิ่งกลับไปหาเบ็น แต่เบ็นในตอนนี้กำลังมีสีหน้าตึงเครียดจ้องมองไปยังทิศทางอีกฝากฝั่งของถนนที่เป็นแนวป่าทางด้านนั้น
“พวกเรา...ควรจะรีบไปจากที่นี่ พวกมันออกมาจากป่าเต็มไปหมดเลย” เบ็นรีบวิ่งมาบอกกับเรนและหลิน
ทั้งสองหันไปมองก็เห็นฝูงผู้ติดเชื้ออย่างน้อยก็เป็นพัน ๆ ตัวกำลังเดินมายังทิศทางของถนน ซึ่งกลิ่นคาวเลือดจากศพได้ดึงดูดพวกมันมายังที่นี่
“ไป”
เรนไม่รีรอพากันขึ้นรถขับออกไปทันที รถมอเตอร์ไซต์ทัวริ่ง 1 คนรถกระบะอีกหนึ่งและรถหุ้มเกราะอีกหนึ่งขับออกจากถนนที่เต็มไปด้วยสุสานรถจอดเรียงรายกัน
ผู้ติดเชื้อเข้ามาที่ถนน ก่อนจะตรงไปยังศพที่นอนตายอยู่ แต่ในตอนนั้นก็มีบางสิ่งกระโจนออกมาจากฝูงผู้ติดเชื้อ มันคือระยะสอง ศพกินคน
ผิวหนังเน่าเปื่อยจนหลุดออกไปทั้งหมด สภาพมีแต่กล้ามเนื้อและเมือกจากน้ำเหลืองที่ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วทั้งบริเวณ บริเวณเบ้าตาไม่มีนัยน์ตา เพราะมันเน่าไปหมดแล้ว แต่ถึงไม่มีดวงตาก็ยังเหลือประสาทสัมผัสสองอย่างคือ การดมกลิ่นและการฟังในการล่า
ทำให้จมูกของมันฉีกขึ้นไปจนติดกระดูกเพื่อสูดดมรับกลิ่นได้มากขึ้น ส่วนหูจะมีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่ามนุษย์ปกติ เป็นพวกที่ไวต่อกลิ่นเลือด ดินปืน น้ำมันและเสียงมาก ๆ
แถมยังมีพละกำลังมากขึ้นกว่าผู้ติดเชื้อผิวลอกเสียอีก
นอกจากนั้นก็มีกรงเล็บยาวกว่า 13 นิ้วทั้งมือและเท้าที่ปากพวกมันสามารถพ่นน้ำลายที่เหนียวเหมือนกาวออกมาได้
มันกระโดดข้ามไปมาบนรถราวกับสัตว์ป่า ก่อนจะยืนขึ้นสองขาและกระโดดลงไปที่ศพคนตายโดยใช้จมูกระบุตำแหน่งและกัดกินศพอย่างบ้างคลั่งทันที
ผู้ติดเชื้อที่มาถึงพยายามเข้าไปแย่ง แต่ก็โดนมันใช้กรงเล็บสังหารตายไปหลายตัว ก่อนจะลากศพไปกินที่อื่น ผู้ติดเชื้อตัวอื่น ๆ ทำได้เพียงแต่เข้าไปเลียเลือดตามพื้นเอาเท่านั้น
ซึ่งไม่ได้มีศพกินคนเพียงตัวเดียว แต่มันมีมากกว่า 10 ตัว
ศพคนตายเพียง 5 ไม่พอตอบสนองพวกมัน หลังจากกินหมดแล้วบางส่วนก็กระจายกันไป บางส่วนก็ยังยืนอยู่แถวนี้ แต่พวกระยะ 2 นั้นกลับใช้จมูกสูดดมในอากาศและวิ่งไปตามถนน