ตอนที่ 1112 วันนี้ข้าตื่นด้วยตัวเอง
ก่อนเข้าโลกคัมภีร์
เย่ว์หยางกรนสนั่นหลังจากที่คุณชายหมิงจูรู้สึกง่วงและลอบกลับไปที่ห้อง
เขากลับมาคราวนี้ไม่ได้ถูกสาวๆโจมตีตอนกลางคืนอย่างที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคิด ตรงกันข้ามเขานั่งคิดอยู่ข้างๆเสวี่ยอู๋เสียอย่างสงบทั้งคืน ตั้งแต่สู้กับเทพปีศาจเสวี่ยอู๋เสียส่งพลังจิตช่วยเขา นางตกอยู่ในสภาพหลับสับสนอีกครั้ง ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางนางไม่อยากเชื่อเลยว่านางจะสามารถฟันฝ่าอุปสรรคออกมาได้ สถานการณ์ของเสวี่ยอู๋เสียก้าวหน้าเมื่อเทียบกับครั้งก่อน
แม้ว่าเย่ว์หยางจะเรียกนางทางจิตวิญญาณแต่นางไม่อาจตื่นจากสภาพหลับใหลได้ แต่อย่างน้อยนางมีความรู้สึกอย่างหนึ่งแน่นอน
บางทีไม่ค่อยชัด
แต่ไม่สำคัญ
ตราบเท่าที่นางรู้ว่าเขากำลังเรียกนาง
เขาจับมือนางเบาๆและเรียกนางผ่านจิตวิญญาณ บอกนาง
นางผู้ไม่สามารถพักได้ยังไม่มีการสนองตอบ ใบหน้าน้อยๆยังคงสงบเหมือนหลับอยู่ แม้แต่ขนตานางก็ไม่กระตุก แต่เย่ว์หยางรู้ว่าจากส่วนลึกของวิญญาณนาง นางสามารถได้ยินเสียงของเขา ได้ยินเสียงเรียกนาง นางจะต้องกลับมาอยู่กับเขาให้เร็วเท่าที่เป็นไปได้
“สาวหิมะ..กลับมาเร็วๆ เถอะ! ข้าไม่อาจอยู่ได้โดยไม่มีเจ้าอยู่เคียงข้าง หัวใจข้าเหมือนสลายไม่มีอะไรเติมเต็มในใจได้ กลับมาเร็วๆ ได้ไหม ข้ารอเจ้ามานานแล้วไม่เพียงแต่ข้าเท่านั้นหรอกนะ แม้แต่แม่เสือสาว นางไม่อาจอยู่โดยไม่มีเจ้าได้ นางไม่มีคู่แข่งพอไม่มีคู่แข่งคอยกดดันนางทุกด้าน นางจึงไม่มีแรงจูงใจที่จะทำอะไรและรู้สึกเบื่อหน่ายทำให้การฝึกฝนชะงักจากแต่เดิม นอกจากนี้ยังมีโล่วฮัว อี้หนานอู๋เหินและพี่หวี่ ทุกคนกำลังรอเจ้า เจ้าไม่ควรหลับอย่างนี้อีกต่อไป เจ้าไม่ควรง่วงเป็นหมู เจ้าเป็นคู่หมั้นที่แข็งแกร่งทรงพลังที่สุดของข้า ถ้าเจ้าไม่มีชีวิตอยู่ใกล้ๆ ข้าข้าคงทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้ ข้าไม่คิดเลยว่าจะเป็นแบบนี้มาก่อน แต่ตั้งแต่เจ้าหลับไป ข้าพบว่าพอไม่มีเจ้าทำอะไรก็ติดขัดไปหมด อู๋เสีย เจ้าได้ยินไหม? ข้าคิดถึงเจ้า ข้าคิดถึงเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องกลับมาเร็วๆ...” เย่ว์หยางไม่เคยอ่อนโยนขนาดนี้มาก่อน องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแอบมองภาพนี้อยู่ห่างๆแม้แต่สตรีที่เข้มแข็งอย่างนางยังอดหลั่งน้ำตาไม่ได้
ผ่านไปหนึ่งคืน
เย่ว์หยางโน้มตัวจูบหน้าผากเสวี่ยอู๋เสียเบาๆและกลับออกมา
ที่โลกภายนอกการแข่งขันประเมินคะแนนนักเรียนจะดำเนินต่อไป แม้ว่าจีอู๋ลี่และคนอื่นๆ จะทำสัญญากับเทพปีศาจ แต่หลานฟง ว่านหมอและคนอื่นๆก็มีไพ่ไม้ตาย แม้แต่มดแมลงอย่างจินฉีก็ยังได้พลังจากร่างอวตารเทพปีศาจ
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางยังคงไม่กลัว
เทพปีศาจไม่สามารถข่มเขาได้เช่นกัน เขาไม่มีทางถูกร่างอวตารของเทพปีศาจข่มขวัญแน่ เพราะเขาเป็นคนเดียวที่ข้ามโลกอื่นมาสู่โลกนี้ เขาคือเย่ว์หยางเย่ว์ไตตันที่ไม่มีทางถูกฆ่าได้ง่ายๆด้วยการส่งเสริมสนับสนุนของสหายและญาติพี่น้องนับไม่ถ้วน ด้วยพลังปณิธานปราณราชันย์ที่สมบูรณ์ด้วยปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ ปราณก่อกำเนิดที่สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของเขาได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เขาคือนักสู้ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์เป็นอัจฉริยะที่ผิดธรรมดามีทักษะแฝงเร้นไม่มีใครเทียบ มีอสูรอมตะเป็นอสูรพิทักษ์และยังมีโชคชะตาที่แข็งแกร่ง คุณชายจากตระกูลเย่ว์ เผชิญหน้ากับศัตรูยังต้องกลัวอะไรอีกเล่า?
คำตอบคือ ไม่มีอย่างแน่นอน
แม้ว่าเย่ว์หยางจะไม่ได้มีสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดแต่ในฐานะเด็กหนุ่มข้ามมิติ เขาเป็นบุรุษที่ไม่มีทางยอมแพ้..
ผลประโยชน์ยิ่งใหญ่ที่นักพรตเฒ่าให้เขาไม่ใช่ของวิเศษแต่เป็นโอกาสเปลี่ยนเย่ว์หยางจากเด็กที่เอาแต่เก็บตัวอยู่ในโลกส่วนตัวที่น่าตายเตะโด่งเขาเป็นพันๆ ไมล์ลอยขึ้นสู่สวรรค์ มองเห็นสรรพสิ่งและสรรพชีวิต
“อรุณสวัสดิ์” เย่ว์หวี่เห็นเย่ว์หยางออกมา นางยิ้มทักทายดูงดงามยิ่งกว่าอาทิตย์อุทัย
“รอฟังข่าวดีจากข้า!” เย่ว์หยางยังคงยิ้มเขาทักทายเย่ว์หวี่และเดินเข้าไปหากอดนางอย่างสุภาพ ในสายตานางแสดงความอึดอัดอยู่บ้างแต่นางยกกำปั้นขึ้นแสดงความมั่นใจและมุ่งมั่น
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้ออกมา
นางจงใจหลบเลี่ยงเขา
เมื่อรู้ว่าเขาต้องการกำลังใจในตอนนี้นางกลับไม่ต้องการออกมา
เพราะนางกลัวว่าเมื่อนางก้าวออกไปนางจะกอดเขาไว้แน่นไม่ต้องการแยกจากเขา... การเผชิญหน้ากับศัตรูอย่างเทพปีศาจองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเกลียดที่ว่านางไม่มีความแข็งแกร่งมากพอออกไปช่วยเขาในหุบเขามนุษย์ที่ยากลำบากนี้ ในเมื่อนางไม่สามารถช่วยเขาได้ องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ต้องการแสดงความกลัว นางกลัวว่าเขาจะกังวลและนางไม่ต้องการเห็นเขาอ่อนแอ
หลังจากเย่ว์หยางออกไปองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเดินมาที่เตียงของเสวี่ยอู๋เสีย
นางจับมืออ่อนนุ่มของเสวี่ยอู๋เสียเหมือนอย่างเย่ว์หยางและเรียกอดีตคู่แข่งนางอย่างอ่อนโยน“ข้าจะไม่ทะเลาะกับเจ้าแล้ว เจ้ากลับมาเถอะ! ถ้าเจ้าอยู่เคียงข้างเขา บางทีเจ้าคงมีวิธีช่วยเขา ข้าเป็นรองเจ้าจริงๆในเรื่องนี้ อย่างไรก็ตามเจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ ข้าจวินหยวนไม่ได้เป็นรองเจ้าแน่นอนไม่ว่าเจ้าจะเหนือข้ามากแค่ไหนก็ตามข้าจะตามเจ้าให้ทันให้ได้ เขาบอกว่า เขาไม่อาจมีชีวิตโดยไม่มีเจ้าแต่ข้างเขาต้องมีตำแหน่งของข้า ข้าก็เป็นคนที่เขาขาดไม่ได้เช่นกัน กลับมาเถอะเฉพาะสติปัญญาของเจ้าหรอกที่เป็นคู่แข่งของข้า บางทีเจ้าอาจไม่รู้ว่าข้าก้าวหน้าไปมากแล้ว หากไม่ใช่เพราะเจ้าโชคดีได้หลอมรวมกับประกายเทพ เจ้าอาจทิ้งห่างข้าออกไปแล้ว อย่าเพิ่งเชื่อมั่นเกินไป หากเจ้าต้องการพิสูจน์ว่าเจ้ายอดเยี่ยมอย่างนั้นจงตื่นขึ้นมาแข่งกับข้า” ในตอนท้ายองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนถอนหายใจ “อืม... ข้าต้องยอมรับว่าข้าอิจฉาเจ้า เจ้าไม่เคยรู้หรอกว่าผู้ชายคนนั้นไม่เคยอ่อนโยนกับข้า เขาชอบแกล้งข้า แต่เขาดีกับเจ้า”
ร่างของเสวี่ยอู๋เสียดูเหมือนแผ่รัศมีออกมาแผ่วอ่อนจางมาก
ดูเหมือนว่านางจะตอบสนองต่อคำพูดขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจ้องมองอย่างตั้งใจ
หลังจากแสงหายไปนาน
ก็ไม่มีร่องรอยเพิ่มขึ้นอีก
เมื่อเห็นปฏิกิริยาพิเศษเช่นนั้นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแทบสงสัยว่าเป็นภาพลวงตาหรือไม่ ในที่สุดนางยิ้มและจับมือน้อยของเสวี่ยอู๋เสียก้มลงจูบหน้าผากเสวี่ยอู๋เสียตำแหน่งเดียวกับที่เย่ว์หยางจูบนางพูดเบาๆ “เขาจูบเจ้า และข้าก็จูบด้วยก็หมายความว่าเขาจูบข้าทางอ้อม เพื่อที่ว่าพวกเราทุกคนจะได้มีหัวใจที่สมดุลกัน!”
หลังจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนจากไปร่างของเสวี่ยอู๋เสียดูเหมือนมีรัศมีเลือนรางที่แทบมองไม่เห็น
แต่ว่าเลือนรางมากและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่กำลังก้าวออกไปอย่างอารมณ์ดีไม่ได้ตระหนักรู้
ข้างนอกห้องเย่ว์หวี่ยิ้มมองดูองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
และไม่ได้พูด
แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้ว่านางกำลังหยอกล้อตัวเอง นางถึงกับอายมากก้มหน้า “อย่ามอง ข้าไม่ได้หึงข้าไม่ได้แข่งขันกับสาวหิมะเพื่อให้ได้รับความโปรดปราน ใครให้น้องชายเจ้าทำตัวประหลาด
เย่ว์หวี่กางแขนขาวเหมือนรากบัวและกอดองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเบาๆ “เขากอดข้า ข้าจะกอดเจ้าเผื่อเขาด้วยจะได้สมดุลกัน”
“เจ้าก็หยอกล้อข้า ใช่แล้วต้องโทษเจ้าผู้นั้น...”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกอึดอัดอายนางขยี้เท้าและแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะจับตัวร้ายนั่นมาระบายอารมณ์ นางจะต้องกัดเขาแรงๆ ให้เลือดออกไม่อย่างนั้นนางจะไม่สามารถยกโทษให้เขาได้เลย
เจ้าโจรขโมยหัวใจ!
ช่างเป็นขโมยที่นางไม่อาจยกโทษให้ได้ตลอดชีวิต
คุณชายหมิงจูอารมณ์ค่อนข้างคล้ายกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
ตอนนี้คุณชายหมิงจูคว้าคอเสื้อของเย่ว์หยางยื่นหน้าเข้ามาใกล้ คุณชายหมิงจูโกรธแทบคลั่งเหมือนกับว่าพร้อมจะอ้าปากกัดเย่ว์หยางได้ทุกเมื่อ สีหน้าของเย่ว์หยางกลัวเล็กน้อยแต่แม้แต่คนตาบอดก็มองออกว่าเขาแกล้งทำ เขายังคงยิ้มได้หน้าตาเฉย
“เจ้ามีกลิ่นสตรีคนหนึ่งบนร่างกายกล้ามากนักนะ ทำไมเจ้าแอบย่องไปในขณะข้าหลับ?” คุณชายหมิงจูไม่เคยเห็นขโมยที่หยิ่งอย่างนั้นทำผิดอย่างเห็นได้ชัดแต่ยังกล้ายิ้มโง่ๆ อีกหรือ? นี่คันเนื้อคันตัวจนไม่คิดออกไปสู้ใช่ไหม?
“เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว!” เย่ว์หยางเมื่อเห็นค้อนใหญ่ถืออยู่ในมือคุณชาย เขารีบอธิบาย “นี่คือกลิ่นพี่สาวข้า!”
“หือ?” ค้อนยักษ์ในมือของคุณชายหมิงจูหายไปทันทีและปล่อยมือที่คว้าคอเสื้อเขา “โอว... เป็นความเข้าใจผิด ทำไมเจ้าไม่พูดให้เร็วกว่านี้!”
“ก็เจ้าไม่ให้โอกาสข้าอธิบาย...” ตอนนี้เย่ว์หยางถือโอกาสบ่นบ้าง
“เมื่อวานนี้ข้านอนหลับไม่เต็มที่เจ้าก็ควรรู้ คนที่ไม่ได้หลับเสมอก็มักลุกจากเตียงได้เสมอ! สภาพอากาศวันนี้ไม่เลว ไตตันเจ้าเต็มไปด้วยพลังงานแสดงว่าวันนี้เจ้าพักผ่อนมาเต็มที่!” คุณชายหมิงจูทำเป็นเปลี่ยนหัวข้อและยกย่องเย่ว์หยางทันที
“แน่นอนว่าวันนี้ข้าตื่นขึ้นมาด้วยตัวเอง!” เย่ว์หยางรับสมอ้างอย่างไม่รู้สึกละอาย
“อ๋า ใช่เหรอ? ฮะฮะ” คุณชายหมิงจูไม่รู้จะพูดตอบโต้อะไรกับคนแบบนี้
“วันนี้ข้าก็อย่างหล่อตื่นได้ด้วยตัวเอง...” ฉีมู่รู้สึกว่าเหมือนถูกบังคับให้ต้องสรรเสริญตัวเองเพราะตอนนี้เขาพบว่าเมื่อเทียบเย่ว์หยางแล้ว เขาถ่อมตัวมากเกินไป ก่อนนั้นความสุภาพมากเกินไปก็คือความหน้าซื่อใจคดฉีมู่ตั้งใจว่าแต่นี้ไปเขาจะต้องเจ้าเล่ห์ขึ้นบ้าง
“ไปไกลๆ เลย!” เย่ว์หยางเตะเจ้าผู้นี้ร่วงไปกับพื้นและกระซิบถามว่าเข้ามาทำอะไรที่นี่?
“ถ้าเจ้าไม่ยืนยันอย่างสนิทใจว่าเราดยุคผู้นี้หล่อ ข้า ข้าจะไม่จากไป!” ฉีมู่รู้สึกกลัวอยู่ในใจเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นเย่ว์หยางหรือคุณชายหมิงจูไม่มีใครกล้าตอแยเขา อย่างไรก็ตามเนื่องจากหากเขาถูกทุบตีไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ดังนั้นเขาจะต้องประเมินตนเองในระดับสูง มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะสู้
“เจ้า...” เย่ว์หยางโดนก่อกวนตรงๆเช่นนี้ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ หล่อเหลาสง่างามนี่เขาไม่ส่องกระจกดูตัวเองหรือ
“หล่อเหรอ หล่อตายน่ะสิ” คุณชายหมิงจูโกรธเตรียมใช้ค้อนทองยักษ์หวดทันทีฉีมู่หวาดกลัวแทบตายรีบเผ่นทันที แต่คาดไม่ถึงว่าคุณชายหมิงจูกระโดดถีบเขาจนตัวลอยกระเด็น
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
คุณชายฉีมู่กลับไปที่หอพักนักเรียนและเคาะประตูเรียกฮ็อกด้วยความมั่นใจ
หน้าเขาบวมปูดปากเจ่อผมฟูกระจายแต่ก็ยังทำท่าภูมิใจ เอ่ยปาก “ต้องหล่อขนาดไหน? แม้ว่าข้าจะหล่อพอแล้ว แต่ข้าพบว่าข้าหล่อขึ้นทุกวันที่ลุกขึ้นจากเตียง!”
ฮ็อกทำตาโตยิ่งกว่าตาวัวสองมือปิดปากตะโกนร้องด้วยความตกใจ “ผีหลอก!”