ตอนที่ 1108 สิ่งที่ต้องทำก่อน
ความอยากรู้อยากเห็นฆ่าแมวได้
เป่าเอ๋อจ้องมองอายๆพิสูจน์ได้ว่าสาวน้อยเอลฟ์ผู้ร่าเริงกำลังจะโตเป็นสาวเริ่มสนใจอยากรู้เรื่องเพศตรงข้าม ไม่น่าแปลกใจถ้าเป็นเด็กผู้หญิงโง่ๆคนหนึ่ง ถ้าไม่รู้จักเติบโตจริงๆ คนอื่นก็คงปวดหัว
แต่ว่าถ้ามองต่อไปไม่เห็นมีอะไรเสียหาย
ทุกคนแกล้งทำเป็นไม่รู้
และยิ่งกว่านั้นราชินีเอลฟ์ตกลงให้เป่าเอ๋อติดตามทุกคนมาหาประสบการณ์เติบโตไปด้วยกัน ใช้ชีวิตด้วยกัน ไว้วางใจกันไม่ใช่หรือ?
มองอย่างผิวเผินแม้ว่าเป่าเอ๋อเหมือนอยู่ผิดที่กับเย่ว์หยาง แต่เหมือนว่านางไม่ค่อยพบเขาบ่อยเขาต้องสู้ ต้องใช้พลังปราณสู้ นางไม่ชัดเจนนักในเรื่องความรัก ทุกๆวันนางเป็นสาวน้อยที่ร่าเริงเต็มไปด้วยชีวิตชีวาเพราะเขาอยู่ใกล้คอยหยอกล้อนางทุกวัน
ถ้าเย่ว์หยางไม่กลับโลกคัมภีร์สักสามวันสาวน้อยเอลฟ์จะรู้สึกห่อเหี่ยวและไม่ทำอะไรเลย
กล่าวอีกอย่างหนึ่งนางสนุกสนานกับชีวิตก็เพราะมีเขา
ถ้าไม่มีเย่ว์หยาง
ทุกคนแน่ใจว่าชีวิตของสาวน้อยเอลฟ์คงไม่มีชีวิตชีวาเหมือนอย่างตอนนี้ไม่มีความสุข และเป็นไปไม่ได้ที่จะหัวเราะร่าเริงเหมือนระฆังตลอดทั้งวัน
ปกติไม่มีโอกาสแอบดูใช่แล้ว วันนี้สถานการณ์เป็นใจเป็นพิเศษ หลังจากเป่าเอ๋อเห็นสิ่งเลวร้ายใกล้ๆ อนาคตถ้านางยังไม่อยากรู้อยากเห็นทุกคนคงจะสงสัยว่านางเป็นปกติหรือไม่ เรื่องของเป่าเอ๋อทำให้ทุกคนหัวเราะไม่มีใครใส่ใจกับอุบัติเหตุเล็กน้อยนี้
สองชั่วโมงต่อมา
พวกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกลับมาเจอเย่ว์หยางอีก
พวกนางทุกคนรู้ว่าเย่ว์หยางกับนางเซียนหงส์ฟ้าทำอะไรกันในบ้านนี้ในระหว่างสองชั่วโมงที่ผ่านมานี้
เมื่อเห็นใบหน้าทรงเสน่ห์ของนางเซียนหงส์ฟ้ามีน้ำมีนวลสดใส ร่างกายที่ดูอ่อนโยนและอ่อนแอไม่รู้ว่าผ่านศึกหนักมาได้อย่างไร”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแค่นเสียงโดยไม่ตั้งใจนางพยายามระงับความโกรธ เย่ว์หวี่ทำตัวเหมือนนกกระจอกเทศ (เอาหัวมุดทรายหนีปัญหา)พยายามไม่คิดถึงเรื่องนั้น หลังจากเห็นนางเซียนหงส์ฟ้ามีความสุขพอใจและอารมณ์คร้านอย่างเห็นได้ชัด นางได้แต่เตือนย้ำตัวเองว่านั่นคือความไม่ลงรอยกันชั่วคราวหลังจากนางเซียนหงส์ฟ้าเลื่อนระดับเป็นนักสู้ปราณราชันย์ระดับแปดหลังจากยังปรับตัวไม่ได้ชั่วคราวนางไม่อยากคิดเรื่องนี้ ลึกๆ แล้วนางกลัวคนอื่นจะรู้ความคิดของนางเอง..อู๋เหินก็ใจใหญ่เหลือเกิน นางรู้ว่าจักรพรรดินีเทียนฟาได้รับพรเหนือทุกคนหลังจากเลื่อนชั้นสามระดับรวดคงไม่ยอมให้ใครเฉียดอยู่ใกล้ๆ แน่นอนส่วนเย่ว์หยางนอนกอดนางเซียนหงส์ฟ้าและยิ้มเล็กน้อย
แม้ว่าโล่วฮัวจะแอบค้อนแค่นเสียงแต่นางก็แอบหรี่ตาให้เย่ว์หยาง
รหัสกายนี้เป็นที่รู้กันสองคน
สาวน้อยอี้หนานว่าง่ายที่สุดเมื่อนางเห็นเขากวักมือเรียก นางเข้าไปนั่งข้างๆ เขาอย่างว่าง่าย
แม้ว่าเย่ว์หยางจะถือโอกาสแตะสะโพกนางอย่างรวดเร็วขณะนางนั่งปรากฏว่านางหน้าแดงด้วยความอายและเตือนเขาว่าอย่าทำเหลวไหลต่อหน้าทุกคนคิดไม่ถึงว่านางน่ารัก ขนาดโกรธก็ยังดูมีเสน่ห์
“ด้วยสมบัติอมตะนี้ทำให้เราได้รับมรดกพลังแสงเทพ ถ้าเราพยายามให้หนักขึ้นและใช้เลือดเทพโบราณสามหยดจักรพรรดินีเทียนฟาอาจบรรลุถึงระดับเทพได้ภายในหนึ่งปีก็ได้” เย่ว์หยางเห็นเย่ว์หวี่เดินเข้ามาส่วนเป่าเอ๋อและเย่ว์ปิงมองดูอยู่ที่หน้าประตูเขาจึงรีบวางตัวเป็นพี่ชายที่ดีพูดคุยเรื่องราวจริงจังมากขึ้น
“แม้ว่าจะจริงแต่เจ้าเอาชนะเทพปีศาจได้หรือ?” จุ้ยมาวอี้ยังคงสงสัย
ทุกคนได้รับประโยชน์ก้าวหน้าโดยรวม
นางเซียนหงส์ฟ้ามีพลังเพิ่มขึ้นถึงสามระดับเป็นนักสู้ปราณราชันย์ระดับแปดโดยตรง
แต่นางสามารถเอาชนะเทพปีศาจนี้ได้ไหม? อย่าว่าแต่นางเซียนหงส์ฟ้ายังไม่เข้าถึงขอบเขตระดับเทพ ต่อให้นางเลื่อนเป็นระดับเทพก็ต้องอีกหนึ่งปีให้หลัง ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกับเทพปีศาจ
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตอบ “ถ้าเทียนฟายังไม่พอ ก็ยังมีเสวี่ยอู๋เสีย อย่างไรก็ตาม ข้าไม่เห็นด้วยกับการใช้เลือดเทพสามหยดกับเทียนฟา ข้าคิดว่าเราควรจะคิดหาทางให้อสูรพิทักษ์ของเย่ว์หยางได้บรรลุ อย่างเช่นเสี่ยวเหวินหลีเจี้ยงอิงและตั่วตั่ว พวกนางทุกคนมีศักยภาพพอ การเลื่อนเป็นระดับเทพภายในหนึ่งปีตราบใดที่เราใช้เลือดเทพโบราณทั้งสามหยดกับพวกนาง บางทีอาจไม่ใช่แค่เทียนฟาและเสวี่ยอู๋เสียเท่านั้นที่ช่วยต้านทานเทพปีศาจแต่ยังมีเสี่ยวหวินหลี”
เสี่ยวเหวินหลีพูดไม่ออก
แต่สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงรีบลุกขึ้นยืนชูมือขาวผ่องดุจหยกทันที “เราเหล่าอสูรพิทักษ์ทั้งหมดถูกกฎสวรรค์ห้ามเอาไว้ ต่อให้ถึงระดับเทพก็ไม่สามารถเข้าไปฝึกในหุบเขามนุษย์ได้ ดังนั้นเลือดเทพโบราณใช้กับจักรพรรดินีเทียนฟานั้นเหมาะสมแล้ว”
“ถ้าพวกเจ้าเข้าถึงระดับเทพได้ เจ้าก็จะมีพลังกฎสวรรค์ที่ไม่เหมือนใครเจ้าน่าจะสามารถหลุดพ้นจากกฎสวรรค์ได้” โล่วฮัวพยักหน้าเห็นด้วยกับแผนขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
“หือ?แล้วตั่วตั่วเล่า?” สาวขี้เมาจู่ๆ ก็พบว่านางไม่เห็นตั่วตั่วนานแล้ว
“นางกำลังฝึกอยู่ภายในคัมภีร์เทพความก้าวหน้าไปสู่ระดับเทพของนางไม่จำเป็นต้องพึ่งเลือดเทพโบราณ นางจะสามารถเลื่อนเป็นระดับเทพได้” เจี้ยงอิงกำลังพูดเกี่ยวกับสถานการณ์ในเขตคัมภีร์เทพตั่วตั่วและเสี่ยวเหวินหลีรวมทั้งสาวมังกรไร้เขามีศักยภาพดีที่สุด และนี่คือสิ่งที่สาวกิเลนปิงหยินชี้เอาไว้ขณะที่นางเอาแต่นอนอย่างใจเย็น เสี่ยวเหวินหลีมักออกมาปกป้องเย่ว์หยางบ่อยๆและแนวฝึกฝนในปัจจุบันไม่จำเป็นต้องฝึกมากเกินไป ตราบเท่าที่มีการรู้แจ้งต่อเนื่องมีแต่ตั่วตั่วที่คร่ำเคร่งฝึกอยู่ในโลกคัมภีร์เทพ
“ตั่วตั่วนั้นมักลำบากอยู่เสมอครั้งล่าสุดที่พบกับจ้าวสุริยา นางไม่มีโอกาสได้แสดงฝีมือ ครั้งนี้ในหุบเขามนุษย์เทพปีศาจจะต้องทุ่มเทกำลังแน่นอน” เย่ว์หยางรู้ว่าตั่วตั่วถูกน้องชายนางฝึกอย่างหนัก ตอนนี้นางจะไม่เป็นแค่เพียงนางพญาดอกหนามมงกุฎทองเท่านั้น นางจะเป็นเทพธิดาบุปผาที่มีความก้าวหน้าตลอดไป
“น่าเสียดายที่ตารางการฝึกฝนของเราแน่นเกินไป มิฉะนั้นเทพปีศาจจะไม่มีอะไรน่ากลัว!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเสียใจที่ยังแข็งแกร่งไม่พอช่วยเย่ว์หยาง
“เทพปีศาจเป็นแค่ด่านแรกยังมีขุนเขาเหนือขุนเขา จากหุบเขาโลกธาตุ และฟ้าเหนือฟ้าจากหุบเขาสวรรค์” เย่ว์หยางยิ้ม
แม่เสือสาวกลัวว่าจะไม่ได้สู้หรือ?
ล้อเล่น
สตรีชุดขาวสามนางพูดบางอย่างพวกนางตั้งข้อสังเกตว่าเทพปีศาจยังเป็นตัวละครเล็กๆเป็นเรื่องง่ายที่จะผ่านด่านได้หรือไม่? คัมภีร์เทพไม่ได้รับมาง่ายๆ แน่อน มิฉะนั้นเป็นเวลาหลายพันปีทำไมมีคนมากมาย แต่ไม่มีใครได้รับคัมภีร์เทพเลย? บางครั้งเย่ว์หยางสงสัยจริงๆว่า การเข้ามาในมิติดินแดนฝึกฝนไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ซึ่งมีกฎสวรรค์นั้นอยู่ในพื้นที่คัมภีร์เทพหรือไม่? อย่างแรกคือหุบเขา นั่นเท่ากับทำหน้าที่หน้าหนึ่งของคัมภีร์เทพ ไม่ว่าจะเป็นการผ่านสิบด่านและเสร็จสิ้นการทดสอบการผ่านด่าน เทียบเท่ากับการอ่านกฎสวรรค์ทั้งหมดและได้รับคัมภีร์เทพในที่สุดหรือไม่?
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงความสงสัยของเขา
ส่วนความจริงคืออะไรเป็นไปได้ว่าเย่ว์หยางยังไม่อาจทำความเข้าใจในตอนนี้ได้
ถ้าพื้นที่มิติในโลกคัมภีร์สิบมีขนาดเท่าหุบเขาทั้งสิบอย่างนั้นการได้รับคัมภีร์เทพ ก็เท่ากับควบคุมชีวิตได้ถึงสิบระดับ แค่รอฝึกฝนให้เชี่ยวชาญถึงสิบด่านผ่านความเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายได้ อย่างนั้นก็จะได้เป็นเทพที่ทรงพลัง!
“นอกจากนี้ยังมีวิธีอื่นอีกไหม?” เย่ว์หวี่มองดูแพนดอร่าที่หลอมรวมกับสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์หวังว่าอดีตเทพธิดาแห่งโชคร้ายจะมีคำแนะนำดีๆ
“เพราะได้รู้แจ้งจากการอาบแสงศักดิ์สิทธิ์ ข้าคิดว่ามีความเป็นไปได้”แพนดอราดูเหมือนจะมีวิธีหนึ่ง
“จริงหรือ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ยินแล้วรู้สึกประหลาดใจ
“เรื่องนี้ต้องย้อนกลับไปหัวข้อก่อนนั้นที่ว่าเราจะสร้างเทพกัน” ทุกคนอึ้งนิ่งเงียบรวมทั้งเย่ว์หยาง ก็รู้สึกสับสนเช่นกัน
“ก่อนนั้นเจ้าเคยบอกว่าการสร้างเทพไม่เพียงแต่เป็นไปไม่ได้แต่ยังได้รับผลสะท้อนกลับไม่ใช่หรือ?” อี้หนานถาม
“การสร้างโดยตรงย่อมใช้ไม่ได้แน่นอน ข้าไม่ได้พูดถึงเรื่องการสร้างก่อนหน้านั้น แต่ยังมีอีกวิธีหนึ่ง ความจริงเป็นเพราะข้าได้รับการรู้แจ้งจากการอาบแสงศักดิ์สิทธิ์ความทรงจำที่ลืมไปแล้วบางส่วนกลับคืนมา อาจไม่ใช่การได้คืน แต่เป็นการรู้แจ้ง อย่างไรก็ตามในใจข้ามีการตื่นรู้ ข้าไม่กล้าพูดว่าเป็นไปได้เต็มร้อย แต่ถ้าเจ้ายินดีลอง มันอาจจะใช้ได้” ไม่เพียงแต่แพนดอราเท่านั้นแต่ทุกคนมีความรู้สึกเกิดปัญญาตื่นรู้ด้วยเช่นกัน
“ก็ได้เจ้ามีวิธีใด?” เย่ว์หยางอดสงสัยไม่ได้
“ในทางเข้าของประตูเทเลพอร์ตเข้าโลกคัมภีร์เทพเจ้าได้ร่างเทพครึ่งหนึ่ง นั่นคือร่างเทพธิดาที่ตายแล้ว ประกายเทพและปณิธานของนางกระจายไปยังหมู่ผู้สืบทอดถ้าเจ้ารวมกับผู้สืบทอดของนางอีกครั้งด้วยร่างเทพและเลือดเทพโบราณ หรือเจ้าจะใช้วิธีลับเหล่านี้ในตัวเจ้าปลุกวิญญาณเทพธิดาให้ตื่นขึ้นแต่การสร้างใหม่ หรือชุบชีวิตก็ต้องใช้พลังของเจ้าทั้งนั้นจะบอกว่าเป็นการสร้างหรือว่าเป็นการชุบชีวิตก็ได้ อย่างไรก็ตามเทพธิดาที่ตายแล้วจะกลับมาเกิดใหม่ในร่างผู้สืบทอด”สำนึกเทพของแพนดอราสื่อสารกับจิตของเย่ว์หยางโดยตรงนางรู้สึกประทับใจความรู้ที่อยู่ในจิตของเย่ว์หยาง
“เจ้าหมายถึงเทวีเสรีภาพอิงหลัวหรือ?” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตอบทันทีพร้อมทั้งกำหมัดอย่างมีความสุข “ใช่แล้ว ทำไมข้าถึงไม่ได้คิดถึงนาง!”
“ไม่!” เย่ว์หยางคัดค้าน
“อย่าคัดค้าน” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเถียงเย่ว์หยางโดยตรง
“เฮ้..แม่เสือสาว ต่อให้สตรีทั้งโลกชอบข้า แต่อิงหลัวไม่ชอบข้า! นางไม่ได้รู้สึกอะไรกับข้าแนวคิดของนางที่มีต่อข้าอาจสุภาพ แต่นางกีดกันผู้คนห่างไกลหลายพันไมล์ ดังนั้นทุกคนสามารถใช้สมองได้ แต่นางไม่ใช่!” เย่ว์หยางรู้สึกท้อแท้เมื่อเอ่ยถึงเทวีเสรีภาพอิงหลัว
“เจ้าก็ทำงี่เง่าไปได้,ใครต้องการให้เจ้าคุยกับนาง เรื่องความรู้สึกของนาง? นางปฏิเสธจะร่วมมือ เจ้าจะไม่ดึงดันหรือ?หุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุกก่อน” นางเซียนหงส์ฟ้าพูดอย่างนี้เหมือนกับหัวหน้าโจรภูเขาฉุดหญิงสาวในเรือนตระกูลไปเป็นภรรยา
“ภาพลักษณ์ของข้าในใจนางไม่ดีพอและมีแต่จะมากขึ้น คาดว่านางคงเกลียดข้าไปทั้งชีวิต!”เย่ว์หยางฟังแล้วรู้สึกไม่ดีจริงๆ
“สิ่งที่เจ้าต้องการคือผลไม่สำคัญว่าเจ้าจะใช้วิธีอะไร ขอให้ได้รับชัยชนะเป็นพอ!” นางเซียนหงส์ฟ้ามีความสามารถเป็นผู้นำที่ดีได้
“ต่อให้ข้าปล้ำอิงหลัวนางก็มีแต่ร่างกายท่อนบน...” เย่ว์หยางพูดว่าไม่มีทางทำได้
“ดังนั้นเจ้าต้องเชื่อมร่างเทพกับตัวนางทำให้นางกลายเป็นเทพธิดาใหม่” นางเซียนหงส์ฟ้าคาดหวังกับเย่ว์หยางมากถึงกับทำท่าตบหน้าเขาและใช้อำนาจจักรพรรดินีเทียนฟาคว้าคอเสื้อเขาและเค้นเสียงดุ “คนโง่! เจ้ารู้ได้ยังไงว่านางไม่ชอบเจ้า?บางทีใจนางชอบเจ้า แต่เพราะอายที่จะพูดออกมา นางเป็นคนโง่หรือที่ไม่รู้ว่าความรักคืออะไรแค่รอให้เจ้าเปิดใจนางเท่านั้น เจ้าหุบปากไม่ต้องเถียงข้าเลย แต่เจ้าต้องปลดอดีตอิงหลัว ฟังให้ดี,พรุ่งนี้ เวลานี้ข้าต้องการดูเทพธิดาตัวเป็นๆ ร่างสมบูรณ์ไร้ที่ตำหนิ!”
“พี่หวี่! ช่วยหน่อย” เย่ว์หยางต้องขอความช่วยเหลือจากเย่ว์หวี่
“พวกนางพูดเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว ครั้งนี้ข้าช่วยเจ้าไม่ได้ เจ้าค่อยๆ รับมือ ข้าขอตัวก่อน” เย่ว์หยางเกรงว่าถ้านางอยู่ต่อ นางคงจะใจอ่อนนางถือโอกาสปลีกตัวออกมา
“ตัวร้าย! ความจริงเจ้าไม่ต้องกังวลมากมายเลย” ราชันย์ปีศาจใต้ที่ไม่เคยเอ่ยปาก ยังรู้สึกทึ่ง นางกระซิบ “ความยับยั้งชั่งใจของหญิงสาวเป็นเรื่องธรรมดา แต่ตราบใดนางมีความประทับใจที่ดีต่อเจ้าและไม่มีความรู้สึกที่ไม่ดีเจ้าพิชิตกายนาง ใจนางจะเป็นของเจ้าไปด้วยตราบใดเจ้าช่วยอิงหลัวเชื่อมร่างเทพอีกครึ่ง คืนสู่สถานะเทพธิดาที่สมบูรณ์แบบหลังจากนั้นเผด็จศึกนาง ข้าสัญญาได้เลยว่านางจะเป็นแกะน้อยที่อ่อนโยนเหมือนสายน้ำและเจ้าจะต้องทำสำเร็จ... ที่รัก ข้ามั่นใจตัวเจ้ามาก เพราะเจ้าไร้เทียมทานไม่มีสตรีใดต้านความรักของเจ้าได้!”
“เจ้า..ร้ายกาจนัก!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดไม่ออก