ตอนที่ 1106 กล่องหยกขาว
หลังจากองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดทฤษฎีของนางแล้วทุกคนพากันเงียบสนิท
ต้องบอกว่าแม้ทฤษฎีของนางจะกล้าหาญ แต่ก็มีความเป็นไปได้บ้าง คำถามก็คือทำอย่างไรจึงจะนำมาใช้ได้และทำได้จริง
ในที่สุด
ทุกคนมองดูเย่ว์หยาง
พวกนางหวังว่าเขาสามารถตัดสินใจได้ตราบใดที่เขาสั่ง ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ทุกคนจะพยายามร่วมมืออย่างดีที่สุด
เย่ว์หยางไม่แน่ใจตอนนี้เขาไตร่ตรองเงียบๆ อยู่นานก่อนจะฝืนยิ้ม “อย่ามองข้าอย่างนี้, ข้ายังมองไม่ออกทั้งหมดได้แต่พยายามอย่างดีที่สุดเท่าที่ทำได้ ความคิดนี้บ้าบิ่นดีจริงๆ ถ้าแม่สี่ฝ่าบาท จักรพรรดินีราตรี จื้อจุนมาถึงแล้วก็คงไม่เป็นไรพวกนางคงให้คำแนะนำที่ดีกับเราได้ น่าเสียดายที่.. ถ้าอย่างนั้นข้าจะถามแพนดอราดู บางทีนางอาจมีความทรงจำลึกๆที่ช่วยให้เราคลี่คลายปัญหาการสร้างเทพนี้ได้”
แพนดอราหลับใหลอยู่ในร่างสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ตอนนี้ถูกปลุกขึ้น
ครอบครัวใหญ่ย่อมมีเรื่องพูดคุยกันมากเป็นธรรมดา
แพนดอราให้คำตอบเชิงลบ
นางส่ายหน้าแบบไม่ต้องคิด “ทฤษฎีของเชี่ยนเชี่ยนมีความเป็นไปได้บ้าง แต่ในความเป็นจริงมีโอกาสสำเร็จเพียงหนึ่งในหมื่นการเข้าสู่ระดับเทพ เจ้าไม่เพียงแต่ต้องมีพลังเทพ สำนึกเทพ ร่างเทพเท่านั้น แต่ยังต้องมีปณิธานเทพ เจตจำนงเทพ พลังเทพฯลฯ ที่สำคัญที่สุดจะต้องมีประกายเทพ”
“ประกายเทพคือแก่นกลางหรือหัวใจของทักษะแฝงเร้นธรรมชาติ,สนามพลังและพลังเทพ สำนึกเทพ เจตจำนงเทพ จิตวิญญาณเทพและอื่นๆ นั่นเป็นพลังที่รับรู้ได้ทั้งภายในและภายนอกระดับเทพความแข็งแกร่งของภูมิปัญญา พลังที่เหนือธรรมชาติ สำหรับชีวิตที่สูงส่งระดับเทพนั้นจุดสำคัญต้องมีประกายเทพอันสูงส่ง พลังของเทพไร้ขีดจำกัดเป็นเอกเทศขยายออกไปได้ เป็นไปไม่ได้ที่พลังธรรมดาใดๆ ในโลกจะท้าทายต่อต้าน” แพนดอรากระซิบบอกทุกคน “ข้าเชื่อว่าด้วยความความพยายามและทฤษฎีของพวกเจ้าและของวิเศษต่างๆที่อยู่ในครอบครองของพวกเจ้าสร้างเทพที่น่าเกรงขามได้อย่างไม่มีปัญหา อย่างไรก็ตามไม่มีใครสามารถมอบประกายเทพได้ถ้าไม่มีประกายเทพ อย่างนั้นเทพที่พวกเจ้าสร้างก็ไม่เรียกว่าเทพคงได้แต่เรียกว่าเทียมเทพ หรือกึ่งเทพเท่านั้น”
“การสร้างเทพโดยไม่มีประกายเทพเป็นเรื่องน่ากลัว อย่างเช่นเทียมเทพผู้ไม่มีประกายเทพไม่มีสำนึกเทพพิเศษเฉพาะ ไม่มีความปรารถนาขั้นพื้นฐานมีแต่พลังเทพและร่างเทพนั่นเป็นความชั่วร้ายอย่างแท้จริง เมื่อมีความแข็งแกร่งที่น่าเกรงขามกลายเป็นเทียมเทพ เขาจะกำจัดเจ้านายและต่อสู้กับเจ้านายด้วยพลังของเขาทันที”
“โอวพระเจ้า,เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่จะสร้างด้วยกำลังคน!”
“ถ้าเจ้าทำได้เจ้าก็ต้องเป็นเทพบิดา หรือเทพมารดาและถ่ายทอดพลังเทพให้บุตรรุ่นหลังต่อไป
“หรือจะเป็นให้มหาเทพยุคโบราณผู้มีสำนึกเทพมอบประกายชีวิตเทพเปลี่ยนคนให้เป็นเทพโดยตรง สุดท้ายแล้วข้าเข้าใจความตั้งใจของพวกเจ้าที่จะสร้างเทพที่ทรงพลังเพื่อสู้กับเทพปีศาจในหุบเขามนุษย์ แต่ข้าไม่เห็นด้วยที่พวกเจ้าจะลองทำเช่นนี้เนื่องจากความพยายามเช่นนี้ ความน่าจะเป็นในการล้มเหลว 100% โอกาสสำเร็จเป็นศูนย์ไม่มีความเป็นไปได้แม้แต่หนึ่งในพันล้าน แม้จะเป็นไปได้ในทางทฤษฎี แต่ก็แค่เงาในกระจก มันเป็นเรื่องที่แย่!”
แพนดอราแสดงความเห็นของนางและพูดให้เข้าใจถึงผลที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจนเหตุการณ์นี้ร้ายแรงมาก
ร้ายแรงจนทุกคนไม่ต้องการเห็น
นอกจากนี้ยังยอมรับไม่ได้
หลังจากได้ยินแล้วองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกสั่นสะท้าน
นางตกใจกับผลกระทบที่รุนแรงตามที่แพนดอราได้อธิบายไว้ก่อนนั้นและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าการสร้างเทพจะส่งผลสะท้อนกลับมาถึงเจ้านาย! ถ้าไม่ใช่เพราะแพนดอราเตือนและเย่ว์หยางพยายามทำ เมื่อถึงเวลานั้นผลที่ตามมาคงสุดคาดคิดจริงๆ
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ทุกคนสงสัยว่าเทพปีศาจนั้นคงถูกผนึกไว้ในหุบเขามนุษย์
บรรพบุรุษรุ่นก่อนคงสามารถทำได้
มันอาจเป็นเพราะเป็นเทพเทียมที่มนุษย์สร้างขึ้นมันจึงมีความชั่วร้ายมากและกลายเป็นเทพปีศาจ!
“ถ้าไม่มีทางไปต่อแล้วยังมีทางเลือกอื่นอีกไหม?” นางเซียนหงส์ฟ้ามองดูแพนดอรา ถ้าวิธีสร้าง ‘เทพ’ สร้างผลสะท้อนกลับยังมีทางอื่นทำได้ไหม? เทพปีศาจไม่ใช่นักรบธรรมดา แต่เป็นเทพตนหนึ่ง มีพลังมากมายที่พลังของมนุษย์ไม่อาจต้านได้ นอกจากนี้ในสถานที่นี่กฎสวรรค์แห่งหุบเขามนุษย์จำกัดไม่ให้คนใช้กำลังได้นั่นคืออีกหนึ่งหายนะ
“ไม่”แพนดอราส่ายหน้า และนางยังคิดหาวิธีที่ดีไม่ออก
“โอว,หรือจะใช้อีกวิธีหนึ่งช่วยให้พี่อู๋เสียเลื่อนเป็นระดับเทพและจากนั้นสู้กับเทพปีศาจ?” อี้หนานเสนอวิธีที่เป็นไปได้
“อู๋เสียได้สติมาก่อนนั้นแน่นอน แต่คาดว่ายังต้องใช้เวลาอีกสักระยะกว่าจะหลอมรวมกับพลังเทพได้เต็มที่ และสำหรับการสร้างประกายเทพที่เป็นเฉพาะของนางเองยังเป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงท้ายที่สุดอู๋เสียแม้จะเกิดมาพร้อมกับประกายเทพ เมื่อออกไปจากหุบเขานางจะแสดงพลังได้มากขนาดไหน? นางเพิ่งจะเลื่อนขึ้นมาเป็นระดับเทพยังต้องการเวลาในการค้นหาและเรียนรู้อีกสักระยะหนึ่งนางจะต้องเรียนรู้วิธีใช้พลังเทพของนาง เปิดพลังเจตจำนงเทพสำรวจพลังเทพของนางเอง... นางยังมีเส้นทางต้องเดินอีกไกล! แม้ว่าเจ้าจะมีโอกาสเพียงพอ มีพลังและสติปัญญาถ้าพวกเจ้าต้องการเป็นเทพที่แท้จริง พวกเจ้าจำเป็นต้องเรียนรู้และดำเนินการ!” แพนดอรายืนยันศักยภาพของเสวี่ยอู๋เสีย แต่รู้สึกว่าตอนนี้ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก แม้ว่านางจะตื่นขึ้นแต่คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเทพปีศาจ
“แพนดอรา! เจ้าคิดว่าเสี่ยวซานสามารถไปถึงระดับเทพได้ไหม?” เย่ว์หวี่มักตั้งความหวังและฝากความมั่นใจในน้องชายนาง
“ถูกแล้วคงเป็นเรื่องดีที่สุดหากเขาสามารถสู้กับเทพปีศาจได้เองโดยตรง” โล่วฮัวพยักหน้าเห็นด้วย
“ถ้าเจ้าสามารถบังคับให้เขาพัฒนาศักยภาพส่วนหนึ่งที่เขายังไม่เข้าใจเขาจะสามารถเข้าถึงสถานะของเทพได้อย่างมิต้องสงสัย” แพนดอราส่ายหน้า “แต่ไม่มีบรรพบุรุษของพวกเจ้าที่ทำเช่นนั้น ในการทำเช่นนี้เป็นการกระทำที่โง่เขลาเร่งรัดความสำเร็จอย่างรวดเร็วเป็นความสำเร็จเร่งด่วน มันคือการส่งเสริมต้นกล้า ทำไมสองสาวจักรพรรดินีราตรีกับจื้อจุนจะไม่รู้เล่า?พวกนางทุกคนรู้เรื่องนี้ได้เร็วทันทีที่รู้แจ้งใต้โลกพฤกษา แต่พวกนางไม่พูดอะไรเลยรอให้เย่ว์หยางแก่กล้าเติบโตขึ้นเพราะพวกนางไม่ต้องการยุ่งมากจนเกินไปจนส่งผลต่อความเติบโตก้าวหน้าของเย่ว์หยาง..... ข้ายังมองไม่เห็นขอบเขตสิ้นสุดที่เขาจะเติบโตต่อไปในอนาคตแต่ว่ามันเหลือเชื่อแน่นอน ในการเข้าถึงสภาวะที่สูงส่งเช่นนี้ต้องใช้เวลาและความเข้าใจที่มากขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่งต้องมีการฝึกฝนและทดสอบที่มากขึ้น และตอนนี้เป็นการทดสอบเล็กน้อยในกระบวนการเติบโตก้าวหน้า เย่ว์หยางจะต้องก้าวต่อไปข้างหน้า หากศักยภาพถูกเปิดออกโดยการบังคับใช้ในอนาคตอาจต้องมีการแก้ไขในบางสถานะและความสำเร็จนั้นจะน้อยกว่าความสำเร็จที่ควรจะได้รับอย่างแท้จริงถึงหนึ่งในหมื่น ในอนาคตจากนั้นแม้ว่าจะเอาชนะเทพปีศาจได้แล้วจุดมุ่งหมายคืออะไร? สิ่งสุดท้ายที่ข้าอยากจะบอกก็คือถ้าเย่ว์หยางเลื่อนขึ้นไปเป็นระดับเทพ บางทีเขาอาจอยู่ในแดนมนุษย์ไม่ได้อีกต่อไปจะต้องขึ้นไปอยู่แดนสวรรค์บนในช่วงเวลาอันสั้นอยู่ในโลกที่สูงส่ง พวกเจ้าจะทำยังไง?”
“ถ้าอย่างนั้นเราจะไม่พูดวิธีนี้อีกต่อไป เราจะหาวิธีอื่น!”อู๋เหินเห็นว่าทุกคนตะลึงกับความเห็นของแพนดอรา นางรีบเปลี่ยนหัวข้อคุย
“ถ้าไม่สามารถทำได้ ข้าจะพานางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกมา” เย่ว์หยางยังมีไพ่เด็ด
อย่างไรก็ตามถ้านางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกมา
อย่างนั้นโลกหิมะน้ำแข็งของนางคาดว่าคงจะถึงขีดจำกัดไม่สามารถขยายได้อีกต่อไป
ขณะนี้มิติผนึกหลุมดำและโลกหิมะน้ำแข็งถูกผนวกรวมกัน ปณิธานของนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเป็นสะพานเชื่อมระหว่างทั้งสองนี้ ด้วยปณิธานปราณราชันย์ของนางพลังบวกของผนึกจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นโลกหิมะน้ำแข็งช้าๆ
เมื่อนางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกมาผนึกมิติหลุมดำก็จะหายไปด้วย
หรือผนึกอาจจะกลายสภาพ
ผลที่ออกมายากจะทำนาย
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเมื่อนางพญาเฟ่ยเหวินหลีออกมายังหุบเขามนุษย์ นางกับเทพปีศาจยากจะเปรียบเทียบประเมินได้ว่าใครชนะใครแพ้ ในกรณีที่เทพปีศาจเห็นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีปรากฏตัวและปฏิเสธที่จะต่อสู้แล้วซ่อนตัวหลับจำศีลเป็นเวลาหมื่นหรือสองหมื่นปีรอให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีและเย่ว์หยางออกไปก่อนแล้วค่อยโผล่มาอาละวาดอีกครั้ง และนางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็มีสถานการณ์คล้ายกับเสวี่ยอู๋เสียจะต้องพัฒนาตลอดเวลา หากยังไม่ถึงช่วงเวลาสุดท้าย ช่วงเวลาดีๆ ที่เสียไปคงน่าเสียดาย
“ไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อย ก็แค่หุบเขามนุษย์ ต่อจากนั้นยังมีหุบเขาโลกธาตุและหุบเขาสวรรค์เราจะปลุกนางพญาเฟ่ยเหวินหลีและเสวี่ยอู๋เสียเมื่อถึงเวลานั้น”ทันใดนั้นนางเซียนหงส์ฟ้าดึงของเล็กน้อยออกมาจากเย่ว์หยางใบหน้าเจ้าเสน่ห์ของนางฉายแววจริงจังอย่างไม่เคยมีมาก่อน นางกล่าว “บางทีเจ้าควรลองเปิดดู!”
“นี่คืออะไร?” เมื่อทุกคนเห็น ทุกคนเข้ามามุงดูด้วยความสงสัย
“หือ?” เย่ว์หยางจำของชิ้นเล็กๆ นี้ได้
นี่คือกล่องหยกขาวน้อย
นี่คือของหมั้นที่ราชินีซัคคิวบัสแอบหย่อนไว้ในตัวของเขาเมื่อเย่ว์หยางรับนางเซียนหงส์ฟ้าเป็นภรรยาที่ตำหนักซัคคิวบัสวันนั้น
กล่าวกันว่ากล่องน้อยนี้เก็บซ่อนพลังชีวิตของนางเซียนหงส์ฟ้าและมีความลับที่น่าตกใจ เวลานั้นเย่ว์หยางคิดว่ากล่องเล็กๆนี้เป็นข้อมูลที่ทำให้ไล่ตามจื้อจุนได้ทัน แต่ต่อมาเขาพบว่าเป็นหีบหยกขาวน้อยมีการใช้พลังผนึกไว้เป็นพิเศษคล้ายกับจี้หยกดำ ทันทีที่เปิดอาจเกิดผลที่ไม่คาดคิดก็ได้ ดังนั้นเขาไม่ยอมเปิดง่ายๆ
ในกรณีที่กล่องหยกขาวมีคนยุคก่อนอย่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลีอย่างนั้นก็คงมีเรื่องเวียนหัว
หรือจะเปิดกล่องหยกขาวน้อยดี?
มันจะถูกเทเลพอร์ตส่งไปที่ลึกลับเผชิญกับสิ่งต่างๆยากจะคาดเดา... หรือถ้าถูกส่งไปยังที่อื่น เช่นแดนล่มสลายแห่งทวยเทพเย่ว์หยางยังไม่ได้เตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้!
“นี่คือสิ่งที่บรรพบุรุษยุคก่อนนำออกมาจากแดนล่มสลายแห่งทวยเทพมันถูกแบ่งออกเป็นสองชิ้น มันคือสัญลักษณ์ของคนรุ่นเราเสมอ ในยุคของเราเหลือแต่ข้ากับพี่สาว” นางเซียนหงส์ฟ้าอธิบาย ใบหน้านางมีแววเขินอายนางค้อนเย่ว์หยางเหมือนกับจะป้องกันไม่ให้เย่ว์หยางเล่าเรื่องประจำวัน นางอธิบายต่อ “พี่สาวกลัวว่าข้าจะใช้สิ่งนี้ในเส้นทางที่ชั่วร้ายจึงฝากไว้กับราชินีซัคคิวบัส และราชินีก็มอบต่อให้เขา..ข้าจำได้ว่าเมื่อพี่สาวของข้ายังเด็กนางเคยเล่าว่าถ้าข้าประสบปัญหาในชีวิตที่แก้ไขไม่ได้โดยประการทั้งปวง ก็ให้เปิดออกได้ ส่วนอะไรอยู่ในกล่องน้อย ข้าไม่รู้เหมือนกัน...”
อะไรอยู่ในกล่องหยกขาวนี้กันแน่?
อย่างที่จื้อจุนบอกเปิดออกดูจะสามารถแก้ปัญหาทั้งหมดในโลกได้หรือ?
เย่ว์หยางมองดูนางเซียนหงส์ฟ้าและมองทุกคนโดยรอบ ทุกคนกำลังมองมาข้างหน้าในที่สุดเขาสูดหายใจลึกและตัดสินใจ ในเมื่อจื้อจุนพูดแบบนี้ นี่คือสินสอดแลกเปลี่ยนกับนางเซียนหงส์ฟ้าเขาจะลองเปิดดู... บางทีอาจมีปาฏิหาริย์ปรากฏขึ้นจริงๆ...