ตอนที่แล้ว19.ครอบครองคริสตัลจิตวิญญาณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป21. เอาหมัดฉันไปกินซะ

20. คุณจะมีศักยภาพอะไรมันก็เรื่องของคุณ


“ขอบคุณอีกครั้งสำหรับทุกท่านที่มาร่วมงาน

บัดนี้ได้เวลาฤกษ์อันเป็นมงคลแล้ว

ขอเริ่มพิธีรับศิษย์ขึ้นอย่างเป็นทางการ!

ก่อนอื่น  ขอต้อนรับอาจารย์ของลูกชายฉัน

ผู้ปลุกพลังระดับ 6 แห่งวิหารเมฆขาว

ผู้เชี่ยวชาญระดับสูง ท่านนักบวชฉินหลิงอวิ๋น!”

ฉินหลิงอวิ๋นขยับเสื้อคลุมลัทธิเต๋าให้เข้าที่

แล้วเดินขึ้นเวทีอย่างสบายๆ  ทักทายแขกเหรื่อด้านล่าง

แล้วก็นั่งลงบนเก้าอี้ดอกไม้สีเหลืองทางซ้ายมือ

แขกด้านล่างเวทีปรบมือต้อนรับเสียงดังสนั่นปานฟ้าร้อง

เมื่อเสียงปรบมือซาลง ทุกคนก็เริ่มพูดคุยกัน

“นักบวชเต๋าคนนี้หล่อจริงๆ เขายังหนุ่มอยู่เลย

แต่เป็นถึงผู้ปลุกพลังระดับ 6 แล้ว!”

“ฉันได้อ่านคำแนะนำของทางการแล้ว

ผู้ปลุกพลังระดับ 6 สามารถปลดปล่อยอำนาจเหนือมนุษย์ได้

มันน่ากลัวกว่ามิสไซล์เสียอีก

เนี่ย ถ้าเป็นสมัยโบราณ คงถูกยกย่องให้เป็นเทพเจ้าไปแล้ว”

“หวังจือกั๋วโชคดีจริงๆ

ลูกชายเขาเป็นผู้ปลุกพลังที่มีพรสวรรค์ชั้นยอด

แถมยังมีผู้เชี่ยวชาญเป็นอาจารย์อีกด้วย อนาคตเขาราบรื่นแน่นอน”

“วิหารเมฆขาวเป็นวัดเต๋าที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ มีคนเลื่อมใสมากมาย”

แม้ฉินหลิงอวิ๋นจะมีความสุขมากที่ได้ยินเช่นนั้น

แต่เขายังคงแสร้งวางท่าให้ดูเหมือนผู้เชี่ยวชาญ จึงทำได้เพียงแค่ยิ้มออกมา

ต่างกับหวังจือกั๋วที่ไม่เก็บงำความรู้สึกเลยแม้แต่น้อย

เขาฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันเต็มปาก

เมื่อฉินหลิงอวิ๋นนั่งลง

หวังจือกั๋วก็นั่งตามลงไปบนเก้าอี้ถัดไปทางด้านขวา

หวังอูเว่ยเดินขึ้นไปบนเวที หยิบถ้วยชา

แล้วคุกเข่าคารวะชาถ้วยแรกต่อพ่อของเขา

จากนั้นจึงหันไปคารวะถ้วยที่สองต่อฉินหลิงอวิ๋น อาจารย์ของเขา

ฉินหลิงอวิ๋นหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบ แล้วพูดว่า

“ศิษย์รัก ไม่ต้องมากพิธี”

แส้ปัดขนหางม้าในมือของเขาค่อยๆเหยียดยาวขึ้น

จนเหมือนตะบองสีทอง ช้อนลงไปใต้เข่าหวังอูเว่ยแล้วยกเขาขึ้นมา

การแสดงที่เหมือนมายากลนี่ทำให้แขกเหรื่อต่างพากันตกตะลึง

แม้แต่หนิงซีก็ยังอึ้งไปกับนิสัยชอบอวดตัวของนักบวชฉิน

หลังเสร็จพิธีการ หวังจือกั๋วหยิบกล่องของขวัญที่ห่ออย่างสวยงามออกมา

เขาพูดเสียงดังว่า

“ท่านนักบวชฉิน อูเว่ยยังเด็กอยู่และซุกซน

คงต้องรบกวนคุณช่วยสอนสั่งเขาแล้ว

เพื่อแสดงความขอบคุณในความเมตตาของคุณ

โปรดรับของขวัญเล็กๆ ชิ้นนี้ไว้ด้วย

มันคืออัญมณีที่ภรรยาของฉันคัดสรรมาอย่างดี

เพื่อแสดงความขอบคุณ”

หวังจือกั๋วส่งกล่องของขวัญให้หวังอูเว่ย

จากนั้นหวังอูเว่ยก็หยิบมันขึ้นมา

และคุกเข่าแล้วยกกล่องของขวัญขึ้นเหนือศีรษะ

มอบให้ฉินหลิงอวิ๋น แสดงถึงการยอมรับฉินหลิงอวิ๋น

เป็นอาจารย์ของเขา

ฉินหลิงอวิ๋นดีใจมาก เมื่อหวังจือกั๋วบอกว่าในกล่องคืออัญมณี

เขายื่นมือออกไปจนใกล้จะแตะกล่องของขวัญอยู่แล้ว

"จัดการได้!"

ท่ามกลางเสียงตะโกนอันดัง

หอกน้ำแข็งขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นกลางอากาศแทงไปที่ฉินหลิงอวิ๋น

จนฉินหลิงอวิ๋นต้องกระโดดหลบก่อนจะได้แตะกล่องของขวัญ

“ความมืดมิดจงปรากฎ!”

เมื่อสิ้นเสียง ทั้งห้องพีโอนีก็ตกอยู่ในความมืดมิด

แม้แต่หนิงซีที่มีสายตาเหนือคนธรรมดา ก็มองเห็นอะไรได้ไม่ชัดเจน

เขาทำได้เพียงพึ่งพาประสาทสัมผัสส่วนอื่น

ในการรับรู้ความเคลื่อนไหวในห้องโถง

ท่ามกลางความมืด ได้ยินสียงกรีดร้องทุกประเภทจากแขกที่มาร่วมงาน

ยังมีเสียงโต๊ะและเก้าอี้ล้มระเนระนาด

มีเสียงทุบตีเป็นระยะพร้อมกับเสียงครางอู้อี้เหมือนคนได้รับบาดเจ็บ

เสียงต่างๆดังอยู่ประมาณสิบวินาที การต่อสู้ก็จบลง

จากนั้นห้องพีโอนีก็กลับมาสว่างอีกครั้งหนึ่ง

มีผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงหนึ่งคนนอนอยู่บนพื้นเวที

ศีรษะของชายคนนั้นกลิ้งอยู่ข้างๆ เขาตายจนไม่อาจตายได้อีกแล้ว

ส่วนผู้หญิงคนนั้นเอามือกุมอกไว้แน่น ดวงตาเบิกโพลงและไม่หายใจ

คราบเลือดสดๆไหลย้อมพรมแดงจนทำให้ดูแดงยิ่งขึ้น

ฉินหลิงอวิ๋นผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าขาวซีด

การต่อสู้เมื่อสักครู่คงทำให้เขาลำบากเช่นกัน

เขาจัดแจงตัวเองเล็กน้อยก่อนพูดกับแขกที่ยังไม่ได้สติว่า

“ทุกท่านไม่ต้องกังวล อาขญากรทั้งคู่ที่เห็นนี้

คือผู้ปลุกพลังที่ถูกฉันและศิษย์พี่ฆ่าได้ทันท่วงที

ความมืดเมื่อสักครู่ปลดปล่อยมาจากทักษะ

ของผู้ปลุกพลังประเภทความมืด ทุกคนอย่าได้ตื่นตระหนกไป”

หนิงซีสังเกตุเห็นรอยเลือดบนดาบของนักบวชหน้าดำก็รู้ทันทีว่า

คนทั้งสองถูกฆ่าโดยนักบวชฉิงอวิ๋น

ดูๆไปแล้วฉินหลิงอวิ๋น น่าจะเป็นมือใหม่ไม่เคยมีประสบการณ์ต่อสู้มาก่อน

คนแบบนี้แม้สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้ปลุกพลังระดับ 6ได้

ก็จะดูดีแค่ภายนอก แต่อ่อนแอจากภายใน

ถ้าต้องสู้กันจริงๆความแข็งแกร่งของเขาจะลดลงมาก

เมื่ออาชญากรตายไปแล้ว  หวังจือกั๋วไม่เพียงแต่หายกลัว

แต่ยังโล่งใจอีกด้วย เขามองไปที่หนิงซี

ราวกับว่าบอกกลายๆว่าเขาเลือกได้ถูกต้อง

“นักบวชฉิน คุณและศิษย์พี่ของคุณสมกับเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง

ขยะของวิหารแห่งทวยเทพไม่มีค่าแม้จะพูดถึง เมื่ออยู่ต่อหน้าคุณ”

ฉินหลิงอวิ๋นไม่พูดอะไรอีก

เขาหากล่องของขวัญที่ถูกโยนทิ้งไว้บนเวทีจนพบ แล้วเก็บใส่กระเป๋า

"คุณหวัง พิธีรับศิษย์สิ้นสุดลงแล้ว ฉันและศิษย์พี่ขอตัวกลับวิหารก่อน

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ฉันจะกลับมารับอูเว่ยขึ้นเขา”

“นักบวชฉิน คนของวิหารแห่งทวยเทพก็ตายหมดแล้ว

น่าจะไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงแล้วนี่”

หวังจือกั๋วประหลาดใจกับการแสดงออกของฉินหลิงอวิ๋น

ในสายตาเขา เขามองว่านักบวชฉินและศิษย์พี่เป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง

พวกเขาฆ่าพวกนอกคอกที่ทรงพลังได้ภายในสิบวินาที

แต่เขายังไม่อยากให้นักบวชฉินและศิษย์พี่จากไปเร็วนัก

เขายังกลัววิหารแห่งทวยเทพจะหวนกลับมาแก้แค้น

ฉินหลิงอวิ๋นไม่สนใจหวังจือกั๋ว เขามองไปที่ศิษย์พี่ของเขา

นักบวชฉิงอวิ๋นขยับมือ ทำให้รอยเลือดบนดาบหายไปทันที

เขาวางดาบลงแล้วพูดว่า

“รีบกลับ!”

พูดจบก็หันหลังเดินออกไป

หนิงจือกั๋วหน้าชา ฉินหลิงอวิ๋นเปลี่ยนท่าทีเร็วเกินไป

จนกลายเป็นเหมือนคนเย็นชาไร้จิตใจ

เมื่อเห็นฉินหลิงอวิ๋นกำลังจากไป  หวังอูเว่ยก็รีบวิ่งตามอาจารย์ของเขาไป

เมื่อเห็นดังนั้น เข็มโลหะที่ซ่อนตัวอยู่หลังเสาในห้องโถง

ก็ถามผ่านไมโครโฟนบนเสื้อของเขา

“ท่านฑูตสวรรค์อัคคี  คนจากวิหารเมฆขาวกำลังจะไปแล้ว

เราจะลงมือเลยไหม?”

“อดทนไว้ก่อน เรามีโอกาสลงมือเพียงครั้งเดียว

คนจากกรมสอบสวนคดีพิเศษน่าจะอดทนไม่ไหวแล้ว

ปล่อยให้พวกเขาลงมือก่อนเรา”

ไม่ผิดจากที่ฑูตสวรรค์อัคคีพูด

นักบวชฉิงอวิ๋นถูกหยุดที่ประตูห้องโถงโดยหวางอูหลินและคนของเขา

“นักบวชฉิงอวิ๋น คุณฆ่าคนแล้วจะจากไปง่ายๆอย่างนี้หรือ?

คุณคิดว่ากรมสอบสวนคดีพิเศษเราไม่มีตัวตนหรือไง?”

เมื่อเห็นหวางอูหลิน นักบวชฉิงอวิ๋นที่ปกติทำตัวตามสบาย

ก็ขมวดคิ้วเป็นครั้งแรก เขากำดาบในมือแน่นแล้วพูดขึ้นช้าๆ

“เราแค่ป้องกันตัวเอง ตามกฎของผู้ปลุกพลัง เราไม่ได้ฝ่าฝืนกฎ”

หวางอูหลินยิ้มอย่างร่าเริง กล่าวว่า

“การป้องกันตัวเองเป็นเพียงข้ออ้างของคุณเท่านั้น

กรมสอบสวนคดีพิเศษเชื่อแต่ข้อเท็จจริงที่เราสอบสวนเอง

กรุณาให้ความร่วมมือในการสอบสวน

ตามฉันกลับไปที่กรมสอบสวนคดีพิเศษดีๆ”

นักบวชฉิงอวิ๋นมีสีหน้ามืดมนลง

เส้นเลือดบนใบหน้าที่ดำคล้ำโป่งพองออกมาราวกับจะระเบิดได้ทุกเมื่อ

ในที่สุดเขาก็อดกลั้นเอาไว้ ยอมให้จูต้าหนิวใส่กุญแจมือแต่โดยดี

เมื่อเห็นจูต้าหนิวกำลังจะใส่กุญแจมืออาจารย์ของเขา

หวังอูเว่ยก็กระวนกระวาย เขาเดินไปบังอยู่หน้าฉินหลิงอวิ๋นและพูดกับจูต้าหนิว

“ผู้กองจู คุณจะจับคนสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่มีหลักฐานได้อย่างไร”

จูต้าหนิวกระชากหวังอูเว่ยออกไปแล้วผลักเขาล้มลงบนพื้น

เมื่อใส่กุญแจมือฉินหลิงอวิ๋นเสร็จแล้ว

จูต้าหนิวก็มองจ้องไปที่หวังอูเว่ยและพูดว่า

“พวกแกพ่อลูกนี่มันปัญญาอ่อนจริงๆ

ฉันอึดอัดกับพวกแกมานานแล้ว

เร็ว หลบไปอย่ามาเกะกะ”

หวังอูเว่ยตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก

นับตั้งแต่เขาเป็นผู้ปลุกพลังที่มีคุณสมบัติระดับ A

ผู้คนรอบข้างต่างพากันยกย่องเขา ภายใต้คำเยินยอนี้

เขาหลงคิดว่าตัวเองเป็นคนสำคัญจริงๆ

เขานอนร้องคร่ำครวญเสียงดังอยู่บนพื้น

“ฉันเป็นผู้ปลุกพลังที่มีความสามารถพิเศษประเภทสายฟ้า

ฉันมีคุณสมบัติระดับ A ฉันมีศักยภาพไร้ขีดจำกัด

ฉันขอเตือนให้คุณปฏิบัติต่อฉันด้วยความเคารพ

คุณต้องรู้ว่ากระแสน้ำเปลี่ยนทิศทุกสามสิบปี

อย่าดูถูกคนหนุ่มสาวหรือคนยากไร้ ถ้าคุณทำให้ฉันโกรธ

เมื่อฉันเติบโตขึ้น ฉันจะจับคุณแขวนและทุบตีคุณ!”

หนิงซีถึงกับส่ายหัวเมื่อได้ยินคำพูดโง่ๆแบบนี้

หวางอูหลินหัวเราะลั่น

เตะท้องของหวังอูเว่ยจนกระเด็นไปไกลกว่าสองเมตร

“ฉันไม่สนใจว่าคุณจะมีศักยภาพแบบไหน

คุณเป็นเพียงผู้ปลุกพลังมือใหม่ คุณยังกล้าพูดไร้สาระต่อหน้าฉันอีกหรือ

ฉันนะฆ่าผู้ปลุกพลังที่มีคุณสมบัติระดับ A มานับไม่ถ้วนแล้ว รู้ไว้ด้วย!”

เมื่อเห็นลูกชายถูกเตะ หวังจือกั๋วรีบถลันตัวเข้าไปช่วย

เขามองขอความช่วยเหลือไปที่ฉินหลิงอวิ๋น

แต่กลับเห็นนักบวชฉินที่เขาคิดว่าพึ่งพาอาศัยได้นั้น

กลับถูกใส่กุญแจมือ

และแกล้งทำเป็นไม่เห็นลูกศิษย์ของเขาถูกทุบตี

หวังจือกั๋วระลึกถึงสิ่งที่หนิงซีแนะนำก่อนหน้านี้ ว่าให้เขาทำตามรัฐบาล

ทำให้รู้สึกเขาเสียใจจนลำไส้แทบเปลี่ยนเป็นสีเขียว

หนิงซีพูดถูกแล้ว เมื่อเทียบกับเจ้าหน้าที่ของทางการแล้ว

วิหารเมฆขาวไม่มีอำนาจอะไร ช่างไม่ต่างจากฟ้ากับเหวเลย

เขาถูกความเย่อหยิ่งบังตา ทำไมเขาถึงไปดึงวิหารเมฆขาวเข้ามาร่วมด้วย?

หวังจือกั๋วรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง

ลูกเตะลูกนั้นปลุกหวังอูเว่ยให้ตื่นจากความฝันเช่นกัน

ในที่สุดเขาก็รู้ว่าโลกของผู้ปลุกพลังไม่ใช่การละเล่นของเด็กๆ

มีแต่กฎที่โหดร้ายที่เคารพแต่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้น

ยังมีแขกมากกว่า 200 คนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ

พวกเขากำลังรู้สึกสับสนกับสิ่งที่เกิดขึ้น

มันควรจะเป็นพิธีรับศิษย์ตามปกติไม่ใช่หรือ

แต่กลับกลายเป็นผู้ปลุกพลังมาต่อสู้และฆ่ากัน

จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เข้ามาจับกุมอาชญากร

หลายคนเริ่มมีลางสังหรณ์ถึงอันตรายและอยากจากไป

แต่ กรมสอบสวนคดีพิเศษได้ปิดกั้นทางเข้าออก

หัวหน้ากลุ่มเป็นชายหน้าแผลเป็น ทำให้ไม่มีใครกล้าขยับ

หวางอูหลินก็ไม่คิดจะหลีกทางให้

เขายืนอยู่ที่ประตู

และหยิบกล่องของขวัญออกมาจากแขนเสื้อของฉินหลิงอวิ๋น

เขาเปิดกล่องหยิบอัญมณีออกมา เมื่อตรวจดูอย่างละเอียดแล้ว

สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

“นี่ไม่ใช่คริสตัลจิตวิญญาณระดับ A! คริสตัลจิตวิญญาณอยู่ที่ไหน?”

เมื่อหวางอูหลินพูดจบ

ร่างกายหวังจือกั๋วเหมือนกับถูกจับด้วยมือที่มองไม่เห็น

ยกขึ้นไปลอยคว้างอยู่กลางอากาศ

มือของหวังจือกั๋วไขว่คว้าไปมา ขาของเขาแกว่งอย่างไร้การควบคุม

เขาถูกมือล่องหนบีบจนหายใจไม่ออก หน้าตาแดงก่ำ

เริ่มสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายแห่งความตาย

หนิงซีเฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเย็นชา

เขารู้ดีว่าหวางอูหลินจะไม่ฆ่าน้าชายเขาแน่นอน

ปล่อยให้เขาทนทุกข์ทรมานสักหน่อยน่าจะดีต่อน้าชายเขา

เมื่อเห็นว่าหวังจือกั๋วใกล้จะตายแล้ว

หวางอูหลินก็สลายมือล่องหนของเขาทิ้ง

“ถ้าไม่อยากทรมาน บอกมาตามตรงว่าคริสตัลจิตวิญญาณอยู่ที่ไหน”

หวังจือกั๋วทรุดตัวลงบนพื้นด้วยใบหน้าที่สิ้นหวัง

เขาไม่รู้เลยว่าคริสตัลจิตวิญญาณอยู่ไหน

หวังจือกั๋วไม่ได้พูดอะไรสักคำ  บรรยากาศก็ค่อยๆอึดอัดมากขึ้น

หนิงซีลุกขึ้นยืนเมื่อเห็นว่าหวางอูหลินกำลังจะลงมืออีกครั้ง

“ฉันกินคริสตัลจิตวิญญาณเข้าไปแล้ว

อืม...มันอร่อยใช้ได้เลย”

หวังจือกั๋วเห็นหนิงซีลุกขึ้นพูด ก็เข้าใจผิดว่าหลานชายกำลังจะช่วยเขา

เขาลุกขึ้นยืนเอนไปเอนมา ตะโกนว่า

“ฉันเคยบอกคุณไปแล้วว่าเรายังไม่เห็นคริสตัลจิตวิญญาณเลย

อัญมณีนั้นถูกคนจากวิหารแห่งทวยเทพฉกไปแล้ว!”

“นี่คือสร้อยคออัญมณีของครอบครัวคุณ!”

เข็มโลหะทำตามคำชี้แนะ เขาถอดหน้ากากแล้วยืนขึ้น

เขาโยนสร้อยคอที่ผู้ฝึกหัดชิงไปให้หวางอูหลินแล้วยักไหล่

“น่าเสียดาย สิ่งที่เราชิงมามันไม่ใช่คริสตัลจิตวิญญาณระดับ A”

“แล้วคริสตัลจิตวิญญาณระดับ A มันหายไปไหน?”

หมายเหตุ : ตั้งแต่ตอนหน้า(ตอนที่ 21)เป็นต้นไป จะขอติดเหรียญแล้วนะครับ

5 1 โหวต
Article Rating
6 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด