บทที่ 56 : ฐานการทดลองลับ
บทที่ 56 : ฐานการทดลองลับ
“นักรบทุกคน ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 06.00 น. ฐานส่งเสบียงนักรบของเราจะเข้าสู่สภาวะกฎอัยการศึก สัญญาณการสื่อสารจะถูกตัด และห้ามนักรบคนใดเข้าหรือออกที่นี่โดยไม่ได้รับอนุญาต ใครก็ตามที่พยายามเข้าหรือออกฐานเสบียงนักรบจะถูกฆ่าทันที”
ณ ตอนนี้เวลาเที่ยงคืน, ฐานเสบียงนักรบก็ทำการประกาศสถานะกฎอัยการศึ, จากนั้นกองทัพที่ประจำการอยู่ที่ฐานเสบียงนักรบก็ดำเนินการปิดล้อมฐานเสบียงทันที
นักรบจากสามโรงยิมศิลปะการต่อสู้รวมถึงนักรบหลายคนในเครื่องแบบทหารได้มารวมตัวกันใต้ประภาคาร
“ดูเหมือนว่าทั้งโรงยิมศิลปะการต่อสู้และกองทัพจะเริ่มทำภารกิจลับอีกครั้ง เเต่ฉันไม่รู้ว่าคราวนี้จะเป็นภารกิจลับประเภทไหน?”
นักรบหลายคนนอกเหนือจากนักรบของโรงยิมศิลปการต่อสู้หลักสามแห่งและกองทัพที่เห็นประกาศกฎอัยการศึกกะทันหันที่ฐานเสบียงนักรบ พวกเขาก็เดาว่าโรงยิมศิลปะการต่อสู้หลักสามแห่งและกองทัพกำลังจะเริ่มปฏิบัติภารกิจลับ
เรื่องแบบนี้หายากแต่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว,ทุกครั้งที่โรงยิมศิลปะการต่อสู้หลักสามแห่งและกองทัพร่วมมือกันทำภารกิจลับพิเศษ พวกเขามักจะประกาศให้ฐานเสบียงอยู่ภายใต้กฎอัยการศึกและปิดล้อมฐานก่อนเริ่มภารกิจ
เเละทุกคนก็เข้าใจถึงความตั้งใจของโรงยิมศิลปะการต่อสู้หลักทั้งสามและกองทัพ ซึ่งก็คือเพื่อป้องกันไม่ให้ข่าวการเริ่มภารกิจลับรั่วไหลออกไป และป้องกันไม่ให้นักรบจากที่อื่นนอกจากสามโรงยิมศิลปะการต่อสู้หลักและกองทัพแอบติดตามไป
"เฉินปาโจว นี่คืออัจฉริยะที่คุณค้นพบในช่วงเวลานี้หรือ?" ใต้ประภาคารปรากฏหญิงร่างอวบอิ่มสวยในวัยสามสิบปีเดินมาพร้อมกับหญิงสาวอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดเเละทั้งคู่กำลังเดินเข้ามาหาเฉินปาโจวและคนอื่นๆ
เบื้องหลังสาวสวยร่างท้วม มีชายวัยกลางคนรูปร่างอ้วน, ใบหน้าเหลี่ยม, ใบหูใหญ่ เเละมีรอยยิ้มอ่อนโยนมาด้วยกันกับเธอ
เมื่อเฉินปาโจวเห็นสาวสวยร่างท้วมและชายวัยกลางคนที่เดินเข้ามา เขาก็ยิ้มและพูดกับชูโจวว่า "ชูโจว, ให้ฉันแนะนำคุณหน่อย….นี่คือฟูหยาน, ผู้อำนวยการโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งจิตวิญญาณ, ส่วนอีกท่านคือ โหวซีไห่, ผู้อำนวยการโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งธรรมชาติ" เฉินปาโจวผายมือไปที่สาวสวยร่างท้วมและชายวัยกลางคนตามลำดับ
“ผู้อำนวยการฟู, ผู้อำนวยการโหว… สวัสดีครับผมชูโจว” ชูโจวทักทายสาวสวยร่างอวบและชายวัยกลางคนอย่างสุภาพ
ฟูหยานและโหวซีไห่ที่เห็นเฉินปาโจวแนะนำพวกเขาให้รู้จักกับชูโจว, ด้วยวิธีนี้ดวงตาของพวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะตกตะลึงเล็กน้อย, เฉินปาโจวให้ความสำคัญกับชูโจวอย่างมาก……มิฉะนั้นเขาคงจะไม่แนะนำบุคคลระดับผู้อำนวยการให้ชูโจวรู้จักเป็นการส่วนตัวเเละนี่เท่ากับเป็นการช่วยชูโจวสร้างคอนเนคชั่น
"ชูโจว…เฉินปาโจวให้ความสำคัญกับคุณมาก, ดังนั้นฉันตั้งตารอการแสดงของคุณในคืนนี้" ฟูหยานจ้องมองที่ชูโจวอย่างลึกซึ้งและพูดกับเด็กสาวที่อยู่ข้างๆเธอว่า
"เซียวเตี๋ย นี่คืออัจฉริยะที่เหล่าเฉินให้ความสำคัญมาก, คุณสามารถทำความรู้จักกับเขาได้"
"คุณ... สวัสดี, ฉัน... ฉันชื่อเซียวเตี๋ย" เด็กสาวข้างฟูหยานทักทายชูโจวอย่างเขินอาย, เด็กสาวคนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับผู้คนมากนัก ในขณะที่ทักทายชูโจวเธอดูประหม่าเเละเขินอายมาก
เมื่อได้เห็นฉากนี้ฟูหยานก็อดไม่ได้ที่จะแสดงร่องรอยของความสิ้นหวังบนใบหน้าของเธอ, ลูกศิษย์ของเธอมีพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยมแต่กลับขี้อายมากเกินไป
"สวัสดี ฉันชูโจว, ยินดีที่ได้รู้จักนะ" ชูโจวมองหญิงสาวที่ทักทายเขาอย่างเขินอาย และอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างอ่อนโยน ผู้หญิงคนนี้ที่สามารถติดตามฟูหยานผู้อำนวยการโรงยิมศิลปะการต่อสู้เเห่งจิตวิญญาณได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นเธอเป็นตัวละครที่ไม่ธรรมดาอย่างเเน่นอน
เมื่อหญิงสาวเห็นรอยยิ้มที่อ่อนโยนของชูโจว ความตึงเครียดในใจของเธอก็ผ่อนคลายลงมากจากนั้นเธอก็กระซิบกับชูโจวว่า "ฉัน...ฉันยังไม่เคยฆ่าใครเลย หลังจากภารกิจเริ่มขึ้น ฉัน...ขอตามคุณไปได้ไหม ฉันกลัวภารกิจนี่นิดหน่อย!" ชูโจวผงะไปครู่หนึ่ง เขาไม่คาดคิดว่าหญิงสาวจะร้องขอเช่นนี้
"ได้อย่างแน่นอน" ชูโจวพยักหน้าเล็กน้อย
"เยี่ยมเลย" จู่ๆ ใบหน้าของหญิงสาวก็ปรากฏรอยยิ้มที่สดใสราวกับดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์บานสะพรั่ง จนทำให้ผู้คนรอบๆรู้สึกสบายและปลอดโปร่ง
เมื่อเห็นฉากนี้ฟูหยานก็ยิ่งพูดไม่ออกเข้าไปใหญ่, เธอพาเด็กหญิงมาเข้าร่วมในภารกิจลับนี้ก็เพื่อฝึกฝน เเต่เซียวเตี๋ยกลับพบ "ผู้หนุนหลัง" ของเธอได้อย่างรวดเร็ว
“ดูเหมือนว่าในอนาคตเราจะต้องจัดการภารกิจเพิ่มเติมให้เธอเพื่อฝึกฝน...ไม่อย่างนั้นเมื่อไหร่เธอถึงจะโต?” ฟูหยานแอบวางเเผนและตัดสินใจที่จะจัดประสบการณ์เพิ่มเติมให้กับเด็กสาวในอนาคต
……..
"ผู้เฒ่าเฉิน ฟูหยาน ใกล้ถึงเวลาแล้ว" โหวซีไห่พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
"นายพลเสวี่ยอยู่ที่นี่หรือไม่" เฉินปาโจวถาม
“ผู้อำนวยการทั้งสาม ฉันรอมานานแล้ว!” ในขณะที่เฉินปาโจวยังพูดไม่จบ ก็ปรากฏทหารวัยกลางคนผู้สง่างามในเครื่องแบบทหารก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้ามาพร้อมกับรังสีอาฆาตที่รุนแรงพุ่งออกมารอบๆร่างกายของเขา
ทันทีที่นายพลเสวี่ยคนนี้ปรากฏตัว ชูโจวและคนอื่นๆ ต่างรู้สึกเหมือนจมอยู่ในกองเลือด ทั้งจมูกและปากของพวกเขาล้วนได้กลิ่นเลือดอยู่ตลอดเวลา….กลิ่นอายบนร่างกายของเขานั้นแข็งแกร่งเกินกว่าที่นักรบธรรมดาจะทนได้
แต่ทางฝั่งนักรบทหารเหล่านั้น เมื่อพวกเขาเห็นนายพลของพวกเขา, พวกเขาทั้งหมดต่างแสดงความตื่นเต้นและบูชาในสายตาของพวกเขา
"ในเมื่อทุกคนอยู่ที่นี่แล้ว เราก็มาเริ่มภารกิจกันเลย" ผู้อำนวยการทั้งสามคนและนายพลเสวี่ยต่างก็ทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยลอยอยู่เหนือกองกำลังนักรบของโรงยิมศิลปะการต่อสู้ทั้งสามและนักรบหลายร้อยคนจากกองทัพ
"ออกเดินทางได้"
ผู้อำนวยการทั้งสามและนายพลเสวี่ยหลังจากออกคำสั่งแล้ว ก็บินตรงออกนอกฐานเสบียงนักรบทันที
ตั้งแต่ต้นจนจบ ผู้นำทั้งสี่คนไม่ได้อธิบายว่าภารกิจลับคืออะไรและไม่ได้บอกเลยว่าจะไปปฏิบัติภารกิจที่ไหน พวกเขาเพียงเเค่ส่งสัญญาณให้นักรบของโรงยิมศิลปะการต่อสู้หลักทั้งสามแห่งและนักรบทหารติดตามพวกเขาไป
….
“พวกเขาบินได้!..... นี่เป็นความสามารถที่มีเฉพาะผู้ที่ไปถึงขั้นนักรบระดับควบคุมเท่านั้น” ชูโจวและคนอื่น ๆ พุ่งไปข้างหน้าติดตามร่างทั้งสี่พร้อมกับมองด้วยแววตาที่อิจฉา
เหนือระดับการปลุกพลังคือระดับพิเศษ และเหนือระดับพิเศษคือระดับควบคุม! …. เเละหลังจากถึงระดับการควบคุมเเล้ว, นักรบจะสามารถกำจัดปัญหาจากแรงโน้มถ่วงและบินได้อย่างอิสระ
"ชูโจว ฉันเห็นจินจิงหวู, ดูสิ…เขาอยู่ตรงนั้น" จู่ๆหลี่ชิงฉีก็ชี้ไปที่อีกด้านหนึ่ง
เมื่อชูโจวมองไปในทิศทางที่หลี่ชิงฉีชี้ เขาก็พบจินจิงหวูทันทีเเละบังเอิญที่จินจิงหวูก็มองมาที่ชูโจวด้วย……สายตาของทั้งสองประสานกัน!
ความจริงตอนนี้จินจิงหวูอยู่ในอารมณ์กระสับกระส่ายมาก, เขาพึ่งเห็นว่าชูโจวยืนอยู่กับผู้ยิ่งใหญ่อย่างเฉินปาโจวและดูเหมือนว่าเฉินปาโจวจะให้ความสำคัญกับเขามากพอสมควร, สิ่งนี้ทำให้หัวใจของเขาหนักอึ้งขึ้นมาก
“ให้ตายเถอะ ชูโจวไปรู้จักกับผู้ยิ่งใหญ่ใหญ่อย่างเฉินปาโจวได้ยังไง” จินจิงหวูรู้สึกเเย่มาก
ดูลักษณะเเล้ว ชูโจวได้รับการชื่นชมจากเฉินปาโจวอย่างมาก… เเล้วถ้าเขาฆ่าชูโจว, เขาจะถูกเฉินปาโจวไล่ล่าหรือไม่?
…… เเต่อย่างไรก็ตาม เขาก็จำเป็นจะต้องฆ่าชูโจวอยู่ดีไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
"มาดูกันว่าครั้งนี้เราจะใช้ประโยชน์จากความโกลาหลของภารกิจลับและลอบสังหารเขาได้หรือไม่" จินจิงหวูคิดเช่นนั้นในใจ, ถอนสายตาออกและร่างของเขาก็เคลื่อนที่ไปอีกทางทันที
………
สิบนาทีต่อมา…..กองทัพนักรบหลายร้อยคนที่ติดตามผู้นำทั้งสี่คนได้เดินทางข้ามป่าลึกมาหลายร้อยไมล์อย่างรวดเร็ว
เเละด้วยออร่าอันทรงพลังของผู้นำทั้งสี่ทำให้มอนสเตอร์ในพื้นที่รกร้างว่างเปล่าก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้เส้นทางของกองทัพนี้เลยทำให้ใช้เวลาเเค่สิบนาที พวกเขาก็มาถึงเนินเขาริมทะเลสาบ
"หยุด!"
เมื่อมีคำสั่งหยุด…..นักรบหลายร้อยคนก็หยุดเเละรอฟังคำสั่งต่อไป
……
ในตอนนี้ทุกคนอยู่ที่หน้าบริเวณที่มีทะเลสาบเป็นประกาย, เนินเขาเงียบสงบ และดูไม่มีอะไรพิเศษเลยเกี่ยวกับภารกิจนี้
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้นำทั้งสี่คนได้พากองทัพมายังสถานที่นี้ ดังนั้นที่นี่จะต้องมีอะไรบางอย่างอยู่เเน่นอน
"รออยู่นี่" บนท้องฟ้านายพลเสวี่ยกล่าวและหยิบดาบสีแดงเข้มออกมา จากนั้นร่างกายของเขาเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันเเละเหวี่ยงดาบในมือของเขาไปข้างหน้า
"ตูมมมมมมม"
เงาของพลังดาบสีแดงเข้มราวกับสายฟ้าฟาดไปทางเนินเขา ระลอกคลื่นพลังกระจายออกไปตามทิศทางของเงาดาบ และน้ำในทะเลสาบในบริเวณนี้ก็แตกออก เผยให้เห็นตะกอนที่ก้นทะเลสาบ
“เป้ง!”
เงาของพลังดาบสายฟ้าฟาดลงบนเนินเขาเเละทันใดนั้นเนินเขาทั้งลูกก็ถูกผ่ากลาง, เมื่อมองผ่านรอยแยกขนาดใหญ่ สามารถมองเห็นด้านในของเนินเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของฐานการทดลองที่เพรียบพร้อมไปด้วยอุปกรณ์เทคโนโลยีขั้นสูงมากมาย
…………………….