ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 204 หนิวจูเซี่ย (อ่านฟรี)
ตำนานเทพปีศาจข้ามภพ บทที่ 204 หนิวจูเซี่ย (อ่านฟรี)
แปลโดย iPAT
หุ่นเชิดมนุษย์และหม่าเชาคุนเข้าสู่การต่อสู้ ดาบของหม่าเชาคุนทิ้งรอยไว้บนร่างกายของหุ่นเชิดมนุษย์แต่มันไม่สามารถทำลาย หลังจากทั้งหมดไม้ที่ใช้สร้างหุ่นเชิดมนุษย์ตัวนี้มาจากต้นไม้เหล็กไหลอายุพันปีและยังผ่านกระบวนการพิเศษ ดังนั้นแม้หม่าเชาคุนจะได้รับการสนับสนุนจากยันต์ เขาก็ยังเป็นฝ่ายถูกบังคับให้ล่าถอย
“ศิษย์พี่ เราจะทำอย่างไร?”
ในที่สุดการแสดงออกของศิษย์พี่ซ่งก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาสามารถนำยันต์ระดับกลางออกมาได้อีกสองสามแผ่น แต่นั่นจะเป็นการสิ้นเปลืองเกินไป ด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจออกจากรถม้าและทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้าเหมือนนกตัวใหญ่
เขาไม่สนใจหม่าเชาคุนและคนอื่นๆ เขาพุ่งไปยังห้องด้านหลังที่หลี่ฉิงซานอยู่โดยตรง
เหล่าชาวยุทธ์ที่เห็นสิ่งนี้ต่างเงยหน้าขึ้นด้วยความตกตะลึง
อวี๋จื่อเจี้ยนกรีดร้อง “จอมยุทธ์ขั้นหก!” นางเคยเห็นจอมยุทธ์มากมายในเมืองชิงเหอ นางรู้ว่าจอมยุทธ์ขั้นหกน่ากลัวเพียงใด ดังนั้นนางจึงเริ่มกังวลเกี่ยวกับอาหนิวของนางและรีบวิ่งเข้าไปในห้องโถง
ศิษย์พี่ซ่งดีดนิ้วและทำให้ประตูห้องแตกเป็นเสี่ยงๆ จากนั้นเขาก็เห็นร่างใหญ่ภายใต้หมวกไม้ไผ่หันหลังให้เขาราวกับอีกฝ่ายไม่รู้สึกตัว
ศิษย์พี่ซ่งตระหนักว่าคนผู้นี้แข็งแกร่งที่สุดบนภูเขาเกลือแห่งนี้ ดังนั้นเขาจึงเปิดฉากโจมตีอย่างรุนแรงไปที่แผ่นหลังของชายร่างใหญ่ทันที
“ท่านอาหนิว!” อวี๋จื่อเจี้ยนรีบวิ่งเข้าไป เมื่อนางเห็นการเคลื่อนไหวของศิษย์พี่ซ่ง ใบหน้าที่งดงามของนางก็กลายเป็นซีดขาวขณะที่ความโศกเศร้าพรั่งพรูออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจของนาง มันเป็นความผิดของนางทั้งหมด อาหนิวกำลังจะถูกคนร้ายฆ่าตาย
อย่างไรก็ตามความสุขที่พึ่งผุดขึ้นบนใบหน้าของศิษย์พี่ซ่งกลับหายไปอย่างกะทันหัน ไม่เพียงชายผู้นั้นจะยังอยู่ที่เดิมแต่เขาไม่แม้แต่จะพยายามหลบการโจมตี เขายังดื่มสุราจากชามที่อยู่ในมือ พลังปราณที่ศิษย์พี่ซ่งปล่อยออกมากลายเป็นสูญเปล่า มันไม่สามารถทำร้ายชายผู้นี้ได้แม้แต่น้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเรื่องแปลกประหลาดเช่นนี้
“เจ้าเป็นผู้ใด?”
หลี่ฉิงซานหันกลับไป แสงสีแดงส่องประกายอยู่ภายใต้หมวกไม้ไผ่ ศิษย์พี่ซ่งถอยกลับหลังแต่มันสายไปแล้ว แขนของหลี่ฉิงซานที่ยาวเป็นสองเท่าของคนทั่วไปยื่นออกมา มือขนาดใหญ่คว้าลำคอของศิษย์พี่ซ่งเอาไว้
ศิษย์พี่ซ่งรู้สึกเหมือนโซ่เหล็กรัดพันอยู่รอบตัว ตราบเท่าที่มือข้างนี้ออกแรงบีบอีกเพียงเล็กน้อย คอของเขาจะขาดทันที
ทั้งหมดที่อวี๋จื่อเจี้ยนเห็นคือท่านอาหนิวของนางลุกขึ้นยืนด้วยร่างขนาดมหึมา หัวของเขาแทบจะสัมผัสเพดานห้อง ก้าวแรกที่เขาก้าวออกมาทำให้พื้นสั่นสะเทือน หลังจากก้าวที่สอง เขาก็ดึงแขนกลับและตะโกนออกไปว่า “เรียกข้าว่าหนิวจูเซี่ย!” จากนั้นเขาก็เหวี่ยงศิษย์พี่ซ่งออกไปราวกับเขากำลังขว้างหอก
ศิษย์พี่ซ่งพุ่งออกจากหลังคาและหายตัวไป
ทุกคนในลานกว้างเห็นร่างนั้นบินออกไปเร็วกว่าตอนที่เขาเข้ามา มันแล่นไปในอากาศเป็นเส้นโค้งและตกลงบนพื้นด้านนอกด้วยเสียงดังสนั่น ศิษย์พี่ซ่งอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว เห็นได้ชัดว่าหนิวจูเซี่ยที่อยู่ด้านในชั่วร้ายกว่าเขามาก
“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
ศิษย์พี่ซ่งมึนงงจากการตกกระแทกพื้น แต่ด้วยพลังปราณที่ปกป้องเขา เขาจึงไม่ได้รับบาดเจ็บร้ายแรง เขาสบายดีแต่รู้สึกหวาดกลัว ชายร่างยักษ์เป็นผู้ใด เขารู้สึกเหมือนว่าตนเองไม่สามารถยืนอยู่ต่อหน้าคนผู้นี้ หากชายร่างยักษ์ต้องการฆ่าเขา เขาคงตายไปแล้ว ศิษย์พี่ซ่งกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ ดังนั้นเขาจึงรีบกล่าว “ไปกันเถอะ!”
พวกเขาไม่สนใจหม่าเชาคุนอีกต่อไป พวกเขารีบขึ้นรถม้าและจากไปทันที
อวี๋จื่อเจี้ยนมองหลี่ฉิงซานด้วยความมึนงง ก่อนหน้านี้แสงแดดส่องกระทบใบหน้าของเขาและเผยให้เห็นใบหน้าเรียบๆที่ถูกซ่อนไว้
ใบหน้าของเขาดูอ่อนเยาว์กว่าที่นางจินตนาการไว้มาก เขาปลดปล่อยความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ตามธรรมชาติและดูเปล่งประกายมาก นางมั่นใจว่านางไม่เคยเห็นใบหน้าเช่นนี้มาก่อนแต่นางกลับรู้สึกคุ้นเคยกับมันยิ่งกว่าก่อนหน้า
ทันใดนั้นความคิดแปลกๆก็พุ่งผ่านจิตใจของนาง นี่คือชะตากรรม? มันเป็นชะตากรรมที่ยิ่งใหญ่เกินไปหรือไม่?
“ขอบคุณ ท่าน..เอ่อ...ท่านหนิวจูเซี่ย!”
หลี่ฉิงซานกลับไปนั่งที่เดิมและกดหมวกลง “ไม่จำเป็นต้องขอบคุณข้า ไปหาพ่อของเจ้าเถอะ”
อวี๋จื่อเจี้ยนหันหลังและกลับออกไป ลานกว้างกลายเป็นเงียบสนิท ทุกคนมองนางราวกับพวกเขาต้องการล่วงความลับของหนิวจูเซี่ยนจากนาง
ใบหน้าของหม่าเชาคุนกลายเป็นขี้เถ้า ในสายตาของเขา ศิษย์พี่ซ่งเป็นการดำรงอยู่ที่สูงส่งแม้จะกวาดตามองภูเขาระบำไก่ฟ้าทั้งหมดก็ตาม แต่ตัวตนเช่นนี้กลับพ่ายแพ้ในการโจมตีเดียวและไม่สามารถแม้แต้จะโต้กลับ ยันต์บนแผ่นหลังของเขาสูญเสียพลังไปแล้ว ขณะที่หุ่นเชิดมนุษย์จับแขนของเขาเอาไว้อย่างแน่นหนาและกดเขาลงบนพื้น
อวี๋ฉูกวงกล่าว “ยังมีสิ่งใดจะพูดอีกหรือไม่?”
หม่าเชาคุนดิ้นรนอย่างสิ้นหวังด้วยใบหน้าบิดเบี้ยว “เหมือนครั้งก่อน มันไม่ใช่เพราะความไร้สามารถของข้าแต่เป็นเพราะการโกงที่น่ารังเกียจของเจ้า! หากเจ้ามีความกล้าก็ฆ่าข้าซะ! นิกายระบำไก่ฟ้าจะไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน! พวกเขาจะสังหารหมู่พวกเจ้าทั้งหมด!”
อวี๋ฉูกวงหัวเราะเสียงดังแต่นี่ไม่ใช่เพราะความพอใจในฐานะผู้ชนะ ตรงข้าม มันเต็มไปด้วยความขมขื่นและเย้ยหยันตนเอง “ข้าไม่เข้าใจเลย เจ้าน่าเกลียดและบ้าคลั่ง ทักษะการต่อสู้ของเจ้าเหนือกว่าข้าเพียงเล็กน้อย มีสิ่งใดที่ข้าเทียบเจ้าไม่ได้? เหตุใดจื่อเอ๋อถึงตกหลุมรักคนเช่นเจ้า!”
หม่าเชาคุนกลายเป็นมึนงง “เจ้ากล่าวสิ่งใด?”
หลี่ฉิงซานรู้สึกประหลาดใจ หญิงผู้หนึ่งจะยาวางชายคนที่ตนเองรักได้อย่างไร
“เพราะนางรู้ว่าหากข้าชนะ ข้าจะไม่ฆ่าเจ้า แต่หากเจ้าชนะ เจ้าจะฆ่าข้าอย่างแน่นอน นั่นเป็นเหตุผลที่นางทำเช่นนั้น ครั้งหนึ่งนางเคยบอกข้าว่านางจะแต่งงานกับเจ้า เจ้าคนบ้า ไม่ว่าผลการต่อสู้จะเป็นเช่นไร ก่อนการต่อสู้จะเริ่มขึ้น ข้าก็พ่ายแพ้ไปแล้ว”
“แต่ข้าปฏิเสธที่จะยอมรับมัน ข้าต้องการพิสูจน์ให้นางเห็นว่าข้ายินดีตายเพื่อนาง แต่นางรับไม่ได้ที่ข้าจะตายเพื่อนาง” เมื่ออวี๋ฉูกวงกล่าวถึงจุดนี้ น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของเขา
หม่าเชาคุนตกตะลึง ครั้งหนึ่งจื่อเอ๋อคงทำทุกอย่างเพื่อโน้มน้าวให้เขาหยุดความคิดที่จะต่อสู้กับอวี๋ฉูกวงจริงๆ แต่นั่นกลับทำให้เขาเชื่อว่านางตกหลุมรักคนอื่น เขาโกรธมากและยิ่งต้องการฆ่าอวี๋ฉูกวงมากขึ้น
อวี๋ฉูกวงกล่าวต่อ “หลังจบการต่อสู้ เจ้าจากไปโดยไม่กล่าวสิ่งใด นางเสียใจมาก แม้นางจะแต่งงานกับข้าอย่างไม่มีทางเลือกแต่นางก็จากไปเพราะอาการใจสลายในอีกไม่กี่ปีต่อมา” ตั้งแต่นั้นอวี๋ฉูกวงก็ไม่สนใจหญิงใดอีกเลย เขาทุ่มเทพลังงานทั้งหมดให้กับอวี๋จื่อเจี้ยนเท่านั้น
เมื่อชายที่ดื้อรั้นทั้งสองไม่ยอมถอย ฝ่ายหญิงจึงต้องทำในสิ่งที่นางทำได้ อย่างไรก็ตามทุกอย่างกลายเป็นเปล่าประโยชน์
หม่าเชาคุนเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดในที่สุด หญิงใจดีผู้นั้นไม่เคยทรยศเขา เขาเป็นฝ่ายที่ถูกความอิจฉาริษยาบดบังสายตา
“ข้าเป็นคนทำร้ายนาง!”