ตอนที่ 69 รถที่จอดทิ้งไว้
ตอนที่ 69 รถที่จอดทิ้งไว้
หลินที่ถอยออกมาก่อนเห็นเรนถือกุญแจพวกหนึ่งออกมาจากห้องน้ำก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
"เป็นกุญแจของอะไร"
"น่าจะกุญแจรถ" เรนกล่าวตอบขณะที่แววตายังมองดูพวงกุญแจในมือ ก่อนจะเก็บมันไว้และค่อยไปหาดูด้านนอกว่ามีรถอยู่หรือไม่หลังจากตรวจดูด้านในอาคารจนครบแล้ว
ทั้งสองคนช่วยกันค้นหาข้าวของทุกอย่างที่เอาไปได้ ในอาคารนี้มีเงินสดเก็บไว้อยู่ แต่ว่าที่มีมากจริง ๆ คือดูเซฟที่อยู่ด้านในสุด มันถูกล็อกด้วยรหัสที่คงไม่มีใครเหลือรอดมาไขมันแล้ว
แต่พวกเขาไม่สนใจเงินมากนัก เรนและหลินจึงปล่อยทิ้งไว้แบบนั้น
นอกจากของเหล่านี้เรนและหลินยังพบวิทยุอีกสองสามตัว ซึ่งสามารถใช้งานได้และที่สำคัญกว่านั้นคือเครื่องปั่นไฟขนาดเล็ก
เรนยินดีมากที่พบมันนี่เป็นหนึ่งในของที่สำคัญ
"เรนด้านนั้นมีน้ำเปล่า"
ตอนนั้นหลินที่แยกไปอีกห้องก็เรียกเขา เมื่อเห็นว่าห้องเก็บของที่เธอเข้าไปตรวจดูเต็มไปด้วยขวดน้ำเปล่าจำนวนมาก
เรนรีบไปหาหลินตามเสียงเรียก เขาก็เห็นขวดน้ำเปล่าจำนวนมากที่บรรจุอยู่ในแพ็ค เมื่อใช้สายตาคาดเดาจำนวนน้ำเปล่าเก็บไว้ในห้องนี้อย่างน้อยก็หนึ่งร้อยแพ็คไม่ต่ำกว่านี้แน่นอน
น้ำขวดพวกนี้เป็นแบบขนาด 1000 มล. ที่นิยมไว้แจกตอนลูกค้าเติมน้ำมันถึงยอดจำนวนหนึ่ง
"พวกเราคงขนน้ำพวกนี้ไปไม่หมดแน่" หลินกล่าวขึ้นมา
"ไปหารถเพิ่มกัน" เรนบอกก่อนจะออกไปด้านนอก
"เรนมีอะไรหรือเปล่า" ผู้กองเชนเอ่ยถามเรนที่เดินออกมาจากอาคารด้วยความรีบร้อน
"มีแพ็คน้ำเปล่าจำนวนมากด้านในรถที่เอามาคงขนไปไม่หมดต้องหารถเพิ่มอีกสักคัน" เรนกล่าว ก่อนจะถามกลับไปว่า "น้ำมันเป็นยังไงบ้าง"
"มีอยู่ในถังส่วนหนึ่งกำลังสูบจากถังมาไว้ในรถด้วย น่าจะอีกสักพักคงเสร็จ" ผู้กองเชนบอกในสิ่งที่ตนกำลังกระทำอยู่
"ตอนนี้มีรถหุ้มเกราะกับรถบรรทุกคงต้องแบ่งกันขับ" เรนกล่าวถามขึ้นมา เพราะถ้าจะเอารถไปเพิ่มต้องแบ่งหน้าที่กันไป
"ฉันจะขับรถบรรทุกไปเอง" ผู้กองเชนเสนอตัว น้ำมันในรถนั้นมีค่ามาก จนแม้แต่ผู้กองก็ไม่ไว้ใจให้คนอื่นขับไป
เรนเองก็เหมือนกัน แต่จะให้ไปขับเองคงไม่ไหว
"ฉันพอจะจับรถหุ้มเกราะได้" หลินเสนอตัวขึ้นมา
เรนพยักหน้าตกลง
"คุณขับรถเป็นไหม" เรนเอ่ยถามกับเบ็นที่อยู่ไม่ไกล
"แน่นอน" เบ็นตอบกลับด้วยความกระตือรือร้น
"เราไปหารถมาเพิ่มกัน" เรนกล่าวและพาเบ็นไปหารถ
"นายไม่ไปกับพ่อของนายเหรอ" ผู้กองเชนหันมาถามเฮนรี่ที่ยืนพิงรถอยู่
"ไม่ดีกว่า ถ้าผมตามไปเขาก็คงไม่ให้ผมทำอะไรอยู่ดี" เฮนรี่ตอบ
"ถ้าอย่างนั้นขากลับนายไปกับฉันก็แล้วกัน รถใหญ่แบบนี้มีคนช่วยมองทางด้วยจะทำให้ทำอะไรได้ง่ายขึ้น"
เฮนรี่พยักหน้าตกลงกับข้อเสนอของผู้กองเชนทันที
ด้านของเรนและเบ็นทั้งสองไปหารถที่จอดอยู่ภายในน้ำมันจนเจอเข้ากันรถกระบะคันหนึ่ง ทั้งสองจึงช่วยกันหากุญแจ เพราะคิดว่ารถคันนี้ยังจอดอยู่ที่นี่ก็น่าจะเป็นคนที่ขับมาจอดไว้ก่อนจะเกิดเรื่อง กุญแจคงอยู่ที่ตัวของผู้ติดเชื้อตัวไหนสักตัว
“ผมจะไปดูกุญแจที่ศพผู้ติดเชื้อก่อน” เรนกล่าวและเดินไปที่ศพผู้ติดเชื้อ
เบ็นที่เห็นอย่างนั้นก็เดินดูรอบ ๆ รถหวังว่าจะเจออะไรสักอย่าง ซึ่งแถวนี้มีรถจอดอยู่สองสามคัน บางทีอาจจะมีสักคันที่มีกุญแจ
กึก!
ตอนนั้นก็มีเสียงดังขึ้นมาจากใต้ทองรถคันหนึ่ง เบ็นที่ยืนอยู่คนเดียวได้ยินเสียงจึงก้าวเดินเข้าไปดูด้วยความสงสัย แต่ทันทีที่เดินเข้าไปใกล้ ตอนนั้นเองก็มีผู้ติดเชื้อคลานออกมาจากใต้ท้องรถคว้าจับเข้าไปที่ขาและดึงอย่างแรงจนเบ็นนั้นล้มลงหัวกระแทกพื้น ก่อนจะร้องออกมาด้วยความตื่นตกใจ
เฮนรี่ที่อยู่กับผู้กองเชนที่รถน้ำมันได้ยินเสียงร้องของพ่อตนเองก็รีบวิ่งตามไปช่วยด้วยความตกใจไม่แพ้
“พ่อ!” เฮนรี่วิ่งเข้าไป แต่พอมาถึงก็เห็นว่าผู้ติดเชื้อนั้นตายแล้ว
ผู้กองเชนวิ่งตามมาพร้อมกับหลินก็เห็นว่ามีศพของผู้ติดเชื้อตายอยู่ที่พื้น
“ไม่เป็นอะไรนะ” เรนที่ได้ยินเสียงร้องของเบ็นก็ใช้ธนูยิงฆ่ามันก่อน
“ไม่เป็นอะไร” เบ็นลุกขึ้นมาด้วยอาการเจ็บหัวเล็กน้อย แต่ก็ไม่เป็นอะไรมาก
“ไปเตรียมตัวกันเถอะ เราควรออกจากที่นี่ได้แล้ว” เรนกล่าวจากนั้นก็เดินไปที่ศพของผู้ติดเชื้อหยิบกุญแจขึ้นมา มันเป็นกุญแจรถที่พวกเขากำลังมองหากัน
เบ็นรับไปและเปิดประตูรถเข้าไปด้านใน ก่อนจะถอยรถไปที่หน้าอาคารเพื่อใช้ขนย้ายน้ำ
เฮนรี่มองอย่างอ้ำอึ้ง แต่ก็ยังถอนหายใจที่พ่อของตนไม่เป็นอะไร
เรนเดินไปทางด้านหลังที่จอดรถแยกของอาการ เขาหยิบกุญแจออกมาเพื่อดูว่ารถเจ้าของปั๊มคันไหน ก่อนจะเจอเข้ากับรถมอเตอร์ไซต์ทัวริ่งคันหนึ่ง
เรนรีบเข้าไปดูมันทันที นี่เป็นรถมอเตอร์ไซต์ทัวริ่ง เขาเคยเห็นแต่ในเน็ต มันมีราคาอยู่ที่หลักล้านกว่า ๆ ยังไม่รวมของแต่ง ซึ่งการที่เจ้าของปั๊มน้ำมันมีรถคันนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“คุณตายไปแล้วผมจะดูแลมันให้แล้วกัน” เรนขึ้นคร่อมรถและขับออกมารวมกับทุกคน
“รถนี่สุดยอดเลย” ผู้กองเชนกล่าวชมเช่นกัน สำหรับผู้ชายแล้วรถมอเตอร์ไซต์ทัวริ่งนับว่าเป็นสิ่งที่ฝันอยากจะครอบครองอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้
“ไว้ผมจะหาให้สักคัน” เรนกล่าวกับผู้กองเชน
“ไว้ฉันจะไปหาเอง แต่ถ้าไม่ได้ก็ขอรถหุ้มเกราะแล้วกัน” ผู้กองเชนกล่าวตอบแบบติดตลกเล็กน้อย
หลังจากพูดกันเล็กน้อยก็เข้าไปช่วยกันขนแพ็คน้ำขึ้นรถหุ้มเกราะกับรถกระบะอีกคันหนึ่ง ซ้อนกันดี ๆ แล้วก็สามารถขนไปได้จนหมด เป็นเวลาเดียวกับที่ดูดเอาน้ำมันในถังออกมาจนเต็มรถพอดี
พวกเขาจึงเดินทางออกจากปั๊มน้ำมันกันในทันที
มีรถมอเตอร์ไซต์ของเรนนำขบวนตามมาด้วยรถหุ้มเกราะ จากนั้นก็รถบรรทุกและสุดท้ายคือรถกระบะที่เบ็นขับ
ระหว่างทางที่กลับตอนนั้นเองเรนก็เจอเข้ากับผู้ติดเชื้อตัวหนึ่งที่เดินอยู่กลางทาง พอมันเห็นเรนก็ตรงเข้าใส่เขาทันที แต่เรนนั้นเร็วกว่าขับหลบมันอย่างง่ายดาย
ผู้ติดเชื้อที่จับเหยื่อไม่ได้ยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็โดนรถหุ้มเกราะชนเข้าเต็ม ๆ จนร่างกระเด็นตกไปข้างทาง ขบวนรถไม่คิดจะจอดดูขับกันต่อทันที
ขณะที่ขบวนรถของพวกเขาเคลื่อนที่ไปตามถนน ซึ่งใกล้กับถนนอีกเส้นหนึ่งที่เรนและผู้กองเชนเคยพูดคุยกันว่าที่นั่นมีรถจอดทิ้งไว้เป็นจำนวนมากและเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ซึ่งพวกเขาสามารถไปค้นหาสิ่งของกันได้
แต่ว่าก่อนจะไปถึงตอนนั้นเรนก็ว่ามีรถคันหนึ่งจอดเสียหลักทิ้งไว้ข้างทาง
เรนชะลอความเร็วรถลงในทันที
“เรนเกิดอะไรขึ้น” เสียงวิทยุดังขึ้นตามมาในทันที
“รถคันนี้พึ่งมาจอดที่นี่” เรนกล่าวตอบไปในวิทยุ
ตอนที่มาพวกเขาผ่านเส้นทางนี้ แต่ว่าตอนนั้นไม่มีรถคันนี้มาจอดไว้ที่นี่ ซึ่งมีความเป็นไปได้อย่างเดียวว่าเป็นผู้รอดชีวิตคนอื่น ๆ มาแถวนี้
“เอายังไงกันดี”
“เดี๋ยวฉันไปดูเอง”
เรนกล่าวจบก็ขับรถมอเตอร์ไซต์เข้าไปใกล้ ๆ ส่วนคนอื่น ๆ นั้นชะลอความเร็วรถและรอดูเหตุการณ์อยู่ไกลออกมาเล็กน้อย
เรนไปถึงก็เห็นว่าด้านในรถไม่มีใคร แม้แต่ของกินหรือน้ำก็ไม่มี
“ไปกันหมดแล้ว ของในรถขนไปจนเกลี้ยงเลย” เรนวิทยุตอบกลับไป ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ไปกันต่อเถอะ บางที่คนเหล่านี้อาจจะแค่ผ่านทางมา”
ขบวนรถของพวกเขาเคลื่อนตัวผ่านไปอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะไปถึงทางแยก เรนจึงวิทยุบอกกับผู้กองเชนอีกครั้งว่า “ผมจะไปดูถนนที่คุณเคยพูดถึงสักหน่อย ถ้าคนแถวนั้นไปจากรถมีโอกาสที่จะไปที่นั่น แต่ถ้าไม่มีใครไปก็ถือว่าสำรวจถนนเส้นนั้นไปในตัว”
เรนเดาว่าคนพวกนั้นอาจจะหนีไปแถวถนน เพราะถ้าต้องการรถคันใหม่ก็มีแต่ที่นั่น ส่วนในเมืองนั้นไกลเกินไปและยังอันตราย ที่สำคัญพวกเขามาจากทางนั้น ถ้ามีใครไปคงเห็นแล้ว
“ระวังตัวด้วย ฉันจะเอารถน้ำมันกลับไปที่ฐานก่อน” ผู้กองเชนตอบกลับมาก่อนจะขับรถแยกไปที่ฐาน ฐานของพวกเขาก็อยู่ไม่ไกลจากที่นี่มากดังนั้นผู้กองเชนจึงต้องการกลับไปตรวจสอบดูเช่นกัน
อีกอย่างน้ำมันในรถสำคัญมาก เอาไปเก็บก่อนจะดีกว่าเอามาเสี่ยงที่นี่
“ฉันจะไปกับนาย” หลินวิทยุมาหาเรน เพราะเธอคงไม่ปล่อยให้เรนไปคนเดียว
เบ็นนั้นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ตามหลินและเรนไป
ทั้งสามไปที่มีรถจอดแน่นไปหมด มันอยู่ห่างออกไปราว ๆ 7-8 กิโลเมตรเท่านั้น ขับไปไม่นานก็มาถึง เรนกับพวกไม่ได้ขับรถไปในนั้น แต่จอดไว้ข้างทางห่างประมาณ 50 กว่าเมตรและลงเดินเท้าเข้าไปสำรวจดู
มองจากไกล ๆ นั้นไม่มีผู้ติดเชื้ออยู่ที่นี่นอกจากรถที่จอดอัดแน่นกันอยู่บนถนนติดทอดยาวไปนับกิโลเมตร รถส่วนใหญ่เปิดประตูไว้เพราะตอนที่ผู้คนรีบลงมาไม่มีเวลาไปสนใจปิดพวกมัน
และแทบจะทุกคนมีกุญแจเสียบคาไว้อยู่ด้วย
“ว๊ากกก!!!” ตอนนั้นมีเสียงคำรามดังขึ้นมาจากรถคันใกล้ ๆ ที่เรน หลินและเบ็นเดินเข้าไป
เบ็นดูจะตกใจอยู่บ้าง แต่เรนและหลินนั้นมองไปยังเสียงคำรามด้วยแววตาสงบนิ่ง เสียงนั้นมาจากผู้ติดเชื้อคนหนึ่งที่ติดอยู่ที่นั่งมีเข็มขัดนิรภัยล็อกตัวไว้
เรนไม่ปล่อยมันไว้ เพราะเสียงอาจจะดึงดูดตัวอื่น ๆ มาเขาง้างธนูยิงทะลุกระจกสังหารมันในทันที ก่อนจะเดินไปเก็บเอาหินพลังงานและเหรียญทองมา
“ในนี้มีเงินและเครื่องประดับด้วย” หลินเข้าไปตรวจสอบของในรถที่ผู้ติดเชื้อพึ่งตายไป เธอพบกับกระเป๋าที่ใส่เครื่องประดับและเงินจำนวนมาก
“คงเป็นของผู้ติดเชื้อตัวนี้ ที่ก่อนตายได้ขนของมาหวังใช้มันถ้าหนีไปได้” เรนกล่าวอย่างไม่ค่อยสนใจสิ่งของเหล่านี้
“น่าเสียดายที่จะทิ้งไว้โดยเฉพาะกระเป๋าเป็นของแบนเนมด้วย ถ้าเอาไปให้ไอราเธอน่าจะชอบ” หลินกล่าวและหยิบไป เพื่อเอาไปให้ไอราที่พักนี้มักแสดงสีหน้าเศร้าบ่อย ๆ
ขณะที่พวกเขาเริ่มเดินสำรวจดูรถและของในรถกันตอนนั้นก็มีเสียงดังสัญญาณเตือนของรถดังขึ้นมาจากไกล ๆ ทำให้ทั้งสามคนหยุดมือในสิ่งที่ทำและหันไปมองยังทิศทางของเสียงสัญญาณ
เรน หลินและเบ็นต่างมองหน้ากัน เพราะรู้ว่านี่ไม่ปกติคงมีบางสิ่งไปทำให้สัญญาณรถดัง
“เราต้องไปปิดมัน เบ็นคุณระวังหลังไว้” เรนกล่าวก่อนจะส่งปืนกระบอกหนึ่งให้กับเบ็น
เบ็นรับปืนมาอย่างระวังตัว
“หลินไปทางนั้น” เรนให้หลินไปอีกทาง ส่วนตนนั้นเดินเข้าไปตรง ๆ