ตอนที่ 47 ไรรีย์ วัลแคน
ตอนที่ 47 ไรรีย์ วัลแคน
หนึ่งเดือนต่อมา
ในเวลาที่ผ่านมาลีโอได้รับภารกิจไปขุดเหมืองอยู่สามครั้งกินเวลารวมกัน 10 วันและเวลาที่เหลืออีก 20 วันลีโอใช้ทั้งหมดไปกับการอยู่ในลานหินแห่งเวลาของโลกมิติดวงตาผนึกเทพ เพื่อฝึกฝนทักษะดาบอย่างต่อเนื่อง
ยกเว้นก็แต่ช่วงกลางวัน ลีโอมาที่บ้านพักของจิม เพื่อใช้ห้องต่อสู้ฝึกซ้อมและตอนกลางคืนลีโอกลับไปฝึกที่ลานหินต่อเร่งเวลา 3 เท่าของเวลาด้านนอก
ทำให้ฝีมือของลีโอนั้นเพิ่มขึ้นด้วยความเร็วที่สูงมาก
ครั้งนี้จิมเข้ามาดูการฝึกของลีโอด้วยสีหน้าท่าทางประหลาดใจกับพัฒนาการฝึกฝนของลีโอที่รวดเร็วมาก
“ผ่านการฝึกขั้นพื้นฐาน ท่วงท่าที่สมบูรณ์ 95%”
เสียงระบบของห้องต่อสู้ดึงขึ้นมา พร้อมกับแถบการฝึกทั้งหมดของลีโอนั้นกลายเป็นสีเขียว นั้นหมายความว่าเขาผ่านการฝึกพื้นฐานแล้ว
ลีโอถอนหายใจและใช้มือปาดเม็ดเหงื่อบนใบหน้าออก ก่อนจะเผยรอยยิ้มอย่างยินดีในที่สุดก็ฝึกทักษะพื้นฐานดาบสำเร็จ ส่วนที่ว่าอีก5% นั้นมันเป็นการฝึกฝนที่ใช้เวลามาเติมเต็มในภายหลังได้
“เจ้าฝึกพื้นฐานดาบทั้งหมดด้วยเวลาแค่ 1 เดือนครึ่งนับว่าไม่ธรรมดาที่สำเร็จทักษะดาบพื้นฐาน หรือว่าเจ้าเองก็เป็นอัจฉริยะดาบด้วย” จิมก้าวเดินเข้ามาในห้องต่อสู้และเอ่ยถามลีโอด้วยความสงสัย
“ก็อาจจะ” ลีโอไม่ได้ถ่อมตน เพราะถ้าไม่ใช้เหตุผลนี้มากล่าวอ้างก็คงยากที่จะอธิบายว่าเอาฝึกสำเร็จได้เร็วแบบนี้ได้อย่างไร ถ้าจะให้บอกว่า ข้านั้นมีลานหินที่เร่งเวลาได้และที่จริงก็ไม่ได้ฝึกเพียงแค่ 1 เดือนครั้ง แต่ฝึกถึง 3 เดือนรวมกับในลานหินแห่งเวลา
ลีโอคงบอกแบบนั้นไปไม่ได้
“อืม น่าสนใจคนปกติฝึกกันอย่างน้อยก็ 3-4 เดือนจึงผ่านทักษะพื้นฐานดาบทั้งหมด เจ้าทำได้ดี” จิมยังกล่าวชมต่อ
“ข้าถามได้ไหม ท่านใช้เวลาเท่าไหร่ในการเข้าใจพื้นฐานดาบ” ลีโออยากรู้เรื่องนี้ว่าเขานั้นห่างชั้นกับอัจฉริยะดาบจิมมากเพียงใด
“อืม...น่าจะสัก 3 สัปดาห์” จิมตอบด้วยสีหน้าท่าทางปกติ
มุมปากของลีโอกระตุกเขา ๆ เมื่อได้ยินว่าทักษะพื้นฐานดาบที่เขาใช้เวลาฝึกแทบเป็นแทบตายเกือบ 3 เดือน แต่จิมที่อยู่ตรงหน้ากลับฝึกได้สำเร็จภายใน 3 สัปดาห์
‘สัตว์ประหลาดชัด ๆ’ ลีโอพึมพำในใจ และไม่กล้ารับคำชมของจิมอีก เพราะรู้สึกอายมากกว่าภูมิใจ
“มาเถอะข้าจะพาเจ้าไปซื้อดาบเจ้าเตรียมเงินไว้แล้วใช่ไหม” จิมเอ่ยถาม
ลีโอพยักหน้าบอกว่าเตรียมไว้แล้ว
“ก็ดีตามมาข้าจะพาเจ้าไปซื้อดาบที่เหมาะกับเจ้า”
ทั้งจิมและลีโอสองคนเดินออกจากบ้านพักตรงไปยังสถานที่ด้านหนึ่งของฐานขุดเจาะ สถานที่ลีโอไปนั้นอยู่คนละพื้นที่กับย่านดื่มกินหรือห้องพักอาศัย ที่นี่อยู่ใกล้ ๆ กับโกดังเก็บแร่ต่าง ๆ ภายในเหมืองมรณะ
บรรยากาศโดยรอบนั้นมืดอึมครึมมีกลิ่นโลหะเผาไหม้ลอยมาเป็นครั้งคราว
พอเดินเข้าไปตามซอยเรื่อยก็พบกับอาคารที่สร้างจากแผ่นเหล็กทอดยาวไปตลอดสองฟากฝั่ง มีชิ้นส่วนมากมายถูกวางโยนกองไว้อย่างยุ่งเหยิง
ขณะที่เดินก็พบเจอคนผ่านไปมาบ้างสองสามคน โดยเป็นหมอผีฝึกหัดเสียทั้งหมด แต่ไม่มีใครทักทายอะไรกัน เพราะไม่ต้องการไปสอดรู้ธุระของคนอื่น
“ที่นี่แหละ” จิมกล่าวอีกครั้งเมื่อมาถึงอาคารโลหะหลังหนึ่ง ไม่มากความจิมกดปุ่มเปิดช่องเผยให้เห็นหน้าจอสแกนนิ้วมือ
“ที่นี่คนนอกไม่สามารถมาได้ ต้องเป็นคนรู้จักถึงเข้าไปได้” จิมอธิบายให้ลีโอฟัง ก่อนจะวางมือสแกนยืนยันตัวตน
คนรู้จักนั้นไม่ได้หมายความเพียงรู้จักแต่ต้องเป็นคนที่เจ้าของบ้านนั้นยินยอมทำการค้าด้วย ซึ่งแน่นอนว่าจิมเป็นหนึ่งในนั้น
ลีโอพยักหน้ารับฟัง
แก็ก!
เสียงล็อกของประตูเปิดออกเผยให้เห็นห้องด้านในที่เต็มไปด้วยศิลปะจากโลหะมากมาย อันได้แก่อาวุธเย็นหลากหลายชนิด แต่ที่จัดแสดงอยู่จะเป็นดาบเสียซะส่วนใหญ่ นั้นเพราะว่าหมอผีมักนิยมการใช้ดาบ
ดาบนั้นมีรูปร่างหลากหลายจนเรียกว่าแต่ละเล่มไม่เหมือนกัน
“ที่นี่คือร้านของหมอผีหลอมสร้างศาสตราผู้หนึ่ง ข้ารู้จักเขาเมื่อ 6 ปีก่อนและถือว่าเป็นหมอผีหลอมสร้างศาสตราที่มีฝีมือไม่เป็นรองใครผู้หนึ่ง” จิมกล่าวอธิบายขณะที่พาลีโอนั้นเดินผ่านอาวุธอาคมที่จัดแสดงเข้าไปลึกขึ้นเรื่อย ๆ
เกร็ง! ๆ ๆ ๆ
เสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นมาอย่างต่อเนื่องจากทิศทางที่พวกเขากำลังเดินเข้าไป พอไปถึงก็เป็นห้องที่ไม่ได้กว้างกว่าหน้าร้านมากนัก แต่ภายในกลับไม่มีสิ่งของมากมายนอกจากแท่นที่ตั้งขึ้นมาใจกลาง ซึ่งเป็นเตาในยุคสมัยใหม่ นี่เป็นครั้งแรกที่ลีโอเคยเห็นมันเช่นกัน
เตานี่ใช้พลังงานพาสมาเพื่อหลอมโลหะสื่อวิญญาณโดยเฉพาะถ้าไม่อย่างนั้นคงยากที่จะหลอมโลหะสื่อวิญญาณได้ในเวลาสั้น
ด้านในห้องยังมีคนอยู่อีกผู้หนึ่งเป็นสตรีร่างกำยำ ส่วนสูงราวกับนางแบบ เส้นผมแดงทอง คิ้วหน้าคมคลาย ชุดที่สวมใส่ก็น้อยชิ้นปกปิดร่างกายบนล่างเท่านั้น จนเผยให้เห็นผิวแทนสีน้ำผึ้งที่เรียบเนียนสม่ำเสมอ กล้ามเนื้อชัดเจน
ทุกอย่างหลอมรวมกันเป็นสตรีที่มีเอกลักษณ์และสง่างามราวกับฮิฟีสตัสเทพแห่งการหลอมสร้างได้สร้างนางขึ้นมาอย่างประณีต
นางกำลังใช้ค้อนขนาดใหญ่ครึ่งตัวตนทุบตีโลหะด้วยสีหน้าจริงจัง จนราวกับว่ากำลังต่อสู้อยู่ในสนามรบ
แม้ค้อนจะใหญ่ยักษ์และเสียงที่ตีลงไปจะทำให้ใจเต้นด้วยความอึดอัดจนยากจะหายใจ แต่ว่าค้อนที่สัมผัสชิ้นงานนั้นกลับนุ่มนวลราวกับมือที่สัมผัสไปที่ดอกไม้อันบอบบาง ค่อย ๆ เก็บรายละเอียดชิ้นงานที่ลีโอนั้นก็มิอาจเข้าใจ
ถึงแบบนั้นลีโอที่เป็นหมอผีผู้จารึกที่อ่อนไหวกับการเปลี่ยนแปลงก็ยังสัมผัสได้ถึงการสั่นไหวของอนุภาควิญญาณและพลังจิตที่อัดลงไปที่ค้อนก็แม่นยำมาก ๆ จนน่าอัศจรรย์
เกร็ง!
เสียงตีลงไปครั้งสุดท้ายดังขึ้นมาคนผู้นั้นก็วางค้อนลงข้างตัวและหยิบชิ้นงานขึ้นมาดูโดยไม่เสียสมาธิว่าจะมีใครมายืนจดจ้องนางอย่าหรือไม่
จิมไม่เอ่ยถาม ลีโอก็ปิดปากเงียบรอคอยเท่านั้น
กระทั่งผ่านไปสักพักในที่สุดนางก็วางชิ้นงานลง ก่อนจะหันไปมองผู้มาเยือนทั้งสอง
“เจ้าไม่มาที่นี่นานแล้ว” นางหันมากล่าวกับจิมด้วยแววตาหวนนึกถึงความหลัง
“แค่สองสามปีเท่านั้น เรื่องข้าไม่สำคัญนัก ไรรีย์นี่คือ ลีโอ เบลซ หมอผีผู้จารึก”
“ลีโอนี่คือ ไรรีย์ วัลแคน หมอผีหลอมสร้างศาสตราที่เก่งที่สุดผู้หนึ่ง นางมาจากตระกูลวัลแคนที่สืบทอดการสร้างศาตราอาคมมาหลายยุค”
จิมแนะนำทั้งสองให้รู้จักกัน
“ข้าลีโอเบลซยินดีที่ได้รู้จักกับท่าน” ลีโอกล่าวทักทายทันที
ไรรีย์กวาดสายตาตรวจสอบลีโออย่างละเอียด ก่อนจะกล่าวขึ้นมาว่า “เจ้าคงไม่ทำธรรมดา ไม่อย่างนั้นจิมคงไม่คิดจะแนะนำเจ้า”
“ข้าเก่งในเรื่องที่ข้าถนัด” ลีโอกล่าวตอบกลับไปอย่างไม่ถ่อมตน
“จิมเจ้าพาเขามาเพราะแค่แนะนำกับข้าเหรอ” “เจ้าคงไม่ทำธรรมดา ไม่อย่างนั้นจิมคงไม่คิดจะแนะนำเจ้า” หันไปคุยกับจิมต่อ
“ไม่ใช่เพียงแค่นั้น แต่ข้าพาลูกค้ามาให้เจ้า เขาต้องการดาบอาคม”
“เขาต้องการดาบ หรือว่าเจ้าสอนทักษะดาบให้เขา”
ไรรีย์ถามอย่างตกใจอยู่เล็กน้อย
“ใช่ข้ากำลังเรียนทักษะดาบกับเขา” ลีโอเอ่ยแทรกทันที
ไรรีย์รอบประเมินเด็กหนุ่มคนนี้ใหม่อีกครั้ง
“เจ้าบอกเป็นผู้จารึกถนัดอักขระวิญญาณใดมากที่สุด”
“อักขระวิญญาณดินคือความเข้าใจที่ลึกซึ้งที่สุด แต่ที่ถนัดมากกว่าคืออักขระวิญญาณลมและคลื่นเสียง สุดท้ายที่ใช้บ่อยคืออักขระวิญญาณไฟ” ลีโอตอบไปตามตรง แน่นอนว่ามันไม่ได้เป็นความลับใด ๆ
ไรรีย์เงียบไป ก่อนจะกล่าวว่า “ข้าจะหลอมดาบให้เจ้า แต่เจ้าต้องจารึกอักขระวิญญาณไฟที่ดาบให้ข้าก่อน”
ลีโอขบคิดและหันไปมองจิม แต่อีกฝ่ายไม่เข้ามายุ่ง ดูเหมือนว่าแม้แต่จิมก็ไม่อาจจะแทรกการเจรจาครั้งนี้ได้
“ตกลง” ลีโอตอบรับข้อเสนอ
“ดี มาเริ่มกันเลย”
“ตอนนี้นะเหรอ” ลีโอเผยท่าทางลังเล เพราะไม่คิดว่าจะต้องลงมือเลย
“ใช่อีกไม่กี่วันข้าจะไปจากที่นี่แล้ว ถ้าชักช้าคงไม่อาจจะหลอมสร้างดาบอาคมของเจ้าได้ทัน” ไรรีย์ตอบกลับไปด้วยท่าทางปกติ จากนั้นก็เดินไปหยิบดาบและของเพื่อเตรียมให้กับลีโอได้จารึก
“เจ้าจะไปจากที่นี่แล้วเหรอ” จิมเอ่ยถามอย่างประหลาดใจ
“ใช่ ตอนนี้ทางตระกูลต้องการให้ข้าไปเข้ารับตำแหน่งนายช่างที่อาณานิคมโฟบอส” ไรรีย์ตอบกลับไป
‘โฟบอสดวงจันทร์ของดาวอังคาร’ ลีโอนึกถึงข้อมูลในความทรงจำของลีโอคนเก่า
โฟบอสเป็นดวงจันทร์ของดาวอังคาร แต่ที่จริงมันคือดาวเคราะห์น้อยที่โดนแรงดึงดูดของดาวอังคารยึดไว้จนมันกลายเป็นดวงจันทร์ และสหพันธรัฐได้ตั้งอาณานิคมบนนั้นอยู่ที่นั่นเป็นหนึ่งในเมืองใหญ่ที่สำคัญ เนื่องจากว่าสหพันธรัฐไม่อนุญาตให้ยานอวกาศเดินทางขนาดใหญ่เข้ามาที่ดาวอังคาร ดังนั้นยานอวกาศขนาดใหญ่จะหยุดที่ดวงจันทร์โฟบอสและต่อยานอวกาศขนาดกลางและเล็กเข้ามาที่ดาวอังคารแทน ทำให้โบฟอสถือเป็นเมืองท่าเทียบยานอวกาศที่ใกล้ดาวอังคารมากที่สุดและคึกคักมากที่สุด
มากเสียยิ่งกว่าดวงจันทร์อีกดวงอย่างไดมอส แน่นอนว่าไดมอสก็สำคัญไม่แพ้กัน เพียงแค่ต่างกัน มันกำเนิดคล้าย ๆ กับโฟบอส คือมาจากดาวเคราะห์น้อยที่โดนดึงดูดเข้ามา เพียงแต่มีขนาดเล็กกว่าและอยู่ไกลกว่า จึงถูกใช้เป็นฐานทัพทหารที่ปกป้องดาวอังคารแทน
“เจ้าเองก็ควรจะออกไปจากที่นี่ได้แล้ว” ไรรีย์หันไปกล่าวกับจิม
จิมไม่ได้ตอบกลับ ซึ่งไรรีย์ก็คาดคิดไว้อยู่แล้วถึงท่าทีของจิม นางวางของไว้ที่โต๊ะโลหะที่อยู่ไม่ไกลมากนัก
“เจ้าลงมือได้เลย” ไรรีย์หันไปกล่าวกับลีโอ
“ข้าสามารถนำมันกลับไปทำยังที่พักได้ไหม”
“ที่จริงแล้วข้าต้องการดูฝีมือของเจ้าเผื่อในอนาคตจะต้องการร่วมมือกับเจ้า” ไรรีย์อธิบายถึงเหตุผลของตนเองที่ต้องการให้ลีโอจารึกดาบนี่
หมอผีหลอมสร้างศาสตรานั้นมักจะทำความรู้จักกับหมอผีผู้จารึกไว้ เนื่องจากว่าการที่ศาสตราอาคมที่มีอักขระวิญญาณจะถือเป็นของสมบูรณ์มากกว่าและเป็นที่ต้องการมากกว่า
ดังนั้นนอกจากการขายออกไปเฉย ๆ แล้ว หมอผีหลอมสร้างศาสตราอาคมจะมีการร่วมมือกับหมอผีผู้จารึกที่ไว้ใจได้ เพื่อให้ผลงานของตัวเองสมบูรณ์มากที่สุด
และไรรีย์ต้องการทดสอบลีโอ เพราะต้องการเห็นฝีมือกับตาตัวเอง
“ก็ได้”
ลีโอรู้ว่านี่เป็นโอกาสที่หาอยาก การได้ร่วมมือกับไรรีย์ที่มีตระกูลวัลแคนหมอผีหลอมสร้างศาสตราอาคมสืบทอดกันมาหลายร้อยปี ตระกูลแบบนี้ต้องมีรากฐานที่ไม่ธรรมดาแน่นอน
ถ้าปล่อยโอกาสนี้ไปคงยากที่จะหาครั้งที่สอง
ลีโอเดินไปที่โต๊ะด้านหน้า แม้จะไม่เคยจารึกลงในอาวุธมาก่อน แต่หลักการก็คล้าย ๆ กับการเขียนยันต์จะต่างกันเพียงการเพิ่มบางขั้นตอนเท่านั้น ซึ่งลีโอมีความมั่นใจอยู่ไม่มากก็น้อยกว่าจะทำได้สำเร็จ