ตอนที่ 1103 ความลับ การแลกเปลี่ยน การตื่น
หอพักนักศึกษา
รอจนเย่ว์หยางมาถึงหน้าเตียง ก็หลับไปโดยไม่รู้ตัว หลังจากการต่อสู้ที่ดุเดือดมาทั้งวัน ไม่ว่าต้องใช้พลังงานเพียงไหน ความเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน และต้องใช้พลังรักษาคุณชายหมิงจูที่ได้รับบาดเจ็บ ต่อให้เย่ว์หยางเป็นเหล็กกล้าก็ไม่สามารถจะฝืนทนได้ในตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหลังจากต่อสู้ทำศึกอย่างหนัก ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย จิตใจของเขาผ่อนคลาย ไม่สามารถจะรักษาสภาพตึงเครียดในเหมือนในขณะต่อสู้
ไม่รู้ว่าคุณชายหมิงจูฟื้นคืนสติตั้งแต่เมื่อไหร่
เขาลืมตาช้าๆ
มองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบจากนัยน์ตาที่พร่ามัว จึงทราบได้ว่านี่เป็นห้องนอนในหอพักนักศึกษา และจากนั้นพบว่ามีคนผู้หนึ่งหลับอยู่หน้าเตียง นั่นคือเย่ว์หยาง เขารู้สึกโล่งใจอย่างแท้จริง
ในที่สุดการต่อสู้ก็จบลง ทั้งคู่กลับมาได้อย่างปลอดภัย
ตอนนี้เขาไม่ต้องการกลับมา ตราบเท่าที่ยังหลบหนีรอดปลอดภัย เขาก็พอใจ
คุณชายหมิงจูยกมือทั้งสองและดูเหมือนมองดูฝ่ามือที่สัมผัสเสื้อผ้า
และพบว่าทุกอย่างไม่เป็นอะไร
แม้ว่าเสื้อผ้าจะฉีกขาดไปบ้าง แต่เกราะลับยังคงอยู่ปลอดภัย
นอกจากนี้ชุดที่ปิดบังความลับของร่างกายไม่ได้รับความเสียหายจากพลังเทพ หรืออาจได้รับผลร้ายบ้าง แต่คุณชายหมิงจูคิดว่าร่างกายของเขาดีกว่าก่อนเวลาต่อสู้เสียอีก อาการบาดเจ็บจากแรงอัดพลังเทพหายไปเหมือนฝัน ถ้าไม่ได้อยู่ในหุบเขามนุษย์เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้พลังพิเศษ คุณชายหมิงจูต้องการทดลองใช้พลังจริงๆ ขณะนี้ร่างกายของเขาฟื้นฟูแล้ว จะให้เข้าร่วมต่อสู้เมื่อไหร่ก็ได้.... เมื่อมองเห็นเย่ว์หยางที่กำลังหลับอยู่ หมิงจูเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาทำได้อย่างไร?
บาดแผลที่เกิดจากการใช้พลังเทพลอบโจมตี ได้รับการเยียวยา
บาดแผลเก่าที่ได้รับมาก่อนหน้านั้น
ฟื้นฟูได้ยากอย่างยิ่ง
เป็นบาดแผลที่อยู่ลึกมาก
เขาช่วยรักษาให้หายได้อย่างไร?
เขาใช้พลังแบบไหน? เขาผสมยาอะไรเข้าช่วย? น้ำทิพย์เทพธิดา? เลือดเทพ? หรือว่าเป็นตัวยาอื่นที่เขาไม่รู้?
เพราะความสัมพันธ์บางอย่างและลักษณะเฉพาะตน เขาไม่สามารถฟื้นฟูตนเองจนอยู่ในสภาพสุดยอดได้ แต่ตอนนี้ คุณชายหมิงจูรู้สึกว่าร่างกายของเขาไม่เพียงแต่ฟื้นฟูเต็มที่ แต่ยังทรงพลังมากกว่าก่อนนั้น การฟื้นฟูที่เกินคาดนี้ นี่คือการฟื้นฟูเต็มที่หลังจากต่อสู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส!
“เป็นบุรุษที่มีแต่สตรีเต็มหัวทั้งวัน แต่เวลาหลับเหมือนกับเด็กน้อย
คุณชายหมิงจูมองดูเย่ว์หยางหลับสนิท เขามีความรู้สึกที่มิอาจพูดได้
ไม่รู้ว่าทำไม ถึงได้รู้สึกว่าเจ้าผู้นี้มักเดียวดายอยู่เสมอ
ราวกับจะกระตุ้นให้ผู้คนสงสารสมเพช
แน่นอนว่าเขาจะไม่เอ่ยปากยกโทษให้เขาเป็นแน่
หลังจากมองดูชั่วครู่คุณชายหมิงจูนึกสนุกต้องการใช้ปลายผมแยงจมูกของเขาเพื่อดูว่าเขาจะมีปฏิกิริยาอย่างไร หรือจะใช้ปากกาเขียนบนใบหน้าเขาแล้วดูสีหน้าของเขาเวลาส่องกระจกหลังจากตื่นขึ้นมาในตอนเช้า... อย่างไรก็ตาม เมื่อคุณชายหมิงจูกำลังจะทำ จู่ๆ เขาก็หยุด
เพราะเย่ว์หยางพูดเสียงคลุมเครือ
เสียงเบาไม่ค่อยชัดเจน
เหมือนจะเป็นคำว่าแม่
อาจจะเป็นคำว่าแม่หรือพี่สาวแม่..คุณชายหมิงจูฟังไม่ถนัด แม้จะเงี่ยหูฟังใกล้ๆ แล้วก็ตาม
เขาฟังแล้วน้ำตาไหล อดกอดเขาไว้ในอ้อมแขนไม่ได้
คนผู้นี้ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเจ็บปวด น่าสงสารจริงๆ
วันต่อมา เมื่อเย่ว์หยางลืมตาตื่นขึ้น! เขาพบว่าคนที่อยู่ในสายตาของเขาก็คือคุณชายหมิงจูที่สุขภาพฟื้นฟูกระตือรือร้นอีกครั้ง เขารีบหยิบกระจกออกมาส่องเพื่อดูว่าหน้าของเขาถูกวาดรูประบายสีอะไรหรือไม่? และเขาก็พบว่าไม่มีอะไร แต่ผิดปกติเล็กน้อย เขาวิ่งไปที่หน้าต่างและดูว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิตย์ตะวันตกหรือไม่.. คุณชายหมิงจูมองดูกลั้นหัวเราะแทบแย่ เขาแค่นเสียงเย็นชา “เฮ้, ข้าน่าเบื่อนักหรือ? เจ้าถึงได้เอาหัวใจร้ายๆ ของเจ้ามาประเมินข้าแบบนี้”
“วันนี้เจ้าดูแปลกไปเล็กน้อย!” เย่ว์หยางรู้สึกว่าคุณชายหมิงจูแตกต่างจากวันอื่นอยู่บ้าง แต่แปลกไปตรงไหนเขาไม่สามารถบอกได้ทันที
“ข้าน่ะหรือ? วันนี้ข้าอารมณ์ดี และข้าก็ไม่สนใจเจ้าด้วย” คุณชายหมิงจูแค่นเสียง แต่ในใจยังอารมณ์ดีอยู่
“ข้าไม่ได้ฝันอยู่ใช่ไหม?” เย่ว์หยางเกาหลังหัว
“เจ้าหมายความว่ายังไง? ข้าอารมณ์ดีไม่ต้องการใช้ค้อนยักษ์ช่วยเรียกความทรงจำของเจ้า หรือว่าเจ้าคันเนื้อคันตัว?” คุณชายหมิงจูทำท่าดุร้าย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง คุณชายหมิงจูไม่โกรธอีกต่อไป และดูไม่ดุร้าย ไม่เพียงแต่ไม่ทำให้เย่ว์หยางกลัวเท่านั้น แต่ยังทำให้ผู้คนที่เห็นรู้สึกว่าท่าคุกคามนั้นดูน่ารัก
ขณะที่กินอาหารเช้าเย่ว์หยางเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้
เขามองดูรอบๆ แต่ไม่มีใคร
เขาเอียงตัวไปกระซิบที่ข้างหูถามคุณชายหมิงจู “เมื่อวานนี้ที่หอคอยเหนือหอคอย เจ้ามีความลับอะไรจะบอกข้าหรือ?”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้แล้วคุณชายหมิงจูที่กำลังอารมณ์ดีจ้องหน้าเย่ว์หยางอยู่นาน จู่ๆ เขาหัวเราะขึ้นและย้อนถามเย่ว์หยาง “เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ?”
เย่ว์หยางพูดไม่ออกและทำตาโต “รู้แล้วข้ายังจะถามเจ้าอีกหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้คุณชายหมิงจูยิ่งอารมณ์ดีกว่าเดิม เขายิ้มหวานย้อนถาม “เจ้าไม่รู้จริงๆ หรือ?”
เย่ว์หยางโกรธเอาก้อนขนมปังใส่ปากน้อยๆ ของหมิงจู “เจ้าต้องการล้อข้าเล่นใช่ไหม?”
การกระทำเช่นนี้เปลี่ยนแปลงช่วงเวลาที่สงบสุขไป แต่เป็นเรื่องแปลกที่คุณชายหมิงจูไม่ได้เอาค้อนออกมาทุบกบาลเย่ว์หยาง เขาอยู่ในสภาพอารมณ์ที่ดีมาก แม้จะถูกเย่ว์หยางเอาก้อนขนมปังยัดปากก็ไม่โกรธ เขากัดกินขนมปังทีละชิ้นๆ อย่างสบายใจ จากนั้นส่ายนิ้วชี้มาทางเย่ว์หยาง “ตัดสินใจแล้ว”
เย่ว์หยางประหลาดใจ “ตัดสินใจอะไร?”
คุณชายหมิงจูมองดูเขาและยิ้มกล่าว “ข้าตัดสินใจไม่บอกความลับนี้กับห่านโง่อย่างเจ้า!”
“แต่ตอนแรกเจ้าว่าอยากจะบอก แต่พอข้าอยากรู้ เจ้ากลับไม่บอก” เย่ว์หยางหงุดหงิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น
“ตอนนั้นก็ส่วนตอนนั้น เวลานี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง” คุณชายหมิงจูยิ้มปลอบโยน และสีหน้าของเขาดูภูมิใจที่ไม่ต้องพูดในสิ่งที่เขาบอกไว้
“โธ่เอ๊ย, ไม่เห็นต้องทำให้ยุ่งยาก” เย่ว์หยางหันไประบายความโกรธกับอาหาร เขายัดขนมปังสามก้อนรวดทำราวกับว่ากำลังเคี้ยวคุณชายหมิงจูอยู่ในปาก เกี่ยวกับท่าทีโกรธของเย่ว์หยาง คุณชายหมิงจูไม่ค่อยสบายใจเท่าใด แต่ก็หัวเราะได้ทั้งวัน และหยุดเป็นบางคราว แต่เมื่อเขามองดูเย่ว์หยาง เหมือนกับว่าเขาระลึกเรื่องสนุกๆ บางเรื่องได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่ค่อนข้างขำ ก็จะอดหัวเราะไม่ได้
ขณะกำลังหัวเราะ ปรากฏว่าเทพปีศาจตื่นขึ้นและโจมตีตอบโต้
คุณชายหมิงจูหาวิธีที่ดีไม่ได้
ที่สำคัญคือ ที่นี่คือหุบเขามนุษย์
เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อสู้โดยตรง เป็นเรื่องไร้ประโยชน์
สำหรับวัตถุโบราณที่เย่ว์หยางเอามาจากใต้ทะเล ทั้งสองคนไม่เข้าใจว่าคืออะไร มองผิวเผินดูธรรมดา แต่ภายในผนึกพลังเอาไว้อย่างเหลือเชื่อ ต่างจากสมบัติศักดิ์สิทธิ์หรือสมบัติเทพที่ทรงพลัง มันค่อนข้างคล้ายจี้หยกดำของนางพญาเฟ่ยเหวินหลี เย่ว์หยางไม่แน่ใจ แต่คาดว่าคล้ายกันมากเป็นสิ่งที่ผลึกเทพปีศาจไว้ เหมือนกับที่ผนึกนางพญาเฟ่ยเหวินหลีหรือไม่? เป็นไปได้ไหมว่าเทพปีศาจนี้จะถูกผนึกอยู่ในนี้เหมือนกับที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีถูกผนึกไว้?
สามารถผนึกไว้ชั่วคราวได้ไหม?
ตอนนี้มีคำถามว่าจะผนึกไว้ได้หรือไม่?
เย่ว์หยางถามคุณชายหมิงจูและพบว่าเป็นปัญหาใหญ่ เพราะคุณชายหมิงจูผนึกไม่เป็น
ผนึกไม่ใช่เรื่องยาก อย่างเย่ว์หยางเขามักผนึกเหล่านักสู้แดนสวรรค์ผู้ชั่วร้าย ทุบตีจนปางตาย จากนั้นโยนเข้าเจดีย์ปราบปีศาจอีกครั้ง แน่นอนว่าผนึกชนิดนั้นมิอาจถือว่าเป็นผนึกจริงๆ เป็นเรื่องยากมากที่ใช้จัดการนักรบแดนสวรรค์ และแทบเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับนักสู้ปราณราชันย์ระดับชั้นสูง
จะใช้วิธีนั้นผนึกเทพตัวจริงน่ะหรือ?
ต่อให้มั่นใจในตนเอง เย่ว์หยางไม่กล้ารับประกันความสำเร็จ
ต่อให้เย่ว์หยางเข้าใจวิธีการผนึกเทพโบราณในช่วงเวลาสั้นๆ อย่างคาดไม่ถึง แต่เขาจะผนึกเทพปีศาจที่ทรงพลังมากกว่าเขาไว้ในวัตถุโบราณได้อย่างไร?
ในกรณีที่ประโยชน์ของวัตถุโบราณไม่ได้ใช้ผนึกเทพปีศาจ แต่ใช้ทำอย่างอื่น จะไม่เป็นการพลาดเสียเวลาหรือ
ในช่วงเวลาสั้นๆ เย่ว์หยางรู้สึกปวดหัว
คุณชายหมิงจูถอนหายใจ
ทั้งสองคนคิดมาเกือบทั้งวัน ในที่สุดก็ล้มเหลวในการค้นหาความคิดดีๆ
ในที่สุดคุณชายหมิงจูปลอบโยนเย่ว์หยาง “ใจเย็นๆ ไม่ต้องกังวลเกินไป ถ้าผนึกทั้งเก้าปกป้องเอาไว้เป็นอย่างดี อย่างน้อยเราก็มีเวลาทั้งปี
หลังจากเย่ว์หยางได้ยินแล้วก็พยักหน้าในตอนแรก
จากนั้นเขาส่ายหน้าอีกครั้ง
แม้ว่าจะป้องกันอย่างดีที่สุด แต่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ตลอดไป
ยิ่งกว่านั้นภายใต้การนับถอยหลังไปหนึ่งปี จะมีสักกี่คนที่ร่วมใจป้องกันภัยพิบัตินี้?
เขาเกรงว่าเรื่องที่แย่ที่สุดก็คือเพื่อช่วยชีวิตหรือประโยชน์แก่อนาคต จะต้องมีหลายคนที่ไม่เชื่อเทพปีศาจไปเข้าพวกกับผู้มีศรัทธา แทนที่จะกลายเป็นผู้พิทักษ์กลับกลายเป็นผู้ทำลายล้าง!
หลังจากผ่านไปสองวัน แม้จะมีผู้บาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมากในระหว่างประเมินคะแนนของโรงเรียน แต่สถาบันผู้พเนจรแดนฟ้าจัดการปัญหาได้อย่างรวดเร็ว พิธีประเมินคะแนนชีวิตของนักเรียนใหม่ในที่สุด ก็เปิดต่อได้สำเร็จ เริ่นเทียนเกอและฮ็อกรู้สึกประหลาดใจ พวกเขาตามหาเย่ว์หยางเพื่อพูดคุยปรึกษา เย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูให้คำตอบที่จริงใจกับพวกเขา “เทียบกับการตื่นขึ้นของเทพปีศาจ หุบเขามนุษย์จะถูกทำลายในไม่ช้า ความตายของนักเรียนไม่มีค่าแก่การเอ่ยถึง ผลที่ตามมาของการที่นักเรียนเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก รุนแรงยิ่งขึ้น และหุบเขามนุษย์กำลังจะถูกทำลายโดยเทพปีศาจหรือไม่? หากไม่มีอุบัติเหตุในตอนนี้ กองกำลังสำคัญของหุบเขามนุษย์คงทราบข่าวนี้กันแล้ว และกำลังวางแผนเพื่ออนาคตของพวกเขา จะเอาเวลาที่ไหนมาดูแลนักเรียน!”
“นี่เป็นเรื่องจริง แต่เราไม่สามารถนั่งเฉยอยู่ได้” เริ่นเทียนเกอรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย การรอคอยด้วยวิธีนี้ ไม่ใช่ความคิดที่ดี
“เจ้าคิดหาวิธีแก้ปัญหา ขอเพียงมีอะไรต้องลงมือ ให้บอกเราได้ไม่ต้องเกรงใจ” ฮ็อกรู้สึกว่าเขามีความสามารถมากพอในการใช้สมองมากกว่า แต่เขายังฟังเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจู ถ้าทั้งสองมีวิธีแก้ปัญหาที่เกี่ยวข้อง พวกเขาจะรับดำเนินการอย่างแน่นอนไม่หันหลังกลับ
“วางใจได้ ข้าสามารถตัดนิ้วเขาได้ ก็ต้องตัดศีรษะของเขาได้” เย่ว์หยางป้องกันไม่ให้ทุกคนหมดหวังและรีบปลอบโยนอย่างรวดเร็ว
“เมื่อคืนนี้ ข้าเห็นจีอู๋ลี่ผ่านประตูเทเลพอร์ตเข้าไปในหอคอยเหนือหอคอยอีกครั้ง” บัณฑิตตาเงินพูดข่าวร้ายมาก
หือ?
“ว่าไงนะ?”
“นี่ยังไม่ใช่เรื่องเลวร้ายที่สุด” ชิงหมอพูดอย่างเยือกเย็น “หลังจากจีอู๋ลี่จากไป หลายคนเข้าไปในสนามสู้หอคอยเหนือหอคอย มองจากสีหน้าจีอู๋ลี่และคนอื่นๆ อีกหลายคนเหมือนไม่มีอะไร แต่ในหมู่พวกเขา คนสุดท้ายที่ออกมามีสีหน้าที่หงุดหงิด ใบหน้าของเขาเหมือนกับคนที่คิดว่าต่อไปเหมือนว่าเขาจะได้เป็นใหญ่ในหุบเขามนุษย์ แม้ว่าคนผู้นั้นจะอยู่ห่างจากความสำเร็จ แต่เห็นแล้วก็คงอยากอาเจียนออกมา ข้าสงสัยว่าพวกเขาออกมาจากหอคอยเหนือหอคอยโดยปลอดภัยได้ก็คงทำสัญญาข้อตกลงบางอย่างกับเทพปีศาจ!”
“ท่านบอกว่าใครกันที่ออกมาเป็นคนสุดท้าย?” คุณชายหมิงจูไม่ต้องถามก็เดาคำตอบได้
“จินฉี?” เย่ว์หยางเดา ชิงหมอพยักหน้ายืนยัน
“นั่น..ไม่ผิดจริงๆ ด้วย!” แม้แต่ฮ็อกซึ่งไม่ค่อยได้ใช้สมองก็ยังตบหน้าผากและรู้สึกได้ถึง ‘สัญญาปีศาจ’ เป็นเรื่องที่แยกไม่ออก
“ถ้าเทพปีศาจทำข้อตกลงกับจินฉีและคนอื่นๆ เราจะจัดการกับพวกเขาได้อย่างไร? แม้ว่าจินฉีจะไม่มีปัญหา แต่จีอู๋ลี่คือคนอื่นๆ ที่จะต้องป้องกัน โดยเฉพาะจีอู๋ลี่ถ้าเขาทำสัญญาแลกเปลี่ยนกับเทพปีศาจ คาดว่าคนที่อยู่ในหุบเขารุ่นต่อไปคงจะต้องตายกันอีกมาก” เริ่นเทียนเกอคิดถึงการกระทำของจีอู๋ลี่ในหุบเขาปีศาจ เมื่อเขาเก็บคะแนน เขาแทบจะทำให้ผู้ท้าทายผ่านด่านค่ายเทพตายเกือบหมดด้วยจิตใจที่โหดร้ายของจีอู๋ลี่และพลังเทพของเทพปีศาจเกรงว่าในหุบเขามนุษย์จะมีผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นร้อยเท่า
“ก็ดี, ไม่ต้องคิดอะไรอื่นมากนัก รอไปก่อนจนกว่าพิธีประเมินคะแนนนักเรียนผู้มาใหม่เสร็จสิ้น!” เย่ว์หยางยังไม่ได้วางแผน แต่โชคดีที่สาวหิมะในโลกคัมภีร์แสดงสัญญาณว่ากำลังจะตื่นขึ้น ถ้าไม่ดีก็กลับไปปรึกษากับนาง
บางทีด้วยภูมิปัญญาของทุกคน คงจะหาทางแก้ที่ดีได้
ตอนนี้เย่ว์หยางแทบไม่สามารถรอกลับไปเยี่ยมเสวี่ยอู๋เสียซึ่งถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในช่วงเหตุการณ์สนามสอบหอคอยเหนือหอคอยเพื่อสนับสนุนพลังจิตให้เขา!