บทที่ 20 โกรธฟู่หยุนเฟย!
บทที่ 20 โกรธฟู่หยุนเฟย!
หลังจากเดาสาเหตุได้ เฉินเหวินก็รู้สึกพูดไม่ออก จุกอยู่ภายในใจ....
เขาระมัดระวัง และทิ้งระยะห่างกับหลี่ซิ่วหยู ดังนั้นดูเหมือนว่าฟู่หยุนเฟยคิดไม่ผิดที่พุ่งเป้าไปที่เขา...
แต่ใครจะไม่ชอบเพื่อนร่วมชั้นที่สวยงามในชั้นเรียนเดียวกันใช่หรือไม่?
แม้ฟู่หยุนเฟยจะคอยขัดขวางคนอื่นไม่ให้เข้ามาใกล้ชิดหลี่ซิ่วหยู แต่ทว่า..หากเธอไม่เล่นด้วยก็ค่อยว่ากัน
และจะเป็นการดีหรือไม่ ที่ในฐานะเพื่อนร่วมชั้น ฟู่หยุนเฟยเปิดเผยข้อมูลที่ไม่เคยมีใครรู้มาก่อนเช่นนี้?
แต่เมื่อนึกถึงพฤติกรรมของฟู่หยุนเฟยในโรงเพาะพันธ์ก่อนหน้านี้ เฉินเหวินก็รู้สึกโล่งใจ
มันทำให้เฉินเหวินรู้สึกได้ว่าคน ๆนี้จะต้องเป็นศัตรูกับเขาในอนาคตเป็นแน่!
เฉินเหวินกำลังคิดเกี่ยวกับเหตุและผล ขณะที่เหอเซิ่งได้ยินฮู่กวานเย้ยหยันเฉินเหวิน และอดไม่ได้ที่จะสบถทันที:
"พวกแกมันพวกขยะ!"
“แกเรียกใครว่าขยะ!”
“ก็แกนั่นไงขยะ!”
"..."
ทันใดนั้น ในขณะที่เหอเซิ่งกำลังต่อว่าฟู่หยุนเฟยและฮู่กวานอยู่นั้น เขาก็พับแขนเสื้อขึ้นพร้อมที่จะต่อสู้
ความสูงของเหอเซิ่งอยู่ที่ 1.83 เมตรในตอนนั้นแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะสูงขึ้นอีกด้วย และจากกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ เขาจึงดูแข็งแรงมากกว่าคนอื่น
จากรูปร่างที่สูงใหญ่ที่สุดในห้องก็ว่าได้ จึงทำให้ไม่มีใครกล้าที่อยากจะยุ่งกับเขา
ทันทีที่เขาเข้าใกล้ ฟู่หยุนเฟย และ ฮู่กวาน พวกเขารู้สึกเหมือนถูกหมีตัวใหญ่โอบล้อม
ฮู่กวานพูดอย่างเคร่งขรึม: "นายกำลังทำจะอะไรนี่มันห้องเรียนนะ!"
ฟู่หยุนเฟยพูดอย่างกระวนกระวาย: "นี่นายยังอยากจะเป็น บีสมาสเตอร์ อยู่หรือเปล่า? หรือหากนายจะเอาก็มา....ไปเจอกันที่สนามมาเด่ะ!"
เหอเซิ่งรู้สึกโกรธมากที่ถูกดูหมิ่น จึงกำหมัดแน่นพร้อมจะเข้าจู่โจม!
เฉินเหวินจับแขนเหอเซิ่ง ส่ายหัวแล้วพูดว่า "ใจเย็น ๆเพื่อน!"
ตอนนี้เป็นเพียงวันที่สองของการไปโรงเรียน เขาไม่ต้องการให้ตัวเองและเหอเซิ่งถูกครูขึ้นบัญชีดำ
เหอเซิ่งผงะเมื่อเขาได้ยินคำพูดนั้น และปล่อยกำปั้นของเขา แต่ยังคงพูดอย่างรุนแรงกับพวกเขาสองคน:
"ถ้าไม่ใช่เพราะเฉินเหวิน ฉันคงตบสั่งสอนไอ้ไก่อ่อนสองตัวนี้ไปแล้ว!"
"ถ่อยมาก!"
"แน่จริงก็มาเด่ะ...นึกว่าฉันกลัวแกเหรอไงฟะ!"
ฟู่หยุนเฟย และ ฮู่กวาน กล่าวด้วยความโกรธ....
เฉินเหวินสั่นศีรษะมองไปที่ฟู่หยุนเฟยและพูดว่า "นี่ฟู่หยุนเฟย ฉันขอถามนายอีกครั้งว่าฉันหลอกลวงตรงไหน?"
ฟู่หยุนเฟย กล่าวว่า: "ก็นายหลอกลวงทุกคนว่าเจ้าหมีกินเหล็กเป็นสัตว์อสูรที่มีศักยภาพโดดเด่นยังไงล่ะ"
"อา-"
เฉินเหวินเย้ยหยัน จากนั้นถามเพื่อน ๆที่อยู่รอบตัวเขา: "ฉันบอกตอนไหนว่าเจ้าหมีของฉันเป็นสัตว์อสูรที่มีศักยภาพโดดเด่น"
ทุกคนส่ายหัวเมื่อได้ยินคำนั้น.....
ฮู่กวานขัดจังหวะ: "ใช่...นายไม่ได้พูด แต่นายทำให้ทุกคนเข้าใจผิด! สัตว์อสูรกินเหล็กเห็นได้ชัดว่าเป็นสัตว์อสูรขยะที่วิวัฒนาการมาจากสัตว์อสูรพื้นเมือง และนายก็ไม่ได้บอกทุกคน!"
เฉินเหวินกลอกตาล้อเลียน: "ถ้าอย่างนั้น นายก็ควรบอกทุกคนว่านายเป็นสุนัขรับใช้ของฟู่หยุนเฟยนะ!"
เหอเซิ่งหัวเราะเสียงดังเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และกล่าวว่า: "ฮ่า ฮ่า ฮ่า นายพูดโดนใจฉันมากเลยเพื่อน ใช่นายควรบอกทุกคนว่านายคือสุนัขรับใช้ของฟู่หยุนเฟย!"
จากนั้นสายตาทุกคูู่ของนักเรียนรอบ ๆ กระซิบและมองไปที่ฮู่กวาน....
ฮู่กวานโกรธมากจนกัดกรามกร๊อด ๆ และจากนั้นใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง
เมื่อมองผ่านเขาไป เฉินเหวินมองไปที่ฟู่หยุนเฟย และยิ้มเบา ๆ แล้วพูดว่า "หึ! แล้วทำไมนายถึงไม่พูดถึงความล้มเหลวของตัวเองที่ทำพันธสัญญาทั้งสามครั้งไม่สำเร็จกับทุกคนบ้างล่ะ!"
"แก-!!"
ฟู่หยุนเฟยหน้าแดง ชี้ไปที่ เฉินเหวิน ในจณะที่เขาจุกจนพูดไม่ออก
นั่นเป็นสิ่งที่น่าอายที่สุดเกี่ยวกับตัวเขา และเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากให้คนอื่นรู้
ในขณะนี้ หลี่ซิ่วหยูส่ายหัวและพูดว่า "ก็จริงนะถ้านายไม่พูดถึงประวัติอันดำมืดของตัวเอง ก็แสดงว่านายกำลังหลอกลวงใช่ไหม ซึ่งมันก็ผิด!"
ฟู่หยุนเฟยได้ยินสิ่งนี้และมองไปที่ หลี่ซิ่วหยู ด้วยความไม่น่าเชื่อ
"ธะ..เธอ-!!"
คำพูดมากมายติดอยู่ในลำคอของเขาเป็นเวลานาน และในที่สุดเขาก็พูดอะไรไม่ออก
ฟู่หยุนเฟยจ้องไปที่เฉินเหวินอย่างโกรธเกรี้ยว กระทืบเท้าแล้วหันหลังเดินจากไป
ฮู่กวาน ตะคอกใส่ เฉินเหวินและจากไปพร้อมกับ ฟู่หยุนเฟย "ฝากไว้ก่อนเถอะ.. แก!!"
เฉินเหวินส่ายหัวแล้วชี้ไปที่นาฬิกาบนกระดานดำแล้วพูดว่า: "เอาล่ะๆ ใกล้จะถึงเวลาเรียนแล้ว หากใครต้องการให้อาหารอาโปก็สามารถมาลงทะเบียนกับฉันได้ เข้าแถวเร็ว ๆ!"
"นี่ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเธอเป็นเพื่อนร่วมชั้น ฉันจะไม่อนุญาตให้ใครแตะต้องมันเลย "
หลังจากพูดจบ เฉินเหวินก็นั่งลงอีกครั้ง
เมื่อเห็นฟูหยุนเฟย และ ฮู่กวานเดินหนีไปด้วยความอับอายเพราะเฉินเหวิน ดูเหมือนกับว่าเหอเซิ่งจะแสดงชัยชนะด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาทันที
เขาหัวเราะเสียงดัง: "ฮ่า ฮ่า ฮ่่า! ถ้าอย่างนั้นฉันจะนับเซิ่งเอ๋อเป็นน้องชายของฉันตั้งแต่บัดนี้เลย และฉันก็จะซื้ออาหารให้อาโปเป็นคนแรกเลย!"
หลี่ซิ่วหยูพูดอย่างรวดเร็ว: "ได้ยังไงล่ะ! คนแรกจะต้องเป็นฉันซิ!"
นักเรียนหลายคนที่ได้ยินคำพูดนั้นต่างก็บอกว่าพวกเขาต้องการลงทะเบียนด้วย......
แน่นอนว่าหละงจากฟู่หยุนเฟยและฮู่กวางเดินออกไปนั้นทำให้บรรยากาศของการลงทะเบียนดีขึ้นมาก....
..
ในขณะที่อาโปนอนหลับสนิทตลอดเวลาและไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีคนเกือบทะเลาะกันเพราะมัน!
ในไม่ช้า เสียงระฆังก็ดังขึ้น และนักเรียนในชั้นก็เริ่มทำสมาธิ...
ตารางเรียนของบีสมาสเตอร์นั้นแตกต่างจากห้องเรียนทั่วไปอย่างมาก
หลักสูตรส่วนใหญ่ประกอบด้วยวิชาพื้นฐาน การควบคุมสัตว์อสูร และหลักสูตรการฝึกฝน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าวิชาพื้นฐานคือภาษาจีน คณิตศาสตร์ และการคิด ส่วนใหญ่เพื่อปลูกฝังการแสดงออกทางภาษา
ตรรกะการคิด และศีลธรรมของการเป็นบีสมาสเตอร์นั่นเอง ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากนักเรียนทั่วไปมากนัก
การควบคุมสัตว์อสูร เป็นวิชาในร่ม และเนื้อหาที่สอนเป็นความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับการควบคุมสัตว์อสูร เช่น วิธีฝึกสัตว์อสูร
การควบคุมศักยภาพ การสร้างทีมสัตว์อสูร เป็นต้น
ชั้นเรียนฝึกอบรมเป็นชั้นเรียนที่สอนโดยครูคนสวยซูซิน และยังเป็นวิชาโปรดของนักเรียนในชั้นอีกด้วย
สำหรับการเรียนนั้นไม่เพียงแต่จะฝึกฝนนักเรียนให้เป็นบีสมาสเตอร์ที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังฝึกฝนสัตว์อสูรอีกด้วย
ในตอนแรก ครูซูซินแค่ขอให้เฉินเหวินและคนอื่นๆ เล่นเกมกับสัตว์อสูรของพวกเขา เช่นเล่นฟุตบอล ขว้างจาน ผลักห่วง
และเดินบนไม้ค้ำถ่อ...
หลังจากจบเกมแล้วก็สามารถช่วยให้นักเรียนบีสมาสเตอร์และสัตว์อสูรของตัวเองมีความสัมพันธ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทีเดียว.....
ความไว้วางใจของอาโป ที่มีต่อเฉินเหวินก็ทะลุ 80 คะแนน และเขาก็มาถึงขั้นตอนที่สองของ "ความผูกพันธ์"
แต่ทว่า......น่าเสียดายที่อาโปไม่รู้ทักษะใด ๆ ทั้งสิ้น ดังนั้น เฉินเหวินจึง ทำได้เพียงแค่ฝึกฝนทักษะจากการเล่นเกมเท่านั้น
หลังจากนั้น ครูซูซินเริ่มเพิ่มความเร็วอย่างช้าๆ ระยะของการฝึกวอร์มอัพก็ค่อยๆ เพิ่มขึ้น รายการฝึกมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น ความเข้มข้นและความยากยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น!
ภายใต้การฝึกของเธอ สมรรถภาพทางกายของเฉินเหวินและนักเรียนคนอื่นๆ ก็ค่อยๆ ดีขึ้น และความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรก็เพิ่มขึ้นมากเช่นกัน
เฉินเหวินไม่รู้ข้อมูลเกี่ยวกับสัตว์อสูรตัวอื่นๆ แต่ภายในหนึ่งเดือน อาโปก็ก้าวเข้าสู่ขั้นที่ห้าของร่างมนุษย์ ซึ่งไม่สามารถอธิบายได้ว่าจะมาจากอาหารที่ทุกคนนำมาให้อาโปหรือไม่?!
และจากนั้นการเติบโตของอาโปก็ เริ่มลดลง!
ระดับมนุษย์ เป็นระดับสำหรับของสัตว์อสูรเพื่อดูดซับพลังวิญญาณเพียงเพื่อทำให้ร่างกายอบอุ่นเท่านั้น
กล่าวโดยสรุปคือระดับพื้นฐานนั่นเอง.....
สัตว์อสูรเกิดมาพร้อมกับสัญชาตญาณในการใช้พลังจิตวิญญาณ และจะค่อย ๆ ปลุกทักษะทางเผ่าพันธุ์ของพวกมันเอง และการฝึกฝนทักษะของเผ่าพันธุ์ของพวกมันมักจะสามารถปรับแต่งอวัยวะต่าง ๆที่สำคัญของพวกมันได้ดีขึ้นอีกด้วย....
อาจกล่าวได้ว่าทักษะของเผ่าพันธุ์ของสัตว์อสูรไม่ได้เป็นเพียงวิธีการโจมตีและป้องกันเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีการและทางลัดสำหรับพวกมันในการพัฒนาความแข็งแกร่งอีกด้วย....
เมื่อเห็นว่าสัตว์อสูรจำนวนมากในชั้นเรียนเริ่มที่จะปลุกทักษะของเผ่าพันธุ์ของพวกมัน เฉินเหวินรู้ว่าถึงเวลาแล้วที่จะเปิดใช้งานนิ้วทองคำสำหรับอาโปนั่นเอง.....