ตอนที่ 1092 สงสัยว่าไม่หนักเกิน
กลับมาที่ภูเขาเทียนผิง หอคอยโบราณ
เย่ว์หยางผู้ทำภารกิจค้นหาวัตถุโบราณไม่ได้รีบพาหมิงจูไปส่งงานภารกิจ แต่เขากลับไปที่หอพักนักศึกษาราวกับว่ามีวัตถุโบราณอยู่แล้วราวกับว่าไม่เคยได้ยินเรื่องราววัตถุโบราณมาก่อนคุณชายหมิงจูคาดไม่ถึงว่าเย่ว์หยางจะมีแนวคิดเช่นนี้ เขาอดหลั่งเหงื่อเยียบเย็นไม่ได้ ไม่มีใครในโลกที่โลภเท่าเจ้าเด็กนี่อีกแล้ว
“ไปพักผ่อนนอนหลับให้ดีพรุ่งนี้ตื่นมาจะได้พบกับวันที่ดีกว่า” เย่ว์หยางกระซิบบอกและกลับไปที่ห้อง
“ดูเหมือนว่าพวกเจ้าทั้งสองจะไปพบเรื่องสนุกๆมาสินะ...” ไม่รู้ว่าอาจารย์ใหญ่โผล่ออกมาจากไหน
“ไม่, ข้าแค่ทะเลาะกับเขาอย่างหนัก!” คุณชายหมิงจูเมื่อได้ยินก็รีบปฏิเสธ
“ฮ่าฮ่า เสียงดังก็เป็นความสนุกครึกครื้นของชีวิต มิฉะนั้นคงไม่น่าสนใจเกินไป” อาจารย์ใหญ่หัวเราะลั่นและในที่สุดท่านรำพึงกับตนเองและเดินหายลับไปตามทางเดิน
คุณชายหมิงจูยังคงเงียบ
เขามองดูประตูห้องเย่ว์หยางที่ปิดแน่นหนาก็รู้สึกโกรธขยี้เท้าเดินจากไป
หลังจากคุณชายหมิงจูเดินออกไปแล้วประตูห้องเย่ว์หยางเปิดออกเงียบๆ หลังจากด้อมๆ มองๆ ไม่กี่คราและพบว่าปลอดภัยเขารีบดึงตัวออกมาอย่างระมัดระวังตัวแนบกับอาคารพื้นอาคารเคลื่อนไหวราวกับนักย่องเบา เย่ว์หยางออกจากหอพักนักศึกษาและหายไปในความมืด
เมื่อเขาออกมาอีกครั้ง เขาสวมชุดดำให้กลมกลืนกับความมืด
สวมหน้ากาก
ถ้าไม่ดูอย่างระมัดระวังอาจเข้าใจผิดว่าเป็นชิงหมอนักฆ่าหน้ากากก็เป็นได้
เย่ว์หยางแต่งตัวประหลาดพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วในความมืดหลังจากขึ้นๆ ลงๆ หลายคราก็มาถึงใจกลางหอโบราณ สถาบันผู้พเนจรฟ้า
หอโบราณวิทยาลัยผู้พเนจรแดนฟ้าเป็นสถานที่สำหรับประเมินคะแนนนักเรียนอยู่ไม่ไกลจากหอพักนักศึกษา แต่ที่นี่ก่อนการประเมิน โดยทั่วไปนักเรียนจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาเพื่อป้องกันการทุจริต แน่นอนว่านักเรียนบางคนที่ไม่ได้มีส่วนร่วมในการประเมินหรือผู้ที่สมัครใจประเมินของสถาบันก็อาจอาศัยอยู่ในสถาบันชั่วคราวเพื่อช่วยครูบาอาจารย์ในสถาบันจัดสภาพแวดล้อมการทดสอบที่หลากหลายและอำนวยความสะดวกในการประเมิน...ในตอนกลางคืนเย่ว์หยางไปที่สถาบันเพื่อทำอะไร?
ไม่มีใครรู้
หลังจากเข้าไปในสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้าไม่ถึงครึ่งชั่วต่อมาเย่ว์หยางก็ออกมาจากข้างใน
กลับมาที่หอพักนักศึกษาพอปิดประตูได้เขาผิวปากทำราวกับว่าไม่ได้ออกไปไหนมา นอกจากนี้วันต่อมาเย่ว์หยางเย่ว์หยางกินอาหารเช้าในร้านอาหารอย่างรวดเร็วที่สุด เมื่อมีคนอื่นพูดถึงว่าเมื่อคืนมีคนน่าสงสัยเข้าออก เขาก็ทำหน้าเฉยเมย
“เมื่อคืนนี้หรือ? ใช่เจ้าหรือเปล่า?” คุณชายหมิงจูกระซิบถามเย่ว์หยาง
“ข้าหลับทั้งคืนยันรุ่ง” เย่ว์หยางหาว แล้วพูดว่าเขาควรเป็นฝ่ายถูก
“จะเชื่อเจ้าได้ไหม?” คุณชายหมิงจูสงสัยว่าถ้าจะมีคนในโลกนี้ที่กล้าตบหน้าสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้าคนผู้นั้นก็ต้องเป็นเจ้าของปราสาทไดมอนด์สตาร์ บารอนไตตัน 99% เหตุผลที่เขาไม่แน่ใจเต็มร้อยก็คือคุณชายหมิงจูคิดว่าถ้าเป็นเย่ว์หยางไปที่สถาบันผู้พเนจรแดนฟ้าก็ไม่ควรถูกค้นพบ
“เป็นไปไม่ได้ที่จะหลับยันสว่าง ข้าตื่นมาอาบน้ำตอนกลางคืน เจ้าไม่รู้หรอกเมื่อคืนนี้สถาบันผู้พเนจรแดนฟ้าไม่เพียงแต่ถูกขโมยเท่านั้น แต่ในความฝันของข้ายังมีสตรีสาวสวยบุกเข้ามาจับข้าแก้ผ้าทรมานจนเหงื่อโทรมกาย ในที่สุดก็ถึงได้ตื่นขึ้นไปอาบน้ำลองคิดดูโจรนั่นสาวสวยเป็นบ้า!” เย่ว์หยางกล่าวเขายังติดอยู่ในความทรงจำที่ดี มุมปากของเขามีน้ำลายไหลยืด
“ก็ได้ ถือว่าข้าไม่ได้พูดอะไรก็แล้วกัน!” ทันใดนั้นคุณชายหมิงจูรู้สึกว่าคุยกับคนผู้นี้เปลืองตัว พูดไม่ออก
“ถ้าไม่ใช่ข้าที่บุกเข้าไปในสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้าเมื่อคืนนี้ หรือว่าจะเป็นเจ้า?” เย่ว์หยางถามทันที
“เฮ้..ข้ายังไม่รู้สึกเบื่อเลย เข้าใจไว้ด้วย!” คุณชายหมิงจูค้อนเขา
“ไม่ใช่ข้า หรือไม่ใช่เจ้า แล้วจะเป็นใคร?” เย่ว์หยางใช้วิธีขอโจรให้จับโจร
“ต้องไม่ใช่ข้า, แต่อาจเป็นเจ้า..เจ้ายังไม่ถูกตัดความเป็นไปได้ที่จะก่อความผิดอย่างสมบูรณ์” คุณชายหมิงจูเชื่อเย่ว์หยางชั่วคราวแต่ความสงสัยพื้นฐานที่สุดยังคงอยู่ ใครให้เย่ว์หยางดูเหมือนโจรน้อยที่บุกรุกเข้าไปในสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้าเล่า?
“ในสถาบันมีสิ่งใดหายไปหรือเปล่า?” เย่ว์หยางผายมือและบอกว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะบุกเข้าไปในสถานที่ไม่มีความสวยงามในยามราตรี
“ไม่ชัดเจนว่ามีอะไรหายไป” หมิงจูคิดว่านี่เป็นเรื่องที่น่าสงสัยแน่นอนว่าเป็นเพราะอุปนิสัยทะลึ่งลามกของเย่ว์หยาง สถาบันผู้พเนจรแดนฟ้าไม่มีสตรีงามคนที่อยู่อาศัยทั้งหมดเป็นชายชรา ไม่คุ้มค่ากับการโจมตีตอนกลางคืน หากมีอาจารย์ที่งดงามในสถาบัน อย่างนั้นเย่ว์หยางคงหนีไม่พ้นข้อสงสัยและอาจถูกตัดสินว่าเป็นผู้ร้ายที่บุกรุกยามวิกาล
ในที่สุดก็ต้องยอมปล่อยผ่านไป
เย่ว์หยางกลัวว่าคุณชายหมิงจูจะสำรวจลึกในเรื่องนี้ เขาเอาใจคุณชายหมิงจูอย่างไม่เห็นแก่ตัวโดยบอกว่าหมิงจูต้องการไปเล่นที่ไหนเขายอมเป็นสุภาพบุรุษผู้เสียสละไปด้วยจนถึงที่สุด คุณชายหมิงจูมีความสุขและรู้สึกสงสัยเล็กน้อย แต่ก็นึกขึ้นได้ว่าอาจเป็นเพราะเจ้าเด็กนี่ได้รับโบราณวัตถุและต้องการซื้อตัวเขาด้วยการเอาใจบางอย่างเพื่อแลกกับการไม่เปิดเผยความลับ
ดังนั้นจึงไม่มีอะไรต้องสงสัยอีกต่อไปเขาโบกมือกล่าว “จำเลยไตตัน ถ้าเจ้าทำตัวให้ดีวันนี้อย่างนั้นข้าจะพิจารณาผ่อนปรนเจ้า”
เย่ว์หยางแสร้งทำเป็นน้อมตัว“น้อมรับคำสั่ง ไม่ต้องกังวล แม้เจ้าอยากกิน อยากสนุกข้าจะอำนวยความสะดวกให้เต็มที่ในวันนี้” คุณชายหมิงจูรำคาญกับคำพูดเหลวไหลของคนผู้นี้ แต่เขาไม่สามารถด่าว่าได้เขาอดขำไม่ได้ในที่สุด เจ้าเด็กนี่ตลกจริงๆ
ขณะก้าวเดินไปข้างหน้าหญิงสาวชุดขาวปรากฏตัวหน้าเขาทันที
ดูเหมือนพวกนางกำลังรอ
เย่ว์หยางเหมือนกับจะไม่เห็นพาคุณชายหมิงจูหันหน้าจากไป
มีบุรุษคนหนึ่งที่ด้านหลังเขาถือรูปสลักแปลกๆเป็นประกายวิ่งผ่านไปที่สตรีชุดขาวทั้งสามเขาสะบัดผ้าคลุมไหล่ผมยาวสยายพยายามแสดงท่าทางที่คิดว่าดูเท่ที่สุดแล้วคำนับอย่างสุภาพ“ได้รับมอบหมายจากทูตสวรรค์ทั้งสาม โชคดีที่ไม่ทำให้ขายหน้า หลังจากค้นหาทั้งวันในที่สุดข้าจินฉีก็ขุดสมบัติในทะเลต้นไม้ออกมาได้ จินฉีไม่กล้ายืนยันในตอนแรกทันทีเกรงว่าจะได้รับความไว้วางใจจากท่านทูตสวรรค์ ดังนั้นจึงไม่ได้เอาโบราณวัตถุมารายงานตอนแรก แต่กลับไปที่หอพักนักศึกษา หลังจากตามหาครูบาอาจารย์มาช่วยตรวจสอบยืนยันได้รับการรับรองจากครูบาอาจารย์แล้ว จินฉีจึงได้รู้ว่านี่คือวัตถุโบราณที่ท่านทูตสวรรค์มอบความไว้วางใจให้ค้นหาพวกเหล่านักสู้ทำงานล้มเหลวและกลับมาอย่างไร้ประโยชน์...
คนที่รีบเร่งคลานเข้าไปหาก็คือจินฉี
ในเวลานี้เจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองใบทองวางมาดสุดเท่ดัดเสียงให้ไพเราะนุ่มนวลน่าประทับใจที่สุดบอกว่าเขาต้องใช้สมองอย่างยากลำบากเพียงไหนและในที่สุดเขาอยู่ในใจกลางทะเลต้นไม้ในยอดเขาตะวันออก จึงค่อยขุดพบสมบัติ
ดูเหมือนว่ากระบวนการตามล่าขุมทรัพย์ทั้งหมดนี้เป็นกิจกรรมทางจิตวิทยาทั้งหมดไม่ได้ระบุไว้อย่างสมบูรณ์เหมือนทำให้ทุกคนในโลกพ่ายแพ้หมด
แม้กระนั้นเขาก็ยืนยันในชัยชนะเล็กน้อย ว่ากันว่าห้องลับของสถานบันผู้พเนจรแดนฟ้ายังมีของโบราณอีก
“เห็นได้ชัดว่าวัตถุโบราณทั้งสองนี้เป็นของคู่กัน เนื่องจากข่าวที่สำคัญอย่างนั้นจินฉีจึงกล้ากลับมาหาท่านทูตสวรรค์ทั้งสาม ภารกิจที่ท่านทูตสวรรค์มอบหมายให้ค้นหาสิ่งต่างๆ ได้เสร็จสิ้นอย่างสมบูรณ์และภารกิจนี้ได้มอบหมายอย่างเป็นทางการ” จินฉีกล่าวอย่างนี้ เย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูมองหน้ากันเองและตระหนักได้ทันทีว่าคนที่เข้าไปในสถาบันผู้พเนจรแดนฟ้าเมื่อคืนนี้ก็คือคนผู้นี้
“ขอแสดงความยินดีกับนักเรียนจินฉีที่ตามล่าสมบัติได้สำเร็จ!” นักเรียนสองสามคนที่เป็นสหายสนิทของจินฉีรับลูกเยินยอทันทีโดยไม่ต้องมีการซ้อมล่วงหน้ามาก่อน
“มีแต่เจ้าเมืองน้อยจินฉีเท่านั้นถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น ข้าเกรงว่าคงไม่มีคุณสมบัติทำภารกิจให้สำเร็จ” มีบางคนจ้องเขม็งไปทางเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูเพื่อเป็นการยั่วยุ
“ทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายเสร็จสิ้นด้วยความพยายามอย่างหนักทูตสวรรค์ทั้งสามคงจะมีความสุขใจ คาดว่าต้องได้รับรางวัลใหญ่แน่นอน” นักเรียนคนหนึ่งแนะนำว่าตอนนี้เป็นเวลารับรางวัลและทุกคนไม่ควรคาดหวังมากเกินไป
“มิกล้า, ตายเพื่อประโยชน์ของท่านทูตสวรรค์นั่นคือส่วนหนึ่งของชีวิตข้า และข้ากล้าจะพูดเช่นนั้น” เจ้าเมืองน้อยจินฉียิ่งใหญ่กว่านักการเมืองผู้ยิ่งใหญ่เสียอีก
“ดูเหมือนว่าตำแหน่งชนะเลิศครั้งนี้คงไม่หนีไปไหน” ในบรรดากลุ่มผู้คนที่ชมดู แม้แต่สหายของจินฉีถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขารู้สึกว่าจินฉีที่ทำภารกิจสำคัญที่ทูตสวรรค์ทั้งสามมอบหมายเสร็จสิ้นจะชนะการแข่งขันครั้งนี้เป็นผู้ชนะเลิศได้แน่นอน หุ่นรบแม่เหล็กระดับทองที่แข็งแกร่ง ถือได้ว่าในขณะนี้ไม่มีคู่ต่อกรที่เหมาะสม จีอู๋ลี่ จงหัวและกัปตันคุ้กอัจฉริยะที่ยากหาในรอบพันปี ได้ร่วมแข่งขันกันครั้งที่แล้วไปแล้ว คราวนี้เป็นเพียงกลุ่มคนธรรมดาๆ จะเปรียบได้อย่างไรกับหุ่นรบแม่เหล็กที่แข็งแกร่งของจินฉี? โดยเฉพาะอย่างยิ่งจินฉีทำภารกิจค้นหาวัตถุโบราณที่จีอู๋ลี่และจงหัวไม่สามารถทำได้
ตอนนี้ไม่ว่าจะอิจฉาหรือเกลียดชังก็ไม่มีประโยชน์
ใครกันปล่อยให้เจ้าจินฉีไปค้นหาวัตถุโบราณที่จีอู๋ลี่หาไม่พบแต่เขากลับทำได้
ยอดเขาตะวันออกไม่มีทะเลไม่ใช่ว่าไม่มีใครคิดถึงทะเลต้นไม้ แต่จะทำตามจุดนี้จริงๆ แล้วขุดหาวัตถุโบราณ ไม่มีใครทำเช่นนั้นจริง ใครจะรู้กันว่าจินฉีที่ปกติหยิ่งยโสจะทำเช่นนั้นจริง
เจ้าสุนัขนี่ไม่มีใครหยุดได้จริงหรือ?
นักเรียนหลายคนถอนหายใจ
เหตุผลที่ทุกคนยังคงดูอยู่ที่นี่ก็เพื่อดูว่ารางวัลที่ทูตสวรรค์ทั้งสามจะให้จินฉีนั้นคืออะไร
เสร็จสิ้นภารกิจที่ได้รับมอบหมายซึ่งไม่มีใครทำได้มาตั้งแต่ยุคโบราณ
รางวัลต้องไม่เล็กน้อยแน่นอน
ทุกคนไม่รู้ว่ารางวัลคืออะไร ถ้าเป็นสมบัติเหนือกว่าระดับศักดิ์สิทธิ์หรือหุ่นรบระดับแพลตตินัมอย่างนั้นทุกคนคงเสียใจราวกับโลหิตออกจากทวารทั้งเจ็ด ทะเลต้นไม้นั้นชัดเจนเรียบง่ายมาก ทำไมพวกเขาไม่ขุดด้วยตนเอง? ปล่อยให้เจ้าเด็กจินฉีได้ไปง่ายๆ ...เทพเจ้าช่างไม่มีตาเสียเลย!
แม้ว่าปากของจินฉีจะพูดอย่างถ่อมตัวแต่เขาก็แสดงออกว่าเขาไม่กล้ารับความดีความชอบ ไม่ต้องขอรางวัลด้วยเรื่องเล็กน้อย
แต่ความพึงพอใจในสายตาของเขาแสดงออกอย่างเต็มที่
ดูก็รู้!เขาคือบุตรแห่งโชคชะตา ทุกคนอิจฉาเขา เกลียดเขา
คุณชายหมิงจูกลั้นหัวเราะจนรู้สึกเหนื่อยเขาต้องคล้องแขนเย่ว์หยางประคองตนเองไว้ มิฉะนั้นเขาคงต้องขำจนกลิ้งลงกับพื้น
เย่ว์หยางทำตัวไม่โดดเด่นเขาลังเลว่าจะออกไป หรืออยู่ต่อดี เพราะกลัวว่าคนอื่นจะเอาสิ่งนั้นไปอีกหรือ?
ในที่สุดเขาก็เข้าใจภารกิจจะต้องร่วมมือกัน ถึงจะกล่าวได้ว่าปลอดภัย
คุณชายหมิงจูจับเขาไว้และไม่ยอมปล่อยเขาไป
เพราะคุณชายหมิงจูต้องการอยู่ดูว่าทูตสวรรค์ทั้งสามจะให้รางวัลอะไรกับจินฉีในที่สุด...ที่สำคัญคุณชายหมิงจูต้องการดูน้ำหน้าของจินฉี แม้จะยังไม่ปรากฏ แต่คาดว่าคงเป็นเรื่องงามหน้า
เย่ว์หยางลอบถอนหายใจและบอกว่าความอยากรู้อยากเห็นทำให้คนตายได้นั่นถูกต้องจริงๆ
หากอยากเห็นอะไรดีๆ ก็ต้องขุดมาดู
ทุกคนมาออกันที่ประตู
แม้ว่าพวกเขาไม่ได้หนีออกมาแต่เขาก็ต้องอยู่เพื่อดูความตื่นเต้นของคนอื่น นี่เป็นแนวคิดแบบไหน? เป็นเด็กเป็นนักเรียนต้องไม่สงสัยให้มากเกินไปเข้าใจไหม?