ตอนที่ 1088 คอยดูกันไป
จงหัวมาถึงล่วงหน้าพอได้รับทราบข่าวขุนนางหลายคนจากเมืองไม้เงิน เช่นชายชราเคราดำก็รีบเข้ามาทักทายต้อนรับ
เขาเห็นภาพนี้แต่ไกล
เขาต้องการดูช่วงเวลาที่เอาชนะจินฉีผู้ดื้อรั้นและมีทิฏฐิสูง
แต่หลังจากคิดดูอีกครั้งจอมวายร้ายที่ไร้ยางอายนี้โดยส่วนตัวแล้วยังทำตัวเด่นเท่คงต้องปล่อยให้ไตตันแก้แค้นในช่วงเวลานั้น
ส่วนลึกแล้วเขากลัวว่าเย่ว์หยางลูกหลานเผ่าบูรพาอมตะจะโกรธจึงรีบเข้าไปปลอบทันที “จินฉีเป็นแค่ตัวตลก และเขาจะหยิ่งยโสกับตัวเองไปได้อีกสองวันเมื่อถึงเวลาแข่งขันจะได้รู้ว่าใครควรเป็นผู้ชนะเลิศ! น้องไตตันถ้าเจ้าสามารถถ่ายโอนความคิดสร้างสรรค์ในปากกาขนนกศักดิ์สิทธิ์ประยุกต์ใช้กับหุ่นรบหรือหุ่นอสูรจินฉีจะไม่คู่ควรหิ้วรองเท้าให้เจ้า คนอย่างเขาจะมีอะไร..”
จงหัวมีคุณสมบัติในการดูแคลนจินฉีอย่างแน่นอนเขาไม่คิดว่าปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์จะเป็นงานวิจัยพัฒนาที่อ่อนแอ
นั่นคือระดับศักดิ์สิทธิ์สร้างสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ด้วยพลังทางจิต ใครจะมีทักษะเช่นนี้ได้?
และยังอยู่บนปากกาขนนก
คิดว่ามันง่ายจริงๆ อย่างนั้นหรือ? ถ้าคิดลึกลงไปอีกชั้นหนึ่งไตตันในฐานะเจ้าของปราสาทไดมอนด์สตาร์ ตอนนี้เสามารถพัฒนาปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์ อย่างนั้นต่อไปเขาอาจพัฒนาหุ่นรบระดับศักดิ์สิทธิ์ได้หรือไม่?ใครเล่าจะกล้าบอกว่าไม่ได้? ขนนกยังสามารถทำให้เป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์เป็นไปได้หรือที่จะให้คนอย่างจินฉีเยาะเย้ยได้? เขาเกรงว่าแม้แต่จีอู๋ลี่ได้ยินเรื่องนี้อาจจะลอบตกใจก็เป็นได้
“ไม่เป็นไร,คนแบบนี้ ข้าเห็นมานักต่อนักแล้ว” เย่ว์หยางโบกมือและพูดว่าเขาไม่ใส่ใจ ศัตรูต้องพูดเอาหน้า ต้องตัดไม้ข่มนามไว้ก่อนแต่ไม่จำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลที่จะทำในอนาคต
“ถ้าน้องไตตันต้องการ ข้าจงหัวจะทำอย่างดีที่สุดช่วยน้องไตตันพัฒนาหุ่นรบ” จงหัวไม่สนใจอะไรอื่นเขาแค่ต้องการดึงลูกหลานเผ่าบูรพาอมตะมาเป็นพวก
“ขอขอบคุณท่านล่วงหน้าเมื่อเปลี่ยนเป็นหุ่นรบ จะทำให้ทุกคนประหลาดใจแน่นอน” การแสดงออกอย่างสงบและคำตอบของเย่ว์หยาง จงหัวได้ยินแล้วรู้สึกดีใจ เขาคาดเดาไม่ผิด ในฐานะลูกหลานเผ่าบูรพาอมตะเขามีวิธีพัฒนาปากกาขนนกระดับศักดิ์สิทธิ์ได้
ผู้คนแค่ยังไม่เริ่มลงมือ อย่านึกว่าจะรังแกกันได้จริงๆ! แม้ว่าการประเมินจะล้มเหลวแต่จงหัวคาดการณ์ไว้ว่าจินฉีคงจะพบกับความเศร้าแน่นอน
ยิ่งกว่านั้นในการเปรียบเทียบนี้ เขาจะแพ้อย่างน่าสมเพช
เพื่อเป็นการเอาใจเย่ว์หยาง จงหัวยังคงขอให้ว่านหมอและหลานฟงเลื่อนการเข้าร่วมในการแข่งครั้งนี้ไปก่อน
อาจารย์ใหญ่ได้ฟังแล้วตะลึง และขอบคุณจงหัวทันที เขารู้สึกว่านี่เป็นข้อมูลที่ทันเวลาจริงๆ เย่ว์หยางยังแสดงความขอบคุณเขา ความจริงแล้วเขาได้รับข้อมูลข่าวกรองจากคุณชายหมิงจูที่ละเอียดมากกว่าสิบเท่าและจะไม่มีใครซาบซึ้งคนอย่างจงหัวเป็นแน่ มองอย่างผิวเผินเขาเป็นแขกผู้ทรงเกียรติ เย่ว์หยางต้องคิดหาข้ออ้างตอบโต้และไม่ง่ายเลยที่ต้องกำจัดการกวนใจของจงหัว
สำหรับการโจมตีว่านหมอและหลานฟงอย่างลับอาจารย์ใหญ่และอาจารย์โอมอนมีความกดดันเล็กน้อยเนื่องจากเขาเป็ยยอดคนพเนจรในระดับเดียวกับจีอู๋ลี่และจงหัว ไม่ควรให้ความสนใจ
พวกเขาแอบดีใจโชคดีที่นักเรียนไตตันไม่เพียงแต่พัฒนาหุ่นบินรบรุ่นแรกเท่านั้นแต่ยังพัฒนาเป็นหุ่นบินรบถึงสามประเภท
และข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดก็คือด้วยความพยายามของอาจารย์ในโรงเรียนหุ่นบินรบโจมตีทางอากาศชุดแรกได้ทำเสร็จสิ้นแล้ว
ตอนนี้มีของอยู่แล้ว
ต่อให้หุ่นรบของว่านหมอและหลานฟงน่ากลัวก็อาจพบกับความพ่ายแพ้ได้
นอกจากนี้พลังโจมตีลับของว่านหมอและหลานฟงไม่ได้เกิดประโยชน์อันใดเลย อย่างน้อยไตตันสามารถชนะการแข่งขันพร้อมทั้งขจัดอุปสรรคมากมาย อย่างเช่นจินฉีที่อ้างว่าได้พัฒนาหุ่นรบแม่เหล็กถ้าพบกับนักรบโลหิตของว่านหมอ และนักรบเพลิงพิฆาตของหลานฟงแล้วเมื่อแม่เหล็กไร้ประโยชน์ พวกเขาจะแสดงสีหน้ายังไง?
ไม่นานหลังจากเข้าหอพักนักศึกษา คุณชายหมิงจูก็มาถึงเช่นกัน
ขณะที่คุณชายฉีมู่และคุณชายหมิงจูกล่าวว่าพวกเขาลืมไปเนื่องจากถูกหญิงสาวล้อมรอบจึงไม่สามารถหาเวลาถอนตัวได้
อย่างน้อยคาดว่าต้องรออย่างน้อยสามวันหลังจากประเมินคะแนน
มาก็มาเถอะ
เย่ว์หยางไม่สนใจว่าฉีมู่จะสามารถมาถึงได้หรือไม่ตราบเท่าที่คุณชายหมิงจูมา มาช้าย่อมดีกว่าไม่มา แน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่สามารถพูดต่อหน้าคุณชายหมิงจูได้ มิฉะนั้นอาจโดนค้อนทองโดยตรง เย่ว์หยางทำตัวเป็นเด็กดีและพาคุณชายหมิงจูไปหาอาจารย์ใหญ่บอกขออนุญาตว่าต้องการไปชมดูที่หอสมุดหยกขาว
อาจารย์ใหญ่ตอบอนุญาตเป็นธรรมดา
และไปกับคุณชายหมิงจู ดูเหมือนเขาจะโล่งใจ
หลังจากนั้นถามคุณชายหมิงจูเกี่ยวกับสหายเก่าที่หุบเขาอัญมณีเหมือนไม่ตั้งใจนักอาจารย์ใหญ่มอบบัตรเงินผลึกสวรรค์มูลค่าสองร้อยโดยบอกว่าเป็นค่าขนมสำหรับนักเรียนเย่ว์หยางและคุณชายหมิงจูได้ใช้จ่ายกินข้าวและซื้อของ
“อาจารย์ใหญ่เจ้า เป็นอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดจริงๆ!” คุณชายหมิงจูคว้าบัตรเงินผลึกสวรรค์และกล่าวทำนองเขาจะรับผิดชอบเรื่องการเงินด้วยตัวเอง
“เจ้าตระหนี่เกินไปและลังเลกว่าจะซื้อของได้ แสดงว่าเจ้าไม่เก่งในเรื่องจัดการเรื่องการเงิน” เย่ว์หยางไม่เห็นด้วย
“ขืนให้หน้าโง่เลอะเทอะอย่างเจ้าใช้จ่าย 1000 ผลึกสวรรค์ก็หมดได้ในวันเดียว!” คุณชายหมิงจูปฏิเสธจะให้
“ข้าแค่ซื้อวัตถุดิบสำคัญ!” เย่ว์หยางให้เหตุผล
“ตอนนี้ไม่ต้องซื้อวัตถุดิบสำคัญ ดังนั้นข้าจะควบคุมการเงินเอง” คุณชายหมิงจูยืนกรานคำเดิม มีอาจารย์ใหญ่คอยสนับสนุนเขายิ้มและแนะนำเย่ว์หยาง “ไตตันน้อย! มีคนควบคุมการเงินให้เจ้านับเป็นเรื่องดี เจ้าให้คุณชายหมิงจูควบคุมการเงินให้เจ้า! เมื่อเจ้าเติบโตอายุใกล้ๆ ข้าเจ้าจะเข้าใจว่ามีใครสักคนดูแลจัดการเรื่องนี้ให้นั่นเป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ในชีวิต!”
“ไม่เข้าใจเลย...” เย่ว์หยางแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจเหมือนห่านโง่
“ฮะฮะฮะ, เด็กโง่, ใช้เงินไม่ลังเลให้ดูสิ่งที่เจ้าต้องการซื้อและต้องการกินเจ้าสามารถใช้ได้ตราบเท่าที่เจ้ามีความสุข! ไปเถอะ, คนหนุ่มเอาแต่ค้นคว้าวิจัยอยู่แต่ในบ้านนอกจากมีอาชีพของตัวเองแล้ว ยังต้องมีชีวิต! แม้ว่าการประเมินจะใกล้เข้ามาแล้วแต่ตอนนี้จำเป็นต้องผ่อนคลายจากการทำงานและพักผ่อนไปด้วย!” อาจารย์ใหญ่เห็นเด็กรุ่นหลานและได้พูดหยอกล้ออารมณ์ดุแต่เดิมและความโกรธที่ถูกยั่วยุก็ถูกกวาดหายไปท่านมองดูเย่ว์หยางและหมิงจูด้วยความเอ็นดูและเมตตา
ออกจากหอพักนักศึกษาคุณชายหมิงจูพาเย่ว์หยางไปเดินข้างล่างอย่างมีความสุข
มีอาคารมากมายอยู่บนยอดเขาเทียนผิง
เทียบกับเมืองโดยทั่วไปแล้วมีระบบเมืองที่สมบูรณ์มากกว่า จำนวนผู้คนที่หอคอยโบราณมีน้อยเกินไปเดินบนถนนว่างเปล่า นานๆ ครั้งจะเห็นผู้คน
คุณชายหมิงจูไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยฉุดดึงเย่ว์หยางไปชมอาคารประวัติศาสตร์และดูประติมากรรมโบราณ
สำหรับร้านเหล้าร้านอาหารหรูค่อนข้างมีชีวิตชีวา เพราะมีงานประเมินผู้พเนจร
ในทางตรงกันข้ามไม่มีอะไรน่าสนใจมากนัก
หลังจากเดินชมเป็นเวลานานจนกระทั่งเวลาสนธยาความมืดเริ่มมาเยือน พวกเขาจึงเริ่มกลับ
ระหว่างทางกลับเขาทะเลาะกับเย่ว์หยาง ราวกับว่าเกิดมาเพื่อเป็นศัตรู แต่หน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ซึ่งเขาอธิบายไม่ได้จริงๆ
“ข้าหิวแล้ว ไปหาที่กินกันเถอะ!” เย่ว์หยางแตะหน้าท้องกล่าวว่าเขาไม่อาจรอกลับไปกินที่หอพักนักศึกษาและตอนนี้มืดค่ำแล้ว ต้องไม่มีอาหารที่หอพักแน่
“เจ้ารู้ว่าจะกินอะไร!” คุณชายหมิงจูเพลินกับการมองเขาอย่างพินิจพิจารณาถ้าเป็นคนอื่นทำกรอกตาจะต้องดูน่าเกลียดมาก แต่คุณชายหมิงจูแตกต่างกันดวงตาทั้งคู่ราวกับรวมจิตวิญญาณสวรรค์และโลกเอาไว้เมื่อเย่ว์หยางเห็นอดชะลอฝีเท้าไม่ได้
“ทำโง่ไปได้, ไปเถอะ เจ้าห่านโง่!” คุณชายหมิงจูเหมือนกับจะโกรธเย่ว์หยาง แต่ดูเหมือนมีความสุขมากเป็นอาการที่ขัดแย้งกันเอง
“เจ้าเรียกข้าว่าห่านโง่อีกแล้ว” เย่ว์หยางโมโห
“ถ้าเจ้าไม่ให้เรียก ก็ไม่ต้องเรียกใครจะสนใจเล่า เดินไปหาอะไรกินกันเจ้าจะรู้อะไรนอกจากเรื่องกิน!” คุณชายหมิงจูดึงเย่ว์หยางเข้ามาในร้านอาหารที่สะอาดแห่งหนึ่งดูจากชื่อร้านผู้พเนจรแดนฟ้า แสดงว่าโรงเตี๊ยมนี้ไม่ได้เปิดโดยพ่อค้าทั่วไปแต่เปิดโดยเจ้าศักดินาที่เป็นคนของโรงเรียนผู้พเนจรแดนฟ้า ร้านอาหารนี้ไม่ได้มีบริการต่างๆเหมือนร้านค้าโดยทั่วไป ที่นี่มีบริการเพียงอย่างเดียวคืออาหารและเครื่องดื่มที่ลูกค้าต้องการ และจะต้องเป็นผู้ใหญ่ที่บรรลุนิติภาวะถึงจะซื้อได้ หากอายุต่ำกว่า 18 ปี ทางร้านจะไม่ขายให้อย่างเช่นเย่ว์หยางที่ดูเยาว์วัย บริกรต้องขอดูอายุของเขา
“ดูคนประสาอะไร? หมิงจูดูอ่อนกว่าข้า ทำไมเจ้าไม่ถาม?” เย่ว์หยางประท้วงอย่างจริงจังทำเหมือนกับชาวต่างชาติประท้วงว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม
“ครั้งก่อนข้าเคยมาดื่มที่นี่!” คุณชายหมิงจูมีความสุขเมื่อเห็นท่าทางกินอาหารของเย่ว์หยาง
“เป็นเด็กนี่ไม่ดีใช่ไหม?” เย่ว์หยางรู้สึกเศร้าใจ
“เด็กในอีกมุมมองหนึ่งหมายถึงยังไม่บรรลุนิติภาวะ ยังจำแนกเรื่องดีหรือไม่ดีได้เต็มที่” คุณชายหมิงจูพูดกล่าวหาเล็กน้อย
“ก็ยังดีกว่าแก่และน่าเกลียด จริงสิ ข้าลืมถามไป ปีนี้เจ้าอายุเท่าไหร่?” เย่ว์หยางเริ่มให้ความสนใจกับอายุของคุณชายหมิงจู คำถามนี้เขาคิดว่าจะได้รับคำตอบทันที แต่คุณชายหมิงจูโบกมือบอกว่าเป็นความลับ
“มากกว่าเจ้าก็แล้วกัน!” คุณชายหมิงจูให้คำตอบที่คลุมเครืออย่างยิ่งด้วยความรู้สึกอึดอัด
“เจ้าคงไม่ต้องให้ข้าเรียกว่าพี่ใหญ่หรอกนะเพราะรูปร่างเล็ก และรูปลักษณ์อ่อนเยาว์ใช่ไหม? ดังนั้นข้าตัวใหญ่ แก่กว่า เจ้าต้องเรียกข้าว่าพี่!” เย่ว์หยางตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ยอมเชื่อฟัง
“เจ้าจะแก่กว่าข้าได้ยังไง?” คุณชายหมิงจูไม่รู้ว่าเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?
“ก็ลองดู เมื่อเจ้ากับข้ามาเทียบตอนปัสสาวะ ข้าใหญ่กว่าเจ้าแน่นอน!” เย่ว์หยางยืนยันเด็ดเดี่ยว
“....” คุณชายหมิงจูอึ้งไปสามวินาทีในที่สุดก็ตั้งสติ เมื่อเขาเห็นสีหน้าท่าทางภูมิใจของเจ้าเด็กนี่ว่า ‘ของข้าใหญ่กว่า’ เขาโกรธขนาดที่เรียกค้อนทองออกมาโชคดีที่เย่ว์หยางคว้ามือไว้ทันป้องกันไม่ให้เกิดการทำลายล้างขึ้นคุณชายหมิงจูถลึงตามองเย่ว์หยางกระซิบ “ใครจะไปเทียบกับเจ้า? ไร้สาระ จะยั่วโมโหข้าหรือ? ไม่,เจ้าต้องขอโทษและบอกว่าและจะไม่ยั่วโมโหข้าอีกต่อไป เร็วเข้า!”
“ข้าเข้าใจคำว่า ‘เล็กเกิน’ มีความด้อยกว่าเล็กน้อย แต่ไม่เป็นไร ข้าเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่?เราเป็นคู่หูที่แข็งแกร่ง! ถ้าเจ้ามีเวลา ข้าจะสอนเจ้าให้สักท่าสองท่า เพื่อที่ว่าพลังรบของเจ้าจะได้ก้าวหน้า...” เย่ว์หยางใช้มือจับไหล่คุณชายหมิงจูด้วยทัศนคติที่จริงใจ ‘ข้าเป็นลูกพี่ ข้าจริงใจ’
“ขอบคุณ เก็บทักษะลามกของเจ้าเอาไว้เองเถอะ!” คุณชายหมิงจูอยากเอาเหล้าสาดหน้าเจ้าเด็กนี่นัก
“เด็กโง่, ข้าเป็นใคร เจ้าเป็นใครเราพี่น้องกันเอง ข้าจะเก็บทักษะเอาไว้ทำไม ก็ต้องสอนเจ้า!” เย่ว์หยางตบไหล่คุณชายหมิงจูและยิ้มอย่างลึกลับ “แต่ดูจากปฏิกิริยาของเจ้าข้าคิดว่าเจ้าอาจไม่เล็ก แค่ยังไม่มีประสบการณ์เรื่องอย่างว่า ไม่รู้ว่าสตรีคืออะไรถ้าเจ้าได้ลองแล้วเจ้าจะรู้สึกตกหลุมรักกับความรู้สึกนั้นและเจ้าจะไม่รู้สึกเป็นปมด้อยอีก บางทีเจ้าอาจไม่เล็กเกินไป ต่อไปเมื่อข้าอาบน้ำกับเจ้าข้าจะให้เจ้าดูแล้วลองเอามาเทียบกัน..” เย่ว์หยางกล่าวว่าเขาเป็นห่วงสุขภาพกายใจของคุณชายหมิงจูและยินดีจะเรียนรู้กันและกัน ส่งเสริมกันและกัน
“เจ้าหิวไม่ใช่หรือ? กิน กิน ไม่ต้องพูดแล้วเสร็จแล้วไปนอนไม่ต้องพูดอีกเลย!” คุณชายหมิงจูโกรธเจ้าเด็กนี่แทบตาย
“ข้าเองก็อยากช่วยเจ้า!” เย่ว์หยางรู้สึกผิดเขาทำท่าทางน่าสงสาร
“รู้แล้ว มันน่าคลั่งใจนัก!” คุณชายหมิงจูสูดหายใจลึกอยู่นานในที่สุดก็ข่มกลั้นความโกรธและไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับหัวข้อนี้นานเกินไป
ข้างนอกร้านอาหารมีบุรุษร่างใหญ่ผมแดงสูงสามเมตรมองดูเหมือนปีศาจกับสตรีนางหนึ่งที่มีผ้าพันดวงตาของนางเด็กหนุ่มขี้อายและกวาดตามองไปทุกแห่งกลัวว่าจะมีคนกล่าวหาเขา ด้านตรงข้ามเขามีบุรุษสองคนมาเผชิญหน้า แม้ว่าพวกเขาจะสวมชุดธรรมดาพวกเขามีตราทหารรับจ้าง ไม่ใช่ขุนนาง แต่ดูไม่ธรรมดาเหมือนราชาปกครองโลกอีกคนหนึ่งเป็นมหาบัณฑิตลึกล้ำดุจห้วงทะเล
ในอีกถนนหนึ่งมีบุรุษชุดดำกำลังนั่งอย่างสบายๆ
เป็นคนร่างผอมสูงสวมหน้ากาก
มองดูเหมือนมีด
รายล้อมไปด้วยกลุ่มนักเรียนจำนวนมากมีจินฉีเป็นหัวโจก ในสายตาของคนสวมหน้ากากเหมือนกับมองคนตายหรือหมูบนเขียง