ตอนที่ 1085 นี่คือความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเทพหรือ?
เมืองทรายแดง
เริ่นเทียนเกอและบัณฑิตตาเงินเพิ่งรับภารกิจรับจ้างสำเร็จและออกมาจากสมาคมทหารรับเจ้าง
แม้ว่าภารกิจจะสำเร็จสมบูรณ์เริ่นเทียนเกอรับผิดชอบเก็บรวบรวมสมุนไพรเก็บเกินเป้าหมายถึงสองระดับ แต่นักธุรกิจเจ้าเล่ห์ไม่ได้เพิ่มรางวัลให้แค่บอกว่า ‘จ่ายค่าตอบแทนทั้งหมดตามสัญญา’ ให้เริ่นเทียนเกอ
“ภารกิจนี้ใช้เวลาแปดวันแต่ได้ผลเก็บเกี่ยวเพียงสามผลึกสวรรค์” เริ่นเทียนเกอรู้สึกว่าค่าแรงนี้ถูกเกินไป เป็นทหารรับจ้างไม่ใช่เรื่องง่าย
“ถ้าเจ้ารู้ว่าสมุนไพรเหล่านั้นมีระดับราคาอย่างน้อยห้าร้อยผลึกสวรรค์เจ้าจะผิดหวังยิ่งขึ้น” บัณฑิตตาเงินยิ้มเล็กน้อย เขาไม่ใส่ใจเริ่นเทียนเกอที่หยุดเดินดื้อๆ
“ทำไม?” เริ่นเทียนเกอไล่มาทันเขาและตะโกนถาม “เจ้ารู้ว่ามีค่ามาก ทำไมไม่บอกข้า? สำหรับมูลค่าห้าร้อยผลึกสวรรค์เราเสียใจกับผลของมัน แม้ว่าภารกิจล้มเหลวก็แค่ชดเชยให้อีกฝ่ายสำหรับความผิดพลาด ค่าปรับเราสามารถชำระคืนได้อย่างสมบูรณ์ พระเจ้า! นั่นคือเงิน 500 ผลึกสวรรค์ทำไมข้าถึงต้องมอบให้เจ้าอ้วนที่ไร้ประโยชน์นั่น”
“เพราะกำลังทำตามคำสั่งของหุบเขามนุษย์” บัณฑิตตาเงินไม่ใส่ใจ
“ข้าเข้าใจว่าเจ้าหมายถึงอะไร ถ้าเจ้าเป็นนายจ้างที่ปฏิบัติตามกฎเราสามารถทำสิ่งนี้ได้แน่นอน แต่เจ้าอ้วนขี้เหนียวไม่ได้ทำตามกฎก่อนมีบทบัญญัติชัดเจนว่าหากงานเสร็จสมบูรณ์ นายจ้างควรให้รางวัลพิเศษที่สมควรแก่เหตุผล...แต่เจ้าอ้วนนั่นไม่ได้ทำเลยทั้งที่จ้างงานเราถึงสามครั้งแต่เขาจะจ่ายให้ตามสัญญาที่ไม่เป็นธรรม รู้ไหมว่าเราเป็นเพียงทหารรับจ้างเล็กน้อย เพื่อแสวงหาโอกาสของชีวิตเป็นไปไม่ได้ที่จะไปต่อรองกับพวกเขา! ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ปฏิบัติตามกฎเลย แม้แต่การกำหนดในสัญญาการแสวงหาประโยชน์ที่ไม่สมเหตุสมผลเพื่อรังแกเราและใช้ประโยชน์จากแรงงานของเรา คนอย่างพวกเราต้องคุยกับพวกเขาเรื่องความน่าเชื่อถือหรือไม่? ไม่เลยคนที่หากำไรจะรู้สึกว่าไม่คุ้มที่จะทำงานกับเรา และเราทำเช่นนี้พวกเขาจะไม่เห็นคุณค่าเลย พวกเขาเพียงแค่ไม่เข้าใจความรู้สึกขอบคุณ” เริ่นเทียนเกอตวาดด้วยความโมโห
“เจ้าพูดถูก ใช่แล้ว พวกเขาเป็นคนที่ไม่ทำตามกฎแต่เราจะเป็นอย่างพวกเขาหรือเปล่า?” บัณฑิตตาเงินส่ายหน้า “เราเป็นคนเกิดใหม่ อยู่ที่นี่เพื่อฝึกฝนไม่ใช่เพื่อทำเงิน จำนวนเงินนั้นไม่สำคัญเลย สิ่งที่เราต้องการก็คือการเปลี่ยนแปลงในหุบเขามนุษย์และผ่านการทดสอบ”
“โอว..ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าไม่ถูก”เริ่นเทียนเกอไม่เคยสงสัยบัณฑิตตาเงิน แต่ความจริงคือเขาหงุดหงิดมากกว่า
พอเดินไปได้ชั่วครู่
เริ่นเทียนเกอถอนหายใจเบาๆ “ถ้าเรามีสักห้าร้อยผลึกสวรรค์อย่างนั้นเราจะสามารถซื้อของได้หลายอย่าง และเราจะสามารถสร้างห้องปฏิบัติการค้นคว้าวิจัยหุ่นรบและหุ่นอสูรของเรา นอกจากนี้ฮ็อกกำลังมีชีวิตที่แย่ลำบาก ข้าเกรงว่าเขาจะเอาตัวไม่รอด ถ้าเรามีสักห้าร้อยผลึกสวรรค์ ข้าเชื่อว่าฮ็อกไม่ต้องกล้ำกลืนทำงานหนักหาเงินอีกต่อไปมันยากลำบากสำหรับเขา...”
บัณฑิตตาเงินพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า“ถูกแล้ว เป็นเรื่องทรมานจริงๆ ที่ทำให้ฮ็อกต้องทำงานหนัก อย่างไรก็ตามที่คือวัตถุประสงค์ดั้งเดิมของหุบเขามนุษย์! เมื่อมาถึงที่นี่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามก็จะต้องทนทุกข์ทรมานและจะต้องลองพบรสชาติของชีวิตทุกชนิดในโลกเพื่อที่เราจะได้เข้าใจถึงความยากลำบากในการเป็นมนุษย์และจะจดจำทุกอย่างที่เรามีในอนาคต คนที่แข็งแกร่งสามารถรับเงินและตำแหน่งอย่างง่ายดายแต่ถ้าเจ้าไม่เข้าใจวิธีถนอมหรือเข้าใจคุณค่าของวัตถุ ไม่ว่าจะได้มามากมายเพียงไหนชีวิตก็จะไม่มีความสุข นั่นคือการทำความเข้าใจค่านิยมของพวกเขาทั้งหมดไม่ใช่เข้าใจสิ่งที่เรามี เรามาที่นี่ต้องปล่อยวางสถานะสุดยอดนักสู้ไปสัมผัสบุคคลระดับต่ำต้อยทำความเข้าใจด้วยตัวเองกับสิ่งเหล่านี้ รวมทั้งค่านิยมของเจ้าขอบเขตอุดมการณ์ของเจ้าด้วยวิธีนี้ ในอนาคตแม้ว่าเจ้าจะออกจากหุบเขาไปแล้ว เจ้าจะเข้าใจคุณค่าความต่ำต้อยและขอบคุณทุกชีวิตมากกว่าที่จะเป็นราชาโดดเดี่ยวดูแคลนทุกชีวิตและอยู่อย่างไม่มีความสุขแม้แต่น้อย”
เริ่นเทียนเกอฟัง
เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่านัยของการก่อตั้งหุบเขามนุษย์จะเป็นเช่นนี้
ไม่น่าแปลกใจที่เด็กอย่างเย่ว์หยางมีเงื่อนไขที่ดีที่สุดอย่างชัดเจน ไม่ได้มีการแลกเปลี่ยนแต่ได้รับมรดกที่มารดาตกทอดให้ แน่นอนว่าเขากับบัณฑิตตาเงินคนฉลาดเหล่านี้มาหุบเขามนุษย์เพื่อสัมผัสกับชีวิตไม่ใช่เพื่อกอบโกยให้หุบเขามนุษย์
เสียงฝีเท้าของบัณฑิตตาเงินค่อยชะลอลง“ในสายตาของคนธรรมดา ‘เทพ’อาจจะอยู่สูงเหนือพื้นโลก เต็มไปด้วยรัศมีความรุ่งเรืองศักดิ์สิทธิ์ แต่ในจิตใจของสุดยอดฝีมือนอกเหนือไปจากพลังอันน่าเหลือเชื่อ เทพนั้นโดดเดี่ยว เพราะพวกเขาจินตนาการว่าเทพจะต้องละทิ้งทุกอย่างในโลกก่อนที่พวกเขาจะบรรลุไปถึงสถานะเทพ ความคิดทั้งสองนี้มีอคติจริงๆ ข้าสงสัยว่าเทพอาจเป็นบุคคลที่ทรงพลังที่สุดที่มีความเข้าใจผู้คนว่าพวกเขาลำบากเพียงไหนโชคร้าย เศร้าโศก พวกเขาเข้าใจทั้งหมด ทำไมเทพถึงไม่ช่วยเหลือมนุษย์คนอื่นที่ต้องทนทุกข์ทรมาน? เพราะพวกเขาต้องการให้มนุษย์ลุกขึ้นยืนหยัดสู้กับความยากลำบากเอาชนะความทุกข์ยาก เอาชนะตนเอง ผ่านความยากลำบากไปได้ด้วยตนเองก้าวสู่ขอบเขตเทพที่ปราศจากทุกข์ทรมาน แทนที่จะเพลิดเพลินจมอยู่ในโลก ไม่ว่าโลกจะสุขหรือทุกข์เพียงใดในท้ายที่สุดพวกเขาก็ไม่สามารถหนีไปจากชีวิตและความตายได้ไม่สามารถหนีจากจุดจบโศกนาฏกรรมได้ เราจะไปกำจัดความโชคร้ายของมนุษย์ได้อย่างไร?นั่นคือการก้าวไปสู่ขอบเขตของเทพ อาณาจักรของเทพ และเป็นเหตุผลที่ต้องตั้งวัตถุประสงค์ไว้ในหุบเขามนุษย์”
“ไม่เพียงแต่หุบเขามนุษย์เท่านั้น แต่ทั่วทั้งมิติด่านฝึกฝีมือนี้ก็มีการทดสอบเช่นนั้น มหาเทพยุคโบราณได้สร้างพื้นที่มิติฝึกฝีมือไว้ไม่เพียงแค่ทำให้ผู้คนแข็งแกร่ง แต่ยังทำให้คนหลุดพ้นจากความโชคร้ายเลื่อนระดับไปเป็นเทพ แน่นอนว่าตราบใดที่เข้าใกล้ระดับเทพเจ้าก็จะแข็งแกร่งขึ้น แต่น่าเสียดายที่คนจำนวนมากมองสิ่งนี้และเข้าใจผิด”คำอธิบายของบัณฑิตตาเงินทำให้เริ่นเทียนเกอได้ยินแล้วถึงหลั่งเหงื่อ
“ในเมื่อเจ้าเข้าใจเรื่องนี้ทำไมเจ้าไม่ทำด้วยตัวเอง? ต้องบอกข้าด้วยหรือ?” เริ่นเทียนเกอรู้สึกว่าเขามีความเข้าใจและความสามารถเช่นนี้จะสามารถเลื่อนเป็นระดับเทพได้
“ความจริง ข้าก็เหมือนกับเจ้า”บัณฑิตตาเงินยิ้ม “ข้าเข้าใจว่าสายเกินไปและต่อให้ข้าเข้าใจ ข้าก็ไม่สามารถทำได้ ต้องเป็นคนที่มีความเข้าใจและความสามารถที่แข็งแกร่ง จึงจะตอบสนองความประสงค์ของมหาเทพโบราณได้อย่างสมบูรณ์”
“มันทำให้ข้าโล่งใจที่จะพูดเรื่องนี้ ข้าเห็นว่าข้าสมควรเป็นคนธรรมดามากกว่านี้ ข้าไม่สามารถแบกรับความรับชอบที่หนักหน่วงแบบเทพได้”เริ่นเทียนเกอหลั่งเหงื่อเยียบเย็น
เขากลัวจริงๆว่าบัณฑิตตาเงินจะบอกว่าเขาเป็นคนเช่นนั้น และเขาควรทำตามมาตรฐานในระดับสูงขึ้น
เลื่อนเป็นระดับเทพอาจกล่าวได้ว่าสำหรับเริ่นเทียนเกอนี่คือความฝันของเขามาตลอดชีวิต
อย่างไรก็ตามเริ่นเทียนเกอฝันว่าเขากลับไปใช้ชีวิตตามมาตรฐานของการเป็นเทพเขาคงยืนหยัดไม่ได้หากไม่มีความเข้าใจระดับสูงและมีความตั้งใจที่แน่วแน่ เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถทำได้ ถ้าเขายังฝืนทำไป เขาอาจเป็นบ้าก็ได้! ความฝันแบบนี้ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นมันเป็นแรงบันดาลใจที่มีความสนุกที่สุดในชีวิตอยู่แล้ว
ทันทีที่สำเร็จในบัดดลกลับไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจ!
บัณฑิตตาเงินได้ยินก็หัวเราะลั่น “ข้ายังไม่เข้าใจเจ้าน่ะหรือ? ในความเป็นจริงข้าขอบอกว่าตอนนี้ข้ากลัวว่าเจ้าจะรู้สึกอิจฉาเมื่อเห็นคนอื่นเลื่อนระดับก้าวหน้าในอนาคตระดับเทพไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะสามารถไล่ตามได้ แม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องดีข้าไม่ดีพอ เจ้าไม่ดีพอ ถ้าจะทำได้ก็ต้องมีมากกว่าที่ข้ารู้ การรู้แจ้งได้เร็วไม่ว่าในแง่ของความรู้ ภูมิปัญญา ความเข้าใจ ความสามารถและอื่นๆพวกเขาจะต้องเป็นอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบเป็นคนที่มีความเป็นสุภาพบุรุษถึงจะเป็นไปได้! คนแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นทุกข์ของตนเองหรือทุกข์ของคนอื่นไม่ว่าในชีวิตตนเองหรือชีวิตคนอื่น ไม่ว่าในการต่อสู้ของตนเองหรือการต่อสู้ของผู้อื่น ก็สามารถเข้าใจในหลักการเรื่องเหล่านี้เรียนรู้แนวคิดและความเชื่อของตนเอง จากนั้นตกผลึกเป็นแนวความคิดของตนเอง พิจารณาดูจากบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ของเขา สิ่งเหล่านี้ไม่สามารถถูกแทนที่ได้ไม่ว่าด้วยกำลังใดๆรวมทั้งความช่วยเหลือจากพลังภายนอก ที่ช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ต้องเป็นความสำเร็จของเขาเองจึงจะอยู่เป็นนิรันดร์ ทำไมคนเราอ่อนแอ มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะได้รับการเลื่อนระดับในขอบเขตระดับเทพ ด้วยเหตุผลว่าพวกเขาอาจใช้สติปัญญาที่ยิ่งใหญ่ดำเนินการอย่างยากลำบากที่สุดที่จะไปให้ถึงระดับเทพโดยตรง แต่จุดนี้คือสิ่งที่เผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังน่ากลัวอื่นๆ ไม่สามารถฝันถึงและมีความหวังเลื่อนไปถึงระดับเทพ ไม่ว่าอสูรศึกเผ่าพันธุ์ไหนที่เดินทางมาถึงหุบเขามนุษย์ เมื่อถึงบทหนึ่งบุคคลผู้มีประสบการณ์ชีวิต มีความเข้าใจชัดเจนว่าชีวิตคืออะไร ทำไมพฤติกรรมการฝึกฝนจึงทำให้ก้าวไปสู่ระดับเทพได้อย่างแท้จริง”
เริ่นเทียนเกอหลับตาแน่นและรู้สึกประทับใจ
เหตุผล ความจริงก็เป็นเช่นนี้
ในขณะนั้นเขารู้สึกภูมิใจในเผ่าพันธุ์มนุษย์และประทับใจอย่างยิ่งกับการเป็นมนุษย์
มนุษย์เป็นพวกที่อ่อนแอที่สุด แต่ทุกชีวิตต้องเป็นเหมือนมนุษย์เฉพาะจากผู้อ่อนแอที่สุด เจ็บปวดที่สุด ลำบากที่สุดเท่านั้นสามารถก้าวไปสู่ขอบเขตอาณาจักรสูงส่งได้ ไม่เช่นนั้นเราจะไม่มีพลังที่แข็งแกร่ง เป็นเพียงชีวิตที่น่าสงสารและไม่มีทางเกี่ยวข้องกับชีวิตนิรันดร์ ไม่มีทางได้ชีวิตนิรันดร์
“ไปหาฮ็อกกับชิงหมอกันเถอะ! ตอนนี้เราตระหนักถึงสัจธรรมของหุบเขามนุษย์แล้ว เราควรจะบอกพวกเขาให้พวกเขาหยุดยั้งไม่นอกลู่นอกทางโดยไม่จำเป็น ตั้งแต่มาถึงที่นี่เพื่อสัมผัสกับชีวิต ความขมขื่นและความสุขก็ไม่สำคัญอีกต่อไป” เริ่นเทียนเกอหัวเราะเสียงดัง ตอนนี้เขารู้สึกว่าความซึมเศร้าของการมาถึงหุบเขามนุษย์ถูกกวาดออกไปจากอกราวกับห้องโถงที่กว้างขวางขึ้น พร้อมจะรองรับสิ่งต่างๆ ได้นับไม่ถ้วน
“เจ้าคิดว่าการรับรู้ของฮ็อกจะเป็นเหมือนกับเจ้าหรือไม่?” บัณฑิตตาเงินส่ายหน้าเบาๆ “ข้ารู้สึกว่าเขาจะต้องเจอทุกอย่างที่เป็นเรื่องโน้มน้าวใจ มิฉะนั้นเขาคงจะไม่พอใจ และไม่ยอมรับฟังเหตุผลใดๆ ทั้งนั้น ถ้าฮ็อกรวยขึ้นมาในเวลานี้ เขาอาจไม่รู้จักคิด แต่ตอนนี้เขาจนต้องให้เขาเข้าใจถึงความทุกข์ยากลำบากอีกสักเล็กน้อย”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็เข้าใจความเป็นจริง...ดูเด็กคนนั้น!” เริ่นเทียนเกอแทบรอพบเย่ว์หยางไม่ได้ เพื่อดูการแสดงออกของเขา
“อย่าเลย, เจ้านึกว่าเจ้าเด็กนั่นจะตระหนักรู้ได้ช้ากว่าข้าไหม? เด็กหนุ่มนั่นคือความคงอยู่ที่เราตรวจดูได้ยาก!” บัณฑิตตาเงินถอนหายใจเบาๆ ทันที “เป็นเพราะทางเลือกของเขา ข้าเองก็สงสัยข้าเองต้องการจะเข้าใจ เจ้าบอกว่าความเข้าใจของเขาจะช้ากว่าข้าอีกหรือ? บางที เขาไม่ทันเข้าหุบเขา เขาก็เข้าใจหมดแล้ว!”
“อะไรนะ?” เริ่นเทียนเกอหลั่งเหงื่อเยียบเย็น เจ้าเด็กไตตันไม่ธรรมดาอย่างนั้นหรือ?
“ไม่เป็นไร, ไปหาเขาเถอะ อย่างน้อยฮ็อกก็ต้องการความช่วยเหลือจากเขาเป็นอย่างมาก เมื่อฮ็อกตั้งหลักได้ แล้วค่อยมาดูกันว่าในหุบเขามนุษย์เราจะช่วยเจ้าได้อย่างไร!” บัณฑิตตาเงินกลับคืนสู่สภาพบัณฑิตผู้ฉลาด ปากของเขามีรอยยิ้มเป็นยิ้มที่มาจากใจ
เมื่อเริ่นเทียนเกอเตรียมกลับไปที่เมืองเจี้ยนกว่อ
ข้างหน้าเขามีคนผู้หนึ่งกำลังรอพวกเขาอยู่
เป็นเด็กหนุ่มหน้าตาดีสวมชุดทหารรับจ้างธรรมดา
กำลังรอให้เริ่นเทียนเกอพูดเสร็จ เขารีบพูดอย่างเป็นพิธีการ “สองท่านคือเริ่นเทียนเกอและบัณฑิตตาเงินใช่ไหม? ข้าคือเหวินซินบริวารประจำปราสาทไดมอนด์สตาร์ท่านเจ้าปราสาทสั่งให้ข้าเหวินซินมารอท่านทั้งสอง”
เริ่นเทียนเกอตะลึง เจ้าปราสาทไดมอนด์สตาร์รู้จักเขาด้วยหรือ?
เขารู้สึกตัวทันที ต้องเป็นเจ้าเด็กไตตัน!
ยังไม่ทันถามว่าเกิดอะไรขึ้นเหวินซินหยิบปลอกข้อมือทองออกมาจากตัว “นี่คือปลอกข้อมือทองที่ท่านเจ้าปราสาทมอบให้ท่านทั้งสอง และนี่ผนึกหุ่นรบอสูรชั้นทองท่านเริ่นเทียนเกอได้รับราชสีห์ทอง และงูเขาทองเพื่อสู้ทางน้ำ ท่านบัณฑิตตาเงินได้รับหุ่นแมมม็อธทองและหุ่นฉลามเสือทองเพื่อรบทางน้ำทั้งสองท่านโปรดรับไว้ด้วย นอกจากนี้ท่านเจ้าปราสาทสั่งข้าเหวินซินให้ส่งจดหมายนี้กับท่านบัณฑิตตาเงิน”
หลังจากนั้นทหารรับจ้างหนุ่มฉีกชุดและดึงจดหมายที่ถูกห่อไว้อย่างดีออกมาน้อมมอบให้บัณฑิตตาเงินด้วยความเคารพ
“ข้าทำงานอย่างหนักมาเกือบสามเดือนได้แค่หุ่นอสูรหินดำที่ยังไม่ถึงระดับบรอนซ์ด้วยซ้ำแต่ที่ส่งมาให้ข้านี่มันคือหุ่นรบระดับทอง เจ้าเด็กนี่ต้องการให้ข้าละอายใจจนฆ่าตัวตายหรือไง?” เริ่นเทียนเกอสวมปลอกข้อมือทองและเขาค้นพบระบบทำงานพิเศษของหุ่นรบของเขาทันที ทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก เรื่องประหลาดใจครั้งใหญ่นี้แทบจะทำให้เขาล้มทรุดทันที ถ้าไม่ใช่เพราะอยู่ต่อหน้าเหวินซินทหารน้อย คงจะไชโยโลดเต้นโดดตัวลอยเป็นการระบายความอัดอั้นในใจของเขา หุ่นรบทองที่เริ่นเทียนเกอได้รับคาดว่าด้วยกำลังซื้อของเขาคงต้องเก็บออมเงินสักร้อยปี
“ข้าได้รับจดหมายแล้วโปรดกลับไปบอกเจ้าปราสาทเจ้านายของเจ้า บอกว่าเราจะไปตรงเวลาแน่” บัณฑิตตาเงินอ่านจดหมายแล้วและพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
ทหารหนุ่มเหวินซินเรียกหุ่นหมาป่าระดับเงินเตรียมจะขับขี่ออกไป
“รอเดี๋ยว” เริ่นเทียนเกอรั้งตัวเขาไว้ “ข้าอยากรู้เจ้านายของเจ้าส่งคนไปที่เมืองเจี้ยนกว่อหรือเปล่า? เรามีสหายอยู่คนหนึ่ง”
“ท่านหมายถึงท่านฮ็อกใช่ไหม?” เหวินซินพูดด้วยความเคารพ “เพราะข้าได้ยินเรื่องท่านฮ็อกเจ้าตำหนักให้ความสำคัญกับเขาอย่างยิ่ง เขาพาคนไปหาท่านฮ็อกแล้ว คาดว่าท่านฮ็อกคงพบท่านเจ้าปราสาทแล้ว โปรดอย่ากังวล นอกจากนี้เรามีพี่น้องอีกหลายคนถูกส่งไปเมืองไผ่เขียว เมืองเปลวอาทิตย์ เมืองผาโลหิตเมืองหมอกดำ ฯลฯ เพื่อพบเจอท่านผู้ใหญ่หลายคน อาทิ ท่านชิงหมอ ท่านซิวอิ่งท่านเซี่ยที”
“โอว,นี่คือความแตกต่างระหว่างมนุษย์กับเทพหรือนี่?” เริ่นเทียนเกอส่ายศีรษะมึนงงเล็กน้อย “เรายังคิดหาวิธีได้หุ่นรบระดับบรอนซ์ เจ้าเด็กนี่ร้ายกาจ ส่งหุ่นทองมาให้เราคนละสองตัว ของแบบนี้มันงอกได้เองในสวนเหมือนกะหล่ำปลีตั้งแต่เมื่อใด?”
“ตอนนี้ข้าชักห่วงเรื่องจีอู๋ลี่บ้างแล้วฮ่าฮ่าฮ่า!” บัณฑิตตาเงินหัวเราะอย่างมีความสุข