บทที่ 4: โอกาสที่เหล่าเด็ก ๆ จะเอาชนะผู้ใหญ่ได้
บทที่ 4: โอกาสที่เหล่าเด็ก ๆ จะเอาชนะผู้ใหญ่ได้
เหล่าเด็ก ๆ ฟังคําอธิบายของ ทากะ อย่างตั้งใจโดยไม่รู้ตัว
"เด็ก ๆ มั่นใจได้ถ้าเล่นวันนี้ไม่ทัน พรุ้งนี่พวกพี่ก็จะมาอีก เลขคิวที่จับได้ก็ยังสามารถใช้ได้ในวันพรุ่งนี้เช่นกัน และพี่ยังมีรางวัลมากพอที่จะให้พวกเธอตราบใดที่ผ่านด่านได้"
เมื่อได้ยินว่ามีรางวัลเพียงพอเด็กๆก็รู้สึกโล่งใจทันที
ตราบใดที่มีรางวัลไม่ จํากัด เด็ก ๆ เหล่านี้ก็มั่นใจว่าพวกเขาจะสามารถทำให้ขนหน้าแข้งของ ทากะ เกลี้ยงเกลาได้
"งั้นมาเดี๋ยวพี่จะสอนเล่นก่อน คนอื่นที่อยู่ด้านหลังก็มาดูด้วยกันได้ นี่กดปุ่มนี้จะเป็นแบบนี้"
เมื่อ ทากะ กดปุ่มบนจอย มาริโอบนทีวีก็เริ่มเคลื่อนไหว
"ดูสิ! ตัวละครในทีวีสามารถเคลื่อนไหวไปมาได้!"
เหล่าเด็กตะโกนเสียงดัง
นี่ถือได้ว่าเป็นวิธีการควบคุมที่ค่อนข้างใหม่
แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน บางคนก็มีคอมพิวเตอร์ที่บ้านและบางคนก็มีวิดีโอเกมที่คล้ายๆกัน แต่เกมพวกนั้นทั้งหมดล้วนน่าเบื่อมาก
หลังจากเล่นให้เด็กดู เขาก็บังเอิญชนกับเห็ดและตายทันที
อ๊ะนี่มันค่อนข้างน่าอาย
เขาเคยเล่นมาริโอภาคแรกค่อนข้างน้อยในอดีต
แต่เพราะมันนานมากแล้วฝีมือของเขาจึงขึ้นสนิม
แต่โชคดีที่เด็กเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่สนใจ
ผ่านการสาธิตต่างๆของทากะ เด็ก ๆ ก็เริ่มเข้าใจวิธีการใช้งานจอยและวิธีเล่นโดยทั่วไป
ก่อนอื่นตัวละครในทีวีสามารถกระโดดและวิ่งได้จากนั้นอิฐในฉากสามารถโหม่งได้ และจะมีสิ่งแปลก ๆ ปรากฏขึ้นจากมันหลังจากโดนโหม่ง
ในการสาธิตวิธีเล่นของ ทากะ เขาไม่ได้อธิบายสิ่งเหล่านั้นมากนั้น เพราะเขาเล่นเกมด้วยวิธีวิ่งเร็ว
ดังนั้นเด็ก ๆ จึงยังไม่ทราบว่าสิ่งเหล่านี้มีไว้เพื่ออะไร
จากนั้นอย่างที่สองตัวละครสามารถกระโดดเหยียบพวกสัตว์ประหลาดได้
"โอเค การสอนจบแล้ว คนแรกเริ่มทำการท้าทายได้"
ทากะ ยื่นจอยกลับไปให้เด็ก
เด็กคนนั้นก็รับจอยไปอย่างตื่นเต้นทันที
การที่เขาได้เป็นคนแรก และมีเวลาพิเศษห้านาทีในการทําความคุ้นเคยกับวิธีเล่น ถือได้ว่าเป็นข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดสําหรับเขา
ก่อนหน้านี้เขาได้เฝ้าดูการสาธิตวิธีเล่นจาก ทากะอย่างจริงจัง ถึงแม้ว่าเขาจะจําไม่ได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยเขาก็จําได้เป็นส่วนใหญ่แล้ว
ท้ายที่สุดเกมนี้ถือได้ว่าไม่ยากที่จะเรียนรู้และค่อนข้างเอียงไปทางง่าย
แต๊กๆ แต๊กๆ
เสียงกดจอยที่คุ้นเคยดังขึ้น และตัวละครในทีวีก็เริ่มก้าวไปข้างหน้าตามการควบคุม
ทากะ แอบถอนตัวไปด้านหลังอย่างเงียบ ๆ ทําให้เด็ก ๆ มีพื้นที่ดูมากขึ้น
ในขณะเดียวกันเขายังหยิบกล้องออกมาและเล็งไปที่เด็ก ๆ
แชะ
นี่เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจํา
เพราะว่าในที่สุดโลกนี้จะต้อนรับความบันเทิงรูปแบบใหม่ล่าสุด
ดังนั้นภาพที่ถูกถ่ายไว้นี้จะต้องได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีเพราะมันเป็นสัญญาณของการเริ่มยุคใหม่
...
ไม่นานนักก็ผ่านมาสิบแปดนาที
ตอนนี้เด็กคนแรกมีเหงื่อออกเยอะมาก แม้ว่าช่วงนี้จะอากาศหนาวอยู่ก็ตาม
แต่เด็กกลับมีเหงื่อออก แต่เหงื่อนี้ไม่ได้มาจากคามร้อน แต่มาจากความประหม่า
เกื่อบยี่สิบนาทีแต่เขากลับไม่สามารถผ่านได้
ไม่ใช่ว่าเขาโง่เกินไป
แต่เป็นเพราะบางครั้งเขาก็บังเอิญชนกับมนุษย์เห็ดหรือถูกฆ่าโดยเต่า หรือบางครั้งเขาก็พลาดตกลงไปในหลุมโดยไม่ได้ตั้งใจเพราะกะจังหวะกระโดดไม่ดี
ดังนั้นเขาจึงเกิดตายวนเวียนแบบนี้ตลอดยี่สิบนาที
ดังนั้นเขาจึงไม่เคยไปถึงจุดจบขงเกม
และในเวลาเดียวกันนี้เด็กๆที่คอยดูอยู่ข้างหลังก็สวดอ้อนวอนในใจ ให้เด็กคนแรกนี้สามารถผ่านด่านได้อย่างราบรื่น
เมื่อเวลายี่สิบนาทีมาถึงคนแรกก็เกือบจะผ่านด่านได้แล้ว
แต่เวลาก็หมดลงแล้ว
"หมดเวลาแล้ว! คิวต่อไปฉัน!"
ข้างหลังเด็กคนแรก เด็กคนที่สองที่รอแทบไม่ไหวจึงตะโกน
ทากะดูเวลาจึงกำลังจะหยุดเด็กคนแรก
แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่จริงจังของเด็กคนแรกมือที่เหยียดออกครึ่งทางของเขาก็หยุดลง
ทากะพูดขึ้น "รอก่อนให้โอกาสเขาครั้งสุดท้าย และถ้าเขาตายรอบนี้มันก็จบ"
แต่เห็นได้ชัดว่าเด็กคนที่สองไม่มีความสุขันทีเมื่อได้ยินคําพูดของทากะ
แต่ทากะเป็นเจ้าของคนโซลเกมนี้ ดังนั้นเขาจึงสามารถตัดสินใจอะไรก็ได้
เด็กคนที่สองได้แต่ฉุนเฉียว
แต่ทากะไม่สนใจเด็กคนนั้น เพราะเขาสนใจเด็กคนแรกมากกว่า
ท่าทางของเด็กคนนี้เขาคุ้นเคยดี
มันเป็นเหมือนตอนที่เขาเคยได้สัมผัสกับวิดีโอเกมเป็นครั้งแรก
วันนั้นในเช้าวันหนึ่ง
พ่อของเขากลับมาจากข้างนอกบ้าน และได้นําสิ่งใหม่มาให้เขา
เขาตอนนั้นซึ่งยังเป็นเด็กอยู่ไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร
เขาจึงมองพ่อที่กำลังเชื่อมคอนโซลกับทีวีอย่างอยากรู้อยากเห็น จากนั้นก็เห็นพ่อใส่ตลับเกมเข้าไปที่ตัวเครื่อง
จากนั้นพ่อก็หยิบกล่องตลับเกมขึ้นมาและพูด "ไอ้ลูกชายมาดูพ่อแสดงฝีมือ!"
จากนั้นภายใต้การกดจอยที่ดุเดือดของพ่อ มาริโอ้ในทีวีก็เดินไปได้ไม่ไกล ก็โดนมนุษย์เห็ดตัวที่สาม
พ่อยิ้มอย่างเขินอายแล้วยื่นจอยให้จูหยู่ซิง "มา มาดูกันว่าใครจะเป็นที่หนึ่ง ถ้าลูกชนะพ่อได้ พ่อจะทําของอร่อยๆให้กินคืนนี้!"
ตอนนั้นเขาซึ่งถูกพ่อปลุกเร้าให้แข่งขัน ก็เหมือนกับเด็กคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าเขา
มีสมาธิกับการเล่นจนราวกับว่าเสียงต่างๆรอบข้างหายไป
การแข่งขันกับพ่อทําให้เขาได้หมกมุ่นอยู่กับโลกของเกมเป็นครั้งแรก
นั่นมันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก
จากนั้นเขาก็ หยิบกล้องขึ้นมาและถ่ายสีหน้าที่จริงจังของเด็กอีกครั้ง
ในตอนนี้เด็กควบคุมมาริโอ้กระโดดรูดเสาธงลงมา
จากนั้นปราสาทก็ยกธงแห่งชัยชนะแสดงความยินดีกับเด็กในการผ่านด่านท้าทายครั้งแรก
"เย่! ฉันชนะ! ฉันชนะแล้ว!"
เด็กกระโดดขึ้นตะโกนเสียงดังอย่างดีใจทันที
ฉากที่เด็กกระโดดนี้เป็นเหมือนกับตอนที่เขาเอาชนะพ่อได้เป็นครั้งแรก
มันถือได้ว่าเป็นโอกาสแรกสําหรับเด็กที่จะสามารถเอาชนะผู้ใหญ่ได้
ต่อหน้าเกมไม่ว่าประสบการณ์ชีวิต หรือร่างกายของผู้ใหญ่นั้นก็ล้วนไร้ประโยชน์
ในตนนั้นพ่อของเขาลูบหัวของเขาอย่างรักใคร่จากนั้น เขาก็ตระหนักว่าในความเป็นจริงที่เขาสามารถชนะพ่อได้นั้นมันเป็น เพราะพ่อของเขาที่ริเริ่มที่จะอ่อนให้ ไม่อย่างนั้นเขาจะชนะได้อย่างไร
แต่ในช่วงเวลานั้นสําหรับเขานั้น เขาจำได้ว่ามีของอร่อยๆให้กินในมื้อเย็น
และในช่วงเวลานั้นเองที่เขา ตกหลุมรักเกมเข้าอย่างจัง จนถึงตอนนี้และถ้าเป็นไปได้เขาก็หวังว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไป
ทากะพูดด้วยรอยยิ้ม"ยินดีด้วยที่ชนะมาเลือกของรางวัลที่ชอบไปได้เลย"
เด็กที่ผ่านด่านมีความสุขอย่างมาก
เขาวิ่งไปที่โต๊ะวางรางวัลอย่างตื่นเต้น และโดยไม่ลังเลที่เขาหยิบของเล่นที่เขาอยากได้มานานทันที
เด็กคนอื่น ๆ ต่างก็พากันอิจฉาเมื่อพวกเขาเห็นเด็กคนแรกได้รับรางวัล
"ฉันฉัน ฉันเป็นคิวที่สอง!" เด็กคิวที่สองกําลังกระโดดไปมา
"โอเค มาๆ มาพบกับผู้ท้าชิงคนที่สองกันเถอะ!"
เด็กคนที่สองวิ่งมาที่ทีวีทันที
เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้มีความเชี่ยวชาญในการใช้จอยมากกว่าเด็กคนแรก
จากการดูคนก่อนหน้านี้ตอนนี้จึงทำให้เขาคุ้นเคยกับวิธีการเล่น
แม้ว่าภาพเกมในทีวีจะเป็นพิกเซลทั้งหมด แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะมีเวทมนตร์บางอย่างที่น่าดึงดูดยิ่งกว่าการดูการ์ตูน